My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 488
ตอนที่ 488 ไร้ตัวตน
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ในขณะที่ลู่โจวมองไปที่ยู่เฉิงไห่
ชื่อ: ยู่เฉิงไห่
เผ่า: วู่เฉียน (มนุษย์)
วรยุทธ: ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์
ถ้าหากไม่ใช่เพราะการ์ดแปลงกาย แทบที่จะเป็นไปไม่ได้เลยที่ลู่โจวจะได้พบหน้ายู่เฉิงไห่ ความเร็วในการวิ่งยู่เฉิงไห่เร็วเกินกว่าที่คนแก่อย่างเขาจะตามได้ทัน
ทุกคนที่เห็นยู่เฉิงไห่กลับมาต่างก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อเทียบกับยอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบที่ไม่รู้จักหัวนอนปลายเท้าเหมือนกับในก่อนหน้านี้ สาวกของสํานักเพิ่งไหลและสาวกจากสํานักอเวจีรู้สึกพอใจกับการเผชิญหน้ากับจีเทียนเต๋ามากกว่า ท้ายที่สุดแล้วเขาคนนี้ก็คืออาจารย์ของเจ้าสํานักอเวจี แต่เมื่อได้มองดูเหตุการณ์ทั้งหมด เหล่าสาวกก็เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าพวกเขาเป็นพวกเดียวกัน
ลู่โจวได้พาธิดาหอยสังข์กลับมายังห้องโถงใหญ่ผ่านรูบนกําแพง
ทุกๆ คนเดินตามกันมา
ฮั๊วจงหยางตบไหล่เฉินเหลียงซู “เจ้าจะตามมาไหม?”
เฉินเหลียงซูที่เงยหน้าขึ้นได้ตอบกลับไป “ไป…ข้าจะต้องไปแน่…แต่ข้าขอลงโทษตัวเองให้มากกว่านี้เพื่อตอกย้ําความทรงจํา”
“เชิญตามสบาย” ฮั๊วจงหยางรู้สึกเสียใจและทําอะไรไม่ถูกเช่นกัน ถ้าหากไม่ใช่เพราะฮั๊วจงหยาง ผู้อาวุโสคนนี้จะไม่มีทางอยู่ที่นี่ได้เลย
ว่างได้เกิดไปแล้ว ไม่มีทางอื่นนอกซะจากต้องเดินต่อไป
ฮั๊วจงหยางก้าวไปที่ห้องโถงใหญ่
สี่วู่หยายังคงแบกยู่เฉิงไห่มาด้วย “ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่บาดเจ็บ ข้าจะพาเขากลับไป”
ลู่โจวในตอนนั้นกางฝ่ามือ ตัวเขาได้ส่งพลังฝ่ามือเข้าใส่สีหยา
ในตอนแรกสี่วู่หยาคิดว่าผู้เป็นอาจารย์ตั้งใจจะโจมตีเขา แต่เมื่อตรวจสอบให้ดี สี่วู่หยาก็ได้รู้ว่าผู้เป็นอาจารย์ได้คลายพลังผนึกวรยุทธที่อยู่บนตัวของยู่เฉิงไห้ให้ บัดนี้ยู่เฉิงไห่กลับมาใช้พลังวรยุทธได้แล้ว
“ขอบคุณท่านอาจารย์ที่เมตตา” สี่วู่หยาออกจากห้องโถงหลักไป ตัวเขากําลังพายู่เฉิงไห่กลับไปพักผ่อน
ภายในห้องพักผ่อน
สี่วู่หยาโยนยู่เฉิงไห่ลงบนเตียง ตัวเขาถอนหายใจก่อนจะพูดออกมา “ข้าบอกท่านแล้วว่าท่านอาจารย์ไม่ใช่คนธรรมดา แต่ถึงแบบนั้นท่านก็ไม่ฟังข้า” สี่วู่หยาโคจรพลังก่อนที่จะส่งพลังลมปราณบางส่วนเข้าสู่ร่างกายของยู่เฉิงไห่
สี่วู่หยาพูดต่อ “ข้าควรจะขอบคุณที่อาจารย์เป็นผู้ปรากฏตัวในวันนี้ ถ้าหากเป็นผู้ฝึกยุทธผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบคนอื่น ท่านคงไม่คิดว่าเขาคนนั้นจะพอใจกับมณฑลจิงเพียงแค่มณฑลเดียวหรอกนะ ศิษย์พี่?”
หลังจากที่ส่งพลังลมปราณไปยังเส้นพลังลมปราณทั้งแปดของยู่เฉิงไห่ สี่วู่หยาก็รู้สึกงุนงง “ไม่ได้บาดเจ็บภายใน? แม้แต่ท่วงทํานองของสาวน้อยท่านก็ยังปล่อยให้มันสามารถเอาชนะท่านได้” สี่วู่หยาพูดต่อ “นี่คือเจ้าสํานักผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าสํานักอเวจีจริงๆ อย่างงั้นสินะ?”
หลังจากที่สัมผัสได้ว่าอาการของยู่เฉิงไห่เริ่มทรงตัว สี่วู่หยาก็ลุกขึ้นยืนก่อนที่จะออกจากห้อง
ห้องที่ยู่เฉิงไห่กําลังนอนพักผ่อนตกอยู่ในความมืดมิดทันที
ดวงตาของยู่เฉิงไห่ลืมตาเปิดขึ้นในความมืด ตัวเขานั่งตรง ในตอนนี้หัวใจของเขาเต้นแรงอยู่ภายในอก
ยู่เฉิงไห่ลุกขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปตรงประตู หลังจากนั้นตัวเขาก็ล้มลงก่อนที่จะพยายามแอบมองลอดผ่านช่องแคบของประตู
ไม่นานนักยู่เฉิงไห่ก็กลับไปที่เตียงก่อนจะนั่งลงช้าๆ “ข้าก็ไม่อยากจะทําแบบนั้นเช่นกัน”
ยู่เฉิงไห้ที่นั่งลงเริ่มโคจรพลังลมปราณที่ตัวเองมี ยู่เฉิงไห่ประหลาดใจที่ตัวเขาสามารถโคจรพลังได้ แต่ถึงแบบนั้นยู่เฉิงไห่ก็ยังคงระวังตัว ตัวเขายังคงโคจรพลังอย่างระมัดระวังตัวต่อไป
พลังของผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ยู่เฉิงไห่ที่โคจรพลังเสร็จนอนลงก่อนที่แสร้งทําเป็นหลับตา
ภายในห้องโถงใหญ่
ลู่โจวมองไปยังทุกคน
มันเป็นเวลานานแล้วที่ไม่มีใครพูดอะไร
ในขณะนั้นเองสี่วู่หยาก็เดินเข้ามาที่ห้องโถงใหญ่ “ท่านอาจารย์” สี่วู่หยาที่พูดเสร็จก็ได้โค้งคารวะ “อาการของศิษย์พี่ใหญ่เริ่มทรงตัวแล้ว”
ลู่โจวมองไปที่สีว์หยา เมื่อรู้ว่าสี่วู่หยาตัดสินใจแล้วตัวเขาจึงเลือกที่จะถามอีกครั้ง “เจ้าตั้งใจที่จะโค่นล้มมณฑลจิงอย่างงั้นสินะ?”
สี่วู่หยารีบคุกเข่า “ท่านอาจารย์ปัจจุบันเมืองมณฑลจึงเป็นป้อมปราการอันแกร่งกล้า แม้แต่ศิษย์พี่ใหญ่เองก็ยังคงจนปัญญาเมื่อพบกับป้อมปราการแห่งนี้ ข้าที่เห็นแบบนั้นจึงเสนอให้ล้อมเมืองด้วยสัตว์ร้าย”
ในช่วงเวลาอันสําคัญทุกคนหันไปมองสาวน้อยที่อยู่ข้างๆ ลู่โจวแทน
“เป็นความคิดที่ดี แต่เจ้ารู้รึเปล่าว่าการจะควบคุมสัตว์ร้ายจํานวนมากต้องใช้พลังลมป ราณมากแค่ไหน? และสาวน้อยคนนี้ก็ไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ”
ตัวเขาไม่รู้เลยว่านางจะไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธ การที่นางจะรู้แต่ภาษาของเหล่าสัตว์ร้ายไม่เพียงพอสําหรับการต่อสู้จริง ถ้าหากพวกสัตว์ร้ายต่อสู้จากคําสั่งของสาวน้อย แต่เมื่อสัตว์ร้ายต้องพบกับผู้ฝึกยุทธที่แข็งแกร่งเป็นธรรมดาที่พวกมันจะตกใจกลัว สี่วู่หยามองไปที่สาวน้อยด้วยท่าทางตกใจ “นางไม่ใช่ผู้ฝึกยุทธหรอกเหรอ?” หลังจากนั้นสี่วู่หยาก็เริ่มถอนหายใจ “ถ้าหากเป็นแบบนั้น พวกเราก็คงจะได้แต่คิดหาวิธีอื่น”
“การจะจัดการกับเหวินซูไม่ใช่เรื่องง่าย” ลู่โจวพูด
สี่วู่หยาก็รู้เรื่องนี้ดี เหวินซูไม่ใช่คนธรรมดาที่จะสามารถเอาชนะได้อย่างง่ายดาย
ในตอนนั้นเองหวางชื่อเจียได้คารวะก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าเห็นอกเห็นใจเจ้าสํานักยู่จริงๆ สํานักเผิงไหล่ยินดีที่จะช่วยเหลือสํานักอเวจีทุกอย่าง”
ลู่โจวมองไปที่หวางชื่อเจีย “หึม?”
หวางชื่อเจียตกใจ “ข้าไม่ได้ต้องการขออะไรตอบแทน ข้าก็แค่ต้องการช่วยเหลือสหายก็เท่านั้น”
แน่นอนว่าไม่มีใครเชื่อ
แต่ถึงแบบนั้นจู่โจวกับอนุญาต “ดี”
หวางชื่อเจียที่ได้ยินแบบนั้นไม่เข้าใจ
ลู่โจวลุกขึ้นยืนก่อนที่จะมองดูภาพในยามค่ําคืน “สี่วู่หยา”
“ครับ ท่านอาจารย์”
ลู่โจวได้ใส่พลังลมปราณที่มีลงไปในเสียงของตัวเขา “ข้าให้เวลาเจ้านั่นหกเดือน เมื่อหกเดือนผ่านไป ไม่ว่ายู่เฉิงไห่จะทําสําเร็จหรือล้มเหลวก็แล้วแต่ ยู่เฉิงไห่จะต้องถูกพาตัวมาหาข้าไม่ว่าจะเป็นหรือตาย”
“ครับ ท่านอาจารย์”
“ติ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
เมื่อเห็นการแจ้งเตือนลู่โจวก็รู้ได้ทันทีว่ายู่เฉิงไห่แค่แสร้งทําเป็นหมดสติ
ในความเป็นจริงลู่โจวไม่ได้วางแผนที่จะลากตัวยู่เฉิงไห่กลับไปบนภูเขาทองในวันนี้ สํานักอเวจีมีแผนการที่เตรียมพร้อมไว้แล้ว แผนการพิชิตเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ของยู่เฉิงไห่เดินทางมาไกลมากแล้ว มันไกลเกินกว่าจะหันหลังกลับ ยิ่งไปกว่านั้นสี่วู่หยายังได้เลือกทางเดิน…ในฐานะที่จู่โจวเป็นอาจารย์ ตัวเขาจะต้องมีเหตุผลให้มากพอ เรื่องความฝันของศิษย์ทั้งหลาย ลู่โจวตัดสินใจที่จะให้พวกเขาเดินตามไป
“ศิษย์ไม่รักดีนี่แกล้งตายก็เพราะโดนฉันต่อยเบาๆ น่ะหรอ?”
