My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 118 ได้ตั้งขนาดนี้ เลิกบ่นซักทีจะได้รึยัง?
- Home
- My Death Flags Show No Sign of Ending
- ตอนที่ 118 ได้ตั้งขนาดนี้ เลิกบ่นซักทีจะได้รึยัง?
ทุกๆคน ณ ที่แห่งนี้ต่างตกตะลึงกับคำกล่าวประกาศอย่างไม่สนใครหน้าไหน
แม้เขาจะรู้ตัวดีว่าสิ่งที่พูดออกไปนั้นยิ่งทำให้ดูน่าสงสัยยิ่งกว่าเดิม แต่ฮาโรลด์ก็ไม่ได้เลือกที่จะอธิบายหรือแก้ตัวใดๆ แต่กลับสั่งให้เงียบและทำตามคำสั่งโดยบุคคลที่เย่อยิ่งและเห็นแก่ตัว ซึ่งปฎิกิริยาที่ทุกๆคนแสดงออกมานั้นก็เป็นดั่งที่คาดเอาไว้
ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องประชุมตามที่ฮาโรลด์พูดเอาไว้ทันที ไร้ซึ่งความหวังที่ปากเวรนี่จะยอมกล่าวอะไรอย่างอย่างค่อยๆโน้วน้อมผู้คนอย่างประณีประนอม ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจที่จะบังคับกระแสการสนทนาในครั้งนี้ไปในทิศทางที่รวดเร็วและบังคับให้เกิด
[ พวกแกบอกว่าไม่เชื่อใจชั้นงั้นสินะ? อย่าหลงประเด็น ความไว้ใจของพวกแกไม่มีค่าอะไรตั้งแต่แรกอยู่แล้ว ] – ฮาโรลด์
แม้ว่าคำพูดของฮาโรลด์จะไม่ได้มีเจตนามุ่งร้ายใดๆ แต่เขาก็ปล่อยแรงกดดันเล็กๆน้อยๆออกมาพร้อมกับคำพูดเหล่านั้นด้วยเช่นกัน
ดั่งที่กล่าวไป แรงกดดันเล็กๆน้อยที่ฮาโรลด์ปล่อยออกมานั้นเพียงพอที่จะทำให้เหล่าอัศวินเหงื่อชุ่มหลังได้เลย ไม่ต้องพูดถึงเหล่าตัวแทนของชาวเมือง พวกเราตกอยู่ภายใต้แรงกดดันจนแทบลืมหายใจ
แม้ว่าหัวหน้าอัศวินถึงกับสะดุ้งอยู่เช่นกันเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันที่ฮาโรลด์ปลดปล่อยออกมา แต่เขาก็ยังพอที่จะเอาชนะแรงกดดันเหล่านั้นได้และถามคำถามแทนทุกๆคนในที่นี้กลับไป
[ …. แกหมายความว่าไง ? ] – หัวหน้าอัศวิน
[ หมายความว่า ต่อให้พวกแกทั้งหมดในห้องแห่งนี้มัดรวมกันมาสู้กับชั้นพร้อมกัน มันก็ไม่มีทางที่พวกแกจะเอาชนะชั้นได้ ดังนั้นไอ้ที่ว่าชั้นวางกับดักโง่ๆอะไรเถือกนั้นจึงไม่จำเป็นอะไรสำหรับตั้งแต่แรกอยู่แล้ว จำใส่กระโหลกหนาๆของพวกแกเอาไว้ซะ ] – ฮาโรลด์
อันที่จริง ฮาโรลด์ก็รู้สึกว่าบางทีการใข้กำลังคงจะไวกว่าการพยายามพูดโน้วน้าวให้เข้าใจ แม้ว่าเขาอยากจะเก็บวิธีใช้กำลังเป็นวิธีสุดท้าย แต่สถานการณ์ในตอนนี้ ทางเลือกมีน้อยและจำเป็นที่จะต้องให้พวกเขาทั้งหมดยอมทำตามแต่โดยดีให้เร็วที่สุด
[ เข้าใจไว้ซะ ถ้าชั้นตั้งใจจะหั่นพวกแกเป็นชิ้นๆ ชั้นก็ย่อมทำได้อย่างที่พูดหากชั้นต้องการ ต่อให้พวกแกทั้งหมดโง่เง่าแค่ไหนก็คงเข้าใจที่ชั้นพูดใช่มั้ย ? ] – ฮาโรลด์
ขณะกล่าวออกมาเช่นนั้น ฮาโรลด์ก็แสดงดาบที่แขวนอยู่ที่เอวให้ทุกๆคนได้เห็น
บางคนถึงกับสะดุ้งเฮือก บางคนถึงกับลืมหายใจ บางคนถึงกับส่งเสียงร้องออกมาเล็กน้อย แม้ปฎิกิริยาของหลายๆคนจะแตกต่างกันออกมา แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่าทุกๆคนต่างตกอยู่ภายใต้ความกลัว
เนื่องด้วยเวลาที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ฮาโรลด์จึงจำเป็นที่จะต้องทำแบบนี้ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือต้องให้แผนการณ์ที่วางเอาไว้เริ่มเดินต่อไปซักที แม้ว่ามันจะรุนแรงไปหน่อยสำหรับทุกๆคน แต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกเสียจากทำแบบนี้
[ หากแกยังไม่เข้าใจ ก็ชักดาบออกมาซะ เดี่ยวชั้นจะใช้ศพที่เหลืออยู่ของแกเป็นคำอธิบายให้กับทุกๆคน ] – ฮาโรลด์
ขณะที่ทุกคนตกอยู่ภายใต้แรงกดดันของฮาโรลด์ มันเป็นแรงกดดันที่ใครก็ต่างไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อกรได้ แต่กลับมีชายคนหนึ่งลุกขึ้นและเดินเข้าไปหาฮาโรลด์
บุคคลนั้นมีผมสีส้มสดที่ชวนให้นึกถึงแผงคอของสิงโต เขาก็คือซิดที่มายืนอยู่ต่อหน้าของฮาโรลด์ด้วยสายตาที่แน่วแน่
[ ผมเชื่อในตัวนายนะ ฮาโรลด์ ] – ซิด
ซิดกล่าวออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง นั้นทำให้ฮาโรลด์ถึงกับสับสนเล็กน้อย เพราะปฎิกิริยานี้ไม่ได้อยู่ในสิ่งที่เขาคาดเอาไว้
แม้ว่าพวกเขาจะเคยรู้จักกันมาก่อน แต่ฮาโรลด์ก็ไม่คิดว่าซิตจะเชื่อเขาง่ายๆทั้งๆที่สถานการณ์มันออกมารูปแบบนี้
[ ซิด นายเข้ามายุ่งทำไม!! ] – หัวหน้าอัศวิน
[ ขออภัยครับหัวหน้า มันก็จริงที่ว่าผู้คนต่างพูดถึงเรื่องราวๆแย่ๆมากมายเกี่ยวกับชายคนนี้ และผมก็เข้าใจว่าทำไมหัวหน้าถึงเลือกที่จะไม่เชื่อใจเขา แต่เขา… ไม่สิ แต่ฮาโรลด์ไม่ได้เป็นคนเลวอย่างที่โลกอยากให้เขาเป็นหรอกนะครับ ] – ซิด
ซิดกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่ ซึ่งในสายตาของฮาโรลด์ เขาคิดว่าฉากนี้ซิดดูคล้ายกับไลเนอร์เป็นอย่างมาก
ถึงแม้ว่าถ้าตามปกติ ในสถานการณ์เช่นนี้ไลเนอร์คงจะมุทะลุและหุนหันพลันแล่นมากกว่า แต่ถึงกระนั้นไลเนอร์ก็เป็นคนประเภทที่จะเชื่อใครสักคนได้อย่างง่ายๆถ้าหากเขาเลือกที่จะเชื่อแม้ว่าคนๆนั้นจะมีข่าวลือเสียๆหายๆก็ตาม
[ ก็จริง ที่ฮาโรลด์ออกจะปากไวไปหน่อย แต่เขาก็ไม่เคยโกหก ดังนั้นถ้าพวกเราอยากจะรู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขาวางแผนอะไรไว้ หรือเขาอยากให้พวกเราทำอะไร พวกเราควรเริ่มจากการถามกับเขาโดยตรงดีกว่าครับ ] – ซิด
[ …. ] – หัวหน้าอัศวิน
จากคำกล่าวของซิดทำให้หัวหน้าคนนั้นถึงกลับนิ่งเงียบ ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใช่คนประเภทที่จะสามารถโน้วน้าวใจได้โดยง่าย แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเหล่าอัศวินนั้นยังคงมืดแปดด้านเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงเมื่อซักครู่ หัวหน้าอัศวินคนนี้ไม่มีทีท่าที่จะเจรจาหรือต่อรองๆใดๆกับฮาโรลด์เลยซักนิด แต่ทว่า หลังจากคำพูดของซิด ดูเหมือนว่าความคิดของหัวหน้าอัศวินจะเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย และเริ่มที่จะสงบลง แต่นั้นก็เป็นเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
แม้ว่าการปรากฎขึ้นของซิดที่จู่ๆก็ประกาศว่าเขานั้นเชื่อใจฮาโรลด์จะเป็นสิ่งที่ฮาโรลด์คาดไม่ถึงและทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น ดังนั้นเขาจึงไม่พลาดที่จะคว้าโอกาสนี้เอาไว้
ฮาโรลด์ดึงดาบของตัวออกมาและพิงมันไว้ที่กำแพง ก่อนที่จะลากเก้าอี้ตัวหนึ่งไปยังกลางห้องประชุมและนั่งลง
เขาเอนหลังพิงพนักพิงด้วยท่าทีสบายและมองไปยังหัวหน้าอัศวินและคนอื่นๆ ทั้งขาที่ไขว่ห้างและมือที่กอดอกนั้นคงไม่ต้องบอกนะว่ามันดูหยิ่งผยองและยั่วมือขนาดไหน
แต่ก็ใช่ว่าการทำแบบนี้มันจะไม่มีเหตุผล นั้นเพราะฮาโรลด์รู้ดีจากประสบการณ์ว่าควรใช้การกระทำดีกว่าจะไปหวังพึ่งกับคำพูด
หลังจากพิจารณาถึงท่าทางของฮาโรลด์อยู่ซักพัก หัวหน้าอัศวินก็เข้าใจถึงสิ่งที่ฮาโรลด์จะสื่อ และเริ่มต้นถามคำถามอีกครั้ง
[ งั้นก็บอกมา ถ้าหากใต้เมืองแห่งนี้มีฝูงมอนเตอร์อยู่จริงๆ แกอยากให้พวกเราทำอะไร ? แกมีเป้าหมายอะไรกันแน่ ? ] – หัวหน้าอัศวิน
[ ในเร็วๆนี้ พวกมอนเตอร์จะคลุ้มคลั่งและบุกทะลักออกมาจากอุโมงค์เข้าโจมตีเมือง หน้าที่ของพวกแกคือโน้วน้าวผู้คนที่อาศัยอยู่ภายในเมืองนี้ให้อพยพออกไปให้หมดภายใน 1 เดือน ] – ฮาโรลด์
[ แกบ้ารึไง ? แค่โน้วน้าวเหล่าชาวเมืองบางทีอาจใช้เวลามากกว่า 1 เดือนแล้ว นี่ยังไม่นับเวลาที่ต้องใช้ในการอพยพเลยด้วยซ้ำ ] – หัวหน้าอัศวิน
ฮาโรลด์ก็รู้ถึงเรื่องนั้นดี ต่อให้มีเวลาเป็นปี การโน้วน้ามผู้คนให้ยอมย้ายออกไปแต่โดยดีก็ยังถือว่ายากมาก อย่างไรก็ตามพวกมอนเตอร์มันไม่จำเป็นต้องรอนานถึงขนาดนั้น หากเทียบกับที่รู้มาจากเกมส์ ฮาโรลด์คิดว่าอีกไม่นานพวกมอนเตอร์คงจะเริ่มต้นเคลื่อนไหวแล้ว
[ ถ้าพวกแกทำพลาด คนจำนวนภายในเมืองจะต้องตาย จะชอบหรือไม่ ก็เลือกเอาเอง ] – ฮาโรลด์
[ แกพูดไร้สาระอะไร แกทำเป็นมายุ่งวุ่นวายในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ในตอนนี้แต่กลับปัดความรับผิดชอบเนี้ยนะ ? ] – หัวหน้าอัศวิน
[ เข้าใจแล้วก็ดีและขอบคุณที่ช่วยแจ้งให้ทุกๆคนได้ทราบว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันไม่เกี่ยวอะไรชั้นเลยซักนิด ] – ฮาโรลด์
ก็จริงอย่างที่พูดไป ปัญหาในครั้งนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฮาโรลด์ จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องเข้ามาแก้ไขอะไร แถมมันก็ไม่เกี่ยวกับอะไรกับเส้นเรื่องหลักหรือธงมรณะของเขาเลยซักนิด
แม้จะรู้แบบนั้นแต่ว่า ….
[ เป็นคำพูดที่น่ารังเกียจเสียจริง … แล้วทำไมแกมาที่เมืองแห่งนี้ถ้าจะบอกว่ามันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับตัวแก ? ] – หัวหน้าอัศวิน
ถ้าถามว่าทำไม คำตอบนั้นง่ายมาก นั้นคือฮาโรลด์ไม่สามารถละทิ้งผู้คนในเมืองบาร์สตันได้ เขาไม่สามารถมองข้ามความเป็นจริงที่ว่ามีความเป็นไปได้สูงที่ผู้คนมากกว่า 2000 คนจะต้องตายจากการถูกฝูงมอนเตอร์บุกถล่ม
อย่างไรก็ตาม ฮาโรลด์เองก็ไม่อยากที่จะตาย
แม้จะพยายามดิ้นรนหรือหลีกหนีเส้นทางที่จะพาให้เขาไปพบกับจุดจบมามากถึงเพียงไหน แต่สิ่งนี้มันเหมือนกับการวิ่งเข้าหาความตายอีกครั้ง มันเป็นการกระทำที่ทำให้ทั้งหมดที่ทำมานั้นสูญเปล่า แต่ถึงกระนั้น ถ้าการกระทำของเขาสามารถช่วยเหลือผู้คนกว่า 2000 ชีวิตเอาไว้ได้จริง เขาก็ไม่อาจเมินเฉยได้
นอกจากนี้ ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่เขามายังเมืองนี้
[ ชั้นมาที่เมืองแห่งนี้เพราะต้องการที่จะขัดขวางแผนการของไอ้โง่คนหนึ่ง และเบาะแสที่จะทำให้ชั้นขัดขวางแผนของหมอนั้นสำเร็จก็อาจอยู่ใต้เมืองแห่งนี้ ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์คิดว่าบางทีเขาอาจขัดขวางแผนการสร้างป้อมปราการลอยฟ้าของยูสทัสสำเร็จได้หากเขาสามารถทำลายพอร์ทัลพลังงานสำเร็จ และถ้าหากไม่มีเหตุการณ์ป้อมปราการลอยฟ้าเกิดขึ้น บางทีอาจจะสามารถหยุดยั้งหรือชะลอฉากการปรากฎขึ้นของเหตุการณ์แกนของดวงดาวก็เป็นได้
แม้ในตอนนี้เขาจะไม่มีหลักฐานที่แน่ชัดถึงการมีอยู่ของพอร์ทัลพลังงาน ถึงสิ่งต่างๆจะไม่เป็นดั่งที่ฮาโรลด์คาด แต่ถ้ามันสามารถขัดขวางแผนการของยูสทัสได้ทางใดทางหนึ่งมันก็คุ้ม
[ หากนั้นคือเป้าหมายของแก แกก็ไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องอยากอพยพผู้คนซักหน่อย แกดูใจดีเกินไปหน่อยนะสำหรับชายที่มีชื่อเสียงและวีรกรรมอันเลวทราม ] – หัวหน้าอัศวิน
[ หึ ชั้นไม่สนใจหรอกใครจะอยู่หรือใครจะตาย สำหรับชั้นมันแค่รกหูรกตา ถ้าจะตายก็ช่วยไปตายให้พ้นๆสายตาชั้น ] – ฮาโรลด์
นั้นก็เป็นคำตอบที่ฮาโรลด์ตั้งใจจะให้ออกมาเป็นเช่นนั้น
ความจริงก็คือ ถึงแม้เขาอยากจะพูดความจริงออกไปแต่ปากเวรนี่ก็คงไม่ยอมพูดออกไปตามที่ต้องการอยู่ดี อีกทั้งฮาโรลด์ผู้ที่มีชื่อเสียงในเรื่อง “แย่ๆ” มากมายกลับประกาศออกมาว่าจะช่วยเหลือผู้คนอย่างที่หัวหน้าอัศวินกล่าวเอาไว้ มันยิ่งทำให้ดูน่าสงสัยขึ้นไปอีก มันจะดูราวกับว่าฮาโรลด์นั้นกำลังวางแผนอะไรบางอย่างและการขับไล่ผู้คนออกมาจากเมืองไปมันทำให้ง่ายต่อแผนการของเขายิ่งขึ้น ดังนั้นฮาโรลด์จึงเลือกที่จะใช้คำตอบที่ดูเหมาะสมกับภาพลักษณ์ของเขา ซึ่งท่าทางนั่งไขว่ห้างสุดหยิ่งผยองก่อนหน้านี้ก็มีเพื่อจุดประสงค์เดียวกัน
[ ข้าขอพูดอะไรได้มั้ย ? ] – นายกเทศมนตรี
เมื่อเห็นการสนทนาของทั้งฮาโรลด์และหัวหน้าอัศวินหยุดลง ฝ่ายตัวแทนของเมืองจึงขอพูดอะไรบ้าง
[ สมมุติว่าเรื่องที่ท่านฮาโรลด์กล่าวอ้างมาเป็นเรื่องจริง ถ้าข้าเข้าใจไม่ผิด ต่อให้พวกเราสามารถอพยพผู้คนทั้งหมดออกไปได้ทัน ท้ายที่สุดเมืองบาร์สตันก็ยังจะถูกทำลายลงอยู่ดีใช่หรือไม่ ท่านฮาโรลด์ ? ] – นายกเทศมนตรี
[ ตามนั้น และชั้นก็ไม่คิดว่าพวกนายจะกลับมาอาศัยอยู่ที่เมืองนี้ได้อีกต่อไปแน่นอน ] – ฮาโรลด์
แม้มันจะฟังดูโหดร้าย แต่เราก็ไม่สามารถทำอะไรกับเรื่องนี้ได้
อุโมงค์ใต้ดินใต้เมื่องนั้นมีขนาดที่แตบจนเกินไป หากถึงเวลานั้น เมื่อเหล่ามอนเตอร์ทะลักกันออกมา มีความเป็นไปได้สูงที่โครงสร้างของอุโมงค์จะเกิดความเสียหายและพังทลายลง ถึงแม้ว่าเราจะสามารถหาทางจัดการกับพวกเมอนเตอร์ได้ตั้งแต่ก่อนมันทะลักกันเข้าเมือง แต่นั้นไม่ใช่วิธีแก้ปํยหาที่ถูกต้องก็เพราะยังมีหมอกพิษที่เป็นตัวล่อให้เหล่ามอนเตอร์แห่กันเข้ามาที่เหมืองใต้ดินแห่งนี้อยู่ดี
ไม่ว่าวิธีไหนๆ ก็มิอาจหยุดยั้งไม่ให้ฝูงมอนเตอร์ทะลักขึ้นมาบนพื้นดินได้
ซึ่งฮาโรลด์เองก็เคยคิดที่จะฝังพวกมอนเตอร์ก่อนที่มันจะขึ้นมาบนพื้นดิน แต่เขาก็ไม่มีแผนใดๆที่จะสามารถทำเช่นนั้นได้สำเร็จ และต่อให้เขาฝังพวกมันไว้ใต้เมืองได้จริง มันก็ยังมีความเสี่ยงที่อุโมงค์ใต้ดินจะถล่มและทำให้เมืองทั้งเมืองยุบตัวลงตามๆกันไป
สุดท้าย ต่อให้กวาดล้างฝูงมอนเตอร์ออกไปได้จนหมด แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะอาศัยอยู่ในเมืองที่พร้อมจะพังทลายลงทุกเมื่อเช่นนี้ต่อไป
[ ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง คงจะต้องเรียกว่าการย้ายถิ่นฐานมากกว่าการอพยพแล้วล่ะ ถ้าตัดเรื่องความรู้สึกของชาวเมืองที่จะต้องย้ายออกไป ข้าก็ยังคิดว่ามันคงยากเกินไปอยู่ดี ] – นายกเทศมนตรี
[ นายกำลังจะพูดถึงเรื่องเงินสินนะ ? ] – ฮาโรลด์
[ ถูกต้องตามนั้น พวกเราไม่มีเงินทุนจำนวนมากพอที่จะสามารถทิ้งทุกสิ่งและย้ายผู้คนกว่า 2000 ชีวิตได้หรอกนะ ] – นายกเทศมนตรี
[ เมืองของพวกนายอยู่ภายใต้การดูแลจากทางอาณาจักร ปัญหาเหล่านี้ให้ขุนนางที่ปกครองเมืองเป็นผู้จัดการไป และเนื่องจากมันเป็นสถานการณ์ที่เร่งด่วน ทางอาณาจักรน่าจะส่งควมช่วยเหลือมาบ้าง ] – ฮาโรลด์
[ อาจจะเป็นเช่นนั้นจริง แต่ข้าเกรงว่ากว่าความช่วยเหลือจากอาณาจักรจะมาถึงมันอาจจะสายเกินไป เพราะกว่าทางราชอาณาจักรจะรับรู้เรื่องทั้งหมด กว่าจะเสร็จสิ้นการประชุม กว่ามาตรการรับมือต่างๆจะถูกประกาศใช้ ยังมีผู้คนอีกมากที่ไม่ได้มีทรัพย์สินเพียงพอที่จะเลี้ยงตัวเองและครอบครัวจนกว่าความช่วยเหลือจากอาณาจักรจะมาถึง ] – นายกเทศมนตรี
ถ้าหากเป็นฮาโรลด์ภายในเกมส์ หมอนั้นคงจะตอบสวนกลับไปว่า “แล้วไง ก็ปล่อยพวกมันตายไปสิ” ซึ่งถ้าฮาโรลด์ในตอนนี้พูดออกไปแบบนั้นจริงๆ มันก็จะเป็นการทำลายทุกๆสิ่งที่ฮาโรลด์กำลังทำมาทั้งหมดทันที
ซึ่งอันที่จริง ฮาโรลด์ก็คิดวิธีแก้ปัญหาเรื่องการเงินเอาไว้อยู่แล้ว
หัวใจหลักในแผนการณ์นี้คือเงินทุนที่เขามีมากมายเกินจำเป็นที่ได้มาจากการทำฟาร์มแบบ LP ของเขา แต่ด้วยผู้คนจำนวนมากมายขนาดนั้นเงินทั้งหมดที่เขามีคงช่วยเหลือได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
นอกจากนี้ ก่อนที่ฮาโรลด์จะเดินทางมาที่เมืองบาร์สตัน พวกเขาได้ส่งคำร้องไปยังสุเมรากิ เพื่อให้ทาสุคุใช้เคลือข่ายของเขาในการกระจายคำร้องขอความช่วยเหลือไปยังดินแดนต่างๆ แม้ว่าจะยังไม่มีดินแดนไหนตอบรับ แต่สาระสำคัญก็คือต้องการให้ดินแดนเหล่านั้นเตรียมพร้อมที่จะช่วยเหลือรับผู้อพยพเข้าไปอยู่อาศัย
แม้จะไม่แน่ใจว่าขุนนางจากดินแดนอื่นๆจะยอมรับและให้การช่วยเหลือหรือไม่ แต่อย่างน้อย ฮาโรลด์ก็คิดว่าทาสุคุจากดินแดนสุเมรากิจะไม่ปฎิเสธเขา
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮาโรลด์จึงส่งสายตาไปทางลิสท์ เพื่อให้เขาเริ่มพูดแทน
[ ในส่วนของการอพยพในครั้งนี้ ผู้จ้างวานของพวกเรากล่าวเอาไว้ว่าพวกเขายินดีที่จะจัดหาเงินทุนสำหรับใช้ในการอพยพขอรับ และพร้อมที่จะสนับสนุนด้านการเงินในระดับหนึ่งอีกด้วย แต่เฉพาะผู้ที่จำเป็นจริงๆเท่านั้นขอรับ นอกจากนี้ แม้ว่าการอพยพในครั้งนี้จะยังอยู่ในขั้นตอนการตัดสินใจ แต่ทางเราได้มีการติดต่อเมืองต่างๆเพื่อเตรียมพร้อมในการรับผู้ลี้ภัยเข้าไปอยู่อาศัยเอาไว้แล้วขอรับ ] – ลิสท์
[ อะไรนะ! … ] – นายกเทศมนตรี
เมื่อได้ฟังข้อเสนอของลิสท์ นายกเทศมนตรีของเมืองและตัวแทนของเมืองคนอื่นๆเริ่มถกเถียงกัน มันก็เป็นปฎิกิริยาตามปกติเมื่อพิจารณาถึงความเอื้อเฟื่อในข้อเสนอที่มากเกินจำเป็นที่พวกเขากำลังจะได้รับ
[ สนับสนุนด้านการเงิน ? เจ้าพวกนั้นยังหน้าไหว้หลังหลอกตามเคย เหอะ หน้าสมเพชเป็นบ้า ] – ฮาโรลด์
ฮาโรลด์พยายามแสดงให้เห็นผ่านคำพูดเหล่านี้ว่าเขานั้นไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนด้านการเงินเหล่านี้เลยซักนิด นั้นเพราะถ้าบอกกับทุกคนว่าเงินทุนเหล่านี้มาจากตัวเขา มันยิ่งจะทำให้เกิดความสงสัยขึ้นปล่าวๆ
ถึงกระนั้น แม้ข้อเสนอเหล่านี้จะมาจากลิสท์ แต่มันก็ยังน่าสงสัยเกินไปอยู่ดี
[ ข้ารู้สึกประหลาดใจมากที่มีคนยอมที่จะทำเพื่อพวกเรามากมายขนาดนี้ ขอให้ข้าได้ทราบชื่อของท่านผู้นั้นได้หรือไม่ ? ] – นายกเทศมนตรี
[ ด้วยเหตุผลบางประการ กระผมไม่อาจเปิดเผยชื่อของผู้จ้างวานของพวกเราได้ สิ่งที่กระผมพอจะบอกได้นั้นคือ ตระกูลสุเมรากิเป็น 1 ในนายจ้างของพวกเรา หวังว่าพวกคุณคงจะเข้าใจ ] – ลิสท์
ตระกูลสุเมรากิมีชื่อเสียงที่ยอดเยี่ยมในการปกครองที่ดีและเป็นธรรม ประชาชนทั่วไปจำนวนมากมายต่างไว้วางใจในชื่อของพวกเขา แม้แต่ผู้คนของเมืองบาร์สตันเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
แม้ทางทาสุคุจะยังไม่ยืนยันที่จะรับผู้ลี้ภัย แต่ฮาโรลด์ก็กล้าที่จะใช้ชื่อของสุเมรากิมารับหน้า ก็เพราะว่าเขาเชื่อว่าทาสุคุจะไม่มีวันปฎิเสธ ดังนั้นฮาโรลด์จึงตัดสินใจโดยที่ไม่ลังเล
[ .แล้วพวกแกจะเอาไงต่อ? ได้ทั้งเงินทุนที่ใชในการอพยพ กำลังคนที่ใช้ดูแลในการอพยพ แผนการและวิธีการแก้ปัญหา ได้ไปตั้งขนาดนี้เลิกบ่นซักทีจะได้รึยัง ? ] – ฮาโรลด์
แม้ฮาโรลด์จะยังคงแสดงท่าทีว่าไม่ใส่ใจ แต่เขาก็แสร้งกดดันให้พวกเขายอมรับแต่โดยเร็ว ซึ่งอันที่จริง หากมองจากมุมนี้ นี่มันไม่ใช่สถานการณ์กดดันเพื่อให้ตัดสินโดยเร็ว แต่มันเหมือนกับกดดันให้ยอมรับและดำเนินการทันทีมากกว่า
[ … ข้าอยากให้คนที่ได้รับเลือกจาก 2-3 ในที่แห่งนี้เพื่อเป็นตัวแทนลงไปยังเหมืองใต้ดินเพื่อยืนยันว่าฝูงมอนเตอร์เหล่านั้นมีอยู่จริง และภายใต้เงื่อนไขที่ว่ามาเหล่านั้น พวกเราเต็มใจที่จะยอมรับข้อเสนอของท่านฮาโรลด์ทั้งหมดขอรับ ] – นายกเทศมนตรี
[ ดี พาพวกอัศวินบางคนตามลงมาด้วย ชั้นจะแสดงความเป็นจริงทั้งหมดของเมืองนี้ให้พวกแกในเห็นเอง ] – ฮาโรลด์
พร้อมกับที่ฮาโรลด์กล่าวออกมา รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็เผยออกมา