My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 303
ลู่โจวนึกถึงคำอธิบายของหยวนดู่ก่อนที่จะนึกถึงความทรงจำได้ มันเป็นความทรงจำที่ตัวเขาฝึกฝนอย่างสันโดษอยู่ “มนุษย์ธรรมดาที่มีอายุมากที่สุดจะมีอายุประมาณ 100 ปีเท่านั้น…บางทีผู้ฝึกยุทธอาจจะเป็นมนุษย์ประเภทที่แตกต่างกัน”
หยวนดู่ได้มองไปที่ลู่โจว สายตาของเขาจ้องมองไปยังผมสีขาวของลู่โจว “นั่นถือเป็นคำอธิบายแนวทางใหม่จริงๆ พี่จี ท่านเปลี่ยนไปมากจริงๆ …”
ทั้งคู่ถือเป็นคนรุ่นเก่า ในฐานะที่เป็นคนรุ่นเก่าพวกเขาย่อมรู้จักกันเป็นอย่างดี
ลู่โจวแค่พยักหน้าตอบกลับไปอย่างมีเลศนัย ตัวเขาเองก็ไม่สามารถบอกให้หยวนดู่เข้าใจได้ว่าตัวเขาเองมาจากโลกอื่นที่แตกต่างกันออกไป
“เจ้าเองก็เปลี่ยนไปแล้วเช่นกัน” ลู่โจวได้พูดออกมาหลังจากที่ตัวเขาได้เทียบคนที่อยู่ตรงหน้ากับคนที่อยู่ในความทรงจำ ภายในความทรงจำที่เขามีหยวนดู่ไม่ใช่คนที่มีนิสัยน่าประทับใจเท่าไหร่
ถ้ำเสือย่อมเล็กเกินกว่าที่เสือสองตัวจะอยู่ร่วมกันได้ หยวนดู่เป็นผู้ที่ทั้งน่ากลัว, อดทน เขาสามารถอดทนกับสิ่งที่คนอื่นไม่สามารถทำได้นานกว่ามาก ตัวเขาสามารถซ่อนตัวอยู่ในสุสานแห่งดาบมาเป็นเวลากว่า 100 ปีได้ การที่จะให้ตัวเขาอยู่ร่วมชายคากับยอดฝีมือระดับสูงคงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้แน่ บางทีคนที่ใกล้ตายอาจจะใจดีขึ้นมาก็ได้ ในตอนนี้หยวนดู่ดูเหมือนกับเสียตัวตนเดิมที่เคยมีในอดีตไปแล้ว
หลังจากที่ดื่มเหล้าไปอีกสามรอบพระอาทิตย์ก็เริ่มตกดิน
แสงแดดยามเย็นได้สาดส่องไปที่หยวนดู่ ตัวเขารู้สึกมีความสุขมาก ในตอนนี้เขาจ้องมองไปยังเล้งลั่ว, ฝานลี่เทียน และฮั๊ววู่เด๋าที่กำลังยืนอยู่ใกล้ๆ ก่อนที่จะหันไปมองต้วนมู่เฉิง, หยวนเอ๋อ และคนอื่นๆ หลังจากนั้นตัวเขาก็มองไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าก่อนที่จะพูดออกมา “สองคนนี้ได้พูดคุยด้วยดาบกับข้ามาแล้ว…”
“เล้งลั่ว” เล้งลั่วได้ประกาศชื่อของตัวเองออกมา เนื่องจากหยวนดู่ยังไม่ได้อยู่ในสภาพที่สู้ดีนัก ดังนั้นเล้งลั่วจึงคิดว่าความจำที่หยวนดู่มีอาจจะไม่ค่อยดีเช่นกัน
ในตอนแรกฝานลี่เทียนกำลังจะพูดชื่อขอทานเฒ่าขึ้นมา แต่หลังจากที่ลองคิดดูแล้วตัวเขาก็เลือกที่จะพูดความจริงแทน “ข้า ฝาน…ลี่เทียน”
หยวนดู่ผงะเล็กน้อยหลังจากนั้นตัวเขาก็ได้พูดออกมา “เจ้าเป็นยอดฝีมือของสำนักแห่งความบริสุทธิ์…ข้าจำเจ้าได้”
“เป็นเรื่องที่น่าดีใจจริงๆ “
“อดีตเจ้าสำนักเร็นจากสำนักแห่งความบริสุทธิ์ได้จากไปแล้ว เจ้าได้ต่อสู้กับผู้อาวุโสทั้งแปดและข้าก็ได้ยินมาว่าเจ้าได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้ครั้งนั้น หลังจากนั้นองค์ชายสี่ก็ได้ช่วยเจ้าไว้ก่อนที่เจ้าจะเดินทางไปยังพรมแดนสินะ? ” หยวนดู่มองดูฝานลี่เทียนด้วยสายตาอันสับสน
