My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 85 ชะตากรรมของผู้อ่อนแอ
[ ฮะ- ฮาโรลด์ ?? ] – ไลเนอร์
ที่ด้านหลังของฮาโรลด์ ไลเนอร์กำลังเอ่ยชื่อของเขาออกมาด้วยความประหลาดใจ ไลเนอร์เองก็เติบโตขึ้นเช่นเดียวกับคลอเล็ต สีหน้าที่ปราศจากความกลัวนั้นเหมือนกับใบหน้าของไลเนอร์ที่เขารู้จักจากในเกมส์อย่างไงอย่างงั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ชื่อของเขาจะถูกเอ่ยออกมา แต่ฮาโรลด์ก็ไม่มีจังหวะที่จะตอบกลับไปได้ สถานการณ์ปัจจุบันยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่นัก นั้นเพราะเขาต้องจัดการชายชุดดำที่อยู่ตรงหน้าให้ออกไปจากสถานการณ์ตอนนี้ให้เร็วที่สุด
เพราะคนๆนี้ที่โจมตีไลเนอร์เมื่อสักครู่เป็น 1 ในสมาชิกของกลุ่มฟรีรี่ ไม่ใช่อาวุธมนุษย์ไร้อารมณ์และความรู้สึกอย่างลิเลี่ยมและเวนโตสที่ถูกยูสทัสสร้างขึ้นมา
ย้อนกลับไปช่วงที่เขามาถึงหมู่บ้านบร็อช เขาขอให้เอลล์ช่วยเขา 2 อย่าง 1คือเมื่อไลเนอร์เดินทางมาถึงเมืองข้างๆ ให้สร้างสถานการณ์โดยใช้คน 2 คนใบ้ทางให้ไลเนอร์ไล่ตามไปยังหุบเขาแห่งหมอกให้ได้ และอีกอย่างนั้นคือเตรียมตัวแทนคนชุดคลุมดำ
เหตุผลข้อแรกมันก็ชัดเจนอยู่แล้วเพื่อให้ไลเนอร์ไล่ตามไปให้ได้ เหตุผลข้อสอง เนื่องจากการกระทำของคลอเล็ตไม่สอดคล้องกับสิ่งที่เขาคาดการณ์เอาไว้ ฮาโรลด์จึงต้องไปปรากฎตัวต่อหน้าเธอ ด้วยการยั่วยุเธอและบอกว่าเขาจะไม่มาช่วยไลเนอร์ แต่ถ้าเขาไม่กลับคำและไม่ตามไปช่วยจริงๆ นั้นอาจทำให้คลอเล็ตมองฮาโรลด์เป็นคนไม่ดียิ่งขึ้นไปไหญ่
ดังนั้นการที่เขาจะสามารถช่วยเหลือคลอเล็ตและไลเนอร์ได้อย่างเปิดเผย เขาจำเป็นต้องมีคนรับบทเป็นโจรคนที่ 3 แทนเขา ดังนั้นเขาจึงเลือกสักคนมาจากกลุ่มของฟรีรี่ และเพราะมีการใช้บุคคลภายนอกเข้ามาในแผน ดังนั้นเขาจึงจำเป็นต้องกันลิเลี่ยมและเวนโตสออกจากสถานที่เสียก่อน
เอาจริงๆ จะปล่อยให้ไลเนอร์ไล่ตามลิเลี่ยมกับเวนโตสต่อไปก็ได้ และเขาคงไล่ตามไปจนถึงคฤหาสน์ของแฮร์ริสัน แต่ทว่า การเร่งรัดเหตุการณ์ให้ดำเนินไปจนถึงกลางๆเรื่องเร็วแบบนั้น ทั้ง 2 คนจบลงที่ความพ่ายแพ้อย่างแน่นอน ดังนั้นควรจะทำให้เนื้อเรื่องดำเนินไปแบบเดิมจะดีกว่า เพราะว่ายังไงซะ เมื่อถึงเวลา ดาบเล่มนั้นก็จะกลับมาสู่มือของไลเนอร์เองอยู่ดี
พักเรื่องนั้นเอาไว้ก่อน มันคงเป็นปัญหาแน่ๆ ถ้าคนที่มาจากกลุ่มฟรีรี่คนนี้จะถูกคลอเล็ตและไลเนอร์นำตัวไปส่งหน่วยรักษาความปลอดภัยและถูกตั้งข้อหา ดังนั้นฮาโรลด์ต้องรีบจัดการปัญหานี้ทันที อย่างไรก็ตาม จะให้ฆ่าปิดปากเขาก็ไม่สามารถจะทำได้ ดังนั้น ด้วยแผนที่เตี้ยมกันไว้ก่อนหน้าฮาโรลด์จะซัดเขาให้หมอบด้วยมือปล่าว
ชายคนนั้นปรับท่าทีจับดาบใหม่ นั้นทำให้คลอเล็ตและไลเนอร์กลับมาตื่นตัวอีกครั้ง แต่ทว่า ฮาโรลด์กับกล่าวออกมาด้วยท่าทีที่สงบเยือกเย็น
[ ฮึ จะให้สู้กับคนกระจอกอย่างแก ข้าไม่จำเป็นต้องชักดาบออกมาด้วยซ้ำ ] – ฮาโรลด์
เอาจริงๆ ประโยคนั้นเขาตั้งใจที่จะพูดเพื่อให้ไลเนอร์และคลอเล็ตได้ยิน หลังจากยืนยันแน่ใจแล้วว่าพวกเขาทั้ง 2 ได้ยินจริงๆ ฮาโรลด์ก็เริ่มเคลื่อนไหว
นี่เป็นเรื่องกล้วยๆสำหรับเขา เขาก้าวไปด้านหน้าอย่างรวดเร็วเพื่อปิดระยะ และชกหมัดขวาไปที่ท้องของชายคนนั้น …. เอ่อ จริงๆก็แค่แกล้งชก
โชคดีที่หมอนั้นสวมชุดที่หลวมๆทำให้เดารูปร่างที่แท้จริงของคนๆนั้นได้ยาก ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่จะสามารถยืนยันด้วยสายตาว่าหมัดของฮาโรลด์นั้นจริงๆแล้วหยุดก่อนโดนท้องของชายคนนั้น และสิ่งที่ชายคนนั้นต้องทำก็แค่งอตัวราวกับรับแรงกระแทกจากหมัดเข้าไปและทิ้งดาบพร้อมกับทรุดตัวลง
และขณะที่ไลเนอร์มองร่างของชายคนนั้นที่กำลังทรุดลง ใบหน้าของเขาก็ซีดเผือกไป
[ คะ-แค่หมัดเดียว ? ] – ไลเนอร์
ฮาโรลด์เข้าใจดีถึงความรู้สึกของไลเนอร์ นั้นเพราะคนที่เขาพึ่งสู้ด้วยอย่างยากลำบากกลับพ่ายแพ้ลงอย่างง่ายดายด้วยหมัดเดียว ก็นะ สิ่งที่เขาเห็นทั้งหมดมันก็เป็นเพียงการแสดงเท่านั้น
ฮาโรลด์ปล่อยให้ไลเนอร์จมอยู่คนเดียวสักพักเขาจึงดีดนิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฎตัวขึ้น พวกเขาเป็นคนที่มาจากฟรีรี่
[ เอาตัวมันไป ] – ฮาโรลด์
[ ขอรับ ]
เมื่อได้รับคำสั่งจากฮาโรลด์ คนเหล่านั้นก็เข้าจับกุมตัวชายที่ชุดดำ ซึ่งฮาโรลด์คิดว่าฉากนี้น่าจะทำให้คลอเล็ตและไลเนอร์พอใจและคลายความกังวลไปได้บ้าง และหลังจากที่งานทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี เขาจึงหันกลับมาเผชิญหน้ากับทั้ง 2
[ หึ ดูเหมือนจะโดนมาหนักเลยนะ ] – ฮาโรลด์
[ ชิ หยุดพูดไปเลย … แตว่า นายช่วยพวกเราไว้ ขอบคุณนะ ] – ไลเนอร์
[ หึ ] – ฮาโรลด์
เหมือนอย่างเคย ไลเนอร์นั้นเป็นคนที่ซื่อตรงเกินไป สำหรับฮาโรลด์ที่เอาแต่หมกมุ่นกับการวางแผนการณ์และลงมือทำสิ่งต่างๆเพื่อประโยชน์ของตัวเองอยู่เสมอ เมื่อได้สบตากับสายตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยประกายความสดใส เขาได้แต่รู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ
ดังนั้นเขาจึงเบนหน้าหนีโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นั้นก็ทำให้เขาไปสบตากับคลอเล็ตแทน ที่ตอนนี้กำลังยิ้มกว้าง กว้างแบบมากๆ กว้างแบบโลกแตกได้เลย แต่ก็ดูเหมือนว่าเธอก็ไม่ได้มองเขาในแง่ร้ายอีกต่อไปแล้ว ซึ่งนั้นถือเป็นเรื่องที่ดี แต่เขาก็อดเป็นห่วงไม่ได้กับท่าทีที่คลอเล็ตแสดงออกมา แต่ว่าเขาเลือกที่จะมองข้ามมันไปก่อน
ซึ่งมันพอดีกลับที่มีเสียงเรียกเขาดังขึ้นมา
[ เป้าหมายถูกจับกุมเรียบร้อยแล้ว ]
บางทีอาจเพราะพวกเขาใช้ชีวิตในฐานะทหารรับจ้างมานาน ผ่านสถานการณ์ที่โหดร้ายมานับครั้งไม่ถ้วย นั้นจึงทำให้ภาษาที่พวกเขาใช้ไม่ค่อยสุภาพเท่าไหร่ อย่างไรก็ตาม นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาปฎิบัติต่อฮาโรลด์ผู้ถือว่าเป็นผู้จ้างวานอย่างดูหมิ่นแต่อย่างใด เพราะด้วยจำนวนเงินที่พวกเขาพอใจ จึงไม่มีใครปริปากบ่นที่ต้องมาแสดงละครสั่วๆแบบนี้ หรือแม้กระทั้งจะต้องแสดงละครเป็นคนรับใช้ภายในหมู่บ้านบร็อชก็ตาม
[ เอาตัวมันไปที่เมือง และสอบปากคำซะ ] – ฮาโรลด์
[ ครับ เร็ว!! ลากตัวมันไป ]
ชาย 3 คนเข้ามาหิ้วปีกชายที่แกล้งสลบและพากันเดินหายเข้าไปทิศทางที่เมืองตั้งอยู่ตามคำสั่ง หลังจากยืนดูฉากนั้น ไลเนอร์ก็เข้ามาถามกับฮาโรลด์
[ เฮ้ ฮาโรลด์ คนพวกนั้นเป็นใครกัน ? ] – ไลเนอร์
[ ลูกน้องชั้น ] – ฮาโรลด์
[ นี่คือสิ่งที่ท่านฮาโรลด์บอกกับฉันไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องที่ท่านต้องเตรียมตัวก่อนใช่รึปล่าวคะ? ] – คลอเล็ต
[ ใช่ แต่ว่าสุดท้าย มันก็สูญปล่าวอยู่ดี ] – ฮาโรลด์
[ อุก ฉันขอโทษค่ะ … ] – คลอเล็ต
ถึงแม้คลอเล็ตจะเอ่ยคำขอโทษแก่ฮาโรลด์ แต่ไลเนอร์ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเกิดอะไรขึ้นและไม่เข้าใจว่าที่คลอเล็ตพูดก่อนหน้านี้หมายถึงอะไร เขาจึงเอียงศีรษะด้วยความสงสัย
ขณะที่ไม่เหลืออะไรให้ทำอีก ณ ที่นี่ และไม่ได้มีแผนจะทำอะไรต่อ ฮาโรลด์จึงมุ่งหน้ากลับไปยังที่ถนนหลักเพื่อเดินทางกลับเมืองใกล้ๆ ซึ่งไลเนอร์และคลอเล็ตก็เดินตามเขามาอย่างว่าง่าย ขณะที่เบื่อหน่ายกับคำถามไม่รู้จบที่มาจากไลเนอร์เกี่ยวกับความลับในความแข็งแกร่งของฮาโรลด์ ฮาโรลด์ก็ได้แต่ย้ำกับทั้ง 2 ว่า ห้ามบอกใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ และไม่เคยพบเขาหรือลูกน้องของเขาที่นี่แต่อย่างใด และบอกว่าเขาและพวกลูกน้องของเขากับชายที่ถูกควบคุมตัวต้องแยกตัวไปยังซากปรักหักพังที่ถูกทิ้งร้างทางนู่น โดยฮาโรลด์จะตามไปสมทบที่หลัง
