My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 441
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
เมื่อต้องพบกับการโจมตีนับไม่ถ้วนของเหล่าพันธมิตรกำจัดอสูร ต้วนมู่เฉิงก็ได้ถอยกลับ ตัวเขามองไปยังทิศทางที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งอยู่ แขนของต้วนมู่เฉิงด้านชาไปหมดแล้ว ต้วนมู่เฉิงไม่ใช่คนเดียวที่ติดอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
สาวกของเจ็ดสำนักใหญ่ต่างก็มองไปยังศาลาปีศาจลอยฟ้าเช่นกัน มีมือธนูที่คอยซุ่มโจมตีมาจากเงามืด มันไม่เหมือนกับตอนที่สังหารจือหยวน ลูกศรที่สังหารหลิวรู่ชีมีขนาดที่เล็กกว่านั้นมาก หลิวรู่ชีไม่มีโอกาสที่จะป้องกันตัวเองซะด้วยซ้ำ! เหล่าสาวกที่เห็นแบบนั้นจะไม่รู้สึกหวาดกลัวได้ยังไงกัน?
เมฆหมอกแห่งความตื่นตระหนกกำลังปกคลุมเหล่าสาวกจากเจ็ดสำนักใหญ่ เพียงครู่เดียวเท่านั้นทางฝั่งเจ็ดสำนักใหญ่ก็ได้ปล่อยลูกศรพลังงานสีทองออกไป มันเป็นลูกศรพลังงานที่มีขนาดใหญ่ราวกับต้นไม้ที่กำลังส่องแสงสีทองยามราตรี มันส่องแสงจ้าจนยากที่จะเหลือบมอง
หวืออ!
ความเร็วของลูกศรพลังงานที่ว่ามันเร็วจนส่งเสียงดังออกมาเป็นพิเศษ
“ถึงตาของพวกเราแล้ว!”
มือธนูที่เก่งกาจมักจะซ่อนตัวให้ดีในขณะที่ต้องหาตำแหน่งของศัตรูด้วย การที่มือธนูจะถูกเปิดเผยตำแหน่งได้มันเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก
ลูกศรพลังงานที่หนาแน่นราวกับต้นไม้ดูเหมือนจะนำความหวังของเจ็ดสำนักใหญ่ไปกับมันด้วย มันได้ยิงออกมาจากป่าทางด้านตะวันตก ลูกศรพลังงานกำลังพุ่งไปทางศาลาปีศาจลอยฟ้าทางตะวันออก
สายตาของทุกคนกำลังจับจ้องไปที่ลูกศรพลังงานนั่น
พื้นที่ที่เคยมืดมิดของศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกแสงสว่างจากศรพลังงานทอแสง ในตอนนั้นเองทุกคนก็ได้เห็นร่างกายของชายชราคนหนึ่งที่กำลังยืนอยู่ที่หน้าศาลา
ชายชราคนนั้นยกมือขึ้นมา ที่มือของเขาถูกแสงสว่างสีฟ้าคอยปกคลุม
“ฝ่ามือนั่น!”
ตู๊ม!
ทันทีที่ลูกศรปะทะเข้ากับพลังฝ่ามือ ในตอนนั้นพลังของลูกศรทั้งหมดได้แตกประกายพลุ่งพล่านราวกับดอกไม้ไฟไป
“จีเทียนเด๋า!”
“นั่นมันมหาวายร้ายจี!”
“เจ้านั่นเป็นคนยิงธนูนั่น!”
“ถอยเร็ว!”
รถม้าของสำนักใหญ่ทั้งเจ็ดต่างก็ถอยกลับ เหล่าสาวกเองก็เช่นกัน ถ้าหากพวกเขารักษาระยะห่างกับลู่โจวเอาไว้ได้ พลังทำลายล้างจากลูกศรพลังงานก็จะลดลง แต่การถอยกลับในครั้งนี้ส่งผลต่อขวัญและกำลังใจของเหล่าสาวกทั้งหมด สาวกหลายคนตกใจจนล้มไปกับพื้น ขาของพวกเขาอ่อนแรงเกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้
อันที่จริงทุกๆ คนที่เข้าร่วมกับศึกครั้งนี้ต่างก็ตื่นตกใจ เหล่าสาวกจากสำนักใหญ่ทั้งเจ็ดรู้ดีว่าศาลาปีศาจลอยฟ้านั้นน่ากลัวแค่ไหนเมื่ออยู่ในสนามรบ ไม่เพียงแต่จะมีจีเทียนเด๋าเท่านั้น เหล่าสาวกคนอื่นๆ ของศาลาปีศาจลอยฟ้าเองก็โหดเหี้ยมไม่แพ้กัน
“ท่านปรมาจารย์!”
“ท่านอาจารย์!”
เสียงของเหล่าสาวกศาลาปีศาจลอยฟ้าดังขึ้น มันเป็นเสียงที่ทักทายลู่โจวนั่นเอง
ลู่โจวพยักหน้าตอบรับก่อนที่จะลูบเขาของตัวเอง ดวงตาของเขากำลังจับจ้องไปที่ป่าอันไกลโพ้น ลู่โจวที่จ้องมองไปได้สักพักได้เอ่ยปากพูดขึ้น “จีหยวนชาง เหตุใดเจ้าถึงยังต้องซ่อนตัวอีกล่ะ? เจ้ากลายเป็นคนขี้ขลาดแบบนี้ไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?” เห็นได้ชัดว่าลู่โจวไม่ได้ถามคำถามนี้กับสำนักใหญ่ทั้งเจ็ด
จีหยวนชานเป็นยอดมือธนูผู้แก่ชรา เขาเป็นผู้ที่ใกล้ถึงขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่เต็มที จีหยวนชานไม่ได้เข้าร่วมกับสำนักใด ตัวเขาในอดีตได้ใช้เวลาส่วนมากไปกับการฝึกสอนสาวกมากมายหลายคน ชายคนนี้เป็นผู้นำของยอดมือธนูทั้งสามแห่งเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าเฉินซูเองเป็นเพียงลูกศิษย์ของตัวเขา
ในฐานะที่เป็นยอดมือธนู เป็นไปไม่ได้เลยที่ฮั๊วยู่จิงจะไม่รู้จักชื่อจีหยวนชาน นางจ้องมองไปยังป่าอันมืดมิดด้วยท่าทีที่ตกใจ
เฟิงชิงตอบแทนจีหยวนชาน “ผู้อาวุโสจีเป็นยอดมือธนู การที่ยอดมือธนูจะไม่เปิดเผยตัวในการต่อสู้ถือว่าเป็นเรื่องปกติ จีเทียนเด๋า เจ้านั่นแหละที่เป็นฝ่ายพยายามซ่อนตัวน่ะ”
“ข้าอยู่ที่นี่แล้ว” ลู่โจวลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะก้าวขาไปยังกลางอากาศ ตัวเขาค่อยๆ ปรากฏตัวออกมาจากความมืดมิดของศาลาปีศาจลอยฟ้า ทุกย่างก้าวของลู่โจวมักจะมีแสงปรากฏออกมา ท่าทีในการเดินของตัวเขาดูสงบและสบายใจเป็นอย่างมาก เส้นผมสีเงินบางส่วนส่องประกายในแสงจันทร์ยามราตรี ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ลู่โจวได้เลือกปรากฏตัวโดยเลียนแบบนิสัยของจีเทียนเด๋าในอดีต
เหล่าสาวกทั้งเจ็ดที่เห็นเช่นนั้นต่างก็สูดหายใจเข้าลึกๆ ดวงตาของทุกคนเบิกกว้างในขณะที่จับจ้องลู่โจวที่กำลังลอยอยู่บนฟ้า แม้ว่าจะไม่ได้เห็นหน้าตาชัดๆ แต่ถ้าหากมองจากเสื้อคลุมยาวและผมสีขาวแบบนั้น คนคนนี้จะต้องเป็นปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ผิดแน่ จอมวายร้ายผู้อยู่เหนือใต้หล้า!
ลู่โจวได้ตรวจสอบพลังวิเศษที่เหลืออยู่ ลูกศรดอกแรกที่ใช้สังหารจือหยวนไปได้ใช้พลังวิเศษไป 1 ใน 5 จือหยวนใกล้ตายอยู่ก่อนแล้ว ลูกศรที่ลู่โจวได้ใช้พลังไปจึงเป็นแค่ตัวเร่งให้จือหยวนได้ตายจากไป ลูกศรดอกที่สองที่ใช้สังหารหลิวรู่ชี เจ้าสำนักดวงหฤทัยไปใช้พลัง 1 ใน 3 ของพลังวิเศษที่มี หลิวรู่ชีถือว่าเป็นยอดฝีมือผู้น่าเกรงขาม ดังนั้นลู่โจวจึงใช้พลังเต็มที่ไปกับการสังหารเขา หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้ใช้พลังไปอีก 1 ใน 3 เพื่อที่จะป้องกันลูกศรของจีหยวนชานเอาไว้ ในตอนนี้ตัวเขาเหลือพลังวิเศษที่น้อยกว่า 1 ใน 3 เล็กน้อย ด้วยเหตุนี้เองลู่โจวจึงตัดสินใจที่จะแสดงตัว ด้วยวิธีการเช่นนี้ลู่โจวจะล่อศัตรูทั้งหมดให้แสดงตัวในที่โล่งได้
ตามที่ลู่โจวคาดการณ์เอาไว้ จีหยวนชานไม่อาจที่จะยับยั้งตัวเองได้อีกต่อไป ตัวเขากระโดดขึ้นมาจากป่าก่อนที่จะพูดตอบกลับมา “จีเทียนเด๋า! เจ้าได้ฆ่าสาวกของข้า วันนี้ข้าจะเป็นผู้จบชีวิตเจ้าเอง!”
