My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 92 การแนะนำตัวที่ไม่จำเป็น
[ นี่ ฮาโรลด์ คนพวกนั้น… ] – ลีฟา
[ ลักษณะของคนกลุ่มนั้น.. ดูเหมือนจะตรงกลับกลุ่มคนที่นายกำลังตามหายเลยนะ ] – อิสุกิ
[ ว้าว จะเจอก็เจอง่ายๆเลยแหะ ] – ฟรานซิส
[ … ] – ฮาโรลด์
แม้ฮาโรลด์จะยังคงเงียบอยู่ แต่ภายในใจเขากำลังบ่นว่า “มันจะเหมาะเจาะไปไหมฟร่ะ” พร้อมกับสาปแช่งโชคชะตาที่เล่นตลกกับเขาอีกครั้ง
เพราะการที่เขาต้องปรากฎตัวต่อหน้าไลเนอร์และคนอื่นๆ ถือเป็นเหตุการณ์ที่แย่ที่สุดที่เขาคิดไว้ “หรือมีวิธีไหนบ้างที่ทำให้เขาหายตัวไปได้ในทันทีตอนนี้ ?”
แม้ฮาโรลด์จะอดไม่ได้ที่จะคิดเช่นนั้น แต่ถ้าเขามีเวลาให้คิดไร้สาระอยู่แบบนี้ แล้วทำไมเขาไม่หนีไปตั้งแต่แรกล่ะ นั้นก็เพราะอีกฝ่ายสังเกตเห็นฮาโรลด์ก่อนที่เขาจะลงมือทำอะไรได้ทัน
[ อ่าาา ท่านพี่ มาพอดีเลย ดิฉันกำลังต้องการ— ] – เอริกะ
ทันทีที่เอริกะร้องเรียกออกมา เธอก็หยุดคำพูดของตัวเองลงทันทีที่เธอเห็นร่างของฮาโรลด์ เห็นได้ชัดว่าเธอคือคนที่กำลังรับมือกับพวกของไลเนอร์ที่กำลังเอะอะอยู่ที่ด้านหน้าของประตูคฤหาสน์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ฮาโรลด์เกิดภาพหลอนเห็นพระเจ้าหรือสิ่งมีชีวิตเบื้องบนที่กำลังมองลงมาดูเขาอยู่และคงอยากจะฆ่าเขาเต็มแก่ อย่างไรก็ตาม พอเขาได้มาทบทวนเหตุการณ์ทำนองนี้ดูดีๆ ถ้านับตั้งแต่เขาได้มาครอบครองร่างของชายที่ชื่อ ฮาโรลด์ สโตร์ก ผู้เป็นที่รักของธงแห่งความตาย เหตุการณ์ซวยๆแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยจนมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรแล้ว
ราวกับถูกกระตุ้นด้วยคำพูดของเอริกะ ไลเนอร์และคนอื่นๆก็หันศีรษะกลับมาตามแนวสายตานั้น แล้วหลังจากเงียบไปชั่วครู่ เสียงที่สดใสก็ดังขึ้นอีกครั้ง
[ ฮาโรลด์—– !!!!!!!! ] – ไลเนอร์
เจ้าของเสียงร้องนั้น ไลเนอร์ พร้อมกับวิ่งตรงดิ่งมาหาฮาโรลด์
ขณะมองดูฉากนั้น ฮาโรลด์ได้สะกิดไปยังลีฟาที่ยืนอยู่ข้างๆและกล่าวออกมาเบาๆที่มีเพียงทั้ง 2 เท่านั้นที่จะได้ยิน
[ ลีฟา ] – ฮาโรลด์
[ ฮืม ? ] – ลีฟา
[ อย่าบอกอะไรเจ้าพวกนั้นเรื่องที่เกี่ยวกับชีวิตที่ชั้นเหลืออยู่เด็ดขาด ] – ฮาโรลด์
[ …. ตกลง ] – ลีฟา
แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจนัก แต่เธอก็ยอมรับที่จะทำตาม การที่ฮาโรลด์สั่งให้เธอทำเช่นนี้ นั้นก็เพราะเขาไม่ต้องการให้เธอเปิดเผยข้อมูลมากจนเกินไป และปัญหาเดียวที่ฮาโรลด์จะต้องจัดการคือ เอริกะ คลอเล็ต และ เขา ดันอยู่พร้อมหน้ากันตอนนี้ แม้ว่าเขาจะเคยสั่งคลอเล็ตเอาไว้ว่าไม่ให้บอกใครเกี่ยวกับเรื่องที่เขาเคยช่วยพวกเธอไว้ แต่นั้นมันก็ตั้ง 8 ปีมาแล้ว ซึ่งไลเนอร์ก็คงจะรู้ความจริงเรื่องนี้ไปแล้ว แต่ก็ไม่มีอะไรยืนยันว่าไลเนอร์จะไม่เผลอรั่วข้อมูลเหล่านี้ออกมา และถ้ามันถึงหูเอริกะ มันคงกลายเป็นเรื่องชิบหายสำหรับเขา แถมอีกเรื่องคือฮิวโก้ แม้ว่าฮิวโก้จะไม่ได้เห็นใบหน้าของฮาโรลด์ชัดๆ แต่เขาก็เคยได้ยินเสียงของฮาโรลด์ แถมลักษณะเด่นของฝีปากที่พ่นคำเสียดสีออกมาอยู่ตลอดของเขาไม่มีทางที่ฮิวโก้จะลืมไปได้อย่างง่ายๆแน่ ดังนั้นจึงมีความเสี่ยงที่ฮิวโก้อาจปะติดปะต่อเรื่องราวว่าชายชุดดำที่เขาพบในซากปรักหักพังไฮบาร์กับฮาโรลด์เป็นคนเดียวกัน ไม่ต้องคิดให้มากความเลย ถ้าฮิวโก้บอกเรื่องนี้กับไลเนอร์ว่าเห็นฮาโรลด์แต่งตัวเลียนแบบกลุ่มโจรที่เขากำลังไล่ตามนั้น เรื่องราวจะยิ่งซับซ้อนขนาดไหน
คงจะดีไม่น้อย ถ้าไลเนอร์เข้าใจเหตุการณ์ต่างๆไปในทางที่ดี แต่ถ้าไม่ล่ะ ถ้ามันทำให้เขาจับพิรุธในละครซั่วๆที่ฮาโรลด์แสดงกับเขาไปได้ ในกรณีนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับไลเนอร์คงขาดสะบั้นและกลายเป็นศัตรูกัน
แค่พริบตาเดียว คฤหาสน์ของตระกูลสุเมรากิ ก็กลายเป็นเวทีที่ดูราวกับนรกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันสำหรับทรมานฮาโรลด์ หัวของฮาโรลด์แทบจะระเบิดขณะที่พยายามคิดว่าจะหนีออกจากสถานการณ์นี้อย่างไรดี
[ นายมาทำบ้าอะไรที่นี่ ? ] – ฮาโรลด์
[ ก็ ผมกำลังไล่ตามเจ้าพวกโจรนั้นอยู่ แต่ว่าผมไม่สามารถข้ามภูเขาไปได้เพราะมันเป็นพื้นที่หวงห้าม ดังนั้น ผมจึงมาที่นี่เพื่อขออนุญาตใช้เส้นทาง–แต่ว่า… ] – ไลเนอร์
ขณะตีหน้านิ่งๆเพื่อซ่อนความกระวนกระวายเอาไว้ ฮาโรลด์ได้สอบถามเพื่อยืนยันการกระทำของไลเนอร์และคนอื่นๆว่ากำลังทำอะไรกันอยู่ตอนนี้ การเคลื่อนไหวของพวกเขาไปในทิศทางเดียวกับเนื้อเรื่องของเกมส์ จะแตกต่างกันที่เดียวก็คือ ไลเนอร์ไม่จำเป็นต้องไล่ตามพวกโจรขึ้นไปบนภูเขาที่เต็มไปด้วยหมอกพิษ
นั้นเพราะการเคลื่อนไหวของพวกเขาไม่ได้ถูกควบคุมให้ต้องเหมือนกับเกมส์เป๊ะๆ ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้ที่พวกเขาก็แค่ใช้เส้นทางอ้อมภูเขาไป อย่างไรก็ตาม ถ้าทำแบบนั้น มันยิ่งทำให้เสียเวลามากขึ้นเป็นเดือนๆ ดังนั้นก็พอเข้าใจอยู่ว่าทำไมไลเนอร์ถึงต้องการที่จะผ่านเส้นทางนี้ไปให้ได้ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม
[ เรื่องราวชักเริ่มที่จะซับซ้อน ได้โปรดเล่าให้ชั้นฟังได้รึปล่าว ? ] – อิสุกิ
[ ฮืม นายคือ— ] – ไลเนอร์
[ ชั้นชื่ออิสุกิ เป็นพี่ชายของเอริกะที่ยืนอยู่ตรงนั้น และเป็นบุคคลที่มีอำนาจสูงสุดเป็นอันดับ 2 ภายในดินแดนแห่งนี้ ] – อิสุกิ
[ ถ้างั้น!! ก็หมายความว่านายช่วยให้พวกเราใช้เส้นทางผ่านภูเขาไปได้ใช่มั้ย ? ] – ไลเนอร์
[ พวกเรามาพูดคุยกับเสียก่อนแล้วค่อยตัดสินใจกันหลังจากนั้น ถ้าเช่นนั้น ได้โปรดตามมา ] – อิสุกิ
ขณะที่อิสุกิบอกให้พวกเขาตามเขาไป ไลเนอร์และคนอื่นๆทั้ง 8 คนก็ถูกเชิญให้เข้าไปในคฤหาสน์ของตระกูลสุเมรากิ แน่นอนว่ารวมถึงฮาโรลด์ด้วย ด้วยสถานการณ์นี้หากเป็นแฟนเกมส์คงยากที่จะต้านทานได้ เพราะนอกจากอิสุกิแล้ว ตัวละครทั้งหมดมาจากภายในเกมส์ทั้งสิ้น แม้ว่าฮาโรลด์เองจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก เพราะบทสนทนาที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่นาทีข้างหน้าจะเป็นตัวตัดสินอนาคตของเรื่องราวของโลกใบนี้ แต่ความสนใจที่มุ่งตรงมาที่เขาตอนนี้บางส่วนถูกเบี่ยงเบนออกไปจากตัวเขาเรียบร้อยแล้ว ทำให้เขาเริ่มประหม่าน้อยลงและมีสมาธิมากขึ้น
แม้ว่าจะยังเหลือความสนใจอีกหนึ่งนั้นคือเอริกะ เธอแอบส่งสายตาทิ่มแทงมาจากด้านหลังด้วยความสงสัย แต่ฮาโรลด์ก็เลือกที่จะเมินเฉยไปก่อนในตอนนี้
พวกเขาทั้งหมดได้ถูกเชิญให้เข้ามาภายในห้องขนาดกว้างเกือบ 30 ตารางเมตร ซึ่งเป็นสถานที่ที่ฮาโรลด์และเอริกะได้พบกันเป็นครั้งแรกเมื่อ 8 ปีก่อน
อิสุกินั่งลงที่หัวโต้ะที่ทำจากไม้ที่อยู่ภายในห้อง และเอริกะก็นั่งลงข้างๆเขา ส่วนทางด้านขวามือ มี ฮาโรลด์ ลีฟา และฟรานซิส และฝั่งตรงข้าม ก็เป็น ไลเนอร์ คลอเล็ต และฮิวโก้ พวกเขาทุกคนได้รับชาที่ยูโนะเป็นคนจัดเตรียมให้ และหลังจากจิบชานั้นเพื่อให้ชุ่มคอ อิสุกิก็เริมพูดขึ้น
[ เอาล่ะ ถ้าเช่นนั้น เรามาเริ่มต้นด้วยการแนะนำตัวกันเป็นอย่างแรก ชั้นคือ อิสุกิ สุเมรากิ ผู้ที่จะเป็นผู้นำตระกูลรุ่นถัดไปของสุเมรากิและเป็นเพื่อนกับฮาโรลด์มาแล้วเกือบ 10 ปี ] – อิสุกิ
ไลเนอร์และคลอเล็ตต่างส่งเสียง “ว้าวว” ออกมาในตอนที่บอกว่าเขาเป็นเพื่อนกับฮาโรลด์มา 10 ปี และลีฟาที่อยู่ในอาการช็อคพร้อมกับพึมพัมว่า “โกหก โกหกสินะ คนอย่างฮาโรลด์เนี้ยนะจะมีเพื่อน ..”
