My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 313
ไป่หม่าชมทิวทัศน์ของพระราชวังจิงหยาง ตัวเขากำลังนึกถึงอะไรหลายๆ อย่างเกี่ยวกับลั่วหลาน หลังจากนั้นเขาก็ได้ถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “องค์ชายา, องค์ชายองค์ที่สอง พวกเขาจะไปทำอะไรได้?”
“ม่อหลี่ยิ้มก่อนที่จะตอบกลับมา “ในบรรดาองค์ชายทั้งห้า องค์ชายองค์ที่สองถือว่าเป็นองค์ชายที่ไร้หัวใจและชั่วช้ามากที่สุด ย้อนกลับไปในอดีต องค์ชายองค์ที่สามเป็นคนที่โปรดปรานขององค์จักรพรรดิมาก ในตอนนั้นพระราชวังเกือบที่จะเปลี่ยนองค์รัชทายาทเลยด้วยซ้ำ แต่องค์ชายองค์ที่สองได้วางแผนทำลายทุกสิ่งทุกอย่างขององค์ชายองค์ที่สามไป ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเขาต่างก็ถูกทำลายไปจนหมด…และเพราะกำจัดองค์ชายองค์ที่สามได้ การที่จะจัดการองค์ชายองค์ที่สี่ก็ย่อไม่ใช่เรื่องยากอะไร”
ไป่หม่าพยักหน้า “ศิษย์น้อง…”
“ศิษย์น้องหญิงต่างหาก” ม่อหลี่พูดกำชับขึ้นมา
“…” ไป่หม่าพยายามเก็บอาการขนลุกเอาไว้ก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “ข้าไม่สนใจใครอื่น ยังไงหลิวปิงจะต้องตาย!”
ม่อหลี่ได้หัวเราะเยาะก่อนจะพูดออกมา “ไม่ต้องกังวลไปท่านพี่ ข้าเองอยากให้เขาตายมากกว่าท่านซะอีก”
องค์ชายสี่หลิวปิงอยู่ที่พรมแดนมาเป็นเวลากว่าหลายปี ตัวเขาได้นำทัพหลวงมาต่อสู้กับลั่วหลานหลายต่อหลายครั้ง ทุกๆ ครั้งของการนำทัพย่อมเกิดการสูญเสียอันยิ่งใหญ่อยู่เสมอ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากในทุกครั้งๆ เหตุการณ์ที่น่าอัปยศที่สุดก็คือการที่หลิวปิงนำแม่ทัพทั้งสิบบุกเข้าจับองค์ราชา ในการต่อสู้ครั้งนั้นผู้ฝึกยุทธของทั้งสองฝ่ายต่างก็ต้องต่อสู้กันถึงสามวันสามคืน ศึกครั้งนั้นทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมหาศาล
ในหอจดหมายเหตุของพระราชวังได้เขียนเล่าถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นไว้ หลังจากที่ผ่านศึกอันยาวนาน ไม่มีแม้แต่นกบนผืนฟ้าหรือสัตว์ร้ายบนผืนดิน สิ่งเดียวที่หลงเหลืออยู่ในสนามรบมีเพียงซากศพและโครงกระดูกเท่านั้น
หนึ่งเดือนต่อมา
ในที่สุดลู่โจวก็ฟื้นพลังวิเศษจากการใช้พลังสาธิตไปกลับคืนมาอีกครั้งได้ ตัวเขายังสั่งสอนลูกศิษย์อย่างสม่ำเสมอต่อไป ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อได้ฝึกฝนตนจนแข็งแกร่งขึ้นมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา
ลู่โจวได้เดินผ่านน้ำตก ตัวเขาสังเกตเห็นต้วนมู่เฉิงกำลังฝึกฝนตัวเองอยู่ใต้น้ำตก มันเป็นการฝึกที่จะต้องปล่อยให้น้ำตกไหลผ่านร่างกายจากส่วนบนไป ลู่โวที่เห็นแบบนั้นลูบเคราก่อนที่จะพยักหน้า
เมื่อต้วนมู่เฉิงเห็นลู่โจวเดินผ่านมาตัวเขาก็ได้โค้งคำนับให้ภายใต้น้ำตก “ท่านอาจารย์…”
ลู่โจวจ้องมองดูต้วนมู่เฉิงที่กำลังต้านพลังน้ำตกด้วยพลังของตัวเองโดยไร้ซึ่งการใช้พลังลมปราณ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้พูดออกมา “พลังของน้ำตกน่ะสามารถฝึกฝนความทนทานของพลังลมปราณของเจ้าได้ ถ้าหากเจ้าสามารถใช้พลังลมปราณได้มากขึ้นแล้วทักษะการใช้หอกของเจ้าจะต้องพัฒนาขึ้นมาแน่นอน”
“ศิษย์เข้าใจดี” ต้วนมู่เฉิงยกมือขึ้นมา ในตอนนั้นหอกราชันย์ที่เสียบอยู่ใกล้ๆ ก็ได้ลอยตัวขึ้นก่อนที่จะลอยไปยังมือของต้วนมู่เฉิงและปัดสายน้ำออกไป ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วเล็กน้อย ต้วนมู่เฉิงฝึกฝนมาอย่างหนักมากพอแล้ว นอกจากนี้ตัวเขายังเชื่อฟังคำสั่งเป็นอย่างดี เมื่อได้เห็นต้วนมู่เฉิงเป็นแบบนั้นภายในใจของลู๋โจวก็ถึงกับพูดไม่ออก
ถ้าหากเคล็ดวิชาที่ต้วนมู่เฉิงฝึกฝนไม่เหมาะกับตัวเขาเอง การที่จะฝึกฝนมาจนถึงขั้นนี้ได้คงจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ท้ายที่สุดแล้วลู่โจวก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “ถ้าหากเจ้าสามารถทำให้ตัวเองแห้งได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งพาพลังลมปราณก็เท่ากับว่าเจ้าฝึกฝนตัวเองจนคืบหน้าได้แล้ว”
“ศิษย์เข้าใจแล้ว” สายน้ำที่ตกลงมาเป็นสายน้ำอันรุนแรง การที่จะปัดป้องสายน้ำอันเกรี้ยวกราดทั้งหมดที่ร่วงลงมาได้โดยใช้แค่กระบวนท่าเพียงอย่างเดียวมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? การจะป้องกันสายน้ำทั้งหมดได้บางทีต้วนมู่เฉิงอาจจะต้องควงหอกด้วยความเร็วสูงที่มากพอ ด้วยความเร็วที่มากพอตัวเขาก็คงจะสามารถสร้างม่านพลังป้องกันสายน้ำขึ้นมาได้ ต้วนมู่เฉิงที่อยู่ตรงหน้ายังคงพยายามอย่างหนักต่อไป แม้ว่าพลังวรยุทธของเขาจะสูงส่ง แต่ถึงแบบนั้นลูกศิษย์คนนี้ก็ยังขาดรากฐานที่มั่นคงและการฝึกฝนที่ดี
“ติ้ง! ชี้แนะต้วนมู่เฉิง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”
ลู่โจวเหลือบมองไปที่หน้าต่างระบบ เมื่อไม่นานมานี้ตัวเขาได้แต้มบุญจากการสั่งสอนลูกศิษย์ทั้งหมดมาถึง 3,200 แต้ม นอกเหนือจากจะได้แต้มบุญแล้วพลังวรยุทธที่ลูกศิษย์ทั้งหลายมีก็ยังเพิ่มพูนขึ้นเช่นกัน
ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้บินผ่านมา “ท่านอาจารย์…” นางได้สะบัดตัวไปมา นางกำลังไล่ตามนกกระจอกตัวหนึ่งในขณะที่มันบินอยู่นั่นเอง นกกระจอกตัวนั้นมันดูเหนื่อยล้ามากแล้ว ในที่สุดหยวนเอ๋อก็จับมันได้ นางได้ปล่อยนกตัวเดิมไปอีกครั้ง หลังจากนั้นนางก็เดินเข้ามาใกล้ลู่โวก่อนที่จะพูดออกมา “ตอนนี้ศิษย์คุ้นชินกับการใช้เคล็ดวิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาของท่านแล้ว” เห็นได้ชัดว่าหยวนเอ๋อในตอนนี้กำลังเฝ้ารอคำชมอยู่
ลู่โจวได้เคาะหัวของนางไป “แม้ว่าเจ้าจะฝึกฝนตัวเองจนใช้เคล็ดวิชาเจ็ดดวงดาวล่องเมฆาได้ดีขึ้นแล้ว แต่ถึงแบบนั้นนกกระจอกนั่นก็ไม่ใช่คน เจ้าในตอนนี้ยังฝึกฝนพัฒนาตัวเองได้อีก”
“ค่ะ”
“เจ้าควรจะเอาอย่างศิษย์พี่ของเจ้าซะ” ลู่โจวได้ชี้ไปยังต้วนมู่เฉิงที่กำลังฝึกหนักอยู่
“ค่ะ” หยวนเอ๋อมองดูผู้เป็นศิษย์พี่ที่กำลังอยู่ใต้น้ำตก นางที่เห็นแบบนั้นรู้สึกหนาวไปถึงกระดูก หยวนเอ๋อรู้สึกหนาวราวกับยืนอยู่ภายใต้น้ำตกอันเหน็บหนาวด้วยตัวเอง นางรีบมองไปทางอื่นก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง
“ท่านอาจารย์ช่วยสอนอะไรอย่างอื่นศิษย์จะได้ไหม?”
ลู่โจวรู้สึกประหลาดใจ หยวนเอ๋อแทบจะไม่เคยเรียกร้องอะไรแบบนี้ออกมา ปกติแล้วนางไม่ค่อยกระตือรือร้นเท่าไหร่ ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นจึงได้ถามออกไป “แล้วเจ้าอยากจะเรียนอะไรกันล่ะ?”
“ศิษย์อยากเรียนการประดิษฐ์อักษร ผลงานของท่านทำให้ศิษย์ประทับใจมาโดยตลอด! ศิษย์อยากที่จะเรียนรู้มัน!” หยวนเอ๋อตอบกลับมา
“อย่ายุ่งไม่เข้าเรื่องจะดีกว่า” ลู่โจวพูดออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง “จริงอยู่ที่การประดิษฐ์อักษรจะสามารถทำให้พัฒนานิสัยใจคอของผู้ฝึกได้ แต่ถึงแบบนั้นเจ้ายังฝึกฝนเคล็ดวิชาเต๋าอย่างหยกแห่งความบริสุทธิ์อยู่ การประดิษฐ์อักษรมันเหมาะกับผู้ฝึกยุทธที่ฝึกฝนตัวเองตามลัทธิขงจื๊อซะมากกว่า”
“ค่ะ” หยวนเอ๋อที่ได้ฟังแบบนั้นดูหดหู่
ลู่โจวเงยหน้าขึ้นมามองดวงอาทิตย์ ในตอนนี้ยังเช้าอยู่ ตัวเขาลูบเคราก่อนที่จะพูดออกมา “สาธิตเพลงหมัดของเจ้าออกมา ข้าจะดูความคืบหน้าของเจ้า”
“ค่ะ…” หยวนเอ๋อพยักหน้าตอบรับ หลังจากนั้นนางก็เริ่มสาธิตพลังกับต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆ
หลังจากที่ผ่านการฝึกอบรมมาหนึ่งเดือน หยวนเอ๋อไม่ได้ฝึกฝนเพลงหมัดจนคืบหน้ามากนัก แต่ถึงแบบนั้นอารมณ์และความอดทนที่นางมีก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก การเคลื่อนไหวของนางไม่ได้เร็วหรือช้าจนเกินไป ที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะนางผ่านการฝึกฝนตัวเองมาแล้ว หยวนเอ๋อได้ใช้เวลาสาธิตไม่นานก็จบลง
ลู่โจวพยักหน้า แม้ว่ามันจะเป็นการสาธิตที่ดีแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังจะพอมีข้อบกพร่องอยู่บ้าง “ไม่เลว”
“ขอบคุณสำหรับคำชมค่ะท่านอาจารย์” หยวนเอ๋อยิ้มกว้างเมื่อได้รับคำชมจากลู่โจว
‘แม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือแต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังเป็นสาวน้อยอยู่ การฝึกฝนนางอย่างเร่งรีบคงจะเป็นอะไรที่เกินความจำเป็นไป การฝึกฝนหยวนเอ๋อยังอีกยาวไกล’
ในตอนนั้นเองโจวจี้เฟิงก็ได้วิ่งมาหาก่อนที่จะโค้งคำนับให้ “ท่านปรมาจารย์ มีจดหมายมาจากเจียงอาเฉียนครับ”
“อ่านซะ”
โจวจี้เฟิงเปิดจดหมายก่อนที่จะอ่านออกเสียง “ขอบคุณที่หยุดสีวู่หยาให้ข้าท่านผู้อาวุโส…ไม่เพียงแต่เขาจะไม่เข้ามายุ่งกับข้าแล้ว เขายังให้ข้อมูลอะไรบางอย่างกับข้าด้วย”
เมื่อได้ยินแบบนั้นลู่โจวก็รู้สึกงุนงง ตัวเขาไปทำอะไรกับศิษย์ทรยศคนนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
โจวจี้เฟิงอ่านต่อ “พระอัครมเหสีกำลังจะเดินทางไปพักผ่อนที่หรงเป่ย จ้าวยู่ศิษย์ของท่านจะติดตามนางไปด้วย บังเอิญว่าองค์ชายองค์ที่สองหลิวห่วนได้เชิญองค์ชายองค์ที่สี่อย่างหลิวปิงไปล่าสัตว์ที่หรงเป่ยเป็นเวลาสองเดือนเช่นเดียวกัน ในตอนนี้ม่อหลี่ได้รับการช่วยเหลือจากยอดฝีมืออยู่ ข้ากำลังสงสัยว่านางกำลังออกเดินทางเช่นกัน…ข้าจะส่งจดหมายให้ท่านทันทีที่ข้าสืบอะไรได้ใหม่”
คราวนี้จดหมายของเขาไม่มีเสียงหัวเราะซ่อนอยู่
ลู่โจวขมวดคิ้ว จ้าวยู่เองไม่ใช่คนโง่ ทำไมนางถึงต้องออกเดินทางต่อทั้งๆ ที่รู้ว่ามันจะต้องมีกับดักซ่อนอยู่กัน? นอกจากนี้เจียงอาเฉียนยังไม่ได้พูดถึงหมิงซี่หยินในจดหมายฉบับนี้อีกด้วย หมิงซี่หยินกำลังทำอะไรอยู่? เมื่อลู่โจวนึกถึงพลังเวทมนตร์คาถาที่เจอบนแท่นประลองดอกบัวตัวเขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย “เจ้าพวกนี้กล้าแตะต้องศิษย์ของข้าได้ยังไงกัน?”
เนื่องจากจ้าวยู่เป็นลูกขององค์หญิงหยุนจ้าว ดังนั้นนางจึงถือว่าเป็นสมาชิกของราชวงศ์อีกคนหนึ่ง ลู่โจวได้แต่คิดว่าม่อหลี่กล้าหาญขนาดไหน แม้ว่าจ้าวยู่จะยังอยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ แต่ถึงแบบนั้นนางกลับกล้าที่จะเคลื่อนไหวอย่างเปิดเผยเช่นนี้
“พาฉินจานมาที่นี่ซะ”
“ครับ”
ในช่วงเวลาสั้นๆ โจวจี้เฟิงก็ได้พาตัวฉินจานมา
ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะจ้องมองฉินจาน “ข้าจะให้ภารกิจเจ้า”
ฉินจานรู้สึกมีความสุขมาก ตัวเขาได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำให้ได้!”
“กลับไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์และรวบรวมข้อมูลให้ข้าซะ…”
“หะ?”
“เจ้าไม่เต็มใจทำอย่างงั้นหรอ?”
“ข้าเต็มใจแน่นอน…ข้าดีใจจริงๆ ที่ได้รับใช้ท่านผู้อาวุโส!” ฉินจานได้พูดตะกุกตะกักออกมาต่อ “แต่เรื่องของ…ท่านยู่เฉิงไห่…”
หยวนเอ๋อที่ได้ยินแบบนั้นได้จ้องมองไปที่ฉินจาน “เจ้าโง่มากสินะ? เจ้าไม่เห็นอยู่หรอว่ากำลังพูดกับใครน่ะ”
ฉินจานสั้นไปทั้งตัว “ท่านหยวนเอ๋อพูดถูกแล้ว! ข้าน้อยโง่เขลา โปรดอภัยให้ข้าด้วย”
“เจ้ารู้จักอัครมเหสีดีแค่ไหน?”
“สิ่งที่ข้ารู้มีเพียงนางที่มีอาการป่วยและต้องพักฟื้นมาโดยตลอด ส่วนเรื่องอื่นข้าคงต้องหาข้อมูลเพิ่มอีกที” ฉินจานตอบกลับมาอย่างตรงไปตรงมา
“อืม…” ลู่โจวลูบเคราของตัวเองพลางพยักหน้าไปด้วย “บอกหลี่หยุนเฉาให้ดูแลลูกศิษย์ของข้าจ้าวยู่และหมิงซี่หยินให้ดี ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นข้าจะถือว่าเป็นความผิดของเจ้านั่น นอกจากนี้ถ้าหากเจอศิษย์ทรยศยู่เฉิงไห่ที่นั่น เจ้าก็รีบแจ้งข้าในทันทีซะ”
“ถ้าหากข้าเห็นเขา ข้าน้อยจะรีบส่งจดหมายมาที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าให้เร็วที่สุด” ฉินจานที่พูดเสร็จได้โค้งคำนับให้