คนอื่นๆ มองไปที่ฝานลี่เทียน
‘นี่เป็นสาเหตุที่ทำให้ฝานลี่เทียนออกจากสำนักแห่งความบริสุทธิ์อย่างงั้นสินะ? ‘
“นั่นมันเป็นเรื่องราวในอดีตที่ได้ผ่านพ้นไปแล้ว ในตอนนี้ไม่มีประโยชน์ที่จะพูดถึง” ฝานลี่เทียนได้พูดออกมาก่อนที่จะโบกมือให้อย่างไม่ใส่ใจ การที่จะถามหยวนดู่ว่ารู้เรื่องนี้ได้ยังไงมันไม่สำคัญอะไรอีกต่อไป
“พี่จี ข้าต้องขอบอกเลยว่าท่านยังมีฝีมือที่ดีจริงๆ นอกจากท่านจะเป็นยอดฝีมือแล้วท่านยังทำให้ชายชราทั้งสองคนอย่างเล้งลั่วและฝานลี่เทียนยอมรับใช้ได้แบบนี้…ข้าประทับใจจริงๆ ” หลังจากที่หยวนดู่พูดจบตัวเขาก็ได้ไอออกมาอย่างรุนแรงอีกครั้ง แม้ว่าการไอครั้งนี้จะไม่มีเลือดก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าผมของเขาจะเปลี่ยนกลายเป็นสีขาวมากยิ่งขึ้น หยวนดู่อายุเพิ่มมากขึ้นเพียงชั่วครู่
หยวนดู่ได้ใช้ทั้งแก่นแท้แห่งชีวิตรวมไปถึงเลือดของตัวเองเพื่อที่จะเพิ่มพลังวรยุทธที่มีในระยะเวลาสั้นๆ แม้แต่ของอย่างการ์ดรักษาฉุกเฉินเองก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตของตัวเขาในตอนนี้ได้ ท้ายที่สุดแล้วหยวนดู่ตั้งใจที่จะฆ่าตัวตายไปหลังจากที่จู่โจมก่อนหน้านี้
หยวนดู่จ้องไปที่ลู่โจว น้ำเสียงของเขาดูแตกต่างจากก่อนหน้านี้ “ใกล้ถึงเวลาเต็มทีแล้ว”
“เจ้าไม่คิดจะกลับเข้าไปในโลงศพอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวมองไปที่โลงศพที่อยู่ด้านข้าง ในตอนแรกตัวเขาวางแผนที่จะให้โอกาสหยวนดู่อีกครั้งถ้าหากเขาเต็มใจที่จะอยู่ในศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่เมื่อได้ยินข้อมูลทั้งหมดของหยวนดู่ที่ตัวเขาได้รับมาจากสุสานแห่งดาบ เป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะทำแบบนั้น
“ไม่เป็นไร” หยวนดู่ไม่แม้แต่จะหันไปมองที่โลงศพ ตัวเขาได้ส่ายหัวก่อนจะพูดออกมาอีกครั้ง “ข้าได้นึกถึงเวทมนตร์คาถาอะไรบางอย่าง ถ้าหากมีใครต้องการใช้มันปลุกศพของข้าขึ้นมาจริงๆ …คนคนนั้นจะต้องบอกว่าศพของข้าดูแย่มากแน่”
“เจ้าพูดถูกแล้วล่ะ” ลู่โจวได้พยักหน้าก่อนที่จะจิบเหล้าที่อยู่ในมือ
หยวนดู่ที่ได้ยินคำพูดตรงไปตรงมาของลู่โจวหางตากระตุก ตัวเขาได้หัวเราะออกมาเบาๆ “พี่จี ท่านเองก็แก่มากแล้ว ท่านไม่คิดที่จะพูดสิ่งดีๆ อย่างการให้กำลังใจหน่อยหรอ? “
ลมกระโชกได้พัดผ่านมา ถ้าหากไม่มีม่านพลังคอยป้องกันไว้ ผืนไม้ใบหญ้าที่มีอยู่ในภูเขาทองก็จะสามารถสัมผัสกับลมได้โดยตรง
แสงของดวงอาทิตย์ได้เปลี่ยนกลายเป็นสีแดงอ่อน และเป็นเพราะแสงทำให้ดูเหมือนกับว่ามีการต่อสู้นองเลือดอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า
ซู่ววว!
ในตอนนั้นเองก็เกิดภาพสะเทือนขวัญขึ้นมา
เท้าของหยวนดู่เริ่มแหลกสลายจนกลายเป็นเม็ดทราย ร่างกายของตัวเขาเป็นเหมือนกับประติมากรรมที่ทำมาจากทรายยังไงยังงั้น
“เจ้าน่ะชอบดื่มเหล้าไม่ใช่หรอ ดื่มให้มากกว่านี้ซะสิ” ลู่โจวได้ยกถ้วนเหล้าของตัวเองขึ้นมา
“แน่นอน” น้ำเสียงของหยวนดู่ไม่ได้ดูแหบแห้งอีกต่อไป ตอนนี้น้ำเสียงของเขาฟังดูชีวิตชีวา, หนุ่มแน่น และดูขี้เล่นมากยิ่งขึ้น หลังจากที่หยวนดู่ถูกสุดยอดพลังคลื่นเสียงของลู่โจวเข้าโจมตี จุดตันเถียนที่เปรียบเสมือนจุดสะสมพลังลมปราณก็ได้เปลี่ยนแปลงไป จุดตันเถียนของเขาไม่อาจที่จะกักเก็บอะไรได้อีกต่อไป เหล้าที่ได้ดื่มไหลลงไปในท้องของหยวนดู่ เท้าของหยวนดู่ได้หายสลายไปกับสายลมแล้ว สายลมที่พัดผ่านเองก็รุนแรงมากยิ่งขึ้น
ในตอนนี้ทุกๆ คนต่างก็จับจ้องไปที่หยวนดู่ พลังของเขาได้หวนคืนสู่ธรรมชาติและกระจายไปกับสายลมอีกครั้ง
“เป็นเหล้าที่ดีจริงๆ …” หยวนดู่ได้วางถ้วยเหล้าของเขาลง ตัวเขาได้เอามือทั้งสองข้างไว้ข้างตัว ร่างกายของหยวนดู่เริ่มสลายตัวมากยิ่งขึ้น
“มีอะไรจะสั่งเสียไหม? “
“ลืมมันไปซะเถอะ”
ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขาจะพูดอะไรได้? ยังไงซะลู่โจวก็เป็นคนที่เดินทางมาจากโลกอื่น ความคุ้นเคยที่ตัวเขามีให้กับหยวนดู่เป็นเพียงความคุ้นเคยที่มีมาจากความทรงจำเท่านั้น เมื่อนึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นตั้งแต่ข้ามมิติมา ลู่โจวก็คิดทบทวนว่าตัวเขาเอาตัวรอดจนมาถึงตอนนี้ได้ยังไง เมื่อคิดถึงที่ที่เป็นบ้านเกิด ลู่โจวก็คิดถึงบทกลอนอะไรบางอย่างขึ้นมา ความรู้สึกของเขาในตอนนี้ดูซับซ้อนราวกับถ้อยคำเหล่านั้น
ท้ายที่สุดแล้วหยวนดู่ก็ได้พูดออกมา “ขอเหล้าให้ข้าอีกถ้วยด้วยเถอะสหาย ดื่มเพื่อเป็นการอำลาของพวกเรา ในที่สุดข้าก็จะได้กลับไปยังดินแดนทางตะวันตกสักที”
ลู่โจวได้ยกขวดเหล้าขึ้นก่อนจะรินลง
หยวนดู่ดื่มเหล้าถ้วยสุดท้ายของเขา ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้วางเหล้าลงบนโต๊ะ ในตอนนั้นเองร่างกายของหยวนดู่ก็ได้กระเพื่อมพลังออกมา ร่างกายที่ไร้พลังได้เสื่อมสลายกลายเป็นทรายก่อนที่จะลอยไปกับสายลม
ลู่โจวที่ได้ฟังแบบนั้นก็ยังรู้สึกค้างคาใจอยู่ “ดินแดนตะวันตกที่เจ้าต้องการไปอยู่ที่ไหนกัน? ” แต่น่าเสียดาย ลู่โจวไม่อาจที่จะได้ฟังคำตอบได้ ร่างกายของหยวนดู่ทั้งหมดได้สลายไปก่อนจะพัดผ่านไปตามสายลมบนภูเขาทองแห่งนี้
ในตอนนั้นที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ากลับมาเงียบสงบลงอีกครั้ง
หลังจากที่นิ่งไปครู่หนึ่งลู่โจวก็ได้ลุกขึ้นมา ที่มือของเขายังคงไขว้อยู่ที่ด้านหลัง ตัวเขาจ้องมองไปยังโลงศพรวมไปถึงพื้นดินที่ได้รับความเสียหาย
คนอื่นๆ ยังคงนิ่งเงียบ คนคนนี้นี่ถือเป็นสหายของลู่โจวอย่างแท้จริง
หยวนดู่ได้ใช้เลือดและแก่นแท้แห่งชีวิตจนทำให้อายุขัยที่เคยมีลดลงไปถึง 100 ปีด้วยกัน แม้ว่าเขาจะไม่ใช่ผู้ที่มาหาเรื่องศาลาปีศาจลอยฟ้า แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังจะต้องตายอยู่ดี ในตอนแรกหยวนดู่วางแผนที่จะตายอย่างสงบอยู่ในโลงศพ สิ่งที่ทำให้หยวนดู่เปลี่ยนใจไปก็คือการพูดคุยกับลู่โจวรวมไปถึงการดื่มเหล้าเป็นครั้งสุดท้าย
“เก็บกวาดซะ”
เมื่อลู่โจวเดินเข้าไปในห้องโถงใหญ่ ทุกคนก็ได้เดินตามตัวเขาไป
คนอื่นๆ ได้โค้งคำนับให้ “ค่ะ/ครับ ท่านปรมาจารย์”
“ครับ/ค่ะ ท่านอาจารย์”
ลู่โจวมองไปรอบๆ ตัวก่อนที่จะพูดออกมาด้วยความสงสัย “หมิงซี่หยินกับจ้าวยู่ยังไม่กลับมาอีกหรอ? “
ต้วนมู่เฉิงคารวะก่อนที่จะตอบออกมา “ในตอนที่ท่านฝึกฝนตัวเอง ในตอนนั้นศิษย์น้องสี่ก็ได้ส่งจดหมายมา…เขาบอกว่าตัวเองอยู่ที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และกำลังจะพาศิษย์น้องจ้าวยู่กลับมากับเขาด้วย ดังนั้นหมิงซี่หยินก็จึงขอเวลาเพิ่มเติม”
“ให้เขาทำตามที่ต้องการเถอะ”
ต้วนมู่เฉิงถอยกลับไป ลู่โจวมองไปที่ฝานลี่เทียน, เล้งลั่ว และฮั๊ววู่เด๋า ดูเหมือนว่าศาลาปีศาจลอยฟ้ากำลังจะกลายเป็นสถานที่ดูแลคนชราไปอย่างช้าๆ
หยวนเอ๋อเป็นเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังดูเป็นวัยรุ่นและยังคงร่าเริง…
ลู่โจวนึกภาพของหยวนดู่ที่ได้ลอยไปตามสายลม ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมา ตัวเขาที่มีการ์ดพลังชีวิตจึงไม่เคยกลัวที่จะต้องหมดอายุขัย แต่อย่างไรก็ตามผู้คนที่อยู่รอบตัวของเขาล่ะ? “ท่านปรมาจารย์มีจดหมายมาจากเจียงอาเฉียน”
“อ่านมันซะ” ลู่โจวได้ตอบกลับไป
“ผู้อาวุโส สำนักเที่ยงธรรมได้ถูกสำนักอเวจีกวาดล้างไปแล้ว ในตอนนี้จางหยวนฉานได้หายสาบสูญไป สิ่งที่สำนักอเวจีทำในครั้งนี้ทำให้เหล่าราชวงศ์หันมาสนใจ ทั้งเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นที่เมืองอันยางหรือเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองทางตอนเหนือ ทางราชวงศ์จะไม่ยอมอยู่เฉยอีกต่อไป ทางราชวงศ์จะไม่ยอมละความพยายามใดๆ ที่จะจัดการกับสำนักอเวจีแน่ นอกจากนี้ศิษย์คนที่สี่และคนที่ห้าของท่านก็ยังอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ ข้าจะเป็นคนดูแลพวกเขาให้กับท่านเอง ข้ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่จะต้องรายงาน ในตอนนี้หนูขโมยทั้งห้าถูกสังหารแล้ว คนที่สังหารพวกหนูขโมยก็คือยี่เทียนซิน ศิษย์คนที่หกของท่านนั่นเอง”
หลังจากที่อ่านจดหมายจบ ห้องโถงใหญ่ก็กลับมาเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง