My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 354
“ติ้ง! ชี้แนะยู่ฉางตงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 500”
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ก็ขึ้นไปบนขอบฟ้าจากทิศตะวันออกตามปกติ
เมื่อแสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องเข้าไปที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อน หยวนเอ๋อก็ได้กระโดดไปที่ทางเข้า นางได้ตะโกนเรียกผู้เป็นศิษย์พี่ไปด้วย “ศิษย์พี่รอง!”
“อรุณสวัสดิ์ศิษย์น้องเล็ก” ยู่ฉางตงกำลังถือดาบยืนยาวเอาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะเดินออกมาจากถ้ำแห่งเงาสะท้อน
ในตอนนี้ผมบางส่วนของยู่ฉางตงไม่ได้เปลี่ยนเป็นสีขาวอีกต่อไป เส้นผมทั้งหมดของเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวไปแล้ว ดวงตาของหยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นเบิกกว้างไปด้วยความตกใจ “ศิษย์พี่รอง ผมของท่าน…”
“ข้าไม่เป็นไร” ยู่ฉางตงได้เงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์ที่อยู่ทางทิศตะวันออกก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“ข้าจะไปตามหาท่านอาจารย์ให้เอง”
“ไม่จำเป็น” ยู่ฉางตงได้พูดขึ้นก่อนที่จะเดินไปที่ด้านหน้า
ยู่ฉางตงได้หันมายิ้มให้กับหยวนเอ๋อ “ศิษย์น้องเล็ก ในตอนนี้ข้าสูญเสียพลังวรยุทธทั้งหมดที่มีไปแล้ว ถ้าหากเจ้าอยากที่จะประลองกับข้าจริงๆ เจ้าก็คงจะเอาชนะข้าโดยที่ไม่ยากเย็นอะไร…”
“ข้า…จะ…” หยวนเอ๋อที่อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออก
ในตอนนี้มีเหล่าผู้คนมารวมตัวกันอยู่ที่ถ้ำแห่งเงาสะท้อนแล้ว
ฝานซง, โจวจี้เฟิง, ฮั๊วยู่จิง, จ้าวยู่, หมิงซี่หยิน, ซู่ฮ่องกง และเหล่าสาวกหญิงทั้งหลายต่างก็รวมตัวกันเพื่อมาเฝ้ามองยู่ฉางตง ทุกคนต่างก็ได้ยินมาแล้วว่ายู่ฉางตงสามารถสังหารยอดฝีมือผู้ที่มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้โดยที่ถูกผนึกพลังวรยุทธเอาไว้ และทุกคนยังได้ยินมาอีกว่าเส้นผมของตัวเขาได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวโพลนแล้ว ผมของยู่ฉางตงได้เปลี่ยนสีไปภายในค่ำคืนเดียว ทุกคนรู้ดีว่ายู่ฉางตงเป็นผู้ที่สืบเชื้อสายมาจากดินแดนของเหล่าชนชั้นสูง เรื่องของยู่ฉางตงถูกพูดกันชั่วข้ามคืน
เมลิล็อตที่เติบโตในดินแดนของเหล่าชนชั้นสูงจะเบ่งบานในตอนเช้าก่อนที่จะร่วงโรยไปในเวลากลางคืน
ยู่ฉางตงมองไปที่ทุกๆ คนก่อนที่จะทักทายทุกคนอย่างสง่างาม “สวัสดีตอนเช้าทุกท่าน”
ทุกๆ คนประสานมือตัวเองก่อนที่จะพูดออกไป “สวัสดีท่านศิษย์คนรอง”
หยวนเอ๋อได้พูดต่อ “ศิษย์พี่รอง ท่านจะต้องไปขอความช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ ถ้าหากเป็นท่านอาจารย์เขาจะต้องช่วยท่านได้แน่”
“เจ้าไม่ได้มาที่นี่ก็เพื่อที่จะประมือกับข้าหรอกหรอ?” ยู่ฉางตงถามกลับไป
“อืม…” หยวนเอ๋อได้คิดอะไรบางอย่างก่อนที่จะตอบกลับไป “ได้เลย”
ณ ศาลาทางทิศตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวในตอนนี้ได้นั่งสมาธิเพื่อทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์มาตลอดทั้งคืน ตอนนี้ตัวเขามีจิตใจที่แสนจะนิ่งสงบ ลู่โจวได้ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะเดินออกไปที่ด้านนอกศาลาทางตะวันออก
ในตอนนั้นเองหลี่หยุนเฉาและเจียงอาเฉียนก็เดินผ่านมา พวกเขาทั้งสองได้โค้งคำนับให้อย่างพร้อมเพรียงกัน
หลี่หยุนเฉาได้พูดขึ้น “ในนามของอัครมเหสีข้ารู้สึกขอบคุณท่านผู้อาวุโสจริงๆ ที่ช่วยรักษาพระองค์จนพระองค์ทรงมีอาการที่ดีขึ้น พวกเราจะกลับกันในวันนี้ ข้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะเอ่ยคำอำลาท่าน”
เจียงอาเฉียนได้โค้งคำนับให้ก่อนที่จะพูดต่อ “ข้าจะไปเยี่ยมเยียนท่านทีหลังเอง”
ลู่โจวรู้ดีว่าเจียงอาเฉียนต้องการอะไร “หลี่หยุนเฉา…เมื่อเจ้ากลับไปที่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์แล้วบอกทุกคนว่าเจียงอาเฉียนได้ตายไปแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นบอกกับองค์รัชทายาทด้วยว่าพวกเราศาลาปีศาจลอยฟ้าจะจดจำเรื่องนี้ไว้เป็นอย่างดี”
หลี่หยุนเฉาที่ได้ฟังแบบนั้นโค้งคำนับให้เพื่อเป็นการขอขมา
เจียงอาเฉียนได้พูดต่อ “จำเอาไว้ก็ดี พวกเราก็รู้กันดีว่าท่านผู้อาวุโสมีฝีมือแค่ไหน ไปกันได้แล้ว”
“เอ่อ…” หลี่หยุนเฉาเป็นคนที่มาจากพรราชวัง เพราะแบบนั้นแล้วเป็นธรรมดาที่ตัวเขาจะต้องเข้าข้างฝั่งพระราชวังไปด้วย แต่ยังไงก็ตามเจียงอาเฉียนก็ถือว่าเป็นสมาชิกคนหนึ่งของพระราชสำนัก ทั้งหลิวหยวนและหลิวจื่อต่างก็เป็นพี่น้องของเขา แต่ดูเหมือนว่าเจียงอาเฉียนจะไม่ได้สนใจอะไรกับพี่น้องทั้งสองเลย
ลู่โจวมองไปที่เจียงอาเฉียนที่กำลังดึงตัวหลี่หยุนเฉาออกจากศาลาทางตะวันออก หลี่หยุนเฉาได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าหากองค์จักรพรรดิยังคงอยู่ ท่านคงจะเป็นลูกหลานที่ดีเลยไม่ใช่หรอไงกัน?
เมื่อหลี่หยุนเฉาคิดถึงเรื่องนี้คำพูดที่ตัวเขาได้พูดออกมาก็ฟังดูผิดไป องค์ชายหลิวปิงเป็นแม่ทัพของเขตพรมแดน องค์ชายห้าหลิวหงเป็นคนที่ขี้อาย แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ไม่ได้มีนิสัยที่ชั่วร้ายอะไร หลี่หยุนเฉาเองเกือบที่จะลืมไป…เจียงอาเฉียนหรือหลิวเฉินเป็นองค์ชายสาม องค์ชายสามก็ไม่ใช่คนที่ชั่วร้ายอะไรเช่นกัน
ในตอนนั้นเองที่สาขาย่อยแห่งหนึ่งของสำนักอเวย์จี
ยู่เฉิงไห่กำลังเดินไปมา ตัวเขามองไปที่สีวู่หยาที่กำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลังจากนั้นยู่เฉิงไห่ก็ได้ถามออกมา “ศิษย์น้องเจ็ด เจ้ามีแผนการอะไรดีๆ บ้างไหม?”
สีวู่หยาส่ายหัว “ข้าไม่คาดคิดมาก่อนว่าเจียงอาเฉียนจะเคลื่อนไหวเช่นนี้ ตอนนี้ตัวเขาซ่อนตัวอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า คนของข้าไม่อาจที่จะแตะต้องเขาได้แน่”
“พวกเราจำเป็นจะต้องจับเจ้านั่นสินะ?” ยู่เฉิงไห่ถามออกมา
“เจียงอาเฉียนเป็นองค์ชายสามแห่งดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่…เขาเป็นองค์ชายสุดที่รักของอัครมเหสี ถ้าหากพวกเราจับเจ้านั่นได้ สำนักอเวย์จีก็จะมีหมากเพิ่มอีกตัว แต่น่าเสียดาย…เจ้านั่นฉลาดเล่ห์เหลี่ยมจนเกินไป” สีวู่หยาตอบออกมา
ยู่เฉิงไห่ได้พูดต่อ “ม่านพลังที่อยู่บนหุบเขาทองได้หายไปแล้ว เจ้ายังมียอดฝีมือที่เหมือนกับหนูขโมยทั้งห้าอยู่ พวกเราคิดวิธีลอบสังหารเจียงอาเฉียนไม่ได้เลยหรอ?”
