My Death Flags Show No Sign of Ending - ตอนที่ 93 ผู้ร้ายที่แท้จริง
การแสดงออกของอิสุกิถึงกับแข็งทื่อไปเล็กน้อยหลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้น แม้กระทั้งเอริกะเองถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ นั้นเพราะยาต้านพิษที่ฮาโรลด์เป็นคนสร้างขึ้นทำให้ความเสียหายที่หมอกพิษเป็นผู้สร้างลดลงเป็นอย่างมาก และด้วยวิธีทำฟาร์มแบบ LP ทำให้ดินแดนสุเมรากิมีช่องทางรายได้ใหม่ แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็สูญเสียอุตสาหกรรมป่าไม้ที่ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นรายได้หลักของพวกเขาไป ปัญหานี้ยังคงเป็นแผลบาดลึกสำหรับดินแดนสุเมรากิ
แม้ว่าในระดับเศรษฐกิจพวกเขาแทบจะไม่ได้รับผลกระทบเท่าไหร่นัก แต่มันก็ยังมีปัจจัยอื่นๆที่ทำให้เป็นกังวล และส่งผลเสียต่อดินแดนสุเมรากิ ดังนั้นข้อเสนอที่ฮาโรลด์พูดมา ไม่มีทางที่อิสุกิจะมองข้ามไปได้
[ นายสามารถหยุดมันได้จริงๆหรอ ? … ถึงนั้นจะฟังดูเป็นคำถามโง่ๆ แต่ว่า– นายจะหยุดมันยังไงล่ะ ? ] – อิสุกิ
ก็สมเหตุสมผลที่อิสุกิจะถามออกมาเช่นนั้น แต่ทว่า การให้คำตอบนี้กับอิสุกิมันเปรียบเสมือนกับการเปิดเผยผู้บงการอยู่เบื้องหลังทั้งหมด กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ การโค่นยูสทัสจะกลายเป็นเป้าหมายหลักของไลเนอร์และทุกๆคน ซึ่งจริงๆพวกเขาควรจะได้รับรู้ข้อมูลนี้ในช่วงสุดท้ายของเรื่องราว ฮาโรลด์ได้แต่สงสัยถ้าพวกเขารับรู้การมีอยู่ของบอสตัวสุดท้ายตั้งแต่ตอนนี้ มันจะเกิดอะไรขึ้นต่อไปกันแน่
จนถึงตอนนี้ ฮาโรลด์ก็ยังคงกลัวอยู่ที่จะกระทำการใดๆที่อาจเปลี่ยนแปลงเรื่องราวภายในเกมส์ และในขณะที่เขาแก้ไขมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนมาถึงจุดๆหนึ่งที่เขาฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า “นี่ผมแก้มันไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนถอยหลังกลับไม่ทันแล้ว”
ในโลกแห่งนี้ เพราะคลาร่ารอดชีวิต ด้วยเหตุนี้ จึงไม่มีเหตุผลให้คลอเล็ตเกลียดชังฮาโรลด์ รวมถึงไลเนอร์ ที่เป็นศัตรูกับฮาโรลด์เพราะตัวของฮาโรลด์นั้นเป็นศัตรูของเพื่อนสมัยเด็ก
ด้วยยาต้านพิษและวิธีทำฟาร์มแบบ LP ดินแดนสุเมรากิจึงไม่ต้องประสบวิกฤตทางเศรษฐกิจ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่จำเป็นที่จะต้องขายลูกสาวของตนในการแต่งงานกับฮาโรลด์อีกต่อไป
และโคดี้ ที่ไม่ได้สูญเสียลูกน้องของตนไป เขาจึงไม่ยอมแพ้ต่อวิถีของอัศวิน ดังนั้นกลุ่มฟรีรี่ที่เขาควรจะเป็นผู้ก่อตั้งจึงเป็นฮาโรลด์ที่ต้องก่อตั้งขึ้นแทนโดยมีเอลล์ช่วยดูแลอีกแรง
แถมยังมีเหตุการณ์ที่ทำให้ฮาโรลด์ได้พัฒนาความสัมพันธ์กับตัวละครภายในปาร์ตี้ผู้กล้าอย่างไม่คาดคิด ทั้งลีฟา ฟรานซิส ฮิวโก้ พวกเขาเหล่านี้ไม่ควรจะรู้ถึงตัวตนของฮาโรลด์ตั้งแต่ก่อนเริ่มเกมส์ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม
ตระกูลสโตร์กตอนนี้ได้มีสมาชิกเพิ่มขึ้นและแตกต่างจากตระกูลสโตร์กของโลกภายในเกมส์อย่างชัดเจน
ดังนั้นตอนนี้ ตัวเลือกที่เหลือคงมีเพียงอย่างเดียวคือปล่อยให้มันเลยตามเลยไป
เมื่อคิดได้เช่นนั้น ฮาโรลด์จึงกล่าวออกมาอย่างไม่ลังเล
[ สิ่งนี้คือต้นตอของหมอกพิษ พวกเราจะจบเรื่องเหล่านี้ได้หากสามารถหยุดการทำงานของมัน ] – ฮาโรลด์
