My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 368
จือหนานโค้งคำนับก่อนที่จะตอบกลับมา “ท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเดินทางมาไกล เป็นเรื่องธรรมดาที่สำนักลั่วจะต้องต้อนรับท่านด้วยไมตรีจิต ข้าที่เป็นเหมือนกับเจ้าบ้านขออาสาดูแลท่านเป็นอย่างดีแทนท่านปรมาจารย์ของข้าเอง” เป็นธรรมดาที่สำนักลั่วจะไม่อยากสร้างความบาดหมางให้กับใคร
การปรากฏตัวของเล้งลั่วได้ทำให้สำนักลั่วตื่นตกใจ
แต่น่าเสียดายที่เล้งลั่วก็เป็นเหมือนกับหมิงซี่หยิน ชายคนนี้ไม่ชอบพิธีรีตองอะไรที่ซับซ้อนยุ่งยาก ตัวเขาได้ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า “ข้าจะพูดอีกครั้ง เจ้าน่ะไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดกับปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าหรอก”
จือหนานตกตะลึงเล็กไปน้อย ตัวเขาถือว่าเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักลั่ว ตัวเขาไม่คิดเลยว่าเล้งลั่วจะปฏิเสธตัวเขาแบบนี้ “ท่านปรมาจารย์ของข้ากำลังเก็บตัวฝึกฝนตัวเองอย่างสันโดษอยู่ ท่านไม่คิดที่จะรับแขก!”
ในฐานะที่ลู่ปิงเองก็เป็นผู้อาวุโส ตัวเขาย่อมมีสิทธิ์ที่จะเสนอความคิดเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ลู่ปิงที่คิดแบบนั้นได้พูดออกไป “ท่านผู้อาวุโส ได้โปรดให้ท่านปรมาจารย์ออกมาจากการฝึกฝนตัวเองด้วยเถอะ นี่เป็นเรื่องสำคัญเกินกว่าที่จะเมินเฉยได้!”
ตู๊ม!
จือหนานได้ใช้พลังโจมตีออกไป พลังของเขาทั้งดุร้ายและรวดเร็วเป็นอย่างมาก มันกำลังพุ่งเข้ามาหาลู่ปิงนั่นเอง
ลู่ปิงที่เห็นแบบนั้นรีบกระโดดหลบ ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้อาวุโสที่ตนนับถือจะโจมตีคนของตัวเองได้ ลู่ปิงที่ยังไงก็หลบไม่พ้นได้ยกแขนขึ้น
ตู๊ม!
เกิดการปะทะกันของพลัง
ลู่ปิงได้ส่งเสียงพึมพำออกมาในขณะที่ตัวเองล้มลง ใบหน้าของเขาดูซีดเซียวจนน่ากลัว ตัวเขาไม่ใช่คู่มือของผู้อาวุโสสูงสุด การโจมตีเพียงครั้งเดียวก็แสดงให้เห็นแล้วว่าผู้อาวุโสมีพลังฝีมือที่สูงส่งกว่า
“หุบปากซะ…เก็บปากของเจ้าเอาไว้จะดีกว่า” จือหนานได้ถ่มน้ำลายใส่ลู่ปิงหลังพูดเสร็จ ตัวเขาได้หันไปเผชิญหน้ากับเล้งลั่วพร้อมรอยยิ้มอีกครั้ง “ข้าต้องขอโทษด้วย เด็กมักจะไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ นั่นเป็นเรื่องน่าอับอายของสำนักลั่ว ได้โปรดอย่าถือสาเลยพี่เล้ง”
“น่าประทับใจจริงๆ” หมิงซี่หยินได้พูดเย้ยหยันออกมา
จือหนานมองไปที่หมิงซี่หยินที่อยู่บนรถม้าล่องเมฆาก่อนที่จะพูดออกมา “นี่คือการสนทนากันของผู้อาวุโส ไม่มีที่สำหรับคนหนุ่มอย่างเจ้าหรอก” คำพูดของจือหนานเต็มไปด้วยความนัย ไม่เพียงแต่คำพูดนี้จะเป็นการตำหนิลู่ปิง มันยังเป็นการตำหนิหมิงซี่หยินโดยตรงอีกด้วย
หมิงซี่หยินที่ได้ยินแบบนั้นกำลังควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ แต่เมื่อเล้งลั่วยกมือขึ้นมาห้ามหมิงซี่หยินก็ได้สงบลงซะก่อน หมิงซี่หยินตัดสินใจที่จะดูว่าเกิดอะไรขึ้นต่อแทน
เล้งลั่วได้ก้าวไปข้างหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าชื่นชอบที่จะแกล้งคนรุ่นหลังอย่างงั้นหรอ?”
“ท่านหมายถึงอะไรกัน? ผู้อาวุโสเล้ง”
“ตอนที่ข้าได้ท่องไปทั่วยุทธภพ ในตอนนั้นเจ้ายังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยด้วยซ้ำไป!”
พรึ๊บ!
พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบได้ปรากฏตัวขึ้น
ทันทีที่มันปรากฏขึ้นมา ดอกบัวแปดกลีบที่อยู่กับพลังอวตารก็ได้หมุนตัวเองอย่างรวดเร็ว ที่อวตารเต็มไปด้วยพลังลมปราณอันมหาศาล มันกำลังกระเพื่อมออกมาอย่างไม่มีที่สิ้นสุด แต่ถึงแบบนั้นมันก็ได้จางหายไปในไม่กี่อึดใจ
จือหนานที่ยืนอยู่ใกล้อวตารมากไปถูกพลังที่กระเพื่อมออกมาซัดเข้าใส่จนกระเด็นถอยกลับไป นี่เป็นเพียงแค่การแสดงพลังเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น ในตอนนี้สีหน้าของจือหนานเริ่มที่จะเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“อวตารดอกบัวแปดกลีบ!”
“ทำไมเล้งลั่วถึงยังอยู่ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าในเมื่อเขามีพลังวรยุทธที่ลึกล้ำเช่นนี้?”
เหล่าผู้อาวุโสในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เข้าใจถึงความแข็งแกร่งของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบดี และเพราะแบบนั้นจึงทำให้ทุกคนยิ่งดูกังวลมากขึ้นไปอีก จือหนานมีพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบเท่านั้น ไม่ต้องพูดถึงพลังของผู้อาวุโสคนที่สองอย่างชานหยุนเจิ้งเลย นางเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบเท่านั้น แม้ว่าทั้งสองจะร่วมมือกันก็ยังไม่ใช่คู่มือของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบอยู่ดี
ด้วยการแสดงความแข็งแกร่งทำให้ไม่มีใครยืนหยัดเพื่อที่จะเผชิญหน้ากับเล้งลั่วอีกต่อไป
และด้วยเหตุผลอะไรที่ก็ไม่อาจทราบได้ ใบหน้าของลู่ปิงที่เคยเต็มไปด้วยความไม่พึงพอใจเริ่มที่จะคลี่คลายหายไป
เล้งลั่วได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “ศาลาปีศาจลอยฟ้ามาที่นี่ก็เพื่อที่จะเยี่ยมเยียนสหายเก่าเท่านั้น…อย่าให้ข้าต้องโจมตีพวกเจ้าเลยจะดีกว่า”
ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เงียบลงราวกับสุสาน บรรยากาศเริ่มตึงเครียดมากขึ้นเรื่อยๆ
ไม่มีใครกล้าก้าวไปข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมืออย่างเล้งลั่วอีกต่อไป
ฟรึ๊บ! ฟรึ๊บ! ฟรึ๊บ!
ในตอนนั้นเองก็มีกลุ่มคนกลุ่มใหม่ปรากฏขึ้นเหนือดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผู้มาเยือนได้แบ่งกลุ่มตัวเองเป็นกลุ่มเล็กๆ บางคนได้ยืนอยู่บนดาบของตัวเองในขณะที่หลายๆ คนกำลังยืนอยู่บนอาวุธที่มีรูปร่างแปลกประหลาด นอกจากนี้ยังมีบางคนขี่หลังของสัตว์ขี่มาด้วย พวกเขาค่อยๆ รวมตัวกันเต็มท้องฟ้า
ผู้มาเยือนใหม่ใส่เสื้อคลุมสามแบบที่ดูแตกต่างกันไป มันมีทั้งเสื้อคลุมสีขาวและเสื้อคลุมสีเขียวเพิ่มขึ้นมา
“คนจากสำนักหยุนและสำนักเทียนมาถึงที่นี่แล้ว!”