“ยัยนี่ตกใจอะไรกัน? เธอมองชั้นเป็นคนแบบไหนกันฟร่ะ ?” ขณะฮาโรลด์อยากจะตบมุขกลับไป แต่เมื่อลองคิดอย่างเป็นกลาง ปฎิกิริยาที่ลีฟาแสดงออกมาก็สมเหตุสมผลดี
[ … ดิฉันคือเอริกะ สุเมรากิ เป็นน้องสาวของท่านพี่อิสุกิค่ะ ] – เอริกะ
[ และยังเป็นคู่หมั้นของฮาโรลด์อีกด้วย ] – อิสุกิ
อิสุกิจงใจเปิดเผยข้อมูลที่เอริกะพยายามเก็บเงียบเอาไว้ออกมาอย่างไร้ความปราณี แม้ฮาโรลด์อยากจะคัดค้าน แต่เขากลับรู้สึกถึงบรรยากาศเย็นยะเยือกแผ่ออกมาจากเอริกะ มันทำให้เขาตัวสั่นจนไม่กล้าส่งเสียงคัดค้านคำพูดของอิสุกิ
และเมื่อบรรยากาศภายในห้องเริ่มแย่ลงเรื่อยๆ ดังนั้นเพื่อจะหนีจากหัวข้อนี้ให้เร็วที่สุด ฮาโรลด์จึงพยายามเปลี่ยนเรื่องด้วยการแนะนำตัวเอง ซึ่งเขาก็ไม่แน่ใจว่าเขาจำเป็นจะต้องแนะนำตัวเองให้กับทุกคนรู้จักจริงๆหรอ ?
[ ฮาโรลด์ สโตร์ก ] – ฮาโรลด์
แค่นั้นแหละ ไม่ต้องอธิบายใดๆ ยิ่งเขาเปิดปากพูดมากเท่าไหร่ก็ใช่ว่าก่อให้เกิดผลดี ดังนั้นการแนะนำตัวนี้ไม่มีความหมายสำหรับเขาตั้งแต่แรก เพราะเกือบทุกๆคนในห้องแห่งนี้รู้จักตัวของเขาดีอยู่แล้ว ดังนั้นต่อให้เขาแนะนำตัวสั้นๆโดยบอกเพียงแค่ชื่อแค่นี้ก็ไม่เป็นไรและไม่มีใครคัดค้าน
มีเพียงฮิวโก้คนเดียวที่ไม่รู้จักเขา เขาดูเหมือนจะสงสัยอยู่บ้างอาจเพราะจำน้ำเสียงได้ บางทีอาจจะดีกว่าหากฮาโรลด์ไม่เปิดปากพูดให้มากจนเกินไป
และเมื่อเห็นว่าฮาโรลด์ไม่พูดอะไรต่อไปอีก ลีฟาจะเริ่มแนะนำตัวบ้าง
[ ฉันชื่อ ลีฟา กู๊ดริดจ์ ฉันเดินทางมาพร้อมกับฮาโรลด์ ] – ลีฟา
【มากับฮาโรลด์?】- ไลเนอร์
[ ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดอะไรมากนัก นอกเสียจากขอให้ฉันช่วยเขาตามหาพวกนาย ] – ลีฟา
ลีฟาตอบคำถามกับไลเนอร์พร้อมกับยักไหล่ มันคงจะดีกว่าสำหรับฮาโรลด์ ถ้าหากลีฟาไม่เปิดเผยข้อมูลให้มากจนเกินไป แต่ถึงกระนั้น เขาก็ไม่มีเวลาที่จะได้เตี้ยมกับเธอมาก่อน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถทำอะไรได้นอกเสียจากเชื่อมั่นในการอ่านสถานการณ์ของลีฟา
และการแนะนำตัวก็ดำเนินต่อไปมาถึงคิวของฟรานซิส
[ ฉันชื่อ ฟรานซิส เจ อาร์คไวท์ ! ฉันคือเจ้าชายที่แท้จริง ผู้ซึ่งมีสิทธิ์สืบทอดบัลลังก์โดยชอบธรรม! ] – ฟรานซิส