แน่นอนว่าไลเนอร์ต้องการที่จะตามพวกเขาไปที่นั้น แต่ก็ถูกฮาโรลด์สั่งห้ามไว้โดยแลกกับเงื่อนไขที่ว่าเขาจะยอมบอกข้อมูลกับไลเนอร์ในภายหลัง โดยมีเงื่อนไขว่าไลเนอร์จะต้องยอมถอยออกจากเรื่องนี้ และเมื่อพ้นสายตาของทั้ง 2 คน ฮาโรลด์ก็สั่งให้ลูกน้องทั้งหมดรวมถึงคนที่ถูกควบคุมตัวไปรวมกับเอลล์ หลังจากนั้นทุกๆคนก็แยกทางกันไป
สำหรับตอนนี้ ฮาโรลด์คิดว่าเขาสามารถจัดการปัญหาต่างๆให้กับมาเข้าที่เข้าทางแล้ว จึงพอจะมีเวลาให้หายใจหายคอได้บ้าง แม้จะผิดแผนไปบ้างที่เขาต้องออกหน้าลงไปรับบทช่วย 2 คนนั้น แต่เมื่อคิดถึงอนาคตแล้ว การสร้างความประทับใจให้กับไลเนอร์และคลอเล็ตอาจส่งผลดีๆกับเหตุการณ์ในอนาคตก็เป็นได้
สำหรับตอนนี้ พวกเขาทั้งคู่ต้องไล่ตามลิเลี่ยมและเวนโตสไปเพื่อชิงดาบล้ำค่าคืนมา ดังนั้นจึงจำเป็นที่พวกเขาต้องรู้ว่าต้องไปที่ไหน ซึ่งสถานการณ์นี้เหมาะเป็นอย่างมากสำหรับฮาโรลด์ เพราะนี่สามารถทำให้เขาชี้ทางให้ 2 คนนั้นได้อย่างเป็นธรรมชาติ ด้วยวิธีนี้ เขาจะสามารถนำทางไลเนอร์และคลอเล็ตให้ไปตามเนื้อเรื่องของเกมส์อย่างราบลื่น
หลังจากใช้เวลาคิดแผนการณ์ขั้นต่อไปได้สักพัก เขาก็กลับไปที่โรงแรม ที่ซึ่งไลเนอร์และคลอเล็ตรออยู่
หลังจากที่ฮาโรลด์เคาะประตูห้องที่เขาได้จองเอาไว้และแจ้งกับไลเนอร์กับคลอเล็ตไว้ล่วงหน้า เมื่อประตูเปิดออกใบหน้าของไลเนอร์ก็โผล่ออกมาจากด้านในห้อง
[ ผมกำลังรออยู่เลย ฮาโรลด์ ] – ไลเนอร์
ไลเนอร์พุ่งเข้ามาเกาะติดราวกับสุนัขเวลาได้พบกับเจ้าของ ไลเนอร์คว้าที่แขนของฮาโรลด์ทันทีและดึงเขาเข้าไปในห้อง ดวงตาของไลเนอร์เปล่งประกายราวกับพยายามบอกให้ฮาโรลด์รีบบอกข้อมูลเหล่านั้นกับเขามาเสียที
[ ใจเย็นลงหน่อย! แกเป็นเด็กรึไง ? ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ใช้ฝ่ามือผลักใบหน้าของของไลเนอร์ที่เริ่มยื่นเข้าในใกล้เรื่อยๆออกไป ซึ่งคลอเล็ตก็ช่วยอีกแรงโดยการคว้าที่หลังคอเสื้อของไลเนอร์และดึงเขากลับมา
[ ฉะ-ฉันขอโทษแทนไลเนอร์ด้วยค่ะ ท่านฮาโรลด์ ] – คลอเล็ต
[ แหงะ…… ] – ไลเนอร์
ขณะถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อยหนายใจ ฮาโรลด์ก็ปล่อยตัวเองเอนหลังลงที่เก้าอี้ของโรงแรม
[ นายอยากจะถามอะไร ? ] – ฮาโรลด์
[ นายรู้รึปล่าวว่าไอ้พวกที่ขโมยดาบของผมไปมันหนีไปที่ไหน ? ] – ไลเนอร์
[ จากข้อมูลที่ชั้นได้รับมา ดูเหมือนว่าพวกมันจะหนีไปทางตะวันตกเฉียงใต้ ด้วยทิศทางนั้นคงเป็น ลอเร็นซ์ ] – ฮาโรลด์
เพื่อขยายความให้ชัดเจนยิ่งขึ้น จริงๆแล้วฮาโรลด์นัดพบกับลิเลี่ยมและเวนโตสที่ Solesphere และจะเดินทางกลับเมืองหลวงด้วยเรือเหาะ แต่เนื่องมาจากฮาโรลด์ต้องการให้เรื่องราวดำเนินไปเหมือนดั่งภายในเกมส์ เขาจึงไม่ได้บอกความจริงเรื่องนี้กับไลเนอร์
และหลังจากที่ไลเนอร์ทราบจุดหมายปลายทาง(หลอก)ที่พวกโจรไป จิตใจของเขาก็กลับมาเบิกบานอีกครั้ง แม้จะพึ่งผ่านสถานการณ์เฉียดตายมาก่อนหน้านี้หยกๆ ความตั้งใจอันเด็ดเดียวของเขาช่างน่าชื่นชม
[ เอาล่ะ! ในเมื่อรู้จุดหมายแล้ว ถ้างั้น– ] – ไลเนอร์
[ นายคงไม่ได้กำลังจะบอกจะไล่ตามพวกนั้นไปทันทีหรอกใช่มั้ย ? ] – คลอเล็ต
อย่างไรก็ตาม จิตใจที่ตื่นเต้นเต็มร้อยนั้นถูกหยุดโดยคลอเล็ตทันที เธอทำหน้าที่เป็นตัวขัดขวางความประมาทของไลเนอร์ได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งภาพเหล่านี้สามารถหาดูได้ในการ์ตูนดังหรือเกมส์ทั่วไป ดูเหมือนว่าคลอเล็ตที่มักมองโลกในแง่ร้ายๆจะฟื้นคืนกับสู่สภาพปกติที่เหมือนดั่งภายในเกมส์แล้ว แม้สไตล์การต่อสู้ของเธอจะเป็นพวกใช้กำลังแทนสมอง แต่ด้วยบุคลิกของเธอทำให้เธอสามารถประเมินสิ่งต่างๆอย่างใจเย็น อาจกล่าวได้ว่าเธอนั้นเหมาะสมกับไลเนอร์เป็นอย่างยิ่ง
ซึ่งไลเนอร์เองก็สะดุ้งเฮือกกับการเปลี่ยนแปลงไปอย่างฉับพลันของเพื่อนสมัยเด็กของเขา
[ ผะ-ผมไม่– แต่ว่า– ] – ไลเนอร์
[ ไม่มีแต่ ] – คลอเล็ต
(ในโลกนี้จะมีที่ขัดตัว<ใยบวบ>ไหมนะ?) – ฮาโรลด์
ขณะที่ฮาโรลด์กำลังคิดถึงเรื่องไร้สาระ ไลเนอร์ก็ถูกเบรกโดยคลอเล็ต และในที่สุด พวกเขาก็ตกลงกันว่าจะพักร่างกายและเตรียมตัวจนพร้อมเสียก่อนถึงจะเริ่มไล่ตามพวกโจรไปอีกครั้ง
และดูเหมือนว่าคลอเล็ตเองก็จะออกเดินทางไปกับไลเนอร์ด้วย ซึ่งฮาโรลด์ก็คิดว่ามันคุ้มแล้วกับที่เขาลงทุนลงแรงมาทั้งหมดนี่
[ เอ่อ ว่าแต่ ท่านฮาโรลด์คะ ? จะเกิดอะไรขึ้นกับคนที่ท่านฮาโรลด์ควบคุมตัวไปก่อนหน้านี้คะ ? ] – คลอเล็ต
คลอเล็ตถามออกมา ซึ่งกริยาของเธอแตกต่างจากที่เธอพูดกับไลเนอร์เมื่อสักครู่โดยสิ้นเชิง น้ำเสียงของเธอออกเชิงประหม่าเสียด้วยซ้ำ
ฮาโรลด์เองก็ไม่สามารถบอกไปตามตรงได้ว่าเขาปล่อยตัวไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องสร้างเรื่องหลอกเธอ
[ เขาจะถูกลงโทษอย่างเหมาะสม แต่ช่างน่าเสียงดาย หมอนั้นเป็นเพียงปลาเล็กปลาน้อย ] – ฮาโรลด์
[ ปลาเล็กปลาน้อย ? ] – คลอเล็ต
[ หมอนั้นไม่ได้อยู่ในกลุ่มโจรทรินนิตี้ ถ้าจะให้พูดคร่าวๆ ก็แค่ผู้ร่วมงานเท่านั้น ] – ฮาโรลด์
[ แล้วมันแตกต่างกันยังไงคะ ? ] – คลอเล็ต
[ หมอนั้นไม่มีข้อมูลใดๆเกี่ยวกับกลุ่มคนที่ขโมยดาบไป ดังนั้นพวกเราจึงไม่สามารถสาวไปถึงที่อยู่รังของกลุ่มโจรทรินนิตี้ได้ ] – ฮาโรลด์
ขณะที่หาวิธีพูดเลี่ยงๆคำตอบ เขาก็อ้างว่าหมอนั้นไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ แน่นอนว่าไลเนอร์ต้องไม่พอใจ แต่สุดท้ายเขาก็ยอมเข้าใจ หรือบางทีฮาโรลด์อาจคิดไปเองว่าไลเนอร์ยอมเข้าใจ แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าไลเนอร์คนนี้พูดจาเชื่อฟังกว่าไลเนอร์ในเกมส์ หรือสิ่งนี้เกิดขึ้นเพราะการกระทำของฮาโรลด์? เพราะฮาโรลด์คนพูดไลเนอร์จึงยอมรับฟัง ? ช่างเถอะมันก็ไม่ใช่เรื่องแย่อะไร
ความจริงก็คือ การที่ไลเนอร์เป็นมิตรกับเขาขนาดนี้มันทำให้ฮาโรลด์รู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก เพราะเมื่อพิจารณาจากบุคลิกตัวละครของไลเนอร์ เขาเลยคิดว่าไลเนอร์คงต้องไม่ถูกกับตัวละครที่นิสัยอย่างฮาโรลด์แน่ๆเหมือนดั่งในเนื้อเรื่องของเกมส์ แถมเขายังเคยใช้คำพูดที่รุนแรง(เล็กน้อยละมั้ง) กับไลเนอร์ในตอนงานประลองเมื่อ 5 ปีก่อน ดังนั้นเขาจึงคิดว่าไลเนอร์คงจะเคืองตัวของฮาโรลด์อยู่ไม่น้อย
แม้ผ่านมาแล้ว 5 ปี ไลเนอร์ยังแสดงความเป็นมิตรมากกว่าที่เขาคาดเอาไว้มาก ถึงฮาโรลด์จะไม่ได้รู้สึกแย่แต่อย่างใด แต่เขาก็สงสัยว่าทำไม ทั้งไลเนอร์ อิสึกิ หรือคนอื่นๆอีกมากมายที่เขาเคยประสบพบเจอต่างชื่นชอบในตัวของเขากันขนาดนี้นะ ?
เรื่องเหล่านี้มันมักจะเป็นเหตุให้เขารู้สึกงงงวยอยู่บ่อยๆ
[ เพราะงั้น ก็จบแค่นี้ล่ะ ] – ฮาโรลด์
เมื่อกล่าวออกมาเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็ลุกขึ้นและเตรียมที่จะออกจากห้องไป แต่ยังไม่ทันไรก็มีคำถามถูกยิงออกมาทันที
[ ฮาโรลด์ แล้วนายจะไปไหนต่อหลังจากนี้ ? ] – ไลเนอร์
[ ชั้นไม่จำเป็นต้องบอกกับนายเรื่องนั้น ] – ฮาโรลด์
[ ไม่เอาน่า เอางี้ดีมั้ย ? … นายเรียกเจ้าพวกนั้นว่า ทรินนิตี้? รึปล่าวนะ ถ้านายกำลังไล่ตามพวกมัน งั้นพวกเรามาเดินทางไปพร้อมกันเถอะ! ] – ไลเนอร์
ตัวละครหลักของเกมส์กำลังชวนเขาเข้าร่วมปาร์ตี้ ?
ฮาโรลด์ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้ที่เขาจะได้เข้าร่วมปาร์ตี้มาก่อนเลย แต่ไม่ว่าอย่างไร ถ้าหากเขาเข้าร่วมปาร์ตี้ เขาก็ไม่อาจคาดเดาเหตุการณ์ในอนาคตได้อย่างถูกต้องได้ แต่ถ้าเขาตอบตกลงเข้าร่วมปาร์ตี้จริงๆ ก็ใช่ว่ามันจำทำให้เหตุการณ์มันเลวร้ายลงเสียหน่อย แต่อนาคตที่สามารถคาดเดาได้มันน่าเชื่อถือกว่าน่ะสิ ดังนั้นการปล่อยให้เรื่องราวดำเนินไปเหมือนกับเนื้อเรื่องในเกมส์จนสามารถหยุดยั้งยูสทัสได้น่าจะเป็นวิธีที่เหมาะสมที่สุด แถมอีกอย่างความสัมพันธ์ของเขากับเอริกะก็เข้าขั้นแย่สุดๆ ซึ่งเอริกะเป็นสมาชิกที่ไม่สามารถขาดไปได้ในปาร์ตี้ของตัวละครหลัก ดังนั้นถ้าเขาเข้าร่วมจริงๆอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งกันภายในปาร์ตี้โดยไม่จำเป็นปล่าวๆ
ดังนั้น คำตอบของเขาจึงมีเพียงอย่างเดียวคือ “ไม่”
[ อย่ามาพูดให้ขำ ชั้นเองก็มีอย่างอื่นที่ต้องไปจัดการก่อน ] – ฮาโรลด์
[ ผมเข้าใจแล้ว แค่ผมคิดว่าถ้ามีนายมาร่วมทีมด้วยคงจะดี ] – ไลเนอร์
ไลเนอร์ดูเศร้าเป็นอย่างมาก แต่เขาก็ไม่รู้สึกตัวเลยสักนิดว่าตัวการที่ทำให้ดาบของเขาถูกขโมยไปนั้นยืนอยู่ต่อหน้าเขาตอนนี้ และเมื่อพิจารณาถึงความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้จะแดงขึ้นมา การเดินทางร่วมกันจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก
ถึงกระนั้นมันก็เจ็บปวด เขาได้มีโอกาสได้พูดคุยกับไลเนอร์ตั้งขนาดนี้แล้ว จะให้จากลากันแบบนี้เฉยๆไปคงเสียดายแย่ แถมไม่มีอะไรรับประกันว่าการพัฒนาเหตุการณ์แบบที่พึ่งจะเกิดขึ้นไปเมื่อสักครู่(ไลเนอร์ชวนเข้าตี้)จะไม่เกิดขึ้นอีก ดังนั้นฮาโรลด์จึงเลือกคำพูดที่จะตอกตะปูปิดตายเพื่อไม่ให้มันเกิดขึ้นได้อีก อย่างไรก็ตาม หากเขาพูดออกมาตรงๆหรือไม่เกริ่นใดๆก่อนเลย มันออกจะดูน่าสงสัยเกินไป ดังนั้นเพื่อที่จะถ่ายทอดข้อความที่เขาต้องการจะสื่อโดยไม่ให้เกิดความสงสัยในบทสนทนาในปัจจุบันได้— …. หลังจากคิดอยู่สักพักนึง ฮาโรลด์ก็เริ่มเปิดปากอีกครั้ง
[ นายมันอ่อนแอเกินไป ยังห่างไกลจากชั้นอีกหลายขุม ] – ฮาโรลด์
[ ว่าไงนะ- !? ] – ไลเนอร์
ไลเนอร์ถึงกับสะดุ้งเฮือกกับคำพูดที่รุนแรงเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม อารมณ์ของเขาก็เดือดไม่นาน มันก็จางหายไปพร้อมกับใบหน้าของเขาที่หันไปทางอื่นด้วยสีหน้าบูดบึ้ง
[ ใช่สิ ถ้าเปรียบเทียบกับฮาโรลด์ตอนนี้ ผมมันก็แค่คนอ่อนแอแต่– ] – ไลเนอร์
[ เพราะสถานะของพวกเราแตกต่างกัน มันก็แค่นั้น ] – ฮาโรลด์
ถ้าจะให้อธิบายคำพูดสั้นๆที่เขาพึ่งพูดไปเมื่อสักครู่ ไอ้คำว่า”สถานะ”นั้น มันเกี่ยวกับเรื่องที่เกมส์ setting เอาไว้ นั้นเพราะตัวเกมส์ถูกตั้งเอาไว้ให้วิธีการต่อสู้ของฮาโรลด์และไลเนอร์แตกต่างกันอย่างเห็นได้ชัดทั้งความสามารถในการต่อสู้และการเคลื่อนไหว นั้นเพราะฮาโรลด์ภายในเกมส์นั้นจะต้องเป็น solo player (ตัวละครฉายเดี่ยว) จึงจำเป็นต้องมีค่าสถานะค่อนข้างสูง ส่วนไลเนอร์นั้นถูกออกแบบมาเพื่อให้ต่อสู้ร่วมกับปาร์ตี้ 4 คน
ซึ่งฮาโรลด์ไม่สามารถอธิบายมันออกมาเช่นนั้นได้ เพราะเหนือสิ่งอื่นใด มันก็ขึ้นอยู่กับความพยายามของไลเนอร์เองด้วย แม้ว่าโลกนี้จะเหมือนกับเกมส์ แต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนกับเกมส์ทุกประการ
[ ดังนั้นจงจำเอาไว้ให้ดี อย่าประเมินความแข็งแกร่งของตัวเองสูงเกินไปนัก ] – ฮาโรลด์
[ นายหมายความว่ายังไง ? ] – ไลเนอร์
[ มีแต่คนโง่เท่านั้นที่รู้ว่าตนอ่อนแอแต่ยังดึงดันไปต่อสู้ด้วยตนเองเพียงลำพัง หากรู้ตัวว่าขาดพลัง ก็แค่รวมกลุ่มกับผู้ที่อ่อนแอคนอื่นๆ นั้นคือชะตากรรมผู้อ่อนแอ ] – ฮาโรลด์
หากแปลความหมายเป็นภาษาที่คนทั่วไปเข้าใจได้ ฮาโรลด์ตั้งใจจะบอกว่าให้ไลเนอร์พยายามหาพรรคพวก เพราะถ้าหากไลเนอร์ยังดึงดันออกไปฉายเดี่ยวเหมือนกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ มันทำให้ฮาโรลด์รู้สึกใจคอไม่ค่อยดี
ถึงแม้ว่าตอนนี้คลอเล็ตจะได้เข้าร่วมปาร์ตี้แล้วก็เถอะ แต่ฮาโรลด์ก็ยังเป็นกังวลว่าหลังจากนี้ไลเนอร์นั้นจะหาพรรคพวกเพิ่มได้หรือไม่ นั้นคือเหตุผลที่ฮาโรลด์ต้องย้ำเตือนเพื่อไม่ให้ไลเนอร์ลืมจุดอ่อนของเขา รวบรวมพรรคพวกเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน และร่วมกันต่อสู้
เพราะถ้าไลเนอร์ไม่ทำเช่นนั้น อนาคตที่ยากลำบากที่เขาไม่มีทางจะสามารถผ่านมันไปได้จะรอเขาอยู่
[ ผู้อ่อนแอ … ] – ไลเนอร์
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนฮาโรลด์จะพูดแรงไปหน่อยจึงทำให้ไลเนอร์ดูหดหู่ลงอย่างเห็นได้ชัด
จริงๆเขาก็คาดไว้แล้วว่าไลเนอร์จะต้องมีปฎิกิริยาอะไรบ้างกับคำพูดเหล่านั้น แต่ดูเหมือนว่าคำพูดพวกนั้นจะบาดลึกเกินกว่าที่ฮาโรลด์คาดเอาไว้เยอะ ซึ่งจากที่ฮาโรลด์คิด บางที ไลเนอร์อาจจะรู้ตัวอยู่แล้วว่าเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรเลยโดยไม่ต้องให้ฮาโรลด์บอกเรื่องนี้กับเขาด้วยซ้ำ
[ … อย่างไรก็ตาม 1 สิ่งที่นายจะต้องไม่ละเลยคือการพยายามที่จะแข็งแกร่งขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนายเชื่อว่าตัวเองอ่อนแอจริงๆ ] – ฮาโรลด์
ด้วยคำพูดเหล่านั้น ไลเนอร์ที่เอาแต่ก้มหน้าก็เงยหน้าขึ้นมาตอบรับคำพูดของฮาโรลด์ทันที หลังจากเห็นท่าทีของไลเนอร์ที่ยอมรับแล้ว ฮาโรลด์ก็หันไปทางคลอเล็ต แม้ว่าสายตาของทั้งสองจะสบกัน แต่คลอเล็ตก็จ้องมองกลับยังไม่ลังเลพร้อมกับผงักหน้ายอมรับช่นกัน เธอเองคงได้รับรู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและเธอเมื่อคืนนี้
หากคลอเล็ตคนปัจจุบันอยู่เคียงข้างไลเนอร์ เธอจะต้องช่วยเหลือเขาได้อย่างแน่นอน
[ ไปล่ะ ] – ฮาโรลด์
ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก
เมื่อตัดสินใจได้เช่นนั้น ฮาโรลด็ก็ออกจากห้องไป