My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 308
ฝานซง, โจวจี้เฟิง, ฮั๊ววู่เด๋า และผู้ฝึกยุทธหญิงต่างก็ขยับตัวเข้ามาใกล้มากยิ่งขึ้น ทุกคนล้วนแต่ยังหนุ่มยังสาวเกินกว่าที่จะมีความรู้และประสบการณ์กว้างขวางเหมือนกับผู้อาวุโสทั้งหมด ดังนั้นจึงไม่มีใครอยากปล่อยให้โอกาสแบบนี้หลุดรอด ผู้อาวุโสทั้งสามเองต่างก็คาดหวังเช่นเดียวกัน ทุกสายตากำลังจับจ้องไปที่ลู่โจว
ลู๋โจวยังคงลูบเคราของตัวเองต่อไป ดูเหมือนว่าตัวเขากำลังใช้ความคิดอยู่
ฮั๊ววู่เด๋าเป็นฝ่ายพูดออกมาอีกครั้ง “พลังผนึกตราประทับทั้งหกของข้าเป็นเคล็ดวิชาที่ข้าได้คิดค้นมาตลอด 20 ปี มันเป็นเคล็ดวิชาที่ได้อิงมาจากพลังผนึกทั้งหก จนถึงตอนนี้ข้าสามารถสร้างตัวหนังสือล้อมรอบมันได้ถึง 9 แบบแล้ว มันสามารถต้านทานการโจมตีจากยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารแปดกลีบได้ด้วยซ้ำถ้าหากใช้วิชาผนึกแปดทิศเข้าเสริมพลัง การจะสร้างตัวหนังสือขึ้นมาสักแบบจะต้องสร้างขึ้นมาอย่างแม่นยำและควบคุมให้ดีที่สุด ยิ่งจะสร้างให้สมบูรณ์แบบมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น พวกเราไม่ควรจะดูถูกพลังผนึกตราประทับทั้งหกจะดีกว่า ในตอนที่ข้าเข้าร่วมกับศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ใหม่ๆ ด้วยพลังตัวหนังสือทั้งหกก็เพียงพอแล้วที่จะต้านทานการโจมตีของต้วนมู่เฉิงที่รวบรวมพลังทั้งหมดเข้าโจมตีได้”
ทุกๆ คนต่างก็ได้เห็นพลังจากยุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ที่ต้วนมู่เฉิงใช้มากับตาแล้ว มันเป็นพลังการใช้หอกอันแข็งแกร่งและทรงพลังอย่างน่ากลัว แต่ถึงแบบนั้นฮั๊ววู่เด๋าก็สามารถป้องกันการโจมตีนั้นได้ด้วยการใช้พลังจากตัวอักษรทั้ง 6 เพียงเท่านั้น
ฝานซงได้พูดออกมาอย่างสงสัย “ผู้อาวุโส ท่านสามารถสร้างตัวอักษรออกมาได้สูงสุดเท่าไหร่กันแน่?”
“ในตอนที่ข้าใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหก ข้าสามารถสร้างตัวอักษรสูงสุด 10 ตัว แต่ด้วยพลังวรยุทธที่ข้ามีในตอนนี้ข้าจึงสามารถควบคุมได้แต่ตัวอักษรทั้งเก้าเท่านั้น”
“มีตัวอักษรถึง 10 แบบเลยสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“ผู้อาวุโสฮั๊ว ความสำเร็จที่ท่านฝึกฝนพลังผนึกตราประทับทั้งหกได้ไม่มีใครเทียบเคียงท่านได้จริงๆ” ฝานซงและคนอื่นๆ ต่างก็เห็นด้วยกับสิ่งๆ นี้
การจะฝึกฝนตนจนเชี่ยวชาญที่จะใช้วิชาใดวิชาหนึ่งได้ย่อมส่งผลให้คนคนนั้นกลายเป็นผู้ชำนาญการไป ยังไงซะผู้ที่เริ่มฝึกฝนใหม่ก็ย่อมไม่อาจเทียบเคียงกับผู้ที่ฝึกฝนวิชานั้นมาอย่างยาวนานได้
พลังวรยุทธของต้วนมู่เฉิงยังอยู่ในขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นเขามีพลังอวตารดอกบัวสองกลีบเพียงเท่านั้น มันคงจะเร็วเกินไปหน่อยถ้าหากต้วนมู่เฉิงจะคิดฝึกฝนเคล็ดวิชากระบวนท่าใหม่ อย่างน้อยๆ ตัวเขาคงจะต้องรอฝึกฝนตัวเองจนมีอวตารดอกบัวห้ากลีบให้ได้ก่อน เมื่อถึงตอนนั้นเขาอาจจะคิดค้นกระบวนท่าใหม่ๆ ที่จะใช้ล้มฮั๊ววู่เด๋าก็เป็นได้
