My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 309
ทุกๆ คนต่างก็เคยเห็นพลังตัวอักษรสีทอง การที่พลังตัวอักษรจะเปลี่ยนกลายเป็นสีน้ำเงินได้จะไม่ทำให้คนอื่นๆ ตกใจได้ยังไงกัน?
“ผู้อาวุโสฮั๊ว…นั่นมันเป็นพลังผนึกตราประทับทั้งหกของเจ้ารึเปล่า?” ฝานลี่เทียนถามออกมา
“ถูกต้องแล้วล่ะ ไม่มีอะไรผิดพลาดแน่”
“หรือว่ามันจะเป็นพลังของม่านพลังกัน?”
แม้แต่ผู้อาวุโสทั้งสามเองก็ยังไม่เข้าใจสิ่งที่พวกเขาได้เห็น
นี่ถือเป็นครั้งที่สามแล้วที่ฮั๊ววู่เด๋าได้เห็นลู่โจวใช้พลังอันแปลกประหลาดแบบนี้ ครั้งแรกเป็นตอนที่ลู่โจวกำลังเก็บตัวฝึกฝนตัวเองอยู่ภายในห้องลับ ครั้งที่สองเป็นตอนที่ลู่โจวใช้พลังทำลายพลังเวทมนตร์คาถาที่มีอยู่บนแท่นประลองดอกบัวไป ส่วนครั้งที่สามเป็นวันนี้นั่นเอง
โดยปกติแล้วพลังแสงสีทองที่ถูกปล่อยออกมาจะเกิดมาจากการควบแน่นของพลังลมปราณ พลังรูปแบบนี้เหมือนกับพลังในลัทธิขงจื๊อ, พลังวิถีพุทธ หรือแม้แต่พลังของลัทธิเต๋า
จะมีรูปแบบพลังการก่อตัวที่ใช้เพิ่มพลังการโจมตีหรือเพิ่มพลังให้กับผู้ใช้เท่านั้นที่จะส่องแสงพลังสีฟ้าออกมา เคล็ดวิชาที่เกี่ยวกับการรักษาเองก็จะมีสีเขียวหรือไม่ก็สีฟ้าจางๆ รูปแบบพลังการก่อตัวจะเปลี่ยนสีไปขึ้นอยู่กับองค์ประกอบของธาตุทั้งห้าในพลัง
พลังของวิถีพุทธปีศาจจะเป็นสีดำ
ไม่ว่าจะเป็นพลังรูปแบบไหนการที่มันมีสีที่แตกต่างกันย่อมมีเหตุผลที่แตกต่างเช่นกัน
พลังผนึกตราประทับทั้งหกควรจะเปล่งแสงสีทอง!
แต่เมื่อได้เห็นสิ่งผิดปกติอย่างพลังผนึกตราประทับทั้งหกของลู่โจวที่เป็นสีฟ้า ทุกๆ คนต่างก็สรุปกันเอาเองว่าลู่โจวได้ดึงพลังจากม่านพลังมาใช้
“เอ่อ…” ฮั๊ววู่เด๋าที่คิดแบบนั้นรู้สึกผิดหวังจนพูดไม่ออก
ไม่นานหลังจากนั้นพลังตัวอักษรที่เหลืออย่างความตาย, น้ำ, ไฟ, ชีวิต, ไม่มีชีวิต, การแยกจาก, ปรากฏ, วัฏจักร ตัวอักษรเหล่านี้ได้ปรากฏขึ้นก่อนที่จะหมุนรอบตัวของลู่โจว เมื่อรวมเข้ากับตัวอักษรเดิมแล้วในตอนนี้มีตัวอักษรที่กำลังหมุนรอบตัวของลู่โจวอยู่ 9 ตัวอักษรด้วยกัน
ลู่โจวสามารถใช้พลังตัวอักษรทั้งเก้าเพื่อเพิ่มพลังผนึกตราประทับได้แล้ว!
ลู่โจวกวาดสายตาของตัวเขามองไปที่ตัวหนังสือทั้งเก้าตัว ในตอนนั้นเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ส่วนหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นมาในใจของตัวเขา ‘นี่เป็นเคล็ดวิชาที่สามที่เคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มีอย่างงั้นหรอ? หรือว่าเคล็ดวิชาที่สามที่ได้มาจะช่วยให้ตัวฉันสามารถใช้วิชาอะไรก็ได้ดั่งใจนึก?’
ทุกพลัง ทุกเคล็ดวิชาล้วนแต่มีต้นกำเนิดมาจากความว่างเปล่า ทุกๆ อย่างต่างก็อยู่ในสังสารวัฏ ทุกคนต่างก็ทำได้แค่ยอมรับและเรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน นี่คือพลังแห่งชีวิตในอดีต ศาลาที่ผู้อาวุโสทั้งหมดอยู่ได้เงียบสงบราวกับสุสาน ฝานลี่เทียนที่มักจะไม่สนใจไยดีอะไรได้แต่ยกมือขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ ตัวเขากำลังแสดงความเคารพต่อลู่โจวอยู่นั้นเอง
ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นได้แต่ลุกลี้ลุกลน สีหน้าของเขาไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่เห็น ตัวเขาได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าฮั๊ววู่เด๋ายอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีแล้ว!”
“ท่านช่างสุดแท้หยั่งถึงได้จริงๆ ท่านปรมาจารย์!” ฝานซงอุทานออกมาด้วยความตื้นตัน
ลู่โจวไม่ได้คิดที่จะหาทางออกให้ตัวเองอีกต่อไป ตัวเขารู้สึกพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้มาก ทั้งพลังเก้าอักษร พลังตราหยินหยาง หรือแม้แต่พลังผนึกตราประทับต่างก็เป็นเครื่องพิสูจน์อันดีว่าตัวเขากลายเป็นผู้ใช้วิชาป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดอีกคนหนึ่งแล้ว ในตอนนี้ลู่โจวยังพอจะมีพลังพิเศษเหลืออยู่ในมือ ตัวเขาได้โบกมือตัวเองก่อนที่จะพูดขึ้น “จงปรากฏ!”
หวืดดด!
ตัวอักษรที่สิบ ‘ผสมผสาน’ ได้ปรากฏขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มหมุนเวียนรอบตัวลู่โจวเหมือนกับเก้าอักษรที่เหลือ ในตอนนี้มีตัวอักษรทั้งหมดสิบตัวแล้ว พวกมันได้จับตัวกันเป็นวงกลมก่อนที่จะทำให้พลังผนึกหยินหยางใต้เท้าของลู่โจวขยายอนาเขตขึ้น พลังได้ขยายออกไปเรื่อยๆ โดยที่มีลู่โจวเป็นจุดศูนย์กลาง มันได้ขยายไปก่อนที่จะปกคลุมศาลาไปกว่าครึ่งบนภูเขาทองลูกนี้! มันได้สัมผัสเข้ากับศาลาปีศาจลอยฟ้าที่สูงตระหง่าน ดูเหมือนว่าพลังที่มีเองก็จะเพิ่มขึ้นมากว่าหลายสิบเท่าตัว ความแตกต่างทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวอักษรเพียงแค่ตัวเดียว
“พลังสิบอักษรผนึกตราประทับทั้งหก?” ฮั๊ววู่เด๋าเผลออุทานออกมา
ในตอนที่ได้เห็นครั้งแรก พลังเก้าอักษรผนึกตราประทับทั้งหกก็สามารถสร้างความประทับใจให้กับคนที่ได้เห็นมากเกินพอแล้ว แต่ในตอนนี้กลับมีอักษรตัวที่สิบปรากฏขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทุกๆ คนจะไปเก็บอาการตื่นเต้นที่ได้เห็นได้ยังไงกัน
“จงแยกย้าย!” พลังอักษรทั้งสิบได้หายไปในทันที ลู่โจวดีใจที่เห็นทุกอย่างราบรื่นดี สีหน้าของเขายังคงดูไร้อารมณ์ ในตอนนี้ลู่โจวได้กลับมาลูบเคราของตัวเองอีกครั้งแล้ว เมื่อเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดจากการสาธิตตัวเขาก็รู้สึกพึงพอใจมาก
แม้ว่าจะดีใจแค่ไหนแต่ตัวเขาก็จะแสดงท่าทีที่ดีใจต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งหมดไม่ได้ พลังวิเศษที่ได้ช่วยลู่โจวไว้ได้หายไปอีกครั้ง ตัวเขาต้องการที่จะสั่งสอนลูกศิษย์มากกว่าที่จะมาแสดงพลังอย่างเปล่าประโยชน์แบบนี้ แต่ถึงแบบนั้นเมื่อเอาเข้าจริงลู่โจวก็ไม่สามารถหลีกหนีทางนี้ได้ ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ได้แสดงพลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่สามไป มันเป็นพลังชีวิตแห่งอดีต มันเป็นพลังที่จะทำให้ลู่โจวสามารถใช้เคล็ดวิชาของคนอื่นด้วยพลังวิเศษนี้ การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตที่ลู่โจวใช้มาโดยตลอดก็คงจะมีผลเช่นเดียวกัน ถ้าหากมันคล้ายคลึงกันจริงแสดงว่าพลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่สามนี้อาจจะเทียบเท่าได้กับพลังของการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตรวมไปถึงการ์ดป้องกันไร้ที่ติได้เลยอย่างงั้นหรอ? เมื่อคิดแบบนั้นลู่โจวก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ตัวเขาจำได้ดีว่าพลังวิเศษของตัวเองไม่สามารถที่จะสังหารเป้าหมายให้ตายในทันทีได้ ท้ายที่สุดแล้วพลังที่ได้จากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์อันนี้ก็ยังเทียบเท่ากับพลังของการ์ดวิเศษทั้งสองไม่ได้อยู่ดี
ลู่โจวเดินต่อไปที่ด้านหน้า ในที่สุดตัวเขาก็สามารถทำให้ทุกคนกระจ่าง ในตอนนี้ทุกๆ คนที่เห็นการแสดงพลังได้แต่โค้งคำนับโดยไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียหายใจดังๆ ออกมา
ลู่โจวได้หันกลับไปทางศาลาเดิม ตัวเขามองไปที่ผู้อาวุโสทั้งหมดอย่างไม่แยแส “เจ้ามีคำถามอื่นอีกไหมผู้อาวุโสฮั๊ว?”
ฮั๊ววู่เด๋าที่รู้สึกเป็นกังวลอยู่นานในตอนนี้แทบที่จะเสียสติไปแล้ว ตัวเขาได้ศึกษาเคล็ดวิชาผนึกตราประทับมากว่า 20 ปี แต่ถึงแบบนั้นกลับมีคนเลียนแบบพลังของเขาได้อย่างง่ายดาย เมื่อเห็นแบบนั้นแล้วฮั๊ววู่เด๋าก็ไม่อาจที่จะรักษาความเยือกเย็นรวมไปถึงความภาคภูมิใจได้อีกต่อไป
“ผู้อาวุโสฮั๊ว?” ฝานลี่เทียนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ได้สะกิดฮั๊ววู่เด๋า
ฮั๊ววู่เด๋าที่กลับมามีสติอีกครั้งได้ตอบกลับมา ใบหน้าของเขามันเต็มไปด้วยเหงื่อที่ไหลอาบ “ข้า…ข้าไม่มีคำถามอะไรอีกแล้ว” แม้ว่าในใจของฮั๊ววู่เด๋าจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับพลังผนึกตราประทับ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่กล้าที่จะถามอะไรออกมาอีกแล้ว
เล้งลั่วได้คารวะก่อนที่จะพูดขึ้น “นี่เป็นครั้งแรกเลยที่ข้าได้เห็นตัวอักษรที่สิบแบบนั้นได้ นั่นถือเป็นตัวอักษรที่สิบของแท้สินะ?”
ฝานลี่เทียนเป็นคนตอบแทน “ไม่เพียงแต่จะเป็นของแท้เท่านั้น แต่ข้าคิดว่าคงไม่มีใครสามารถสร้างมันได้แน่ การที่จะสร้างอักษรตัวที่สิบได้โดยไม่ใช้วิธีเพิ่มพลังแบบไหน ข้าคิดว่าคงจะไม่มีใครในโลกนี้ที่สามารถทำแบบนั้นได้ ถ้าหากข้าไม่เห็นสิ่งนี้กับตาตัวเองข้าก็คงจะไม่คิดเชื่อเช่นกัน ไม่ว่าข้าจะต้องถูกทุบตีบีบบังคับให้เชื่อจนตาย ข้าก็ไม่คิดจะเชื่อแน่” หลังจากพูดจบตัวเขาก็ได้หันไปคารวะลู่โจว “นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านปรมาจารย์ใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกออกมาสินะ?”
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับอย่างมีเลศนัย แม้ว่าจะเหมือนกับโชคช่วยแต่นี่ถือเป็นครั้งแรกที่ตัวเขาได้ใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกออกมา มันก็ขึ้นอยู่กับฝานลี่เทียนแล้วว่าจะเชื่อคำตอบนี้ไหม
ฮั๊ววู่เด๋าที่ภาคภูมิใจกับพลังสุดยอดแห่งการป้องกันมาโดยตลอดรู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่มีค่าอะไรอีกต่อไป
“มันคือม่านพลังอย่างงั้นหรอ?” เล้งลั่วได้ถามออกมาตรงๆ
ลู่โจวไม่ได้ตอบกลับไปในทันที แท้จริงแล้วตัวเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพลังนี้ อย่างน้อยที่สุดพลังที่ได้ใช้ออกไปผู้ที่มีพลังวรยุทธจนถึงขั้นมีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบขึ้นไปเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ออกมาได้ ลู่โจวไม่อาจพูดได้เช่นกันว่าตัวเขาใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ออกมา ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ตอบกลับไป “ท้ายที่สุดแล้วถ้าหากมีแหล่งพลังที่มากพอก็จะสามารถสร้างอักษรตัวที่สิบได้”
ฮั๊ววู่เด๋าได้คุกเข่าลงกับพื้น ตัวเขาได้คารวะก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าผิดเองที่ขอให้ท่านสาธิตพลังเช่นนี้ ท่านปรมาจารย์…ข้าไม่คาดคิดเลยว่าท่านจะใช้พลังจากม่านพลังไป ได้โปรดลงโทษข้าสถานหนักด้วยที่ไม่คิดถี่ถ้วนให้ดีกว่านี้ ท่านปรมาจารย์!” ถ้าหากสิ่งที่ฮั๊ววู่เด๋าคิดเป็นความจริง ก็เท่ากับว่าตัวเขาเป็นส่วนหนึ่งที่ทำลายม่านพลังของภูเขาทองไป ลู่โจวควรจะใช้พลังนี้ในการรับมือกับศัตรูมากกว่าที่จะใช้สาธิตพลังเช่นนี้ ฮั๊ววู่เด๋าที่รู้สึกผิดจึงได้แต่ขอโทษ
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็จ้องมองกัน ลู่โจวมองไปที่ฮั๊ววู่เด๋า ในตอนนี้ค่าความจงรักภักดีของเขาเพิ่มขึ้นมาแล้ว ตัวเขาไม่ได้คิดถือสาอะไรฮั๊ววู่เด๋าตั้งแต่แรก “ลุกขึ้นเถอะ”
“ขอบคุณท่านปรมาจารย์”
“ม่านพลังก็เป็นแค่เพียงพลังนอกกาย พลังจากม่านพลังไม่ได้เป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เราเอาชนะพวกศัตรูได้หรอกนะ” ลู่โจวได้พูดขึ้นก่อนที่จะหันไปมองฝานลี่เทียน
“…” ฝานลี่เทียนพูดไม่ออกเมื่อเห็นเช่นนั้น
ตัวเขาได้คารวะให้กับลู่โจวอีกครั้ง
ลู่โจวได้พูดต่อ “ในตอนที่เจ้าเข้ามายังภูเขาแห่งนี้ได้ เจ้าใช้วิธีไหนกันในการผ่านม่านพลังมาแบบนั้น?”
ฝานลี่เทียนได้ยิ้มให้อย่างสดใส ตัวเขาที่กอดขวดน้ำเต้าเอาไว้ได้ตอบกลับมา “เรื่องนั้นมันง่ายดาย…ข้าได้เรียนรู้อะไรบางอย่างมาจากการก่อพลัง แม้ว่าการก่อพลังจะทำให้ได้พลังอันแข็งแกร่ง แต่ถึงแบบนั้นด้วยเวลาที่ผ่านมากว่าหลายปีเป็นธรรมดาที่พลังอันนั้นจะจะเปราะบางไปตามธรรมชาติ แม้ว่าการก่อพลังจะได้รับพลังใหม่เข้ามาซ่อมแซมก็ตามที แต่ถึงแบบนั้นแท้จริงแล้วรูปแบบการก่อพลังของมันย่อมได้รับความเสียหายไปอยู่ดี นอกจากนี้…ขวดน้ำเต้าที่ข้ามีก็ยังไม่ใช่ของธรรมดา!” ฝานลี่เทียนได้โยนขวดน้ำเต้าขึ้นไปบนอากาศ ในตอนนั้นเองมันก็ได้ส่องแสงสีทองออกมา