จือหนานที่ได้เห็นแบบนั้นดูสงบลงก่อนที่จะพูดออกมา “จือหนานแห่งสำนักลั่วขอต้อนรับผู้อาวุโสจากสำนักหยุนและสำนักเทียน”
เหล่าสาวกผู้ที่มีพลังวรยุทธต่ำเตี้ยกำลังลอยอยู่บนอากาศเพื่อที่จะรอฟังคำสั่งต่อไป
เหล่าผู้อาวุโสจากสำนักหยุนและสำนักเทียนได้ลอยลงมาจากอากาศ ทุกคนได้เอามือประชิดกันก่อนที่จะเข้ามาใกล้เพื่อเป็นการทักทาย หลังจากนั้นพวกเขาก็หันไปเผชิญหน้ากับรถม้าล่องเมฆาของศาลาปีศาจลอยฟ้า
ในฐานะที่เป็นกำลังเสริม จำนวนที่มีมากมายขนาดนี้ถือว่าเป็นที่น่าประทับใจ เห็นได้ชัดว่าสำนักลั่วเองได้มีการเตรียมการมาก่อนหน้านี้แล้ว
ลู่โจวที่มองเหตุการณ์ทุกอย่างมาจากรถม้าของตัวเองไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร ตัวเขาต้องการที่จะพบกับหยุนเทียนลั่วเท่านั้น แน่นอนว่าลู่โจวคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าตัวเขาคงจะไม่เจอตัวหยุนเทียนลั่วง่ายๆ แน่ สำหรับเรื่องในครั้งนี้เพียงแค่ฝานลี่เทียนและฮั๊ววู่เด๋าก็มากพอแล้วที่จะจัดการกับทุกคน ตัวเขาไม่จำเป็นที่จะต้องเคลื่อนไหวอะไร
ตอนนี้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตมีราคาขายอยู่ที่ 3,000 แต้มบุญ ลู่โจวมีการ์ดใบนี้อยู่ 2 ใบด้วยกัน ถ้าหากลู่โจวใช้มันโจมตีใส่ใครตัวเขาก็จะต้องขาดทุนแน่นอน และนอกจากนี้ตัวเขายังสามารถใช้พลังจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์แค่ 3 ครั้งเท่านั้น ถ้าหากไม่เจอสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายลู่โจวก็คงจะไม่ใช้พลังตัวเองออกมา แม้ว่าพลังวรยุทธของเล้งลั่วและฝานลี่เทียนจะยังไม่ฟื้นฟูคืนกลับมาอย่างเต็มที่ก็ตาม แต่ลำพังเพียงแค่ทั้งสองคนนั้นก็เพียงพอแล้วที่จะข่มขู่ให้ทุกคนจะต้องหวาดกลัว
“ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งสำนักหยุน จ้าวจีขอทักทายทุกท่าน” จ้าวจีแห่งสำนักหยุนได้หันมาคารวะ
“ข้าซุนหงผู้อาวุโสลำดับสองแห่งสำนักหยุนขอทักทายเช่นกัน”
“ส่วนข้าผู้อาวุโสลำดักหกแห่งสำนักหยุน…ฝา…ฝานเชียวขอทักทายทุกท่าน” ความมั่นใจที่ฝานเชียวมีขาดหายไปอย่างเห็นได้ชัด
หมิงซี่หยินได้โบกมือให้กับฝานเชียว “พวกเราได้พบกันอีกครั้งแล้วนะฝานเชียว! ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีน้ำมีนวลเพิ่มขึ้นมาหลังจากที่พวกเราพบกันครั้งล่าสุดแล้วนิ”
ฝานเชียวพูดไม่ออก ตัวเขาได้นึกย้อนไปในตอนที่ตนเองปลอมตัวเป็นจีเทียนเด๋าอยู่ที่แม่น้ำสวรรค์ ตัวเขารู้สึกอึดอัดใจเป็นอย่างมากเมื่อพบกับชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าอีกครั้ง
“ข้าผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเทียน ฝานเหวินเซียนขอทักทายทุกท่าน” ผู้อาวุโสจากสำนักเทียนเองก็อยู่ที่นี่เช่นกัน
นอกเหนือจากผู้อาวุโสสูงสุดจากสำนักเทียน คนอื่นๆ ล้วนแต่เป็นสาวกด้วยกันทั้งหมด แต่ถึงแบบนั้นก็เพียงพอแล้ว เมื่อนับรวมกับทุกคนที่มารวมตัวกันมันไม่ใช่กลุ่มผู้ฝึกยุทธที่มีจำนวนน้อยๆ เลย ยิ่งไปกว่านั้นที่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของสำนักลั่วยังมีเขตแดนพลังรวมไปถึงม่านพลังอีกนับไม่ถ้วน ทุกคนมั่นใจมากว่าจะสามารถรับมือกับศาลาปีศาจลอยฟ้าได้
จือหนานลุกขึ้นมาเผชิญหน้ากับเล้งลั่วก่อนที่จะพูดออกมา “อย่าเพิ่งได้โกรธไปพี่เล้ง ผู้อาวุโสจากสำนักหยุนและสำนักเทียนอยู่ที่นี่หมดแล้ว…ถ้าหากท่านปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้ามีอะไรที่อยากจะพูดกับท่านปรมาจารย์จริง ก็ให้เขาได้พูดกับข้าเถอะ”
ทันทีที่จือหนานพูดจบ ก็มีบางอย่างออกมาจากรถม้า มันเป็นอะไรที่มีขนาดเล็กและยังดูเบาบาง
ผู้อาวุโสทั้งหมดต่างก็เป็นยอดฝีมือ และเพราะแบบนั้นเองพวกเขาจึงมีสายตาที่เฉียบคม ทุกคนตื่นตกใจที่ได้เห็นของสิ่งนั้น… “น้ำเต้า?”
น้ำเต้าที่ดูธรรมดาๆ ได้บินออกมาจากรถม้า มันได้พุ่งเข้าไปหาจือหนานอย่างรวดเร็ว
จือหนานพบว่าของสิ่งนี้ดูแปลก ตัวเขารู้สึกสับสนแต่ถึงแบบนั้นนี่ก็คงจะไม่ใช่อะไรที่หวังดีแน่ ‘ยังไงซะพวกฝ่ายอธรรมก็ยังเป็นฝ่ายอธรรมอยู่ดี ก็แค่ขยะที่อยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นนิสัยหรือใบหน้าก็ตาม พวกมันล้วนแต่ดูน่าเกลียดน่ากลัว’ จือหนานได้สะบัดมือของตัวเองเพื่อที่จะระเบิดพลังใส่น้ำเต้า
พรึ๊บ!
น้ำเต้าที่พุ่งมาไม่ได้สะทกสะท้านแม้แต่นิดเดียว มันยังคงมุ่งหน้าไปหาจือหนานต่อ มันเคลื่อนไหวมาอย่างช้าๆ ราวกับขนนก
“หืม?” ในตอนนั้นเองจือหนานก็สัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่างที่ผิดแปลกไป จือหนานได้ยกมือออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ตัวเขาไม่ได้ใช้พลังซัดไป ตัวเขาเลือกที่จะใช้พลังฝ่ามือแทน
ตู๊ม!
พลังฝ่ามือได้เข้าปะทะกับน้ำเต้า ในตอนนั้นเองขวดน้ำเต้าก็เพิ่มความเร็วขึ้นมา…
‘บ้าจริง! นี่มันคืออาวุธ!’ จือหนานได้ยกฝ่ามือทั้งสองขึ้นมาก่อนที่จะใช้พลังฝ่ามือออกไปอย่างจริงจัง
“ช้าไป!” เสียงจากรถม้าล่องเมฆาได้ดังออกมา ในทันใดนั้นเองขวดน้ำเต้าขวดนั้นก็ได้เปล่งแสงสีทองออกมา! มันได้กลายเป็นขวดน้ำเต้าสีทองก่อนที่จะบินไปหาจือหนาน จือหนานที่ไม่อาจตอบสนองได้ทันถูกน้ำเต้าจู่โจมจากทางด้านบน
ตู๊ม!
จือหนานถูกพลังที่อัดแน่นจนดูคล้ายระเบิดเข้าเล่นงาน ตัวเขาล้มลงในทันที
“ผู้อาวุโส!”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด!”
ทุกคนต่างก็ตกใจเมื่อได้เห็นแบบนั้น
ในตอนนั้นเองฝานลี่เทียนก็ได้ออกมาจากรถม้า ดูเหมือนว่าเขาจะเมาและเหนื่อยล้านิดหน่อย แต่ถึงแบบนั้นฝานลี่เทียนก็สามารถพูดออกมาได้อย่างชัดเจน “พวกเจ้ามันก็ไม่ต่างอะไรกับไม้กวาดไร้ประโยชน์ ข้าไม่ได้ใจดีเหมือนกับเล้งลั่วหรอกนะ”
พรึ๊บ!
ฝานลี่เทียนได้ส่งเสียงดังออกมาอีกครั้ง “ขวดน้ำเต้าของข้ามันอาจจะดูไม่มีพิษสง แต่ถ้าหากประมาทมันเข้าชีวิตของเจ้าจะต้องตกอยู่ในอันตรายแน่”