“ผู้อาวุโสฮั๊ว การที่ใครสักคนทุ่มเทเวลากว่า 20ปี เพื่อที่จะคิดค้นเคล็ดวิชาใหม่ขึ้นมา วิชานั้นคงจะเป็นอะไรที่ซับซ้อนและยากมาก ท่านจะไปให้คนที่ไม่ได้ฝึกฝนเหมือนกับท่านเลียนแบบได้ยังไงกัน?” โจวจี้เฟิงได้พูดออกมาอย่างสิ้นหวัง
คนอื่นๆ เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
โจวจี้เฟิงพูดถูกแล้ว การที่ฮั๊ววู่เด๋าใช้เวลา 20 ปีเพื่อที่จะสร้างพลังผนึกตราประทับทั้งหกให้สมบูรณ์แบบได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แม้ว่าคนอื่นๆ จะเข้าใจถึงเรื่องทฤษฎีแล้ว แต่การที่จะทดลองใช้พลังนั้นภายในครั้งเดียวก็ยังเป็นเรื่องที่ยากเกินไปอยู่ดี
ในตอนนั้นเองผู้อาวุโสทั้งสามกำลังคิดวิธีทางที่จะทำให้ลู่โจวถอนตัวออกมาจากการสาธิตพลังอย่างสง่างามอยู่
ฮั๊ววู่เด๋าเริ่มเสียใจแล้วที่เขาพูดโดยที่ไม่ทันได้ยั้งคิด ตัวเขาไม่ควรที่จะปริปากเพื่อให้ปรมาจารย์คนนี้แสดงพลังผนึกตราประทับทั้งหกเลย ตัวเขาอาจจะทำให้ปรมาจารย์คนนี้รู้สึกไม่พอใจก็เป็นได้ ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่เหลือบมองลู่โจว ตัวเขาคิดเอาไว้ว่าลู่โจวคงจะต้องโกรธแน่ ดูเหมือนว่าฮั๊ววู่เด๋าเองก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบที่จะทำให้ลู่โจวก้าวออกมาจากแรงกดดันนี้ ตัวเขาต้องการทำอะไรบางอย่างเพื่อไม่ให้รู้สึกผิดไปมากกว่าเดิม
ฝานลี่เทียนได้ถามขึ้น “ผู้อาวุโสฮั๊ว ขีดจำกัดของพลังผนึกตราประทับทั้งหกอยู่ที่สิบตัวอักษรอย่างงั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“แล้วท่านสร้างอักษรมาได้กี่ตัวกันในตอนที่ใช้พลังผนึกตราประทับครั้งแรก?” ฝานลี่เทียนยังคงถามต่อ
ถูกต้องแล้ว! ทุกคนต่างก็รู้ว่าฝานลี่เทียนเป็นชายที่พอจะมีไหวพริบอยู่บ้าง ในสถานการณ์เช่นนี้ตัวเขาจะต้องหาทางออกได้แน่ คำถามที่เขาถามมาจะต้องเป็นการปูไปสู่ทางออก! ในที่สุดทุกๆ คนก็พบกับทางออกที่จะออกไปจากสถานการณ์อันน่าอึดอัดนี้ไปได้
ฮั๊ววู่เด๋ารีบตอบ “ตอนที่ข้ายังอยู่ที่สำนักหยุน เจ้าสำนักของข้าได้ใช้เวลาสามวันเพื่อที่จะสร้างตัวอักษรตัวแรกออกมา ในเวลาสิบวันเขาก็สร้างตัวอักษรตัวที่สองได้ และในเวลาหนึ่งเดือนเขาก็เริ่มสร้างตัวอักษรที่สาม หลังจากนั้นเขาก็ไม่สามารถสร้างตักอักษรตัวต่อไปได้อีกเลยหลังจากที่ผ่านไปหนึ่งปี เจ้าสำนักของข้าไม่มีเวลาที่จะมาศึกษาเรื่องนี้อย่างถ่องแท้ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เลือกที่จะยอมแพ้ไป” คนส่วนใหญ่ที่คิดอยากจะฝึกฝนเคล็ดวิชาสำหรับการป้องกันส่วนมากแล้วเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นซะมากกว่า ไม่มีใครอยู่กับความอยากรู้อยากเห็นเดิมไปได้ตลอดเวลา 20 ปีแบบนี้
“นั่นก็หมายความว่าไม่มีใครแล้วที่สามารถสร้างตัวอักษรมากกว่าสี่ตัวได้นอกจากเจ้าอย่างงั้นสินะ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“แล้วตัวอักษรที่สิบคืออะไร?”
“การผสมผสาน” เนื่องจากไม่มีใครฝึกฝนไปถึงขั้นนั้นได้ ดังนั้นฮั๊ววู่เด๋าจึงไม่รู้สึกมั่นใจเกี่ยวกับการเปิดเผยเรื่องนี้ ฮั๊ววู่เด๋าได้แต่คิดอยู่กับตัวเอง ‘นี่…คงจะกลบเกลื่อนสถานการณ์อันน่าอึดอัดไปได้แล้วใช่ไหม?’
ถ้าหากปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ายังทำไม่ได้ ก็เป็นธรรมดาที่ทุกๆ คนจะไม่สามารถทำได้เช่นเดียวกัน
ฮั๊ววู่เด๋าที่กำลังจะเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา จู่ๆ ก็ได้เห็นลู่โจวลอยออกไปจากศาลาซะก่อน ลู่โจวได้เดินไปบนอากาศด้วยความเร็วที่ไม่ช้าไม่เร็วจนเกินไป
สีหน้าของลู่โจวสงบและดูเยือกเย็น ตัวเขาได้ตัดสินใจแล้ว ในฐานะที่เป็นปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ตัวเขาจะปล่อยให้คนอื่นมาดูถูกได้ยังไงกัน? ลู่โจวได้ปลดปล่อยพลังลมปราณของตัวเองออกมา มันเป็นพลังที่อยู่ในขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น แต่ถึงแบบนั้นเนื่องจากความมั่นใจและความสงบนิ่งที่ตัวเขามี ก็เพราะแบบนั้นจึงไม่มีใครกล้าดูถูกลู่โจวได้ ในความเป็นจริงแล้วทุกๆ คนต่างก็รู้สึกเคารพมากกว่า
ทุกๆ คนได้หันไปจับจ้องที่ลู่โจว ในตอนนี้ตัวเขายังคงเดินต่อไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง
ที่ใต้เท้าของเขาเปล่งประกายแสงสว่างอะไรออกมา
“นั่นมันพลังผนึกหยินหยางทั้งแปด! นั่นมันพลังผนึกหยินหยางทั้งแปดไม่ผิดแน่!” โจวจี้เฟิงได้อุทานออกมาด้วยความตกใจ
เมื่อลู่โจวก้าวเท้าไปด้านหน้าพลังผนึกของเขาก็ส่องสว่างมากยิ่งขึ้น
และในที่สุดพลังผนึกตราประทับทั้งหกก็ได้ปรากฏขึ้น!
แม้ว่าจะไม่เคยทำมาก่อนแต่ลู่โจวก็ยังมีประสบการณ์และความรู้นับพันปีของจีเทียนเด๋าอยู่ จากประสบการณ์ที่มีคงจะไม่มีอะไรยากเกินกว่าที่จีเทียนเด๋าจะไม่รู้ได้ ในที่สุดลู่โจวก็สามารถใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกออกมาได้
ผู้อาวุโสทั้งสามจ้องมองลู่โจวอย่างไม่ละสายตา
เวลาต่อมาก็คือเวลาในการสร้างตัวอักษรนั่นเอง
ลู่โจวไม่เหมือนกับฮั๊ววู่เด๋า สิ่งที่ตัวเขาทำเป็นการใช้ทักษะ ประสบการณ์ และความรู้ที่มีมาเท่านั้น มันไม่ได้มากพอเท่ากับการฝึกฝนจริง ทุกๆ คนต่างก็หันไปมองลู่โจวที่อยู่ทางด้านบน
หวืดด!
ตัวอักษรสีทองตัวแรกได้ปรากฏออกมาแล้ว คำว่า ‘สวรรค์’ ลอยอยู่รอบตัวของลู่โจวอยู่
โจวจี้เฟิงและฝานซงที่เห็นแบบนั้นรู้สึกเคารพผู้เป็นปรมาจารย์คนนี้มากยิ่งขึ้น
ลู่โจวได้โบกแขนขวาของตน
ในตอนนั้นเองตัวอักษรที่สองก็ได้ปรากฏออกมา ตัวอักษร ‘โลก’ ได้ปรากฏออกมาแล้ว
เมื่อลู่โจวสร้างตักอักษรทั้งสองได้ตัวเขาก็หันไปมองทุกๆ คน
ลู่โจวพอใจกับผลลัพธ์ที่ทำได้มาก
โจวจี้เฟิง, ฝานซง และคนอื่นๆ ต่างก็จ้องมองตัวเขาด้วยความเคารพ แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามเองก็ยังรู้สึกประทับใจเช่นกันที่ลู่โจวสามารถทำได้
ในความเป็นจริงการจะสร้างตัวอักษรถึง 2 ตัวพร้อมๆ กันก็ถึงขีดจำกัดของลู่โจวแล้ว ท้ายที่สุดแล้วเขามีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นศักดิ์สิทธิ์เพียงเท่านั้น การแสดงพลังผนึกตราประทับทั้งหกพร้อมกับตัวอักษรทั้งสองก็คงจะเพียงพอแล้วที่จะทำให้ทุกคนกลับมาเชื่อถือตัวเขา ‘หรือว่าทุกคนจะยังไม่พอใจกัน?’
ลู่โจวได้โบกแขนซ้ายของตน
หวืดด!
พลังลมปราณของลู่โจวผันผวนอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้ดูมั่นคงเหมือนกับในตอนแรก
ตัวอักษรที่สามเองได้ปรากฏขึ้น ตัวอักษร ‘กำเนิด’ ได้ถือกำเนิดออกมาแล้ว
ลู่โจวสามารถสร้างตัวอักษรได้ถึงสามตัวโดยที่ไม่เคยฝึกฝนมาก่อน ตัวเขาอาศัยเพียงความรู้และทฤษฎีในเวลาสั้นๆ ก็กลับทำได้ถึงเพียงนี้ เห็นได้ชัดว่าลู่โจวเอาชนะเจ้าสำนักหยุนในเรื่องของความสามารถไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
สำหรับตัวอักษรที่สี่…ลู่โจวไม่คิดว่าการจะสร้างมันจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในตอนนี้
ในตอนนี้ทุกๆ คนแทบที่จะลืมเรื่องที่จะทำให้ลู่โจวหาทางกลับออกมาได้อย่างสง่างามไปจนหมดสิ้น ผู้อาวุโสทั้งสามต่างก็มองลู่โจวด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
‘ลืมมันไปซะเถอะ ฉันสร้างตัวอักษรที่สี่ไม่ได้แน่’
ลู่โจวยืนอยู่บนกลางอากาศ ในตอนนั้นตัวเขากำลังโคจรพลังลมปราณทั้งหมดที่มีที่อยู่ในจุดตันเถียน เมื่อพลังลมปราณถูกโคจร พลังลมปราณก็ได้ระเบิดออกมาจากร่างกายก่อนที่จะล้อมรอบตัวของลู่โจวเอาไว้
‘มาได้แค่นี้สินะ?’ เป็นไปไม่ได้เลยที่ผู้ฝึกยุทธขั้นศักดิ์สิทธิ์จะสามารถสร้างตักอักษรที่สี่ได้ ตัวเขาได้ขมวดคิ้วเล็กน้อย ‘แล้วฉันจะทำยังไงดีล่ะ?’
ในตอนนั้นเองท้ายที่สุดแล้วฮั๊ววู่เด๋าก็ได้สติกลับคืนมา ตัวเขาได้พูดออกมาอย่างเร่งรีบ “นั่นมันวิเศษมาก ท่านปรมาจารย์วิเศษจริงๆ! ข้ารู้สึกประทับใจมาก!”
เล้งลั่วเองก็พูดเสริมเช่นเดียวกัน “ท่านสามารถสร้างตัวอักษรได้ถึงสามตัวพร้อมกับใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกในเวลาสั้นๆ ได้ ทักษะของท่านไม่มีใครเทียบเคียงได้จริงๆ”
ในที่สุดชายชรามากประสบการณ์อย่างลู่โจวก็สามารถหาทางออกให้กับตัวเองจนได้
ในที่สุดก็ถึงเวลาที่ลู่โจวจะต้องถอยออกมาสักที แต่ถึงแบบนั้นแม้ว่าลู่โจวจะพยายามหยุดใช้พลังสร้างตัวอักษรที่สี่ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขากลับหยุดมันไม่ได้ พลังที่ก่อตัวแบบล้มเหลวได้ระเบิดออก ลู่โจวรีบผลักฝ่ามือของตัวเขาทิ้งออกไปจากตัวในทันที ในตอนนั้นเองจิตใจของตัวเขาก็รู้สึกปลอดโปร่งกว่าที่ควรจะเป็น พลังอันเป็นเอกลักษณ์ได้ไหลออกมาจากตัวของเขา พลังผนึกหยินหยางทั้งแปดใต้เท้าได้ส่องแสงประกายออกมามากกว่าก่อนหน้านี้ ในขณะเดียวกันตัวอักษรทั้งสามต่างก็ส่องแสงสีทองมากขึ้น แสงทั้งหมดที่ส่องออกมาเริ่มที่จะแปรเปลี่ยนจนกลายเป็นสีน้ำเงินไป!