ขณะที่ฮาโรลด์กล่าว เขาก็หยิบอะไรบางอย่างออกมา มันเป็นเครื่องจักรอะไรบางอย่างที่มีรูปทรง 6 เหลี่ยมขนาดความกว้าง 40 ซม. ลักษณะของมันดูแปลกประหลาด มีสายไฟระโยงระยางและแสงไฟกระพริบอยู่เรื่อยๆ เมื่อเขาวางมันลงเบาๆที่โต๊ะ มันก็เกิดเสียงที่ทั้งหนักและแน่นราวกับบ่งบอกว่าวัตถุนี้มันหนักแค่ไหน
ฮาโรลด์มีหน้าที่นำเจ้าสิ่งนี้ไปติดตั้งตามสถานที่ต่างๆทั่วทั้งทวีป ซึ่งเขาคิดว่ามันอาจจะมีประโยชน์ในภายหลังเขาจึงขโมยมันมาชิ้นหนึ่งโดยอ้างกับยูสทัสว่าทำมันหาย แม้ว่าจะกลัวยูสทัสจับได้แต่เขาก็ยืนยันหัวชนฝาว่าทำมันหายระหว่างจริงๆจนยูสทัสเบื่อที่จะถามไปเอง
[ เจ้าเครื่องจักรนี้มันคืออะไร ? ] – อิสุกิ
[ นายเคยได้ยินสิ่งที่พวกเขาเรียกกันว่าชีพจรมังกรหรือปล่าว ? ] – ฮาโรลด์
[ ชั้นจำได้ว่ามันคล้ายกับเส้นทางอะไรบางอย่างที่อากาศไหลผ่านออกมาจากผืนโลก… ] – อิสุกิ
อิสุกิตอบคำถามของฮาโรลด์ไปอย่างคลุมเคลือ อย่างไรก็ตาม หากอิสุกิมีความเข้าใจระดับนี้ก็ไม่มีปัญหา จริงๆแล้วมันเรียกว่าจุดที่พลังงานไหลออกมา
ไลเนอร์และคลอเล็ตที่นั่งฟังอยู่ด้วยนั้น ต่างหันไปสบตากันโดยบังเอิญและเอียงคอด้วยความสงสัย ดูเหมือนว่าทั้ง 2 จะไม่รู้ว่าชีพจรมังกรคืออะไร
[ถูกต้อง มันคือเส้นทางที่พลังงานไหลออกมา ที่ปลายทางของเส้นชีพจรมังกรจะถูกเรียกว่าถ้ำมังกร หากเรานำเจ้าสิ่งนี้ไปติดตั้งไว้ที่นั้น เราก็จะสามารถรวบรวมพลังงานที่โลกปลดปล่อยออกมาได้ ] – ฮาโรลด์
ขนาดตัวของฮาโรลด์เองก็ยังไม่แน่ใจว่าเจ้าสิ่งนี้ทำงานอย่างไร ดังนั้นจึงต้องยอมรับความจริงที่ว่าคนทั่วๆไปก็คงยากที่จะเข้าใจถึงจุดประสงค์ที่ยูสทัสสร้างเจ้าสิ่งนี้ออกมา
แต่ว่า พลังลึกลับที่โลกปลดปล่อยออกมานั้นคล้ายคลึงกับพลังคิ(จิตต่อสู้?)ที่มาจากโลกเดิมของฮาโรลด์ ดังนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องบิดเบื้อนข้อมูลเท่าไหร่นัก
[ แล้วยังไงล่ะ ? ชั้นก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ] – อิสุกิ
[ พลังที่โลกปลดปล่อยออกมาคล้ายคลึงกับเลือดของคนเรา ไลเนอร์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากชั้นเอาเชือกรัดแขนของนายจนแน่น ? ] – ฮาโรลด์
[ เลือดของผมก็ไม่ไหลเวียน! ] – ไลเนอร์
[ ใช่ ถ้าเลือดไม่ถูกไหลเวียน แขนของนายก็จะเริ่มเน่าเปื่อยและตายลง ] – ฮาโรลด์
คำพูดเหล่านั้นของฮาโรลด์ทำให้ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบ พวกเขาทุกคนเริ่มเดาในสิ่งที่ฮาโรลด์พยายามจะสื่อออกแล้ว และเพื่อจะแสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ในตอนนี้มันร้ายแรงขนาดไหน ฮาโรลด์จึงเริ่มอธิบายต่อ
[ เมื่อพลังงานที่โลกปลดปล่อยเปรียบเสมือนเลือดที่ล่อเลี้ยงโลกใบนี้ถูกดูดซับเอาไว้จนหมด หมอกพิษที่เกิดขึ้นเปรียบดั่งเลือดที่ไม่ถูกชะล้างจนเน่าเสีย พลังงานสั่งสมกลายที่เป็นพิษ และเหตุการณ์นี้กำลังจะเกิดขึ้นทั่วทั้งโลก ] – ฮาโรลด์
[ พลังงานงานที่กลายเป็นพิษ … ] – อิสุกิ
[ และเมื่อใครก็ตามได้รับเจ้าสิ่งนี้เข้าไปในร่างกายเป็นปริมาณมาก มันจะผสมปนเปเข้ากับเลือดและทำให้ร่างกายของพวกเขาเกิดความผิดปกติ ] – ฮาโรลด์
นี่คือสิ่งที่ถูกเซ็ตติ้งไว้ตามเนื้อเรื่องของเกมส์ นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาถึงยาต้านพิษที่สามารถออกฤทธิ์ได้อย่างดีภายในโลกแห่งนี้ ดังนั้นก็สามารถอนุมานวิธีแก้ปัญหาได้ว่าต้องเหมือนกับวิธีของในเนื้องเรื่องของเกมส์แน่ๆ
ฮาโรลด์คิดว่าอิสุกิคงจะดีใจที่ปัญหาที่ตัวของเขาและชาวสุเมรากิเผชิญมาอย่างยาวนานหลายปีในที่สุดก็ทราบถึงต้นตอ แต่ทว่ากลับไม่เป็นเช่นนั้น ใบหน้าของอิสุกิซีดเผือกลงอย่างเห็นได้ชัด
[ … ฮาโรลด์ มีวิธีรักษาผู้คนที่เลือดของพวกเขาเจือปนกับสิ่งสกปรกเหล่านั้นหรือไม ? ] – อิสุกิ
[ มี มันง่ายๆเลยล่ะ แค่นายหยุดการทำงานของเจ้าเครื่องนี้ และทำให้ชีพจรมังกรเริ่มไหลเวียนอีกครั้ง เมื่อคนเหล่านั้นได้สูดพลังงานบริสุทธิ์เข้าไป อาการของพวกเขาก็จะค่อยๆดีขึ้น ] – ฮาโรลด์
[ นั้นจริงหรอ!? ] – อิสุกิ
ในที่สุดอิสุกิก็แสดงความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจจนยิ้มกว้างออกมา สมแล้วที่เป็นคนของตะกูลสุเมรากิ พวกเขาใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนเหนือสิ่งอื่นใด เอริกะที่อยู่ข้างๆก็ถอนหายใจออกมาราวกับรู้สึกโล่งอก
ในเนื้อเรื่องของเกมส์ เมื่ออุปกรณ์นี้ถูกปิดการทำงานลง พลังงานทั้งหมดที่ถูกสะสมเอาไว้จะพวยพุ่งออกมากลายเป็นอนุภาคพลังงานสีเขียวกระจายลงทั่วดินแดนสุเมรากิ มีฉากในเกมส์ที่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยที่ได้รับผลกระทบจากการสูดดมหมอกพิษเข้าสู่ร่างกายมากเกินไปนั้นสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วเมื่อสูดอนุภาคเหล่านั้นเข้าสู่ร่างกาย
แน่นอนว่าพลังงานเหล่านั้นที่ถูกสะสมเอาไว้ยูสทัสจะเอามันไปใช้ประโยชน์ แต่ทว่าด้วยฝีมือของพวกไลเนอร์ จึงทำให้มีอุปกรณ์ในหลายๆแห่งถูกปิดการทำงานลง รวมถึงที่สุเมรากิด้วย สุดท้ายยูสทัสจำต้องดำเนินแผนการทั้งๆที่มีพลังงานสะสมเอาไว้ไม่เพียงพอ และทำให้เขาได้ผลลัพธ์ที่ไม่สมบูรณ์ กล่าวอีกนัยคือ การแก้ปัญหาหมอกพิษเป็นปัจจัยใจหลักในการกำหนดความเก่งของบอสตัวสุดท้ายเลยก็ว่าได้
[ หากนายสามารถปิดการทำงานของเจ้าสิ่งนี้ที่ถูกติดตั้งเอาไว้ที่ไหนสักแห่งบนภูเขาที่จุดทางออกของชีพจรมังกร การไหลเวียนของพลังงานจะกลับคืนสู่ปกติและความผิดปกติจะค่อยๆหายไป ประชาชนที่ได้รับผลกระทบก็จะได้รับการเยียวยา ฟังให้ดีนะ อย่าทำลายมันเด็ดขาด ต้องปิดการทำงานมันเท่านั้น ] – ฮาโรลด์
[ พวกเราจะไม่ลืมเด็ดขาด ว่าแต่ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากพวกเราทำลายมัน ? ] – อิสุกิ
[ พลังงานจำนวนมหาศาลที่ถูกกักเก็บเอาไว้จะกระจายออกอย่างรวดเร็วอย่างไม่สามารถควบคุมได้และเกิดการระเบิดของพลังงานทั่วบริเวณโดยรอบ ] – ฮาโรลด์
[ นั้นคือสิ่งที่ต้องระวังไม่ให้เกิดขึ้นที่สุด!!!!!!! ] – ฟรานซิส
ดูเหมือนว่าฟรานซิสจะตกใจจนเกินเหตุไปหน่อย ไม่สิทุกๆคนในที่นี้ต่างหน้าซีดกันหมด อืมก็นะ บางทีคำพูดนี้มันก็เหมือนกับบอกพวกเขาว่าหากเกิดเหตุผิดพลาดในการปิดการทำงานของมัน พื้นที่บริเวณนั้นคงกระจุย
[ หยุดตะโกนได้แล้ว มันจะไม่เป็นไรหากพวกเราสามารถปิดการทำงานของเจ้าเครื่องนี้ได้อย่างถูกต้อง ] – ฮาโรลด์
[ อ-อ้อ ก็พูดมาแบบนี้มาตั้งแต่แรกสิ ตกใจหมดเลย …. ] – ไลเนอร์
[ ทะ-ท่านฮาโรลด์รู้วิธีปิดการทำงานของมันสินะคะ! ] – คลอเล็ต
[ ชั้นไม่รู้ ] – ฮาโรลด์
ไลเนอร์ที่กำลังรู้สึกโล่งอก และคลอเล็ตที่กล่าวถามออกมาด้วยความคาดหวัง แต่ทว่าเมื่อได้ฟังคำตอบ ใบหน้าของทั้งคู่กลายเป็นแข็งทื่อไปในทันที บรรยากาศภายในห้องเริ่มหนักอึ้งขึ้นมาอีกครั้ง
[ นะ- นายไม่รู้หรอ ? บ-แบนั้น พวกเราควรทำอย่างไรดี ? พวกเราไปถามคนที่สร้างเจ้าสิ่งนี้ดีมั้ย ? ] – ฮิวโก้
[ ไอ้งั้ง! แกต้องงั้งแค่ไหนถึงคิดประโยคนั้นออกมาได้ ? พวกเราจะไปขอให้ผู้ที่เป็นคนก่อเหตุปิดอุปกรณ์ของเขาด้วยตัวเองเนี้ยนะ ? ] – ฮาโรลด์
[ น-นั้นก็จริง… ] – ฮิวโก้
ฮาโรลด์ถึงกับตบมุขด่าฮิวโก้ไปทีนึง และฮิวโก้ก็สะดุ้งจนโดดโหย่งถอยไปหน่อยนึง แม้ว่าฮาโรลด์จะพยายามไม่เปิดปากพูดต่อหน้าฮิวโก้โดยไม่จำเป็น แต่ครั้งนี้มันไม่ไหวจริงๆ เอาจริงๆเขาก็พูดมาตลอดยังไม่หยุดเลยตั้งแต่ต้น ดังนั้นความหวังในการปกปิดตัวตนต่อฮิวโก้จึงริบหรี่ลงเรื่อยๆ
[ ถ้าเช่นนั้น ก็คงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเริ่มนับ 1 ใหม่ อันดับแรกพวกเราคงต้องตรวจสอบโครงสร้างและวิธีการทำงานของมันเพื่อ– ] – อิสุกิ
[ นั้นไม่จำเป็น ] – ฮาโรลด์
[ … นายหมายความว่ายังไง? ] – อิสุกิ
ฮาโรลด์หยิบเจ้าเครื่องนั้นที่เขาเป็นคนวางไว้บนโต๊ะ และโยนมันไปทางขวามือเบาๆที่ซึ่งลีฟานั่งอยู่ และเธอก็รับมันด้วย 2 มือ
[ ยัยนี่จะเป็นคนจัดการให้เอง ] – ฮาโรลด์
[ เธอหรอ ? ] – อิสุกิ
[ ใช่ นายมีปัญหาอะไรรึปล่าว ? ] – ลีฟา
ลีฟาหันไปพูดกับอิสุกิด้วยน้ำเสียงยิ้มเยาะ ไม่จำเป็นต้องอธิบายถึงการกระทำนั้นของลีฟา เธอกำลังบอกกับอิสุกิว่า “อย่าดูถูกฉันเพราะเห็นว่าเป็นแค่เด็ก”
ในเนื้อเรื่องของเกมส์ ลีฟามีความรู้ทางวิศวกรรมเครื่องกลและวิศวกรรมอิเล็กทรอนิกส์มากเสียจนมีฉากๆหนึ่งที่เธอสามารถใช้งานมันได้ทันทีที่เธอได้สัมผัสมันครั้งแรก และเธอยังสามารถประดิษฐ์เครื่องจักรที่ไม่สับซ้อนมากได้อย่างรวดเร็ว ดังนั้นแม้ว่าความสามารถของเธอจะถูกบดบังโดยยูสทัส แต่ไม่ต้องสงสัยเลย ลีฟาก็ถือว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่ง
ในระหว่างทางที่เดินมายังห้องนี้ ฮาโรลด์ได้ยื่นเจ้าสิ่งนี้ให้เธอดูและขอให้เธอศึกษาโครงสร้างของมันและวิธีปิดการทำงานของมัน และเมื่อเธอกล่าวออกมาว่า “ปล่อยให้ฉันจัดการเอง” ฮาโรลด์ก็สบายใจในระดับหนึ่ง
[ นั้นคือวิธีแก้ปัญหา ดังนั้นทันทีที่ลีฟาพร้อม ชั้นกับลีฟาจะออกเดินทางไปปิดการทำงานของมันทันที ] – ฮาโรลด์
[ ผมจะไปกับนายด้วย! ] – ไลเนอร์
[ ฉ-ฉันด้วย … ! ] – คลอเล็ต
[ ถ้าพวกนาย 2 ไป แบบนี้ชั้นคงต้องไปด้วยเหมือนกันสินะ ] – ฮิวโก้
ไลเนอร์ คลอเล็ต และฮิวโก้ ต่างแสดงท่าทีออกมาทันทีว่าต้องการจะไปพร้อมกับฮาโรลด์และลีฟา ต่อมาก็คือฟรานซิส
[ อืม เมื่อได้ฟังถึงขนาดนี้แล้ว ฉันเองก็ถอยไม่ได้สิ ] – ฟรานซิส
[ ฟราน … ] – อิสุกิ
[ สายเลือดราชวงค์ของฉันคงร้องไห้แน่ถ้าหากฉันไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเพื่อนสนิทที่กำลังตกที่นั่งลำบาก ] – ฟรานซิส
[ … ขอบคุณนายมาก ถ้าเช่นนั้น ชั้นเองก็—– ] – อิสุกิ
[ ไม่ ] [ ท่านพี่ไม่ได้ค่ะ ] – ฮาโรลด์/เอริกะ
ฮาโรลด์และเอริกะต่างพูดขัดอิสุกิที่กำลังจะประกาศออกมาว่าตนก็จะไปช่วยเช่นกัน
แน่นอนว่าในเนื้อเรื่องของเกมส์ ฉากนี้ไม่มีอิสุกิ แถมเขายังเป็นผู้นำคนถัดไปของตระกูลสุเมรากิ เขาไม่ควรเอาชีวิตมาเสี่ยงหากเกิดความผิดพลาดในการปิดการทำงานของอุปกรณ์ บางทีเอริกะอาจคิดถึงแนวๆนี้เธอจึงพูดขัดพี่ชายของเธอออกมาเช่นกัน
[ ทำไมละ ? … ] – อิสุกิ
[ คิดถึงสถานะของตัวเองซะบ้าง ] – ฮาโรลด์
[ ท่านพี่ควรจะอพยพออกไปพร้อมกับชาวเมืองไม่ใช่หรอคะ ? ] – เอริกะ
[ แต่ว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ควรเป็นหน้าที่ที่คนของตระกูลสุเมรากิเป็นคนรับผิดชอบสิ! ] – อิสุกิ
[ ถ้าเช่นนั้น ดิฉันจะไปเองค่ะ ท่านฮาโรลด์ไม่ติดอะไรใช่ไหมคะ ? ] – เอริกะ
[ ตัดสินใจด้วยตัวเอง อย่ามาถามชั้น ] – ฮาโรลด์
[ เพราะเช่นนั้น ท่านพี่โปรดยับยั้งชั่งใจด้วยค่ะ ] – เอริกะ
บทสนทนาลักษณะนี้ยังคงดำเนินต่อไปโดยมีฮาโรลด์และเอริกะพยายามขัดอิสุกิ แม้ว่าความสัมพันธ์ของเอริกะและฮาโรลด์จะเข้ากันได้ไม่ค่อยดีนัก แต่เมื่อใดที่ความตั้งใจของทั้งคู่ตรงกัน พวกเขาทั้งคู่กับเข้ากันได้อย่างน่าประหลาดใจ
หากมองจากความเป็นจริง การที่ให้เอริกะร่วมทางไปแก้ระเบิดด้วยคงไม่ดีเท่าไหร่ ซึ่งฺฮาโรลด์ก็แค่คิดว่ามันก็สะดวกดีที่จะให้เอริกะมาด้วย
พวกเขาทั้ง 3 ยังคงโต้เถียงกันแบบนี้ต่อไปอีกสักพัก และในที่สุดด้วยการรุม 2 ต่อ 1 อิสุกิจึงยอมแพ้ไปในที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ตัดสินใจได้แล้วว่าใครจะไปแก้ระเบิดบ้าง ฟรานซิสก็ถามอะไรบางอย่างขึ้น
[ ฮาโรลด์ แล้วทำไมนายถึงได้เจ้าอุปกรณ์นี้มาล่ะแถมยังรู้วิธีแก้ปัญหาหมอกพิษด้วย ? ] – ฟรานซิส
ตามที่ฮาโรลด์คาด คำถามนี้เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบคงไม่ได้ สายตาทุกสายตากำลังจ้องมองมาที่เขา
ขณะที่บอกกับตัวเองว่าเวลานี้แหละคือเวลาที่เหมาะสมที่สุดที่จะเปิดเผยความจริงทั้งหมด เขาจึงพูดขึ้น
[ เพราะคนใกล้ตัวชั้นเป็นคนสร้างเจ้าสิ่งนี้ ] – ฮาโรลด์
[ อะไรนะ ? ] – ฟรานซิส
[ ยูสทัส ฟรอยด์ เขาคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์หมอกพิษในครั้งนี้ ] – ฮาโรลด์
[ เดี่ยวนะ?! ศาสตราจารย์ ฟรอยด์คนนั้นหรอ ? คนที่ช่วยปกป้องนายในตอนนั้น? ] – ฟรานซิส
[ ถ้าแค่ฉากหน้าก็ใช่ ความจริงแล้ว หมอนั้นตั้งใจจะโอกาสนั้นทำให้ชั้นกลายเป็นเบี้ยภายใต้การควบคุมของเขา ] – ฮาโรลด์
[ … นายช่วยอธิบายรายละเอียดเพิ่มจะได้ไหม ? ] – ฟรานซิส
[ ฮืม ถ้านายอยากจะรู้นัก ก็ได้ชั้นจะเล่าให้ฟัง ] – ฮาโรลด์
“แล้ว ผมจะเริ่มตรงไหนดี ? ถ้าจะให้ผมเล่าตั้งแต่จุดเริ่มต้น ก็คงต้องเล่าตั้งแต่ตอนนั้นสินะ” – ฮาโรลด์
————————————
เอริกะถึงกับเหงื่อตก เหตุเพราะฮาโรลด์และคลอเล็ตปรากฎตัวขึ้นต่อหน้าเธอพร้อมๆกัน มันคงไม่มีปัญหาอะไรถ้าหากมีเพียงคนเดียวอยู่ ณ ที่นี่ หัวใจของเธอคงจะเต็มไปด้วยความสุขจากการได้พบกับคลอเล็ตอีกครั้งอย่างไม่คาดคิด และการมาของฮาโรลด์อย่างกะทันหันเองก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความยินดีไม่แพ้กันแม้ว่าเธอจะไม่เผยความรู้สึกนั้นออกมาทางใบหน้าก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก 2 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นพร้อมกัน คงรู้สึกอะไรแบบนั้นไม่ได้
ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับฮาโรลด์เป็นเพียงการโกหกและความเข้าใจผิดที่สั่งสมมาอย่างเหนียวแน่นกว่า 8 ปี ฮาโรลด์ผู้ซึ่งโกหกกับเธอว่าเป็นคนสังหารคลอเล็ตและเธอทำให้เธอเกลียดเขา ส่วนตัวของเอริกะเองก็รู้ดีว่าฮาโรลด์โกหกเธอ ในเมื่อสิ่งนี้คือความต้องการของฮาโรลด์ ดังนั้นเธอจึงแสร้งทำเป็นว่าเชื่อคำโกหกเหล่านั้น และคลอเล็ตผู้ที่ซึงเป็นต้นเหตุของคำโกหกที่ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเอริกะและฮาโรลด์ดิ่งลงเรื่อยๆ ดูเหมือนว่าคลอเล็ตจะไม่รู้ถึงความสัมพันธ์อันละเอียดอ่อนของทั้งเธอและเขา
เอริกะเชื่อว่าเธอนั้นเป็นผู้ที่เข้าใจสถานการณ์ในตอนนี้ได้ดีกว่าใครๆ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถทำอะไรผลีผลามได้ มันคือความลับที่ทั้ง 3 ฝ่ายพยายามรักษาเอาไว้และนั้นยิ่งทำให้สถานการณ์ยิ่งตึงเครียด ดังนั้นเธอจึงไม่อยากที่จะกล่าวออกมาว่าคลอเล็ตนั้นเป็นเพื่อนของเธอ คลอเล็ตนั้นไม่ได้ทำอะไรผิด นั้นเพราะเอริกะเป็นคนกล่าวเองว่าหากพวกเธอทั้ง 2 พบกันอีกครั้ง ได้โปรดให้พวกเราได้เป็นเพื่อนกัน และเอริกะรู้สึกดีใจจริงๆที่คลอเล็ตยังคงจำสัญญาเหล่านั้นได้เมื่อ 5 ปีก่อน
แต่ว่าทำไมสัญญาเหล่านั้นถึงต้องเกิดขึ้นเวลานี้ด้วย?
เอริกะปฎิเสธคำพูดของคลอเล็ตไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงต้องยอมรับการเป็นเพื่อนไปตรงๆ หัวใจของเธอไม่เย็นฉามากพอที่จะแสร้งทำเป็นไม่รู้จักกันในสถานการณ์เช่นนี้
ท้องไส้ของเธอเริ่มปั่นป่วน มันเป็นความรู้สึกกะอักกะอวนที่ไม่เคยพบมาก่อน หากสถานการณ์ยังดำเนินไปเช่นนี้อยู่เธอเองก็คงจะทนต่อไปไม่ไหว
อย่างไรก็ตาม เมื่อบทสนทนาดำเนินต่อไปเรื่อยๆ เธอก็ค่อยๆสูญเสียความกังวลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไปเรื่อยๆ นั้นเพราะจู่ๆเธอก็ได้ทราบถึงวิธีการรักษาผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากหมอกพิษ และวิธีการแก้ที่ต้นตอของปัญหาอีกด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่ตระกูลสุเมรากิค้นหาคำตอบเหล่านั้นมาเนิ่นนาน
และยิ่งกว่านั้น ฮาโรลด์กำลังจะเล่าถึงอดีตของเขา แม้ว่าเธอจะคิดว่าฮาโรลด์คงไม่เล่าความจริงออกมาทั้งหมด แต่นั้นอาจจะทำให้เธอสามารถเดาได้ว่าฮาโรลด์นั้นกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม
[ อันดับแรก พวกนายจำเหตุการณ์การต่อสู้ในป่าเบลติสเมื่อ 5 ปีก่อนได้รึปล่าว ? ] – ฮาโรลด์
ฺฮาโรลด์กล่าวออกมาอย่างใจเย็น สำหรับเอริกะแล้ว การต่อสู้นั้น เป็นจุดเริ่มต้นที่เธอ—ไม่สามารถลืมมันได้
[ เหตุการณ์ที่กองทัพจักรวรรดิบุกเข้าโจมตีเหล่าอัศวินและชนเผ่าสเตลล่า ซึ่งทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บและล้มตายเป็นจำนวนมาก ถ้าฉันจำไม่ผิด ตอนนั้นนายตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นสายลับจากจักรวรรดิ ] – ฟรานซิส
ฟรานซิสคือผู้ที่ตอบกลับคำถามเหล่านั้น ดูเหมือนว่าเขาจะรู้เค้าโครงของความวุ่นวายในเหตุการณ์นั้น อย่างไรก็ตามข้อมูลนั้นเป็นข้อมูลที่บิดเบือนความจริงต่อสาธารณะชน
[ นั้นไม่จริง ฮาโรลด์ได้รับข้อมูลข่าวสารที่กองทัพจักรวรรดิจะบุกก่อนที่เหตุการณ์นั้นจะเกิดขึ้น และนั้นทำให้เขาต้องไปที่ป่าเบลติสและพยายามหยุดการต่อสู้เหล่านั้นด้วยตัวเอง ] – อิสุกิ
[ นั้นไม่สำคัญ ] – ฮาโรลด์
[ ไม่ มันต้องสำคัญสิ! เพราะเหตุการณ์นั้นนายถึงกับได้รับบาดเจ็บสาหัสเลยนะ ] – อิสุกิ
[ นั้นมันแค่รอยขีดข่วน ] – ฮาโรลด์
[ มีบาดแผลที่เกิดจากเวทมนตร์เป็นรูโหว่ขนาดใหญ่ที่ไหล่ของนาย บาดแผลนั้นทำให้นายสลบไปเกือบอาทิตย์ นายจะบอกว่านั้นคือรอยขีดข่วนรึไง ] – อิสุกิ
[ ทะ-ท่านฮาโรลด์ไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหมคะ ? ] – คลอเล็ต