จีหยวนชานเป็นยอดฝีมือที่อยู่มากว่าหลายศตวรรษแล้ว ตัวเขาได้ยกธนูขึ้นมาก่อนที่ลูกศรพลังงานจะปรากฏตามมาด้วย
“เฉินซูมาจากชนเผ่าอื่น จีหยวนชาน…เจ้ากำลังต่อสู้เพื่อชนเผ่าอื่นอย่างงั้นสินะ?”
“ไร้สาระ! เจ้าคิดว่าข้าจะแยกแยะไม่ออกสินะว่าใครเป็นชนเผ่าอื่นกันน่ะ?”
ลู่โจวส่ายหัว ตัวเขาไม่คิดที่จะสนใจเหล่าผู้นำของเจ็ดสำนักใหญ่ ตัวเขาก้าวไปที่ด้านหน้าก่อนที่จะพูดออกมาอย่างไร้อารมณ์ “ข้าเคยคิดมาตลอดว่าคนที่เป็นปรมาจารย์ของยอดมือธนูจะเป็นคนที่มีเหตผล น่าเสียดาย ช่างน่าเสียดายจริงๆ …”
ลู่โจวได้พลิกฝ่ามือของตัวเอง ในตอนนั้นพลังลมปราณก็ได้โคจรรอบฝ่ามือ
ปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าเริ่มเคลื่อนไหวแล้ว เมื่อเห็นแบบนั้นเจ็ดสำนักใหญ่จึงถอยกลับในทันที
“ถอยเร็วเข้า! ถอยเดี๋ยวนี้!” สาวกบางคนรีบถอยหนี
สาวกของเจ็ดสำนักใหญ่ต่างก็หวาดกลัวเมื่อได้เห็นลู่โจวเริ่มเคลื่อนไหว
“ยืนหยัดซะ! พวกเรามาที่นี่กันในวันนี้เพื่ออะไร? พวกเราจะยอมถอยหนีหรือจะยอมสู้จนตัวตายกัน! ผู้ที่กล้าถอยหนีหรือขัดคำสั่งมันคนนั้นจะต้องถูกสังหาร!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสาวกจากสำนักใหญ่ทั้งเจ็ดต่างก็ยิ่งรู้สึกหวาดกลัว ทุกคนได้แต่ยืนหยัดอย่างไม่เต็มใจ เหล่าสาวกไม่อาจที่จะถอยหนีได้อีกต่อไป
“นี่เป็นโอกาสสุดท้ายก่อนที่เจ้านั่นจะถึงขีดจำกัด! ใครถอยกลับมันผู้นั้นจะต้องถูกตัดหัว!” เสียงของเฟิงชิงที่ใช้พลังแผ่สวรรค์ได้ดังไปทั่ว มันทำให้จิตใจของเหล่าสาวกกลับมาคิดสู้อีกครั้ง
ในขณะเดียวกันลู่โจวก็ขยับฝ่ามือ ในตอนนั้นเองตัวเขาได้ผลักคลื่นพลังลมปราณออกมา
พลังลมปราณได้ถูกควบแน่นจนกลายเป็นพลังฝ่ามือ
สุดยอดพลังฝ่ามือไร้ความกลัวถูกใช้งาน!
ไม่มีอะไรที่ขัดขวางพลังฝ่ามือของลู่โจวไว้ได้
พลังฝ่ามือทองคำได้พุ่งเข้าหาจีหยวนชานด้วยความรวดเร็ว
จีหยวนชานที่กรีดร้องออกมาก่อนที่จะโหมกระหน่ำโจมตี ลูกศรพลังงานของเขาถูกยิงออกมาอย่างรวดเร็ว ภาพที่เห็นชวนให้นึกถึงเฉินซู เฉินซูที่พยายามต่อสู้เพื่อปกป้องแม่น้ำสวรรค์เอาไว้ ศิษย์และอาจารย์สุดท้ายก็เหมือนกัน แม้ว่าการเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งจะทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นตาม แต่ศิษย์อาจารย์จะทำยังไงหากต้องเผชิญหน้ากับผู้ที่มีพลังระดับเทพพระเจ้า?
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
ลูกศรพลังงานหลายลูกชนเข้ากับฝ่ามือ มีเพียงระลอกคลื่นที่แผ่กระจายมาจากการปะทะเท่านั้น มันไม่อาจหยุดยั้งพลังฝ่ามือเอาไว้ได้เลย
พลังฝ่ามือได้พุ่งผ่านรถม้าลอยฟ้า 2 คันที่กำลังบินอยู่
พรึ๊บ!
รถม้า 1 ใน 3 ส่วนได้รับความเสียหายจากพลังฝ่ามือ มันเป็นลูกหลงจากพลังนั่นเอง
เหล่าสาวกนับสิบที่บินไม่ได้ต่างก็ร่วงหล่นลงสู่พื้น
ทั่วทุกที่ที่พลังฝ่ามือพุ่งผ่านมีเสียงครวญครางดังตามมา
สุดยอดฝ่ามือไร้ความกลัวได้พุ่งผ่านรถม้าลอยฟ้าก่อนที่ตรงไปยังจีหยวนชง
สุดท้ายจีหยวนชานก็เลือกที่จะหนี พลังฝ่ามือที่เห็นมีอะไรบางอย่างที่แปลกไป ตัวเขาได้บินไปไกลด้วยความเร็วสูงสุดที่มี
พลังฝ่ามือยังคงไล่ตามอย่างไม่ลดละ ไม่ว่าเป้าหมายจะหนีไปทางใดมันก็สามารถไล่ตามไปได้ราวกับมีตาวิเศษ
ตู๊ม!
จีหยวนชานที่พลาดท่าถูกพลังฝ่ามือได้สลายหายไปในอากาศ
ป่าที่เชิงเขากลับมาเงียบสงบอีกครั้ง
เหล่าสาวกของเจ็ดสำนักใหญ่ต่างก็จ้องมองเหตุการณ์จนเกือบลืมหายใจ
ความมั่นใจและขวัญกำลังใจทั้งหมดที่เฟิงชิงปลุกเร้ามาด้วยความยากลำบากกำลังถูกสั่นคลอนอีกครั้ง ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้จะมีใครที่รักษาสติเอาไว้ได้อีก?
มันคือพลังของการ์ดการโจมตีของเพชฌฆาต ลู่โจวไม่คิดถึงสิ่งที่จะต้องเสียอีกต่อไป ลู่โจวคิดเพียงแค่ว่าต้องจัดการกับยอดฝีมือที่ซ่อนตัวจากในเงามือ ถ้าหากไม่จัดกับมือธนูก่อนตัวเขาจะต้องเสียพลังไปกับการป้องกันอย่างมหาศาลแน่
ลู่โจวได้ก้าวไปที่ข้างหน้าอีกครั้ง
เฟิงชิงเหลือบมองไปที่ลู่โจวด้วยแววตาที่แสนจะเย็นชา แม้ว่าสายตาของเขาจะเป็นแบบนั้นแต่ภายในใจของเขากลับเต้นแรง ร่างกายของเฟิงชิงด้านชาไปทั้งตัว ในช่วงเวลาหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ตัวเขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากเก็บอารมณ์เอาไว้ เฟิงชิงรีบสั่งการต่อ “เหล่าสาวกจงยอมสละชีวิตเพื่อทำให้โลกใบนี้ดีขึ้นซะ โจมตีได้!”
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่รอบรถม้าลอยฟ้าทั้งเจ็ดต่างก็พุ่งเข้าหาลู่โจวราวกับแมลงวัน
“ท่านอาจารย์!”
“ท่านปรมาจารย์!”
ทางด้านศาลาปีศาจลอยฟ้า ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อเป็นเพียงแค่ 2 คนเท่านั้นที่ยังมีพลังเต็มที่ เลง้ลั่วในตอนนี้เหลือพลังพอที่จะเอาตัวรอดเท่านั้น เมื่อเห็นการจู่โจมครั้งนี้ทุกคนต่างก็ต้องการจะป้องกันการโจมตี แต่นั่นมันก็สายไป ทุกคนทำได้แค่เพียงจ้องมองลู่โจวอย่างช่วยไม่ได้
ทุกๆ ครั้งที่ลู่โจวก้าวเดินจะมีพลังลมปราณกระจายตัวออกไป ดอกบัวสีฟ้าเริ่มโผล่มาจากใต้เท้าของตัวเขา ร่างกายของลู่โจวเองก็เปล่งแสงประกายสีฟ้าจางๆ เช่นกัน ‘ชีวิตที่ยืนยาวของฉันไม่ได้มาเพราะโชคช่วย ฉันได้สังหารปีศาจมากว่านับล้านตัวแล้ว ไม่ว่าพวกแกมาจากเจ็ดสุดยอดสำนักอะไรก็แล้วแต่ พวกแกก็จะต้องถูกจัดการ!’