“เป็นไปไม่ได้” สีวู่หยานึกถึงภาพดอกบัวสีฟ้าที่กำลังเบ่งบาน “พวกเราไม่สามารถฆ่าเจียงอาเฉียนได้…ท่านอาจารย์จงใจที่จะปกป้องเจ้านั่นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้คนที่แฝงตัวอยู่กับองค์รัชทายาทเพิ่งจะรู้ข่าวมา องค์รัชทายาทได้ส่งคนไปสังหารเจียงอาเฉียนมาแล้ว”
“องค์รัชทายาทต้องการที่จะสังหารองค์ชายสามอย่างงั้นหรอ?”
“องค์รัชทายาทไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเจียงอาเฉียนก็คือองค์ชายสาม เขาก็แค่พยายามล้างแค้นให้กับน้องชายของตัวเองเพื่อก้อบกู้ชื่อเสียงก็เท่านั้น” สีวู่หยาตอบกลับมา
เมื่อได้ยินแบบนั้นยู่เฉิงไห่จึงรู้สึกขบขัน ตัวเขาได้ก้าวไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะตบไหล่ของสีวู่หยาเอาไว้
สีวู่หยาที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วไปด้วยความสับสน
ยู่เฉิงไห่ได้พูดต่อ “บางครั้งข้าก็สงสัยว่าเจ้าเองมีสายข่าวจากพระราชวังได้ยังไงกัน?”
“…” สีวู่หยาพพูดไม่ออก
“อย่าได้เขินอายไปเลย ข้าไม่ได้หัวเราะเยาะเจ้าหรอก” ยู่เฉิงไห่พูดต่อ
สีวู่ยาที่ได้ฟังแบบนั้นยิ่งรู้สึกกระอักกระอ่วนมากกว่าเดิม
“เป็นองค์หญิงหย่งหนิงจริงๆ สินะ?”
เมื่อองค์หญิงหย่งหนิงถูกพูดถึง สีวู่หยาก็ส่ายหัวก่อนที่จะตอบออกไป “ท่านเข้าใจผิดแล้วศิษย์พี่ใหญ่ ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต่อกัน”
ยู่เฉิงไห่มองสีวู่หยาอย่างแฝงความนัย ตัวเขาได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฮั่นยู่หยวนกลัวที่จะแตะต้องเจ้า องค์หญิงคนนั้นช่างเป็นผู้หญิงที่วิเศษจริงๆ แต่ถึงแบบนั้นเจ้าก็ยังไม่พึงพอใจนาง ศิษย์น้อง เจ้าควรจะลดมาตรฐานตัวเองลงหน่อยเห็นทีคงจะดีกว่านี้แน่”
สีวู่หยาพูดไม่ออก ตัวเขารีบเปลี่ยนหัวข้อในการสนทนา “พวกเรามาคุยเรื่องแผนการต่อไปของสำนักอเวย์จีจะดีกว่า”
“อืม ดีเลย! นั่นแหละคือสิ่งที่ข้าต้องการ” ยู่เฉิงไห่รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น ตัวเขาไม่ได้สนุกสนานที่จะพูดคุยเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อีกต่อไป
บนโต๊ะใจกลางห้องมีแผนที่ถูกกางเอาไว้
สีวู่หยาได้เอามือชี้ไปยังมณฑลเหลียง
เจ็ดวันได้ผ่านพ้นไปในชั่วพริบตา หลังจากที่ได้รับคำขอบคุณนับครั้งไม่ถ้วนลู่โจวก็ได้เดินออกจากห้อง ตัวเขาอยากที่จะสูดอากาศบริสุทธิ์นั่นเอง เป็นไปตามที่คาดไว้ ลู่โจวไม่อาจที่จะฝากความหวังอะไรกับการจับฉลากนำโชคได้ มันเป็นวิธีที่จนตรอกในการหาทางเอาตัวรอดแล้ว แต่ในตอนนี้ต่างออกไป ลู่โจวมีทางเลือกที่มากกว่าเดิมแล้ว
ขณะที่กำลังยืดแขนและขาของตัวเอง ในตอนนั้นเองหยวนเอ๋อก็ได้ปรากฏตัวขึ้น “ท่านอาจารย์ ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่รองอยู่ในถ้ำแห่งเงาสะท้อนมาหลายวันแล้ว ข้ารู้สึกเป็นห่วงเขาจริงๆ ท่านช่วยไปดูเขาหน่อยจะได้ไหม?”
ลู่โจวขมวดคิ้ว ‘นี่ก็ผ่านมาเจ็ดวันแล้ว เจ้านั่นยังคงดื้อดึงเหมือนเดิมอยู่สินะ?’
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
“ผมของศิษย์พี่รองได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวไปทั้งหมดแล้วเมื่อหลายวันก่อน ในตอนนี้เขาดูแย่ไปจากเดิมมาก ข้าไม่คิดว่าศิษย์พี่รองจะยกดาบขึ้นมาได้ซะด้วยซ้ำ”
ลู่โจวหันกลับมาช้าๆ
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยิน, จ้าวยู่, ซู่ฮ่องกง, ฝานซง, โจวจี้เฟิง และเหล่าสาวกหญิงก็ต่างมายังศาลาทางทิศตะวันออกกันหมดแล้ว ทุกๆ คนกำลังคุกเข่าลง
มันดูเหมือนว่าทุกคนได้รับการนัดแนะมาแล้วนั่นเอง
“ได้โปรด ช่วยทำอะไรสักอย่างเถอะท่านอาจารย์/ท่านปรมาจารย์”
ลู่โจวมองไปที่ทุกคนก่อนที่จะลูบเคราของตัวเอง “พวกเจ้าทุกคนกำลังขอร้องแทนเจ้าศิษย์ทรยศนั่นอย่างงั้นหรอ?”
หมิงซี่หยินรีบตอบ “แม้ว่าศิษย์พี่รองจะเคยทำผิดพลาดไป แต่ตัวเขาก็ได้สังหารคนมากมายหลายคนที่ละโมบในสมบัติของศาลาปีศาจลอยฟ้า ได้โปรดช่วยศิษย์พี่รองด้วยเถอะท่านอาจารย์!” คนอื่นๆ เองก็คำนับด้วยเช่นกัน
ลู่โจวส่ายหัวก่อนที่จะพูดขึ้น “ถ้าหากจะมีใครสักคนจะต้องขอร้อง คนคนนั้นก็ควรจะเป็นเจ้าศิษย์ทรยศคนนั้น”
“ท่านอาจารย์”
“เงียบซะ” ลู่โจวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “ถ้าหากข้าเป็นคนที่เมตตา พวกเจ้าคิดหรอว่าที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าจะอยู่มาถึงทุกวันนี้ได้น่ะ? ถ้าหากเจ้านั่นอยากที่จะตาย ข้าก็จะปล่อยให้เจ้านั่นได้ตายสมใจอยาก!”
ลู่โจวได้สะบัดแขนเสื้อก่อนที่จะหันหลังกลับ ตัวเขาได้หันไปทางศาทิศตะวันออกอีกครั้งตัวเขาไม่ใช่ทั้งหมิงซี่หยิน ไม่ใช่จ้าวยู่ ลู่โจวไม่ได้เป็นหนึ่งในสาวกเหมือนกับทุกๆ คน สิ่งที่ตัวเขาเป็นคือผู้นำของศาลาปีศาจลอยฟ้าแห่งนี้
คนอื่นๆ ถูกทิ้งให้อยู่ที่เดิม
คำพูดของลู่โจวยังคงดังก้องกังวานอยู่ในหูของทุกๆ คน ถ้าหากผู้นำของศาลาปีศาจลอยฟ้ามีความเมตตา ศาลาปีศาจลอยฟ้าก็คงจะถูกทำลายไปนานแล้ว ถ้าหากทุกคนทำตามใจกันแบบนี้ ใครจะเป็นคนสั่งสอนศิษย์ทรยศได้กัน? ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าได้พูดถูกแล้ว ตัวเขายอมที่จะรับฟังคำวิงวอนของศิษย์ทรยศไปแล้ว ถ้าหากยังคงอ่อนข้อต่อไปลู่โจวก็คงไม่อาจรักษาศาลาปีศาจลอยฟ้าเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นยู่ฉางตงและยู่เฉิงไห่ยังนิ่งเฉยในตอนที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีภัย ทุกคนจึงรู้ดีว่าสิ่งที่ยู่ฉางตงได้รับตอนนี้ก็ถือว่าถูกเมตตามากแล้ว