My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 321
แม้ว่าอัครมเหสีจะมีอายุที่มากแล้ว แต่ถึงแบบนั้นนางก็ยังจำหญิงสาวที่เห็นได้อยู่ดี “ชายาหลี่?” ชายาหลี่ที่นางเรียกไปแท้จริงแล้วคือฉายาของม่อหลี่นั่นเอง
ม่อหลี่ได้เดินมาหาอย่างสง่างาม ท่าทางของนางดูอ่อนช้อยพลิ้วไหวไปกับสายลม นางได้เดินมาหาอัครมเหสีอย่างว่องไวก่อนที่จะโค้งคำนับพร้อมพูดออกมา “สวัสดีค่ะพระอัครมเหสี”
“ลมอะไรหอบเจ้าให้มาถึงที่นี่กันชายาหลี่? เจ้าควรจะอยู่ในพระราชวังมากกว่าหรอนิ?”
ม่อหลี่ได้ยิ้มให้จางๆ ก่อนที่จะหันกลับไปก่อนจะยกนิ้วขึ้นมา “ข้ามานี่ก็เพื่อที่จะจับใครบางคน”
“จับใครบางคนอย่างงั้นหรอ?”
องค์ชายสี่ที่นั่งอยู่ใกล้ๆ ได้หัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ใครกำลังที่จะถูกจับที่นี่กันล่ะ? ท่านพี่พวกเรากำลังอยู่ที่หมู่บ้านที่ไกลแสนไกลที่อยู่บนเนินเขา นอกจากพวกเราแล้วเจ้าจะตั้งใจที่จะจับใครกันท่านพี่, ฉายาหลี่?”
เมื่อม่อหลี่ปรากฏตัวขึ้น สถานการณ์ทั้งหลายก็เริ่มที่จะตึงเครียดขึ้นมา
องค์ชายสองหลิวหยวนได้ยืนขึ้นก่อนที่จะพูด “น้องสี่ เจ้าอย่าเพิ่งรีบร้อนตัดสินใจไป…แม้ว่าฉายาหลี่จะเป็นหญิง แต่ถึงแบบนั้นนางก็มีมันสมองที่ชาญฉลาดเป็นไหนๆ ให้นางได้ทำธุระให้เสร็จเถอะ”
เมื่อองค์ชายสองยังไม่ทันได้พูดจบ ในอตนนั้นม่อหลี่ก็ได้ชี้ไปยังชายที่สวมใส่ชุดแปลกๆ ที่อยู่ทางด้านหลัง “จับตัวเขามาซะ”
หมิงซี่หยินตกตะลึง ‘ตัวตนของข้าถูกเปิดเผยแล้วอย่างงั้นหรอ? นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?’
“นี่มันต้องเป็นความเข้าใจผิด! ความเข้าใจผิดแน่ๆ …”
พรึ๊บ! พรึ๊บ!
มีชายทั้งสองปรากฏตัวขึ้นมาใกล้ๆ กับหมู่บ้านแห่งนี้
จ้าวยู่ที่เห็นแบบนั้นขมวดคิ้วมอง
ม่อหลี่ได้โค้งคำนับหลิวหยวนก่อนที่จะพูดขึ้น “ฝ่าบาท ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องผิดหวังแน่”
“ดีมาก”
“ชายคนนี้เป็นศิษย์คนที่สี่ของศาลาปีศาจลอยฟ้า เขาก็คือหมิงซี่หยินยังไงล่ะ” ม่อหลี่ได้พูดประกาศออกมา
ทุกๆ คนต่างก็ซุบซิบพูดคุยกัน
เหล่านักแสดงทั้งหลายที่เพิ่งจะลงจากเวทีไปก็ดูตกใจเช่นกัน ชายที่แต่งตัวประหลาดคนนี้ไม่ได้มีลักษณะใกล้เคียงกับจอมวายร้ายตามที่คนเขาลือกันเลย หลิวปิงองค์ชายสี่ได้จ้องมองหมิงซี่หยินอย่างงุนงง “หมิงซี่หยินอย่างงั้นหรอ?”
“ถูกต้องแล้ว”
“เสด็จย่า ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้สร้างความเดือดร้อนให้กับพระราชสำนักมาโดยตลอด เมื่อหลายปีก่อนปรมาจารย์มหาวายร้ายอย่างจีเทียนเด๋าเองก็ได้ขโมยเหรียญตราจักรวรรดิออกไปจากพระราชวัง นอกจากนี้องค์หญิงจากดินแดนทางตะวันออกที่หมั้นหมายกับคนในวังของเรายังถูกคนจากศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างยู่ฉางตงลักพาตัวไปอีกด้วย ศิษย์คนที่เจ็ดอย่างสีวู่หยาเองก็ได้ปลุกปั่นคนไปทั่วจนทำให้เมืองของพวกเราต้องขัดแย้งกับหรงเป่ยไป มีผู้ฝึกยุทธนับหมื่นต้องเสียชีวิตในเหตุการณ์ครั้งนั้น! พวกเราจะไม่ประหารคนบาปเยี่ยงนี้ได้ยังไงกันเสด็จย่า” ม่อหลี่ได้พูดออกมา
อัครมเหสีได้มองไปที่ม่อหลี่ก่อนที่จะตอบกลับ “นี่เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมที่เจ้าได้เตรียมให้ข้าอย่างงั้นสินะ?”
“เสด็จย่า…ในฐานะที่ข้าเป็นชายาเป็นธรรมดาที่ข้าจะต้องแบ่งเบาภาระขององค์ชาย”
“เจ้าตั้งใจที่จะทำอะไรกันแน่?” อัครมเหสีได้ถามออกมา
“ตัดหัวเขาค่ะ” ม่อหลี่ได้พูดออกมาอย่างเย็นชา
คนอื่นๆ ที่ได้ฟังแบบนั้นต่างก็ผงะ ทุกๆ คนมองไปยังม่อหลี่อย่างไม่อยากจะเชื่อ ผู้คนจากพระราชสำนักต่างรู้ดีว่าหญิงสาวที่อยู่ข้างกายองค์ชายสองนั้นเก่งกาจแค่ไหน แต่ไม่มีใครคาดคิดเอาไว้เลยว่าแท้จริงแล้วนางจะเด็ดขาดและโหดเหี้ยมได้ถึงขนาดนี้
ตู๊ม!
ทันใดนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้กระทืบเท้าของตนลงบนพื้น ตัวเขาได้พุ่งอยู่เหนือหมู่บ้านฤดูร้อนแห่งนี้ไป “ในเมื่อเจ้าจับข้าได้ ยังไงซะข้าจะต้องกลับมาแน่!”
พรึ๊บ!
ยอดฝีมือคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนหลังคาได้พุ่งตรงไปหาหมิงซี่หยิน หมิงซี่หยินได้ยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “ห้ากลีบอย่างงั้นหรอ?” เคียวพื้นพิภพได้ปรากฏขึ้นบนมือของหมิงซี่หยิน
ยอดฝีมือผู้ที่มาจากพระราชสำนักได้ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “แค่ห้ากลีบก็เพียงพอแล้วที่จะโค่นเจ้าได้!”
พลังอวตารได้ปรากฏออกมา! มันเป็นพลังที่สูงกว่า 60 ฟุต พลังนี้เองได้ดึงดูดความสนใจของทุกคนเอาไว้
ทั้งสองเริ่มต่อสู้กันในทันที
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ในตอนแรกหมิงซี่หยินตั้งใจที่จะหนี แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ถูกตามติดซะแล้ว
ม่อหลี่ได้พยักหน้าออกมาอย่างพึงพอใจ “องค์หญิงจ้าวยู่ ท่านคิดว่ายังไงกัน?”
จ้าวยู่ได้ตอบกลับมา “เจ้ากำลังคุยอยู่กับข้าอย่างงั้นหรอ?”
“ท่านเป็นศิษย์คนที่ห้าของศาลาปีศาจลอยฟ้า เจ้าหญิง ตอนนี้ข้ากำลังจะลงมือจับศิษย์พี่ของท่าน ข้าได้แต่หวังว่าท่านจะใจกว้างมากพอที่จะยกโทษให้กับข้า” ม่อหลี่ที่พูดเสร็จก็ได้โค้งคำนับให้กับจ้าวยู่เล็กน้อย
อัครมเหสีขมวดคิ้ว นางไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมาก่อน แน่นอนว่าเรื่องของยุทธภพเองนางก็ไม่ได้สนใจอะไรเช่นกัน นางไม่ได้รับการฝึกฝนตนเพื่อการต่อสู้และไม่ได้ต้องการที่จะมีชีวิตอยู่ยืนยาวอีกต่อไป อัครมเหสีเป็นผู้ที่ไม่ชอบการฆ่าฟันนั่นเอง ดังนั้นนางจึงเลือกที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาที่ช่วยเยียวยารักษาผู้คนมากกว่า หลังจากที่องค์จักรพรรดิได้ล่วงลับไปนานแล้วนางก็เลิกใช้พลังที่ฝึกฝนมาเหล่านั้น แต่ถึงแบบนั้นนางก็ไม่ได้คาดหวังมาก่อนว่าจะได้พบกับเด็กกำพร้าผู้ถูกทอดทิ้งอย่างองค์หญิงจ้าวยู่ในชีวิตที่เหลือ นางจะไม่ยอมปล่อยให้ใครทำร้ายจ้าวยู่ได้แน่
“ชายาหลี่ สามหาว!” อัครมเหสีได้แผ่เสียงของนางออกมา
ม่อหลี่ได้ยินแบบนั้นได้คุกเข่าลงในทันที “เสด็จย่า ข้าไม่เข้าใจเลยเหตุใดท่านต้องโกรธด้วย”
“จ้าวยู่ถือว่าเป็นสมาชิกของเหล่าราชวงศ์ นางเป็นเด็กกำพร้าผู้น่าสงสารที่ถูกพระราชวังทอดทิ้ง…ในตอนนี้นางก็ได้กลับมาที่พระราชวังแล้ว นางยังเป็นหลานสาวของข้าอีกด้วย เจ้าต้องการที่จะต่อต้านข้าอย่างงั้นสินะ?” อัครมเหสีได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
องค์ชายสองหลิวหยวนขมวดคิ้ว ตัวเขาไม่เคยเห็นอัครมเหสีแสดงความเกรี้ยวโกรธแบบนี้มาก่อนเลย นอกจากนางจะไม่สนใจเรื่องของการต่อสู้และเรื่องทางโลก นางก็แทบที่จะไม่เคยสนใจอะไรอีกเลย โดยเฉพาะในตอนที่องค์จักรพรรดิได้จากไป องค์ชายสองก็ไม่คิดว่าอัครมเหสีจะยืนหยัดขึ้นมาเพื่อปกป้องจ้าวยู่แบบนี้ ดูเหมือนเรื่องในครั้งนี้จะซับซ้อนกว่าที่คิด
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
เหนือหมู่บ้านฤดูร้อน หมิงซี่หยินและยอดฝีมือผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัว 5 กลีบกำลังต่อสู้กันอย่างเมามัน หมิงซี่หยินที่สู้ไปด้วยก็หาทางหนีไปพลาง
องค์ชายสี่หลิวปิงได้พูดออกมา “เสด็จย่าพูดถูกแล้ว จ้าวยู่ถือว่าเป็นน้องสาวของข้าเช่นกัน”
หลิวหยวนได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “แม้แต่เด็กที่ถูกส่งมาจากสวรรค์ก็ยังแปดเปื้อนไปด้วยดาบของสามัญชนได้ คนผู้นั้นก็ไม่ได้ต่างอะไรจากคนชั่วหรอก”
ชิ๊ง!
ชิ๊ง!
ทหารที่อยู่ด้านข้างได้ชักดาบขึ้นมา
“ข้าเองก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าใครกล้าแตะต้องจ้าวยู่ต่อหน้าข้าได้?” อัครมเหสีลุกขึ้นยืนด้วยความโกรธเกรี้ยว นางได้จ้องมองทุกคนด้วยความเย็นชา
องค์ชายสี่หลิวปิงได้พูดต่อ “ท่านพี่ เสด็จย่าต้องการที่จะมาพักผ่อนยังที่แห่งนี้ ถ้าหากท่านยังฝืนรบกวนเสด็จย่าอยู่แบบนี้ แม้ว่าจะเป็นท่านคงจะปัดความรับผิดชอบในครั้งนี้ไม่ได้แน่”
หลิวหยวนได้โค้งคำนับก่อนที่จะพูดออกมา “เสด็จย่า…ได้โปรดมองภาพรวมด้วย! ขันทีหลี่เจ้ายังไม่รีบพาเสด็จย่าไปพักอีก?”
หลี่หยุนเฉาไม่ได้คิดที่จะรับฟังสิ่งที่หลิวหยวนพูด “ข้าจะรับคำสั่งจากอัครมเหสีเพียงคนเดียวเท่านั้น!”
บรรยากาศในตอนนี้ดูหนักอึ้งกว่าเดิมมาก
ทุกๆ คนต่างก็มีแผนและความต้องการเป็นของตัวเอง อัครมเหสีไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องในครั้งนี้เลย นางก็แค่อยากจะปกป้องจ้าวยู่เพียงเท่านั้น
ม่อหลี่ได้พูดต่อ “เสด็จย่าได้โปรดมองภาพรวมด้วยเถอะ…ศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ทำเรื่องชั่วช้ามานาน พวกมันสมควรแล้วที่จะต้องถูกลงโทษ! เสด็จย่าไม่ได้ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องทางโลกมาอย่างเนิ่นนานแล้ว เป็นธรรมดาที่ท่านจะไม่รู้ว่าศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ลงมือทำอะไรไปแล้วบ้าง…ถ้าหากท่านไม่เชื่อท่านก็ลองถามเหล่านักแสดงพวกนี้ดูเถอะ”
อัครมเหสีได้ส่ายหัวออกมา “ขันทีหลี่”
หลี่หยุนเฉาได้หันไปหาอัครมเหสี
“ตบปากนางซะ”
“ครับ”
หลี่หยุนเฉาได้เคลื่อนที่ด้วยความเร็วดุจดั่งสายฟ้าก่อนที่จะปรากฏตัวข้างๆ ม่อหลี่ ตัวเขาได้สะบัดมือไปพร้อมกับพลังลมปราณ
ผั๊วะ!
ฝ่ามือของหลี่หยุนเฉาได้ตบไปที่ปากของม่อหลี่
ม่อหลี่ไม่ได้หลบแต่อย่างใด นางจงใจรับฝ่ามือแต่โดยดี เลือดได้ไหลออกมาจากริมฝีปากของนาง หลี่หยุนเฉาได้กลับไปยืนอยู่ที่เดิมภายในพริบตา
หลิวหยวนได้แต่ขมวดคิ้ว ตัวเขาไม่กล้าที่จะพูดเกลี้ยกล่อมอัครมเหสีอีกต่อไป ไม่มีใครกล้าแสดงความคิดเห็นเมื่ออัครมเหสีได้ตัดสินใจออกไปแล้ว
อัครมเหสีได้เอ่ยปากพูดออกมาอีกครั้ง “ชายาหลี่ เจ้ามีอะไรจะพูดอีกไหม?”
ม่อหลี่ได้จับปากของตัวเองก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าผิดไปแล้ว สักวันหนึ่งข้าจะกลับไปเยี่ยมองค์หญิงจ้าวยู่ก่อนที่จะขอโทษนางด้วยตัวเอง” ดวงตาของม่อหลี่ไม่ได้รู้สึกผิดเหมือนกับคำพูด แววตาของนางเต็มไปด้วยจิตสังหารมหาศาลก่อนที่จะหายไปในชั่วพริบตา หลังจากนั้นนางก็ได้ชี้ไปยังหมิงซี่หยินที่ลอยอยู่กลางอากาศก่อนที่จะพูดออกมา “เสด็จย่า ท่านต้องการที่จะปกป้องเจ้านั้นด้วยไหม?”
อัครมเหสีได้มองขึ้นไปบนฟ้า ในตอนนี้มีชายทั้งสองกำลังต่อสู้กันอย่างดุเดือด
จ้าวยู่ต้องการที่จะพูดออกมา แต่ถึงแบบนั้นนางก็ถูกเสียงหัวเราะของหมิงซี่หยินขัดจังหวะเอาไว้ซะก่อน ไม่นานนักหมิงซี่หยินก็ได้พูดออกมา “ที่นี่ไม่ใช่เมืองหลวงศักดิ์สิทธิ์ พวกเจ้าคิดว่าจะจัดการข้าในที่แห่งนี้ได้จริงๆ อย่างงั้นหรอ? ฝันกลางวันจริงๆ”
พรึ๊บ!
พลังร่างอวตารดอกบัว 5 กลีบได้ปรากฏขึ้นมาอย่างเบาบาง
ตู๊ม!
หมิงซี่หยินได้ยกแขนขึ้น ในตอนนั้นตัวเขาก็ถูกคลื่นพลังโจมตีไป
ตู๊ม!
อาคารที่หมิงซี่หยินหล่นทัพพังทลาย ฝุ่นฟุ้งกระจายไปทั่ว
ม่อหลี่ได้ยิ้มก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าน่ะหนีไปไหนไม่ได้แน่”
ผู้ใช้พลังอวตารดอกบัว 5 กลีบได้ร่อนลงมาก่อนที่จะพูดออกมาอย่างเสียงดังฟังชัด “นี่คือทั้งหมดของหมิงซี่หยินแห่งศาลาปีศาจลอยฟ้าแล้วอย่างงั้นหรอ? ยอมแพ้ซะเถอะ!”
ในตอนนั้นเองดาบพลังงานก็ได้ปรากฏขึ้นบนมือของอวตารที่กำลังร่อนลงมาจากฟ้า
ในตอนนี้ทั่วทั้งหมู่บ้านต่างก็ได้ยินเสียงการต่อสู้ได้อย่างชัดเจน
“พวกเราไปดูกันเถอะ” เจียงอาเฉียนรอไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อพวกเขาเดินออกมาจากลานแห่งหนึ่ง ทุกคนก็ได้เห็นยอดฝีมือแห่งพระราชสำนักกำลังลงมือโจมตี! ดาบพลังงานที่อยู่บนอวตารของเขาได้หนาขึ้นมาเรื่อยๆ
“นั่นมันการต่อสู้อย่างงั้นหรอ?” เจียงอาเฉียนได้พูดสงสัยออกมาดังๆ