My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 315
“พอแค่นั้นแหละ” ลู่โจวได้โบกมือของตัวเอง
“ข้าน้อยขอตัว”
หลังจากที่โจวจี้เฟิงจากไป ลู่โจวเองก็ได้ตรวจสอบพลังพิเศษที่ตัวเขามีในขณะนี้ ตัวเขาสามารถใช้พลังวิเศษที่มาจากเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ได้สองครั้งด้วยกัน จำนวนการใช้ไม่ได้เพิ่มขึ้นมาแต่อย่างใด แต่ถ้าหากตัวเขาพยายามทำความเข้าใจเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ต่อไป ความเร็วในการฟื้นพลังวิเศษจะเพิ่มขึ้น แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่อาจเก็บพลังวิเศษให้กลายเป็นพลังสำรองได้ ตัวเขาเหลือบมองไปที่แต้มบุญที่มีอยู่ ในตอนนี้ลู่โจวมีแต้มบุญ 7,500 คะแนนแล้ว
มันเป็นแต้มบุญที่ได้มาจากการชี้แนะลูกศิษย์ทั้งหลายเป็นเวลาสามเดือนด้วยกัน ลู่โจวในตอนนี้มีค่าความโชคดี: 41
‘ฉันไม่ได้จับฉลากนำโชคมานานแล้วสินะ…’ หลังจากครุ่นคิดได้ครู่หนึ่ง ตัวเขาก็ตัดสินใจที่จะจับฉลากนำโชคไปทั้งหมดสิบครั้ง
เป็นไปตามที่คาดไว้ ลู่โจวได้รับรางวัลปลอบใจเป็นค่าความโชคดีทั้งหมด ถ้าหากจะถามหาถึงเรื่องของเหตุผลจากการจับฉลากแล้วแน่นอนว่าตัวเขาก็คงจะหาเหตุผลได้อะไรไม่ได้ ‘ปล่อยให้เป็นเรื่องของโชคชะตาก็แล้วกัน ต่อไป!’
“จับฉลากนำโชค”
“ติ้ง! คุณได้ใช้แต้มบุญ 50 และค่าความโชคดี 51 แต้ม คุณได้รับกล่องพิเศษ 1 ใบ”
เมื่อลู่โจวเห็นการแจ้งเตือน ตัวเขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา ดูเหมือนว่าตอนนี้ระบบจะใจดีกับลู่โจวเป็นพิเศษ ตัวเขาไม่อยากจะเชื่อว่าจะได้กล่องพิเศษมาหลังจากที่มีค่าความโชคดีอยู่ที่ 51 แต้มเท่านั้น
ในเวลาไม่นานกล่องสมบัติที่ว่าก็ได้ปรากฏขึ้นบนโต๊ะต่อหน้าลู่โจว กล่องใบนั้นมันทำมาจากไม้ทั้งใบ มันไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตอะไร มันมีขนาดพอๆ กับลิ้นชักธรรมดาเท่านั้น ดูเหมือนว่าของที่อยู่ในกล่องเองก็ไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไรเช่นกัน
“จำกัดระยะเวลา 3 วัน ถ้าหากไม่เปิดใช้ในเวลาที่กำหนดกล่องใบนี้จะหายไป”
ลู่โจวก้มลงมองไปที่กล่องใบนั้น ตัวเขากำลังสงสัยว่ากล่องสมบัติที่ว่าจะเหมือนกับกล่องใบที่แล้วที่จะต้องใช้อาวุธของศิษย์สาวกในการเปิดไหม ถ้าหากเป็นแบบนั้นในเวลา 3 วันมันคงจะไม่ทันการแน่
ลู่โจวได้มองไปทางซ้ายก่อนที่จะเหลือบมองไปยังขวา ตัวเขาเริ่มศึกษากล่องที่ได้มาอย่างใกล้ชิด ที่กล่องไม่ได้มีลวดลายพิเศษอะไรอยู่ทั้งหกด้าน มีเพียงปุ่มที่ยื่นออกมาจากด้านหน้าเท่านั้นที่ดูพิเศษมากกว่าผืนผิวมัน
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็ได้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะคิดในใจ ‘ถ้าหากมันเปิดง่ายแบบนี้จริงแล้วกล่องใบนี้จะกำหนดเวลาในการเปิดไปเพื่ออะไรกัน? ดูเหมือนว่าบางครั้งระบบนี่ก็จะทำเรื่องโง่ๆ เป็นเหมือนกัน’
ลู่โจวยกมือออกมาก่อนที่จะถูไปตามกล่อง ตัวเขาสงสัยว่าด้านในนั้นมีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ หลังจากที่เอามือลูบไปเรื่อยๆ ลู่โจวก็ได้สัมผัสเข้ากับปุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้าน
แคล๊ก!
“ติ้ง คุณได้รับพลังอวตารนวกายาหยินหยาง, คูลดาวน์พิเศษ x1 (ใช้งานทันทีหลังจากเปิดกล่อง) , การ์ดพลังชีวิต x20, การ์ดประกันชีวิต x50 คุณจะเปิดกล่องใบนี้เลยหรือไม่?”
ลู่โจวที่เห็นการแจ้งเตือนถึงกับตกตะลึงจนตาค้าง ของรางวัลที่ตัวเขาได้รับมามันดีเกินคาดไปมาก
ทั้งพลังร่างอวาตารร่างใหม่ที่มีมูลค่าสูงถึง 30,000 นอกจากนี้ยังมีการ์ดพลังชีวิตอีก 20 ใบ ตัวเขามีการ์ดพลังชีวิตเดิมอยู่แล้ว 2 ใบ เท่ากับว่าตอนนี้ลู่โจวมีการ์ดพลังชีวิตมากถึง 22 ใบ
“แล้วไอคูลดาวน์พิเศษมันคืออะไรกัน?” ลู่โจวยังไม่กล้ากดปุ่มเพื่อยืนยัน ในฐานะที่เป็นคนต่างโลกลู่โจวรู้ดีว่าคำว่า “คูลดาวน์” มันหมายความว่าอะไร บางทีการ์ดใบนี้อาจจะเป็นการ์ดพิเศษที่จะทำให้ตัวเขาไม่สามารถใช้งานของวิเศษได้ตามเวลาที่กำหนด ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงลู่โจวก็คงจะต้องใช้เวลาไตร่ตรองให้มากกว่านี้ก่อนที่จะเปิดกล่องขึ้น
ลู่โจวค่อยๆ ลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ พลังอวตารนวกายาหยินหยางและการ์ดพลังชีวิต 20 ใบ! ตัวเขาไม่ได้ฝันไป ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วก่อนที่จะพึมพำออกมา “กำหนดสามวันอย่างงั้นหรอ?”
‘การล่าสัตว์ของพวกองค์ชายกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว หรือว่าระบบนี่อยากที่จะให้ฉันเจอความยากมากขึ้นสินะ?’ ลู่โจวได้แต่สงสัย
ในตอนนั้นเองตัวเขาก็ได้ยินเสียงดังออกมาจากทางด้านนอกห้องโถงใหญ่…
“ท่านปรมาจารย์”
ลู่โจวหันกลับมาก่อนที่จะจ้องมองไปยังทางเข้า ตัวเขาเห็นเล้งลั่วกำลังเดินมาหา ดวงตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากสีเงินของเขาดูมีชีวิตชีวามากขึ้น เล้งลั่วได้เตรียมพร้อมรับมือกับพวกหัวรั้นที่จะหาเรื่องบุกขึ้นมาบนภูเขาทองแห่งนี้อยู่ตลอด การที่เขาดูมีชีวิตชีวาแบบนี้บางทีอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นได้ เล้งลั่วได้คารวะให้กับลู่โจวเพื่อเป็นการทักทาย
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้โบกแขนก่อนจะพูดขึ้น “ไม่ต้องพิธีรีตองหรอก”
เล้งลั่วได้โค้งคำนับให้ก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าได้ยินมาว่าท่านปรมาจารย์อยากจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของการล่าสัตว์”
“ถูกต้องแล้ว” ลู่โจวพยักหน้าตอบรับ
“ม่อหลี่ถือว่าเป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ที่ข้าได้เจอ ดังนั้นขอให้ข้าเดินทางไปที่หรงเป่ยด้วยเถอะ” เล้งลั่วได้พูดออกมาอย่างตรงไปตรงมา
ลู่โจวเคยสัญญาเรื่องแบบนี้ไว้กับเล้งลั่วอยู่ก่อนแล้ว ม่อหลี่ถือว่าเป็นเป้าหมายเพียงหนึ่งเดียวของเล้งลั่ว ถ้าหากเล้งลั่วไม่เห็นม่อหลี่ตายกับตา เล้งลั่วก็คงจะไม่อาจที่จะนิ่งดูดายอยู่เฉยๆ ได้ตลอดไปแน่ ลู่โจวได้ถามขึ้น “บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี พลังวรยุทธของเจ้าเองก็ยังฟื้นฟูกลับมาไม่เต็มที่ด้วยเช่นกัน แน่ใจแล้วหรอว่าจะไปน่ะ?”
เล้งลั่วยืดตัวตรงก่อนที่จะพูดออกมา “ม่อหลี่อยู่ในส่วนลึกของพระราชวังมาโดยตลอด แต่ครั้งนี้นางเป็นฝ่ายออกมาซะเอง นี้ถือเป็นโอกาสทองที่สวรรค์ได้มอบให้กับข้า ท่านปรมาจารย์ลูกผู้ชายแก้แค้นสิบปีก็ยังไม่สายตัวข้าก็ไม่ได้ถือว่าเป็นลูกผู้ชายผู้ยึดถือคุณธรรมอะไรนั่นหรอก ข้าจะต้องจัดการนางให้ได้”
“…” ลู่โจวไม่คาดคิดมาก่อนว่าเล้งลั่วจะดื้อรั้นได้มากถึงขนาดนี้ ตัวเขาลูบเคราก่อนที่จะพูดตอบกลับไป “เรื่องนี้ข้าได้สัญญากับเจ้าไว้แล้ว…แล้วพลังของเจ้ามันฟื้นฟูมามากแค่ไหนแล้วล่ะ?”
“สี่ส่วน” เล้งลั่วได้ตอบกลับไปอย่างตรงไปตรงมา
ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นพยักหน้า สถานการณ์ของเล้งลั่วมันแตกต่างกับสถานการณ์ที่ฝานลี่เทียนต้องเจอ พลังวรยุทธของฝานลี่เทียนถูกทำลายไปเท่านั้น ด้วยพลังของดอกแมกโนเลียสีดำการที่ฝานลี่เทียนจะฟื้นฟูตัวเองได้อย่างรวดเร็วจึงไม่ใช่เรื่องแปลก ในทางกลับกันเล้งลั่วนั้นต่างออกไป จุดตันเถียนที่คอยเก็บสะสมพลังลมปราณของเขาได้ระเบิดออกมาในตอนที่ต่อสู้กับสิบคนทรง การที่เล้งลั่วจะฟื้นฟูพลังวรยุทธทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นจนถึงสี่ส่วนได้ก็เป็นอะไรที่น่าเคารพนับถือพออยู่แล้ว “สี่ส่วนแล้วอย่างงั้นหรอ แต่ถ้าหากเจ้าไม่ใช้พลังอวตาร บางทีเจ้าอาจจะสู้สูสีกับผู้ฝึกยุทธขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์ขั้นต้นได้ เจ้ามั่นใจแล้วหรอว่าจะสามารถฆ่าม่อหลี่ได้?”
พรึ๊บ!
เล้งลั่วได้คุกเข่าลงก่อนที่จะโค้งคำนับลู่โจวอีกครั้ง “ได้โปรดเติมเต็มความปรารถนาข้าด้วยเถอะ ท่านปรมาจารย์!”
ห้องโถงใหญ่ยังคงเงียบสงบ ลู่โจวไม่ได้มองกลับไปที่เล้งลั่ว ตัวเขาได้เอามือไขว้หลังก่อนที่จะเดินไปรอบๆ เล้งลั่ว
จ้าวยู่เองก็อยู่ในเมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ หมิงซี่หยินเองก็มีเรื่องที่จะต้องทำ
ลู่โจวได้คิดทบทวน ตราบใดที่ม่อหลี่เปิดเผยตัวออกมา เมื่อถึงตอนนั้นตัวเขาก็แค่ใช้การ์ดการโจมตีของเพชฌฆาตไปหานางก็เท่านั้น ปัญหาในตอนนี้มีเพียงอย่างเดียว ปัญหาที่ว่าก็คือยอดฝีมือผู้ที่อยู่เคียงข้างม่อหลี่ เขาคนนั้นเป็นสุดยอดคนทรงที่ใช้พลังเวทมนตร์คาถาอันแข็งแกร่งอยู่บนแท่นประลองดอกบัว เป็นไปไม่ได้เลยที่ลู่โจวจะจัดการกับยอดฝีมือจำนวนมากพร้อมกันด้วยพลังวรยุทธเพียงเท่านี้ นอกจากนี้ม่อหลี่ยังทั้งฉลาดและยังมีไหวพริบดีอีกด้วย ด้วยเหตุนี้การที่จะพาเล้งลั่วไปด้วยจึงดูเหมือนกับไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่
“อย่าขยับ” ลู่โจวได้ยกมือของเขาขึ้นมา ในตอนนั้นการ์ดรักษาฉุกเฉินโฉมใหม่ก็ได้แตกสลายไปกับมือของลู่โจว พลังอันลึกลับเริ่มแผ่ออกมาจากฝ่ามือของตัวเขา มันเป็นพลังที่ลึกล้ำเหมือนกับมหาสมุทรไม่มีผิด
“นี่มัน…” เล้งลั่วได้แต่ตกใจ แม้ว่าจะต้องเจอกับพลังแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้เคลื่อนไหวไปไหน ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาเข้าใจทุกอย่างดี การที่ลู่โจวต้องการที่จะเอาชีวิตเขา ลู่โจวก็คงจะไม่รอมาถึงช่วงเวลานี้แน่
ก่อนที่เล้งลั่วจะเข้าใจอะไร ในตอนนั้นคลื่นพลังที่ลึกล้ำก็ได้ห่อหุ้มร่างกายของตัวเขาเอาไว้ พลังทั้งหมดได้ซึมซับเข้าสู่เส้นพลังลมปราณทั้งแปด พลังแห่งการรักษาเยียวยาได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งร่างกายของเล้งลั่ว
“เดินพลังซะ”
ในที่สุดเล้งลั่วก็เข้าใจแล้วว่าลู่โจวกำลังจะรักษาบาดแผลของตัวเขาให้ เมื่อรู้แบบนั้นเล้งลั่วก็เริ่มนั่งลงก่อนที่จะโค้งคำนับลู่โจวอย่างสุดซึ้ง เล้งลั่วรีบเดินพลังในขณะที่นั่ง ในตอนนั้นเองตัวเขาก็รู้สึกได้ถึงพลังที่ไหลวนตัวเองได้
ลู่โจวมองไปที่เล้งลั่วได้ความพึงพอใจ ในตอนนี้ตัวเขาไม่จำเป็นที่จะต้องกลัวเล้งลั่วเล่นตุกติกอีกต่อไป พลังของการ์ดรักษาฉุกเฉินทำได้เพียงรักษาบาดแผลได้เท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วเล้งลั่วก็ต้องฟื้นคืนพลังวรยุทธของตัวเองใหม่ด้วยตัวของเขาเองอยู่ดี
ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา
เล้งลั่วได้ลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวเขาได้จ้องมองรอบตัวก่อนที่จะสูดหายใจเข้าไปลึกๆ ตัวเขารีบวางมือก่อนที่จะลุกขึ้นยืนอย่างช้าๆ
ลู่โจวสังเกตเห็นค่าความจงรักภักดีของเล้งลั่วเพิ่มมากขึ้น “บาดแผลของเจ้าเป็นยังไงบ้าง?”
เล้งลั่วรีบคารวะให้อย่างเคารพก่อนที่จะตอบกลับไป “อาการบาดเจ็บของข้ากว่า 9 ส่วนหายเป็นปกติดีแล้ว ข้ามั่นใจมากว่าถ้าหากไม่มีอะไรที่น่าประหลาดเกิดขึ้น พลังวรยุทธทั้งหมดของข้าจะต้องฟื้นคืนมาภายในเวลาสามเดือนนี้แน่”
“ดีมาก” ลู่โจวพยักหน้าตอบรับ
“ในเมื่อข้าได้รับโอกาสมาแล้วข้าจะไม่ปล่อยให้ม่อหลี่หนีรอดไปได้แน่” เล้งลั่วพูดออกมาอย่างมั่นใจ ตัวเขาเป็นยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ ยังไงซะท้ายที่สุดแล้วแม้แต่อูฐตัวผอมแห้งก็ยังตัวใหญ่กว่าม้าอยู่ดี
ลู่โจวไม่ได้คิดสงสัยคำพูดของเล้งลั่วเลยแม้แต่น้อย “เจ้ามีแผนอะไรดีๆ ที่อยากจะบอกกับข้าไหม?”