My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 302
นี่ไม่ใช่เคล็ดวิชาที่สามของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ที่ลู่โจวเพิ่งจะได้ศึกษามา มันเป็นสุดยอดเคล็ดวิชาคลื่นเสียงอันยิ่งใหญ่นั่นเอง
เสียงอันทรงพลังได้ดังก้องภายในหูของทุกคน
เพื่อให้ได้มาซึ่งพลังแห่งเสียง พลังที่แม้แต่ความจริงยังไม่สามารถที่จะพรรณนาได้ เพื่อให้เข้าใจถึงทุกภาษา ภาษาอันสลับซับซ้อนที่แตกต่างกัน พลังแห่งคำพูด
ใบมีดพลังงานที่เกิดมาจากพลังลมปราณได้อัดแน่นกันจนเปลี่ยนกลายเป็นสีทอง ใบมีดพลังงานทั้งหลายถูกพลังคลื่นเสียงทำลายจนแตกไปเป็นเสี่ยงๆ พวกมันได้หายไปในอากาศก่อนที่พังและสลายหายไป เช่นเดียวกับใบมีดพลังงานทั้งหมดที่เข้ามาใกล้ลู่โจว ใบมีดพลังงานทั้งหมดได้ถูกสะท้อนกลับไป
พลังอวตารอันใหญ่ยักษ์ของหยวนดู่อยู่ได้เพียงแค่ไม่กี่อึดใจเท่านั้น พลังอวตารสีทองได้แตกสลายหายไปหลังจากที่สัมผัสกับคลื่นเสียงอันทรงพลัง
ใบมีดพลังงานทั้งหลายได้พุ่งกลับไปหาหยวนดู่ ตัวเขาที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ประหลาดใจ หยวนดู่ไม่เคยคาดคิดว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นกับตัวเขามาก่อน พลังป้องกันตัวอันแข็งแกร่งได้ถูกใบมีดพลังงานทั้งหลายเจาะทะลุไปอย่างง่ายดาย ใบมีดพลังงานบางอันได้เจาะทะลุแขน, ใบหน้า, หลัง และเท้า สีหน้าของหยวนดู่ดูเปลี่ยนไป ตัวเขาได้ส่งเสียงฮึดฮัดออกมาก่อนที่จะล้มลงกับพื้น
ในตอนนั้นเองแม้แต่พลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋าก็ยังแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ทุกๆ คนได้กระเด็นก่อนที่จะล้มตัวลงบนพื้น
แม้แต่ต้วนมู่เฉิงและหยวนเอ๋อเองก็ยังได้รับผลกระทบจากคลื่นเสียงนี้ พลังคลื่นเสียงทำให้ทุกคนตื่นตกใจ
พลังแห่งคำพูดมันทรงพลังเกินกว่าที่ทุกคนเคยคาดคิดเอาไว้ คลื่นเสียงของลู่โจวได้ผ่านตัวของหยวนดู่จนทำให้เขาร่วงหล่นสู่พื้น
ตุ๊บ!
ม่านพลังที่อ่อนกำลังลงถูกคลื่นเสียงทำลายจนแตกสลายหายไป ม่านพลังทั้งหมดได้หายไปอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
หยวนดู่ล้มลงไปกับพื้น
ในตอนนั้นที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยความเงียบ
ลู่โจวเงยหน้าขึ้น ในตอนนี้ไม่มีม่านพลังอีกต่อไป ดูเหมือนว่าพลังในการโจมตีของเขาจะมากกว่าพลังโจมตีในครั้งก่อนหน้านี้ซะอีก และเพราะแบบนั้นปัญหาทุกอย่างจะต้องตามมาแน่…น่าปวดหัวซะจริง!