[ ดูเหมือนนายจะลืมประโยคที่ว่า “ผู้สืบทอดบัลลังก์อันดับที่ 37” ไปนะ ? ] – อิสุกิ
[ ไม่จำเป็นต้องพูดมันออกมาก็ด้ายยยยย ] – ฟรานซิส
เหมือนกับตอนเอริกะแนะนำตัว อิสุกิพูดเสริมให้กับคำพูดของฟรานซิสอย่างไร้ความปราณี เขาไม่พลาดที่จะเปิดเผยข้อมูลที่ไม่จำเป็นของคนๆนั้นออกมา มันไม่ใช่ว่าอิสุกิอ่านบรรยากาศไม่ออกแต่อย่างใด แต่เพราะเขาอ่านมันออกทะลุปุโปร่งเขาจึงจงใจพูดมันออกมา หากมีเบื้องหลังของการกระทำนี้ของเขา ก็คงมีเพียงตัวของอิสุกิเองที่รู้
[ ก็ ยังไงซะ หากอันดับที่ 37 อย่างนายได้สืบทอดบัลลังก์จริง คงเกิดภัยพิบัติขึ้นแล้วล่ะ ] – อิสุกิ
(จริงๆก็— ภัยพิบัตินั้นก็กำลังจะเกิดขึ้นจริงๆ.. ) – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์ได้แต่ถอนหายใจอยู่ในหัวของตัวเองเงียบๆ เพราะภัยพิบัตินั้นรุนแรงถึงขนาดทั้งทวีปล่มสลายได้เลย
แต่ถ้าหากเหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงๆ ใครจะได้สืบทอดบัลลังก์ก็คงไม่สำคัญอีกต่อไปในเมื่อไม่เหลือแผ่นดินอีกแล้ว และจริงๆแล้วการสืบทอดบัลลังก์ก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับตัวของฟรานซิส เขาแค่ภูมิใจที่ตนเป็นเจ้าชาย แต่ก็ไม่ได้ยึดติดกับตำแหน่งนี้มากนัก
[ ถ้างั้น นายต่อเลย ] – อิสุกิ
อิสุกิตัดบทฟรานซิสที่พยายามคัดค้านและหันไปหาไลเนอร์ที่นั่งอยู่อีกฝั่ง
[ ผมมีชื่อว่า ไลเนอร์ กริฟฟิท! ผมเองก็เป็นเพื่อนของฮาโรลด์ …คิดว่านะ แต่ฮาโรลด์ก็เป็นเป้าหมายที่จะไปให้ถึงของผมเช่นกัน … ] – ไลเนอร์
[ นายเลือกเป้าหมายซะสูงเชียวนะ ] – ฟรานซิส
[ มันแทบจะเป็นไปไม่ได้สำหรับคนส่วนใหญ่ที่จะสามารถตามเจ้าหมอนี่ได้ทัน แม้ว่าพวกเขาจะพยายามแค่ไหนก็ตาม ] – อิสุกิ
ทั้งอิสุกิและฟรานซิส ที่รู้ถึงความสามารถอันผิดมนุษย์ของฮาโรลด์ ต่างกล่าวสนับสนุนซึ่งกันและกันโดยไม่สนใจเจ้าตัวที่กำลังนั่งอยู่ด้วย
จริงๆแล้ว ฮาโรลด์เองก็อยากให้ไลเนอร์แข็งแกร่งพอๆกับตัวของเขา แต่มันก็ไม่ยุติธรรมกับไลเนอร์ที่จะไปคาดหวังอะไรแบบนั้น เพราะนอกจากค่าเริ่มต้นของตัวละครที่ถูกเซ็ตติ้งเอาไว้แล้ว ความแข็งแกร่งของฮาโรลด์ยังขึ้นอยู่กับระยะเวลาที่เขาฝึกฝนเทคนิคต่างๆและข้อมูลที่เขามีในฐานะผู้เล่นเกมส์เป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว
ข้อได้เปรียบเหล่านี้ไม่มีทางที่ใครก็ตามจะสามารถไล่ตามเขาทันได้ในระยะเวลาอันสั้น
หลังจากนั้น ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ชายทั้ง 3 คนก็ต่างพากันตื่นเต้นและพูดคุยเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของฮาโรลด์ ซึ่งเอริกะก็ได้ทำหน้าที่เรียกทุกคนให้กลับมาอยู่ในความสงบและสนใจคลอเล็ตกันต่อ
[ ฉะ-ฉันมีชื่อว่า คลอเล็ต เอเมอเรล ฉันเป็นเพื่อนสมัยเด็กของไลเนอร์และ คือว่า— ] – คลอเล็ต
สายตาของคลอเล็ตดูเลิ่กลั่กอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนว่าเธอจะแอบเลือบมามองฮาโรลด์อยู่แว็บหนึ่ง แต่หลังจากที่เธอแอบมองมาที่เขา เธอก็เลือบไปมองเอริกะ
ฮาโรลด์เข้าใจในสายตาที่คลอเล็ตต้องการจะสื่อออกมาได้ดี เธอคงพยายามจะบอกว่าเธอจะไม่พูดถึงเรื่องราวในอดีตของพวกเราทั้งคู่ แต่ด้วยบุคคลิกของเธอที่เป็นคนเก็บความลับได้แย่มาก และดูออกได้ง่ายๆว่ากำลังซ่อนอะไรบางอย่าง แต่ถึงกระนั้น ฮาโรลด์ก็รู้สึกโล่งใจที่คลอเล็ตยังพยายามทำตามคำสั่งของเขา
อย่างไรก็ตาม สายตาที่คลอเล็ตมองไปยังเอริกะดูมีความหมายอะไรบางอย่าง มันดูราวกับนี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของพวกเธอ และทันทีที่ฮาโรลด์กำลังคิดเช่นนั้น เขาก็ได้ยินคำพูดที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ออกมา
[ ละ-และ ฉันเองก็เป็นเพื่อนกับท่านเอริกะค่ะ … ] – คลอเล็ต
คลอเล็ตกล่าวออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่ต้องคิดให้มากความเลย ดวงตาของฮาโรลด์แข็งทื่อไปทันที ด้วยความสงสัยและอดใจที่จะถามไม่ได้ฮาโรลด์จึงหันไปทางซ้ายของตนที่เอริกะนั่งอยู่ และการแสดงออกทางสีหน้าของเอริกะมันผสมปนเปไปกับเลิ่กลั่กและดูราวอยากจะลุกหนีออกไปจากที่นี่ทันที
มันเป็นเรื่องหน้าประหลาดใจที่ได้เห็นเอริกะมีสีหน้าเช่นนี้ ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าคำพูดของคลอเล็ตจะเป็นประโยคที่เอริกะไม่อยากจะไม่ยินดีเท่าไหร่นัก
อย่างไรก็ตาม นั้นไม่ใช่ประเด็น เพราะสำหรับฮาโรลด์ ประเด็นก็คือ ทำไมเอริกะกับคลอเล็ตถึงรู้จักกันอยู่ก่อนแล้ว
มันเกิดขึ้นได้ยังไง ? เมื่อไหร่ ? ที่ไหน ? ทำไมเขาไม่มีเบาะแส และการคาดเดาที่เลวร้ายที่สุดที่ฮาโรลด์คิดไว้ก็แล่นเข้ามาภายในหัวของเขา รึว่า เอริกะจะรู้ถึงอดีตของเขากับคลอเล็ตแล้ว แต่เขาก็หยุดความคิดเหล่านี้ทันที เพราะคิดว่าข้อมูลยังน้อยเกินไป
( ไม่จริงน่า … ไม่ใช่ใช่มั้ย … ) – ฮาโรลด์
แม้ว่าเขาจะไม่สามารถยืนยันเรื่องนี้ได้ แต่ถ้าเอริกะรู้ถึงการกระทำของฮาโรลด์ในอดีตจริงๆ สถานการณ์ปัจจุบันที่เอริกะยังคงเกลียดเขาคงจะไม่เกิดขึ้น ดังนั้นนี่จึงเป็นตรรกะที่ขัดแย้งกัน ดังนั้นหากพิจารณาจากท่าทีของเอริกะ ตราบใดที่เธอยังคงเกลียดเขาอยู่ มันก็ค่อนข้างชัวว่าเธอจะยังไม่รู้ความจริง
และหากพิจารณาจากท่าทีของคลอเล็ตที่มองมาที่เขาก่อนหน้านี้ เห็นได้ชัดว่าเธอคงไม่ได้เปิดเผยความลับของเขาแน่ๆ ดังนั้น เขาจะต้องตั้งสติ เพราะถ้าหากเดินหมากพลาด มันอาจเข้าตัวเองได้
[ … ไม่ได้พบกันนานเลยนะคะ ท่านคลอเล็ต ] – เอริกะ
[ อะ ได้โปรดอย่าเรียกฉันว่า “ท่าน” เลยนะคะ! แค่คลอเล็ตเฉยๆก็พอค่ะ ] – คลอเล็ต
[ ถ้าเช่นนั้น คุณคลอเล็ต? ] – เอริกะ
[ ค – ค่ะ ! แบบนั้นก็ได้ค่ะ ! ] – คลอเล็ต
การแสดงออกทางสีหน้าของเอริกะเมื่อสักครู่หายไปแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงรอยยิ้มอันอ่อนโยนและน่าหลงใหล ความเร็วในการเปลี่ยนแปลงสีหน้าของเธอน่าทึ่งเป็นอย่างมาก
อย่างไรก็ตาม จากที่คลอเล็ตพูดว่าเป็นเพื่อนของเอริกะ ตอนนั้นคลอเล็ตดูค่อนข้างกังวล แม้ว่าจะยืนยันได้แล้วว่านี่ไม่ใช่การพบกันครั้งแรกของพวกเขา แต่การที่คลอเล็ตยังมีท่าทีกล้าๆกลัวๆเกี่ยวกับสถานะที่แตกต่างกันของทั้งสอง แสดงว่าทั้งคู่ไม่ได้สนิทอะไรกันขนาดนั้น
แต่ฮาโรลด์ก็ยังไม่เข้าใจว่าทั้งคู่กลายมาเป็นเพื่อนกันได้อย่างไร มันช่างเป็นเรื่องลึกลับเสียจริง
[ ถึงตาชั้นแล้วสินะ ชั้นชื่อว่า ฮิวโก้ กราฟตั้น ชั้นเป็นนักผจญภัย ตอนนี้กำลังเดินทางไปพร้อมกับ ไลเนอร์และคลอเล็ต .. ก็ ประมาณนี้แหละ ] – ฮิวโก้
[ ถ้านายเป็นนักผจญภัยจริงๆ นายก็คงรู้ถึงอันตรายที่จะต้องเผชิญหากเข้าไปในพื้นที่หวงห้ามใช่มั้ย ? ] – อิสุกิ
[ แน่นอน ชั้นเข้าใจดี แต่ว่า .. ชั้นเองก็ไม่กล้าพูดว่าตนเป็นนักผจญภัยที่ดีเท่าไหร่หรอกนะ ] – ฮิวโก้
อาจเพราะทำให้เขานึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในซากปรักหักพังไฮบาร์ ฮิวโก้จึงเกาหัวอย่างเขิลอาย ซึ่งฮาโรลด์ก็ไม่พลาดที่จะเห็นสายตาของฮิวโก้เลือบมองมาที่เขาในตอนที่พูดประโยคนั้นออกมาแว็บหนึ่งเช่นกัน
บางทีฮิวโก้อาจจะแน่ใจแล้วว่าฮาโรลด์คือชายในชุดคลุมตอนนั้น จำนวนปัญหาที่ฮาโรลด์กังวลเพิ่มขึ้นอีกข้อหนึ่งแล้ว จิตใจของเขาเหนื่อยล้าเกินจะรับไหว ท้องไส้เริ่มปั่นปวด มีเพียงชาในมือถ้วยนี้ที่ยูโนะเป็นคนชงให้ที่ยังทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายได้บ้าง
[ ฮืม ชั้นเดาว่านายคงมีเหตุผลบางอย่างสินะ แต่ช่างเถอะ ฮาโรลด์ ] – อิสุกิ
[ … อะไร ? ] – ฮาโรลด์
[ ทำไมนายถึงตามหาไลเนอร์และคนอื่นๆล่ะ ? ไม่ใช่ว่านายรู้จักพวกเขาอยู่ก่อนแล้วหรอ ? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆ แสดงว่านายรู้บางสิ่งที่อาจจะเกี่ยวกับกับสถานการณ์พวกของไลเนอร์ใช่มั้ย ? ] – อิสุกิ
ความฉลาดหลักแหลมของอิสุกิมักทำให้ประหลาดใจอยู่เสมอ ด้วยคำพูดของอิสุกิจึงทำให้คนส่วนใหญ่ในที่นี้ฉุกคิดและคล้อยตามกับคำพูดของอิสุกิกันหมด นั้นเพราะ จังหวะที่ทุกๆคนมาพบกันนั้นมันลงล็อคพอดีเกินกว่าจะเรียกว่าเหตุบังเอิญได้ ดังนั้นความคิดของอิสุกิจึงสมเหตุสมผล
[ ใช่ ชั้นรู้อยู่แล้ว ] – ฮาโรลด์
จากจุดๆนี้เป็นต้นไป ฮาโรลด์ตั้งใจจะเปิดเผยข้อมูลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เขาจะบอกวิธีแก้ปัญหาหมอกพิษ ชักจูงให้พวกเขารวมกลุ่มกันเป็นคณะเดินทางเหมือนดั่งในเนื้อเรื่องของเกมส์ และให้พวกเขารู้ว่าวายร้ายที่แท้จริงคือ ยูสทัส ฟรอยด์
สิ่งเหล่านี้ถือว่าเป็นการเตรียมพวกเขาให้พร้อมกับสงครามที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แม้ว่าเขาจะยังกังวลใจเนื่องมาจากการเลือกเส้นทางนี้ของเขาอาจจะทำให้เนื้อเรื่องของเกมส์เปลี่ยนแปลงมากเกินไป หรืออาจกระทบต่อชะตากรรมของคนทั้งโลกเลยก็ได้
แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังเลือกที่จะก้าวเดินต่อไปบนแผนการนี้โดยเชื่อว่าเส้นทางนี้แหละคือหนทางที่จะทำให้ทุกๆคนรอดไปได้
[ ถ้าเช่นนั้น อิสุกิ ชั้นจะบอกวิธีแก้ปัญหาที่เห็นผลที่สุดให้ฟัง ] – ฮาโรลด์
[ แก้ปัญหาอะไร ? ] – อิสุกิ
[ หมอกพิษที่แพร่กระจายอยู่ในดินแดนของนาย ถ้าชั้นบอกว่าพวกเราจบเรื่องนี้ได้ นายจะเอายังไง ? ] – ฮาโรลด์