[ ชั้นสบายดี ดังนั้นถึงนั่งอยู่ตรงนี้ได้ไง เอาล่ะ ชั้นเล่าต่อได้รึยัง ? ] – ฮาโรลด์
อิสุกิรู้ดีว่าฮาโรลด์จะไม่ชอบใจเท่าไหร่นักที่เปิดเผยข้อมูลของเขามากเกินไป แต่ว่าตั้งแต่ฮาโรลด์ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากความหุนหันพลันแล่นของตัวเองในเหตุการณ์นั้น อิสุกิก็ได้รู้สึกเช่นเดียวกับเอริกะ มันคือความกลัวที่จะสูญเสียฮาโรลด์ไป ดังนั้นอิสุกิจึงพยายามอย่างเอาเป็นเอาตายที่จะย้ำเตือนไม่ให้ฮาโรลด์ประมาท ต่อให้ต้องมีปากเสียงกันเขาก็ยอม แต่นั้นดูเหมือนจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่นัก
[ ในการต่อสู้นั้น ชั้นได้เอาชนะผู้บัญชาการของจักรวรรดิและพยายามจะควบคุมตัวหมอนั้น แต่ทว่า กลับกลายเป็นชั้นเองที่ถูกจับและตกเป็นผู้ต้องสงสัยที่จะเป็นสายลับจากจักรวรรดิ และ 2 สัปดาห์ต่อมาชั้นก็ถูกตัดสินประหารชีวิต ] – ฮาโรลด์
[ นั้นมะนไร้สาระชัดๆ ! ทั้งๆที่นายเป็นคนที่จบการต่อสู้ที่ไร้เหตุผลนี้แท้ๆ! ] – ไลเนอร์
ว่ากันตามจริง ในเหตุการณ์นั้น ผลงานที่ฮาโรลด์ได้ทำสมควรถูกได้รับการยกย่องด้วยซ้ำ และคงไม่แปลกหากเขาได้รับเหรียญกล้าหาญ เพราะหากไม่ใช่เพราะฮาโรลด์ เหตุการณ์การขัดแย้งระหว่างอัศวินและชนเผ่าสเตลล่า อาจลุกลามใหญ่โตโดยไม่รู้เลยว่าพวกจักรวรรดิเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลัง
การที่เขาอยู่ในชุดของนายทหารจากจักรวรรดิเพื่อที่จะแสดงให้เพื่อนอัศวินรู้ว่าศัตรูที่แท้จริงคือใครกันแน่ แม้เหตุผลจริงๆข้อนี้เขาจะไม่ได้อธืบายมันออกมาเพื่อแก้ต่าง แต่นั้นก็ไม่ได้หมายความว่าเขาควรที่จะได้รับโทษประหารชีวิต
ถึงกระนั้น ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ฮาโรลด์จะเล่าความจริงทั้งหมดออกไป
[ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังในการปลุกปั่นให้จักรวรรดิซาเรี่ยนบุกเข้าโจมตีนั้นคือชายที่ชื่อแฮร์ริสัน แต่ว่าหมอนั้นก็เป็นเพียงหุ่นเชิดของยูสทัสเท่านั้น ] – ฮาโรลด์
[ … หรืออีกนัยหนึ่ง ผู้ที่ต้องรับผิดชอบจริงๆต่อเหตุการณ์การต่อสู้ในครั้งนั้นก็คือ … ] – เอริกะ
น้ำเสียงของเอริกะสั่นเล็กน้อยจากการตกใจที่ได้ทราบความจริงและความโกรธ ในทางกลับกัน ฮาโรลด์ยังคงกล่าวต่อไปโดยไร้อารมณ์ใดๆ
[ ถูกต้อง นอกจากนี้ ยูสทัสก็เป็นผู้อยู่เบื้องหลังที่ชักจูงสภาอัศวินให้ตัดสินประหารชีวิตชั้น และในตอนที่ชั้นถูกจองจำอยู่ในคุกใต้ดิน หมอนั้นก็เล็งเห็นว่าเป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่จะมาปรากฎตัวต่อหน้าชั้น และบอกกับชั้นว่าจะนั่งรอความตายอยู่ในนี้หรือจะมาเข้าร่วมกันเขา ] – ฮาโรลด์
“หมอนั้นเจ้าเล่ห์มาก” นั้นคือสิ่งที่เอริกะคิด เขาเป็นผู้ที่ผลักไสให้ฮาโรลด์ต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เพื่อที่ตนจะได้เสนอความช่วยเหลือกับฮาโรลด์ หมอนี่มันเก่งในการทำเรื่องไม่ดีจริงๆ
ขณะที่เธอหันไปมองอิสุกิและไลเนอร์ ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้ง 2 จะโกรธยูสทัสจัด เช่นเดียวกับคลอเล็ตและฮิวโก้ ดูเหมือนว่าทั้งคู่จะรู้สึกเห็นใจฮาโรลด์ที่ถูกกระทำอย่างไม่เป็นธรรม
[ ถึงแม้ว่าการทำงานกับหมอนั้นจะน่ารำคาญก็เถอะ แต่มันก็ดีอย่างที่ทำให้ค้นพบความจริงหลายๆอย่าง 1 ในนั้นคือข้อมูลที่ชั้นพึ่งจะบอกพวกนายไป ] – ฮาโรลด์
