My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 339
ต้วนมู่เฉิงเป็นผู้มีนิสัยที่ชอบแข่งขันมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ความปรารถนาของเขาอย่างการเอาชนะยู่เฉิงไห่ให้ได้เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก เป็นธรรมดาที่คำพูดของยู่ฉางตงจะเสียดแทงใจดำของต้วนมู่เฉิงไปเต็มๆ ต้วนมู่เฉิงจับหอกราชันย์ด้วยทั้งสองมือก่อนที่จะพุ่งตัวมาหายู่ฉางตงอีกครั้ง ตัวเขาได้กระโดดขึ้นไปบนอากาศ หอกราชันย์ที่อยู่ในมือดูเหมือนจะมีชีวิตขึ้นมา มันถูกต้วนมู่เฉิงเหวี่ยงไปรอบๆ อย่างเกรี้ยวกราด มันเป็นภาพที่ทำให้ทุกคนรู้สึกประทับใจ
ยู่ฉางตงหลบการโจมตีก่อนที่จะล่าถอยกลับไป
ฟรึ๊บ! ฟรึ๊บ! ฟรึ๊บ!
ปลายหอกเริ่มเข้ามาใกล้ตัวของยู่ฉางตงมากยิ่งขึ้น ต้วนมู่เฉิงได้กวัดแกว่งหอกราชันย์อย่างเกรี้ยวกราด ภาพเงาของหอกเริ่มปรากฏขึ้นให้กับทุกคนได้เห็น
เมื่อต้วนมู่เฉิงกำลังจะพ่ายแพ้ ในตอนนั้นพลังลมปราณภายในตัวของเขาก็ได้ปะทุขึ้นมา!
พลังลมปราณของตัวเขาได้กระเพื่อมไปรอบๆ
และเป็นเพราะพลังวรยุทธของยู่ฉางตงถูกปิดผนึกเอาไว้ ยู่ฉางตงจึงถูกผลของพลังลมปราณไปเต็มๆ ตัวเขาได้กระเด็นถอยกลับมาอย่างรุนแรง
พรึ๊บ!
ยู่ฉางตงยังคงดูสงบและเยือกเย็นเช่นเคย แม้ว่าสีหน้าของเขาจะไม่ได้เป็นอะไรแต่ถึงแบบนั้นที่ริมฝีปากของยู่ฉางตงก็เต็มไปด้วยรอยเลือด แม้ว่าจะถูกพลังลมปราณซัดกลับมาแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังดูสูงส่งและเต็มไปด้วยความมั่นใจเช่นเดิม
“ติ้ง! ลงโทษยู่ฉางตง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”
ต้วนมู่เฉิงสามารถใช้หอกโจมตีด้วยความเร็วสูงได้โดยใช้แค่ความแข็งแกร่งที่มีจากร่างกายเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ดูเหมือนว่าร่างกายของตัวเขาจะพัฒนาไปอย่างมากหลังจากที่ฝึกฝนตัวเองใต้น้ำตกมา
หอกราชันย์เริ่มเคลื่อนไหวเร็วยิ่งขึ้น หลังจากนั้นภาพเงาของหอกก็เริ่มทับซ้อนออกมา
ฮั๊ววู่เด๋าที่เห็นแบบนั้นพยักหน้า “นี่คือพลังศตราวีแห่งความเร่าร้อน มันเป็นหนึ่งในกระบวนท่าของเคล็ดวิชายุทธภัณฑ์ศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่ใช้วิชานี้จะสามารถสร้างภาพลวงตาของหอก 100 ภาพก่อนที่จะจู่โจมเป้าหมายด้วยพลังหอกทั้งหมด ถ้าหากใช้พลังลมปราณแล้วล่ะก็มันจะต้องใช้ร่วมกับพลังอักษรได้แน่”
“เป็นไปตามคาดจริงๆ ผู้อาวุโสฮั๊วช่างมีความรู้ที่กว้างขวาง วันนี้พวกข้าได้เปิดหูเปิดตาอีกครั้งแล้ว”
ฮั๊ววู่เด๋าไม่พอใจกับคำพูดนี้เท่าไหร่ ตัวเขาจะไม่รู้เรื่องนี้ได้ยังไงกัน สำหรับฮั๊ววู่เด๋าผู้ที่เคยประลองกับต้วนมู่เฉิงมานับครั้งไม่ถ้วนตัวเขาจะต้องเคยเห็นพลังศตราวีแห่งความเร่าร้อนเป็นเรื่องธรรมดา แม้ว่าจะหลับตาฝันฮั๊ววู่เด๋าก็อดคิดถึงภาพการโจมตีของต้วนมู่เฉิง ในท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้พูดออกมาอีกครั้ง “ถ้าหากเป็นแบบนี้ต่อไปพลังจะต้องเพิ่มมากขึ้นเป็นสหัสะราวีแห่งความเร่าร้อนแน่…ดูเหมือนว่าคู่ต่อสู้ของต้วนมู่เฉิงจะประเมินตัวเขาต่ำจนเกินไป”
“สหัสะ? การโจมตีนับพันอย่างงั้นหรอ?”
ทันทีที่เสียงของฮั๊ววู่เด๋าจางหายไป เงาของหอกนับ 100 ก็ได้จางหายไป ต้วนมู่เฉิงได้กระโจนขึ้นไปบนอากาศก่อนที่จะสร้างภาพเงาของหอกออกมาอีกครั้ง
ทุกๆ คนยังคงจ้องมองการต่อสู้อย่างไม่ละสายตา เป็นความจริงที่ยู่ฉางตงประมาทคู่ต่อสู้มาจนเกินไป ตัวเขาได้ยิ้มออกมาก่อนที่จะเหวี่ยงดาบอายุยืนที่อยู่บนพื้นขึ้นมาใช้
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
เมื่อคว้าอาวุธคู่ใจออกมาความเร็วในการเคลื่อนไหวของยู่ฉางตงก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ยู่ฉางตงสามารถตอบสนองกับการโจมตีของต้วนมู่เฉิงได้ทั้งหมด
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
เสียงดังกึกก้องราวกับฟ้าคำถามได้ดังขึ้นไปทั่วทั้งหุบเขา มันเป็นเสียงที่มาจากอาวุธระดับสรวงสวรรค์ทั้ง 2 ชิ้นกำลังเข้าปะทะกัน เกิดประกายไฟจากการเข้าปะทะไปทั่วทุกที่! ทุกการกวัดแกว่งของดาบยืนยาวสามารถปัดป้องหอกราชันย์เอาไว้ได้! การป้องกันจากดาบยืนยาวนับว่าแม่นยำจนไร้ที่ติ
แคล๊ง!
ในช่วงเวลาสุดท้ายดาบยืนยาวของยู่ฉางตงก็ได้เข้าโจมตีหอกราชันย์ของต้วนมู่เฉิงจากทางด้านล่าง
การโจมตีของกระบวนท่าสหัสะราวีจึงถูกปัดเป่าไปได้
ต้วนมู่เฉิงตีลังกาอยู่บนกลางอากาศก่อนที่จะเอาเท้าแตะพื้นในที่สุด ตัวเขาถูกแรงกระแทกจากการโจมตีจนต้องถอยหลังไปหลายสิบก้าวก่อนที่จะชนกำแพงหินไป เศษหินได้หล่นทับต้วนมู่เฉิงก่อนที่การต่อสู้จะหยุดลง
ทั้งสองฝ่ายเลิกเข้าห้ำหั่นกันแล้ว
นี่เป็นกระบวนท่าทั้งสองท่าที่ทรงพลังที่สุดของต้วนมู่เฉิง แต่ถึงแบบนั้นมันก็ยังไร้พลังอย่างไม่น่าเชื่อเมื่ออยู่ต่อหน้าของยู่ฉางตง
ต้วนมู่เฉิงแทบที่จะยอมรับความจริงเรื่องนี้ไม่ได้
เหล่าผู้ชมต่างก็นิ่งเงียบ ทุกๆ คนกำลังตกตะลึงกับท่าทางการโจมตีที่แสนจะเรียบง่ายของยู่ฉางตง โดยเฉพาะฝานลี่เทียน, เล้งลั่ว และฮั๊ววู่เด๋า
คนทั่วไปยากที่จะสังเกตเห็น การโจมตีที่ดูเหมือนจะธรรมดาของยู่ฉางตงแท้จริงแล้วแฝงไปด้วยพลัง มันเป็นพลังที่อยู่ในรูปแบบของความเรียบง่าย การที่จะใช้พลังการโจมตีแบบนี้ออกมาได้บ่งบอกได้อย่างดีว่ายู่ฉางตงมีทักษะการใช้ดาบที่ยอดเยี่ยมเพียงใด
ต้วนมู่เฉิงได้จับหอกราชันย์ของตัวเองก่อนที่จะยืนหยัดขึ้น ตัวเขาไม่เต็มใจที่จะยอมรับความพ่ายแพ้นี้เอาไว้ ต้วนมู่เฉิงมองไปที่ยู่ฉางตงที่สีหน้ายังคงไร้ความรู้สึก ต้วนมู่เฉิงต้องการที่จะต่อสู้อีกรอบ ในตอนนั้นยู่ฉางตงก็ได้พูดออกมาซะก่อน “ยอมแพ้ซะเถอะ” ยู่ฉางตงได้หันกลับมาก่อนที่จะเก็บดาบยืนยาวลงไปในฝัก “นี่มันไม่มีความหมายอะไรหรอก”
“มันจะไม่มีความหมายไปได้ยังไงกัน?” ต้วนมู่เฉิงไม่เข้าใจอะไรเลย ถ้าหากตัวเขาต้องยอมรับความพ่ายแพ้ทุกครั้งที่จะต้องต่อสู้กับยอดฝีมือ ตัวเขาจะไปพัฒนาพลังวรยุทธได้ยังไงกัน? ยู่ฉางตงยังคงยิ้มให้จางๆ ตัวเขาไม่ต้องการอธิบายอะไรออกมา ยู่ฉางตงมองไปที่เหล่าผู้ชม ยู่ฉางตงหวังเพียงใครสักคนที่จะรับหน้าที่พูดอธิบายแทนตัวเขา
ในที่สุดฮั๊ววู่เด๋าก็เป็นคนที่พูดออกมา “ต้วนมู่เฉิง พอได้แล้ว”
“ท่านเองก็คิดว่าข้าไม่สามารถเอาชนะศิษย์พี่รองได้เหมือนกันสินะผู้อาวุโสฮั๊ว?” ต้วนมู่เฉิงได้ถามออกมาอย่างไม่พอใจ
ฮั๊ววู่เด๋าได้ไอหลายครั้งก่อนที่จะตอบกลับมา “ไม่ว่าจะเป็นทักษะดาบหรือว่าทักษะหอก ทักษะทั้งหมดของท่านศิษย์คนรองมีไว้เพื่อฆ่า ท่านศิษย์คนรองเป็นคนที่ผ่านการต่อสู้เฉียดเป็นเฉียดตายมานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว…ถ้าหากเจ้าไม่มีประสบการณ์และฝีมือที่มากพอ เจ้าก็คงจะไม่มีทางเอาชนะเขาได้เลยไม่ว่าจะฝึกฝนอยู่ใต้น้ำตกอีกนานแค่ไหน”
ประสบการณ์การต่อสู้เฉียดเป็นเฉียดตายไม่ใช่สิ่งที่จะหาได้จากการโต้วาที
เล้งลั่วได้พยักหน้าก่อนที่จะพูดออกมา “นั่นคือเรื่องจริง”
ฝานลี่เทียนได้พูดออกมาด้วยเช่นกัน “ข้าเองก็เห็นด้วย”
ทุกๆ คนต่างก็มองไปที่เหล่าผู้อาวุโสจากศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างสงสัย โดยปกติแล้วเหล่าผู้อาวุโสมักจะเรียกชื่อของเหล่าศิษย์สาวกด้วยชื่อจริงๆ แต่ผู้อาวุโสทั้งหมดกลับเรียกยู่ฉางตงว่าท่านศิษย์คนรอง นี่ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติหรอกหรอ?
ต้วนมู่เฉิงได้พูดออกมาอย่างเย้ยหยัน “ข้าจะไม่มีวันยอมแพ้แบบนั้นหรอก!” ทันใดนั้นเองต้วนมู่เฉิงก็ได้ยกหอกราชันย์ออกมาก่อนที่จะเริ่มเปิดฉากการโจมตีที่รุนแรงอีกครั้ง
คนอื่นๆ ที่เห็นแบบนั้นต่างก็อุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ ไม่มีใครคาดคิดมาก่อนว่าต้วนมู่เฉิงจะโจมตีอย่างกะทันหันแบบนี้
ยู่ฉางตงได้ยิ้มให้จางๆ ตัวเขาได้หันหน้าไปที่ด้านข้างก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ช้าเกินไป”
การจู่โจมด้วยหอกนั้นรวดเร็วจนน่าเวียนหัว ทุกๆ คนต่างก็รู้สึกมึนงงในขณะที่จ้องมองการโจมตี
ฟรึ๊บ! ฟรึ๊บ! ฟรึ๊บ!
หอกราชันย์ได้ทำให้ฝุ่นฟุ้งไปทั่วสนาม
ในตอนนั้นยู่ฉางตงก็ได้ยกแขนขึ้นมา ตัวเขาไม่ได้ถอยหนี ยู่ฉางตงเลือกที่จะพุ่งไปที่ด้านหน้าแทน
ต้วนมู่เฉิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องถอยหนี ถ้าหากไม่ทำเช่นนั้นหอกราชันย์ที่ตัวเขามีก็คงจะยาวเกินกว่าที่จะสามารถใช้โจมตีได้
ในขณะที่ต้วนมู่เฉิงกำลังเคลื่อนที่ถอยหลังกลับไป ยู่ฉางตงก็เคลื่อนไหวมาที่ด้านหน้าด้วยความเร็วสูง มันเป็นการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วกว่าต้วนมู่เฉิงมาก
ต้วนมู่เฉิงได้ยกหอกขึ้นมาก่อนที่จะเริ่มเหวี่ยงแขน
“ไม่เลว แต่น่าเสียดาย เจ้าน่ะช้าไป!” ยู่ฉางตงในตอนนี้อยู่ข้างๆ กับต้วนมู่เฉิงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ทุกๆ คนที่เห็นแบบนั้นต่างก็ส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมาอย่างช่วยไม่ได้ นี่คือความแตกต่างของสุดยอดฝีมือกับคนธรรมดาๆ
เมื่อทุกคนเห็นต้วนมู่เฉิงกำลังเพลี่ยงพล้ำ ในตอนนั้นต้วนมู่เฉิงก็ได้ระเบิดพลังออกมา!
ตู๊ม!
พลังลมปราณระเบิดไปโดยรอบ
ยู่ฉางตงที่ไร้พลังวรยุทธเป็นไปไม่ได้เลยที่ตัวเขาจะต้านทานพลังลมปราณเอาไว้ได้ ตัวเขาได้กระเด็นถอยกลับมาอีกครั้ง
พรึ๊บ!
ยู่ฉางตงที่กระเด็นกลับมายังดูสงบเยือกเย็น ที่ริมฝีปากของเขามันเต็มไปด้วยรอยเลือด แม้ว่าจะถูกซัดกระเด็นกลับมาแต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังดูมั่นใจและยังดูสง่างามเช่นเคย
“ติ้ง! ลงโทษยู่ฉางตงสำเร็จ ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 300”
ทุกๆ คนต่างนิ่งเงียบ
เห็นได้ชัดว่าต้วนมู่เฉิงทำผิดกฎ ตัวเขาได้ฝืนใช้พลังลมปราณออกมานั่นเอง
ต้วนมู่เฉิงไม่ได้ดีใจเลยที่ซัดยู่ฉางตงกลับไปได้ ในตอนนี้ตัวเขาสูญเสียความตั้งใจที่จะต่อสู้ไปแล้ว ตัวเขารู้สึกละอายใจอยู่กับตัวเองอย่างถึงที่สุด แม้ว่าตัวเขาจะใช้พลังลมปราณก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังไม่อาจที่จะเอาชนะยู่ฉางตงได้…สิ่งที่ต้วนมู่เฉิงทำได้มีเพียงซัดพลังใส่ให้ยู่ฉางตงกระเด็นกลับไปเท่านั้น ตัวเขาไม่มีอะไรที่จะพูดอีกต่อไป ยิ่งแก้ตัวมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตัวเขาดูน่าสมเพชมากขึ้นเท่านั้น ในตอนนี้บรรยากาศกำลังตึงเครียดมากขึ้น ไม่มีใครรู้เลยว่าเรื่องนี้จะจบลงยังไง
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งต้วนมู่เฉิงก็เดินเข้าไปหายู่ฉางตงก่อนที่จะโค้งคำนับออกมาด้วยความเคารพ “ศิษย์พี่รอง ข้าหยาบคายกับท่านแล้ว…”
“มันก็แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” ยู่ฉางตงตอบกลับมา ตัวเขาไม่ได้ถือสาอะไรกับสิ่งที่ต้วนมู่เฉิงทำ
คนอื่นๆ ที่อยู่ด้วยต่างก็รู้สึกหมดหนทาง ถ้าหากต้วนมู่เฉิงไม่สามารถที่จะเอาชนะยู่ฉางตงได้ คนอื่นๆ เองก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะได้เช่นกัน
ในตอนนั้นเองเสียงที่เจือไปด้วยความสงสัยก็ได้ดังขึ้นมาจากด้านหลังฝูงชน “นั่นคือวิถีดาบของเจ้าอย่างงั้นสินะ?”
เหล่าฝูงชนต่างก็แยกตัวออกมาก่อนที่จะโค้งคำนับ
“ท่านปรมาจารย์”
ลู่โจวได้เดินเอามือไขว้หลังมาทางนี้ ตัวเขาได้กวาดตามองดูทุกคนที่ยืนอยู่ หลังจากนั้นลู่โจวก็เดินไปหาสาวกทั้งสองคน
ต้วนมู่เฉิงรีบก้มหน้าลง ตัวเขาได้คุกเข่าก่อนที่จะพูดขึ้นมาในทันที “ท่านอาจารย์ศิษย์ผิดไปแล้ว! ศิษย์ก็แค่พยายามจะประมือกับศิษย์พี่รองเท่านั้น”
ยู่ฉางตงยังคงทำหน้าไม่สนใจอะไรเช่นเคย
ภายในถ้ำแห่งเงาสะท้อน ซู่ฮ่องกงเองก็คุกเข่าเพื่อทักทายลู่โจวเช่นกัน “สวัสดีครับท่านอาจารย์ ศิษย์ขอขอบคุณคำแนะนำของท่านจริงๆ เป็นเพราะคำแนะนำท่านข้าจึงสามารถฝึกฝนตัวเองไปจนถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ ในตอนนี้ศิษย์มีอวตารร้อยวิถีแล้ว!”
ลู่โจวเหลือบมองดูซู่ฮ่องกง ข่าวที่ตัวเขาสามารถฝึกฝนตัวเองจนข้ามผ่านระดับเดิมไปได้ก็ทำให้ลู่โจวตกใจเช่นกัน ภายในสามเดือนมานี้ไม่เพียงแต่ซู่ฮ่องกงจะสามารถโคจรพลังที่แปรปรวนที่อยู่ในร่างกายได้ ตัวเขากลับสามารถฝึกฝนตัวเองจนไปถึงขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ได้ด้วย นั่นไม่ใช่ความสำเร็จที่ดูเล็กน้อยแน่ ลู่โจวได้โบกมือขึ้นมาก่อนที่ม่านพลังของถ้ำแห่งเงาสะท้อนจะจางหายไป มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าซู่ฮ่องกงเป็นอิสระจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนแล้วนั่นเอง
ซู่ฮ่องกงดีใจมาก ตัวเขาได้ก้มหน้าลงก่อนที่จะพูดออกมา “ขอบคุณท่านอาจารย์! ท่านอาจารย์เป็นคนที่ใจกว่าจริงๆ นอกจากนี้ท่านอาจารย์ยังแข็งแกร่งจนไม่อาจที่จะหยั่งรู้ได้ ขอให้ท่านอาจารย์มีชีวิตอยู่ยืนยาวตลอดไป!”
มันเป็นการพูดเยินยออย่างโจ่งแจ้ง! ทุกๆ คนที่ได้ยินแบบนั้นต่างก็รู้สึกอับอายแทนซู่ฮ่องกง ทุกๆ คนได้แต่คิดว่าซู่ฮ่องกงจะต้องเติบโตมาแบบไร้ยางอายขนาดไหนถึงจะสามารถพูดอะไรแบบนั้นออกมาได้ ตัวเขาไม่ได้รู้สึกผิดอะไรเลยอย่างงั้นหรอ?
ลู่โจวรู้สึกดีใจเมื่อได้เห็นค่าความภักดีของซู่ฮ่องกงเพิ่มมากขึ้น ซู่ฮ่องกงได้ออกจากถ้ำแห่งเงาสะท้อนก่อนที่จะเดินไปยังฝั่งตรงข้าม
ลู่โจวได้เหลือบมองยู่ฉางตง
ชื่อ: ยู่ฉางตง
เผ่า: ยอดฝีมือ (มนุษย์)
วรยุทธ: ขั้นมหาภัยพิบัติศักดิ์สิทธิ์ (ถูกผนึก)
นี่เป็นข้อมูลที่ลู่โจวเห็นได้จากตัวของยู่ฉางตง ตัวเขาไม่ได้รู้สึกทึ่งหรือว่าตกใจอะไรกับเรื่องนี้
ยู่ฉางตงประหลาดใจกับสายตาของลู่โจว ตัวเขารีบก้มศีรษะลงก่อนที่จะพูดออกมา “ท่านอาจารย์”
ลู่โจวเผชิญหน้ากับยู่ฉางตงตรงๆ ก่อนที่จะพูดออกมา “ข้าไม่คู่ควรหรอก”
ยู่ฉางตงที่เห็นแบบนั้นก็ได้แต่ประหลาดใจ