ลู่โจวอยากที่จะเกาหัว แต่ถึงแบบนั้นเขาก็ทำไม่ได้ ‘ม่านพลังหายไปแล้ว แล้วพวกสำนักฝ่ายธรรมะจะทำยังไงกัน? ‘
เล้งลั่วและคนอื่นๆ เองต่างก็พูดไม่ออก พวกเขายืนขึ้นก่อนที่จะจ้องมองไปยังหยวนดู่
ลู่โจวหันกลับไปมองหยวนดู่ด้วยเช่นเดียวกัน
ทุกๆ คนต่างก็ประหลาดใจในสิ่งที่ได้เห็น หยวนดู่ในตอนนี้ยังไม่ตาย แม้ว่าม่านพลังจะอ่อนแอลงมากแค่ไหนแต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังทรงพลังกว่ายอดฝีมือผู้ที่มีพลังวรยุทธอยู่ที่ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์แน่ สุดยอดเคล็ดวิชาคลื่นเสียงอันยิ่งใหญ่สามารถทำลายม่านพลังจนแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ได้ แต่กลับไม่สามารถจัดการกับหยวนดู่ได้
‘หยวนดู่รอดมาได้ยังไงกัน? ‘
หยวนดู่นอนอยู่บนพื้นเป็นเวลานานก่อนที่จะพยายามดิ้นรนดันตัวเองขึ้นมานั่งอีกครั้ง ตัวเขาได้มองไปที่พื้น ใบหน้าของหยวนดูทั้งไม่ยินดีและยินร้ายอะไร ตัวเขาได้สูญเสียอารมณ์ไปอย่างสมบูรณ์แบบ หยวนดู่เป็นชายผู้เปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจมาโดยตลอด ตัวเขาไม่เคยต้องอับอายต่อหน้าผู้อื่มาก่อนเลย ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้ยิ้มก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ ตัวเขาไม่ได้รู้สึกถึงความเจ็บปวดที่มีอยู่ในร่างกายอีกต่อไป “ข้าแพ้แล้ว”
ลู่โจวมองไปที่หยวนดู่ “เจ้าเคยคิดบ้างไหม? “
“คิดอะไรกัน? “
“สาเหตุที่ทำให้เจ้าพ่ายแพ้”
“ไม่เคย” หยวนดู่ส่ายหัว ตัวเขามองไปยังลู่โจวก่อนที่จะยิ้มออกมา เขาได้กลับไปนั่งฝั่งตรงข้ามบนโต๊ะกับลู่โจวอีกครั้ง
ทั้งสองคนต่างก็รินเหล้าให้กับตัวเอง
“เจ้าเหลือเวลาอีก 100 ปี…เจ้าคิดจะทิ้งเวลานั้นไปอย่างงั้นหรอ? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
หยวนดู่ได้ถอนหายใจออกมา “มีบางอย่างที่ท่านเองก็ไม่รู้ พี่จี” ตัวเขาได้ยกขวดเหล้าจ่อที่ปาก หลังจากนั้นตัวเขาก็ได้ลดขวดเหล้าลงก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าน่ะอยู่ไม่ได้นานขนาดนั้นหรอก”
“ทำไมกัน? “
“ข้าฝืนใช้แก่นแท้และเลือดมาเป็นเวลานานแล้ว…” หยวนดู่ได้พูดออกมา แก่นแท้และเลือดถือเป็นพื้นฐานของชีวิต
ลู่โจวขมวดคิ้วก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าใช้มันเพื่อพัฒนาพลังวรยุทธของตัวเองอย่างงั้นหรอ? “
หยวนดู่ได้ไอรุนแรงออกมาหลายครั้ง หลังจากที่ไอเขาก็ได้กระอักเลือดออกมา ลู่โจวก็ได้แต่สงสัยว่าอาการบาดเจ็บของหยวนดู่มาจากพลังคลื่นเสียงของตัวเขาไหม มันเป็นเพราะพลังคลื่นเสียงหรืออาการบาดเจ็บเก่ากันแน่? น่าแปลกที่เลือดที่กระอักออกมาได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวไป หยวนดู่ที่เห็นเลือดไม่ได้คิดอะไรมาก ตัวเขาได้เช็ดเลือดออกไปก่อนที่จะดื่มเหล้าต่อ หลังจากที่ดื่มเหล้าไปหยวนดู่ก็หันมายิ้มให้ “อีกนิดเดียวเท่านั้น”
“หืม? “
“อีกนิดเดียว…ข้าก็จะไปถึงพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบได้” คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็ตื่นตกใจ
ใครก็ตามที่เป็นผู้ฝึกยุทธที่มีความรู้ย่อมรู้จักดีว่าพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบหมายความว่าอะไร สำหรับมนุษย์ มนุษย์ทั้งหลายจะมีพลังอวตารสูงสุดอยู่ที่เก้ากลีบเท่านั้น จนถึงตอนนี้ไม่มีผู้ฝึกยุทธคนไหนฝึกฝนตัวเองจนมีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบมาก่อน อย่างน้อยที่สุดก็ไม่มีใครเคยเห็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารเก้ากลีบ
แม้แต่ในป่าม่านหมอกที่แทบไม่มีมนุษย์หน้าไหนเคยย่างกายหรือแม้แต่ในทะเลแห่งวังวนที่ยังไม่มีใครกล้าเดินทางไปก็ยังไม่มียอดฝีมือผู้มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบ ในประวัติศาสตร์ไม่มีใครคนไหนที่สามารถฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นนั้นได้
“อีกนิดเดียวเท่านั้น…แม้ว่าจะอีกนิดเดียวแต่ข้าก็ไม่สามารถก้าวข้ามผ่านมันได้” ลู่โจวได้พูดออกมา
“พี่จี ท่านเองก็ไม่รู้สึกบ้างหรอ? “
“รู้สึกอะไรกัน? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“ความรู้สึกถึงอันตราย ความรู้สึกที่ชีวิตกำลังจะหลุดลอยไป มันเป็นความรู้สึกแปลกประหลาดที่ข้าเองก็อธิบายไม่ได้…” หยวนดู่ได้พูดต่อไป “เมื่อใดก็ตามที่พลังวรยุทธของข้าพัฒนาขึ้น…ข้าก็จะรู้สึกว่าตัวเองอายุมากขึ้นตามไปด้วย อายุของข้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีอะไรที่จะสามารถหยุดมันได้…”
แววตาของหยวนดู่ดูสิ้นหวัง ตัวเขาได้พูดต่อ “เมื่อใดก็ตามที่ข้าพยายามจะหยุดมัน พลังลมปราณที่ข้าสะสมมาอย่างพากเพียรก็จะไหลออกมาจากจุดตันเถียน”
“เจ้าเริ่มมีความรู้สึกแบบนี้เมื่อไหร่กัน? ” ลู่โจวได้ถามออกมา
“ในปีที่สิบที่ฝึกฝนตัวเองอยู่ในสุสานแห่งดาบ…และในตอนที่ฝึกฝนตัวเองเข้าปีที่ 30”
“ถ้าหากเป็นแบบนั้นเจ้าก็ควรจะหยุดมันตั้งแต่ช่วงแรก แต่เจ้าฝึกฝนตัวเองต่อไปในช่วงที่สองเจ้าก็ไม่ได้หยุดมัน”
“ข้าไม่มีทางเลือก” ถ้าหากผมของหยวนดู่ไม่ถูกปกคลุมไปด้วยสิ่งสกปรก ผมของเขาก็คงจะแสดงสีเงินให้กับทุกคนได้เห็นแล้ว
ลู่โจวในตอนนี้กำลังใช้ความคิดเช่นกัน ‘ถ้าหากสิ่งที่เขาพูดเป็นความจริง แสดงว่าพลังวรยุทธขั้นสูงสุดที่มนุษย์จะฝึกฝนไปได้ก็คืออวตารดอกบัวแปดกลีบ น่าเสียดายที่มีข้อมูลอ้างอิงเพียงเท่านี้’
หยวนดู่ได้ไอออกมาอีกครั้ง ด้วยการไอ เส้นผมของหยวนดู่จึงแสดงให้กับลู่โจวได้เห็น ผมของเขาเปลี่ยนกลายเป็นสีขาวอย่างสมบูรณ์แบบ แม้ว่าจะมีสิ่งสกปรกปกคลุมอยู่แต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่อาจปกปิดสีผมที่แท้จริงได้อีก คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นเองก็ตกใจเช่นกัน ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ลู่โจวมองไปที่ผมสีขาวโพนของหยวนดู่ ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้พูดออกมาเบาๆ “โง่เง่า”
“ถ้าหากข้าไม่ทำแบบนั้น ข้าก็คงจะตายไปแล้ว” หยวนดู่ได้หัวเราะออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ดื่มเหล้าอีกต่อไป มือขวาของเขาสั่นเครือ “บางครั้งการเป็นคนโง่ที่ไม่รู้อะไรเลยอาจจะเป็นการดีกว่าก็ได้” ตัวเขาได้ยกขวดเหล้าขึ้นมาก่อนที่จะเทมันลงปากอีกครั้ง เหล้าชั้นดีได้ปั่นป่วนอยู่ในท้องของหยวนดู่ แม้ว่าจะทรมานแต่ถึงแบบนั้นหยวนดู่ก็ยังมีความสุขกับการดื่ม เป็นเวลานานแล้วที่หยวนดู่ไม่ได้รู้สึกเช่นนี้หลังจากที่เข้าไปอยู่ในโลงศพ เหล้าที่ทำให้แสบท้องทำให้ตัวเขากลับมารู้สึกถึงการเป็นมนุษย์อีกครั้ง
น่าเสียดาย ทุกครั้งที่ดื่มเหล้ามากขึ้น ผมของหยวนดู่ก็ได้เปลี่ยนกลายเป็นสีขาวมากขึ้น ถ้าหากสิ่งสกปรกทั้งหมดหลุดออกมาจากร่างกายของหยวนดู่ทั้งหมด ในตอนนี้ร่างกายของเขาก็คงจะเหี่ยวย่นจนดูไม่เหมือนกับผิดหนังอีกต่อไป ถ้าหากมันดูเปลือกไม้มากกว่าก็คงจะไม่ใช่อะไรที่เกินจริงเลย “ข้าจะบอกความจริงอะไรให้…ในตอนที่ข้าโจมตีท่าน ในตอนนั้นข้าได้เห็นภาพลวงตาที่ข้าสามารถเอาชนะท่านได้” หยวนดู่ได้พูดออกมาก่อนที่จะหัวเราะ
“ถ้าหากข้าไม่มีเรื่องที่จะต้องทำ ท้ายที่สุดแล้วข้าก็คงจะพบกับร่างอันไร้วิญญาณของเจ้าในสุสานแห่งดาบไปซะแล้ว” ลู่โจวได้พูดออกมาอย่างมั่นใจ
หยวนดู่พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ ตัวเขาจำม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดรวมไปถึงดาบมารที่มีอยู่ในสุสานแห่งดาบได้ดี
ลู่โจวสามารถทำให้ดาบมารพ่ายแพ้และสามารถทำลายม่านพลังแห่งดาบทั้งเจ็ดได้ และตัวเขายังสามารถเอาชนะหยวนดู่ยอดฝีมือที่มีพลังน้อยกว่าตัวเขาเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น
“พี่จี ท่านน่ะอายุมากกว่าข้า และท่านเองก็ยังมีพลังวรยุทธสูงส่งกว่าข้า…เร็วๆ นี้ท่านจะต้องรู้สึกในแบบที่ข้ารู้สึกแน่” หยวนดูได้พูดก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ “บางทีผู้อาวุโสทั้งหลายก็คงจะมองหาทางออกเช่นเดียวกับพวกเรา”