[ … แต่ว่า – ศาสตราจารย์ฟรอยด์ทำแบบนี้ไม่เพื่ออะไรกัน ? ] – ฟรานซิส
[ ดูเหมือนว่าหมอนั้นกำลังวางแผนอะไรบางอย่างเพื่อล้างสมองเหล่าผู้นำของอาณาจักร ทั้งการต่อสู้ในป่าเบลติสและเรื่องอุปกรณ์รวบรวมพลังงานจากชีพจรของมังกรอาจจะเกี่ยวข้องด้วยเช่นกัน ชั้นเดาไม่ออกจริงๆเกี่ยวกับความตั้งใจของไอ้บ้านั้น ที่ทำถึงขนาดจับคนของเผ่าสเตลล่ามาทดลอง ] – ฮาโรลด์
[ จับคนมาทดลอง ? นายอย่าบอกนะว่านั้นคือเหตุผลจริงๆที่อยู่เบื้องหลังการต่อสู้นั้น !? ] – ฟรานซิส
[ ความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเวลานั้นคือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการลักพาตัวผู้คน ] – ฮาโรลด์
[ เวรเอ๊ย! ฮาโรลด์ !!! คนพวกนั้นที่ถูกลักพาตัวไปปลอดภัยรึปล่าว? ] – ฟรานซิส
[ … ชั้นช่วยออกมาได้แค่ 2 คน แต่ชั้นก็พูดได้ไม่เต็มปากหรอกนะว่า 2 คนนี้ก็ปลอดภัยดี ] – ฮาโรลด์
[ เวรเอ๊ย!!!!! ] – ฟรานซิส
ฟรานซิสถึงกับทุบไปที่โต๊ะจนเกิดเสียงดัง ใบหน้าของเขาบิดเบี๊ยวไปด้วยความโกรธอย่างเห็นได้ชัด เพราะถ้าเขาไม่ทำเช่นนั้น เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะระบายความโกรธนี้ออกไปยังไงดี ส่วนฮิวโก้ที่พึมพัมอะไรบางอย่างออกมาว่า “รึว่าจะเป็น– ตอนนั้น…” แล้วเขาก็ปิดปากทันที ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อมโยงอะไรบางอย่างได้ จนปล่อยบรรยากาศที่โศกเศร้าปกคลุมไปทั่วห้อง แม้กระทั้งยูโนะเองก็ถึงกับละสายตาและก้มหน้ามองลงที่เก้าอี้ตัวตรงมุมหนึ่ง มือทั้ง2ของเธอยังคงกุมแน่นที่บนเข่า มีเพียงคนเดียวที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆออกมานั้นคือฮาโรลด์
[ และ อีกเรื่อง ไลเนอร์ ] – ฮาโรลด์
[ คะ-ครับ ] – ไลเนอร์
[ แฮร์ริสันคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกโจรที่ไปขโมยดาบของนาย หรือก็คือ ยูสทัสคือตัวการที่แท้จริงเช่นกัน ] – ฮาโรลด์
[ นะ-นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน … ถ้างั้น เหตุผลที่ทำให้นายเกือบตาย พ่อแม่ของผมได้รับบาดเจ็บ คนบริสุทธ์มากมายที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ ประชาชนของสุเมรากิต้องทนทุกข์ทรมาน เหตุผลทุกๆอย่างเกิดขึ้นเพราะการกระทำของยูสทัสทั้งหมดอย่างงั้นหรอ ?! ] – ไลเนอร์
[ เท่าที่ชั้นรู้ ก็ใช่ ] – ฮาโรลด์
[ หมอนั้นต้องชดใช้! ผมจะต้องทำให้หมอนั้นชดใช้ให้ได้!!!!! ] – ไลเนอร์
ไลเนอร์กล่าวออกมาอย่างมุ่งมั่น เอริกะเองก็รู้สึกเช่นนั้น บางที ทุกๆคนในห้องนี้ก็รู้สึกเช่นนี้เหมือนกัน หากพิจารณาดูดีๆ ความโกรธของพวกเขาแต่ละคนอาจจะมาจากต้นเหตุที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม มีสิ่ง 1 ที่พวกเขารู้สึกเหมือนกัน
นั้นคือเปลวไฟแห่งความโกรธที่ยูสทัสทำให้ฮาโรลด์ต้องทุกข์ทรมาน เอริกะก็พึ่งจะเคยมีความรู้สึกเชิงลบที่รุนแรงถึงขนาดนี้เป็นครั้งแรก
[ ถ้าหากนายคิดว่าจะทำได้ ก็เชิญเลยตามสบาย แต่ว่าสิ่งนั้นจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้หากไม่ได้แก้ปัญหาหมอกพิษนี้เป็นอันดับแรก ] – ฮาโรลด์
คำตอบของคำพูดนั้นมีหลากหลายมากทั้ง “ใช่!” “แน่นอน!” “ลุยกันเถอะ!” และอื่นๆ แต่ที่เหมือนๆกันคือทุกคนกล่าวออกมาอย่างแน่วแน่
แน่นอนว่าเสียงของเอริกะเองก็ผสมอยู่ในคำพูดเหล่านั้นเช่นกัน