ลู่โจวยกมือก่อนที่จะเรียกสาวน้อย “สาวน้อย”
ธิดาหอยสังข์เริ่มลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ก่อนที่จะเดินไปยังด้านข้างของลู่โจวอย่างว่องไว
“ข้าจะพาเจ้ากลับไปที่ศาลาปีศาจลอยฟ้า เจ้าจะกลับไปกับข้ารึเปล่า?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นสีคู่หยาก็ตกตะลึง “ท่านอาจารย์ ท่านจะรับศิษย์คนใหม่อย่างนั้นเหรอ?” นี่เป็นเวลากว่าห้าปีแล้วที่จีเทียนเด้ยอมรับสาวกคนสุดท้ายมา ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าผู้เป็นอาจารย์จะยอมรับศิษย์ในตอนนี้ ถ้าหากศาลาปีศาจลอยฟ้ายอมเปิดประตูรับศิษย์ผู้คนจํานวนมาก จะต้องมารวมตัวกันรอแน่
“ใครจะล่วงรู้ได้?” ลู่โจวตอบกลับมาอย่างคลุมเครือ
เมื่อหวางชื่อเจียและคนอื่นๆ เห็นลู่โจวกําลังจะจากไป พวกเขาก็ลุกขึ้น
“ท่านอาจารย์นี่มันก็ดึกมากแล้ว ทําไมท่านไม่ค้างคืนพักผ่อนที่นี้ก่อนล่ะ” สี่วู่หยาถามออกมา
“ติ้ง! สั่งสอนยู่เฉิงไห่ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 200”
“เจ้าศิษย์ไม่รักดีนั่นก็ยังเป็นศิษย์ที่ไม่รักดีอยู่ดี เขาไม่ต้องการที่จะให้ฉันอยู่ที่นี่สินะ?”
ในตอนนั้นเองธิดาหอยสังข์ก็ได้คว้าแขนของลู่โจวเอาไว้อย่างมีความสุข “ข้าจะไปศาลาปีศาจลอยฟ้า!”
ลู่โจวหันไปมองสาวน้อยก่อนที่จะพูดออกมา “ถ้าหากพวกเราอยู่ที่นี่อีกสักเดือนล่ะ?”
คราวนี้สาวน้อยไม่ยอมพยักหน้า นางปฏิเสธความคิดนี้เช่นกัน
“ลืมมันไปซะเถอะ” ลู่โจวคว้ามือของสาวน้อยเอาไว้ก่อนที่จะเตรียมพร้อมจากไป ในตอนนั้นเองตัวเขาก็นึกถึงอะไรบางอย่าง “เครือข่ายข้อมูลที่สํานักแห่งความมืดมีมันครอบคลุมทั่วใต้หล้าอย่างงั้นสินะ? แล้วมันรวมไปถึงดินแดนทางตะวันตกที่ชนเผ่าอื่นอาศัยอยู่รึเปล่า?”
สี่วู่หยาตอบกลับมาอย่างมั่นใจ “ข้าไม่กล้าที่จะพูดอวดอ้าง แต่นั่นมันคือความจริง”
“ถ้าหากเป็นแบบนั้นเจ้าจงใช้ทุกอย่างที่มีตามหาแม่นางแซ่หลัว” ลู่โจวพูดต่อ “เมื่อ 300 ปีก่อน แม่นางแซ่หลัวได้ช่วยให้หยุนเทียนถั่วได้กลายเป็นเจ้าสํานักของทั้งสามสํานัก”
“ได้ครับ ท่านอาจารย์!” สี่วู่หยาตอบรับก่อนจะโค้งคํานับ
เมื่อหวางชื่อเจียได้ยินเช่นนั้น ตัวเขาก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ “แม่นางแซ่หลัวเมื่อ 300 ปีก่อน?”
ลู่โจวมองไปที่หวางชื่อเจีย “เจ้าเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับนางมาอย่างงั้นเหรอ?”
หวางชื่อเจียพยักหน้า “เรื่องนั้นข้าเคยได้ยินมาบ้าง”
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย