My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 351
ยาอายุวัฒนะเป็นยาที่สามารถยืดอายุขัยของผู้ที่กินมันได้ตามชื่อ ว่ากันว่าการจะสร้างยาอายุวัฒนะได้นอกจากวัตถุดิบจะหายากแล้ว ผู้ฝึกยุทธคนที่ปรุงยาจะต้องมีพลังวรยุทธทรงพลังและความพิถีพิถันตลอดการปรุงยา
แม้แต่สำนักแก่นแท้แห่งดวงหทัยที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการปรุงยาก็ยังสามารถปรุงยาอายุวัฒนะได้เพียงไม่กี่เม็ดเท่านั้นในช่วงเวลากว่าพันปี
ยาอายุวัฒนะเพียงเม็ดเดียวสามารถยืดอายุขัยของคนคนหนึ่งได้ถึง 100 ปี แต่ถ้าหากผู้ที่มีอายุขัยมากอยู่แล้วกินมันเข้าไปอายุที่ได้มาก็จะลดลงไปด้วย ดังนั้นแม้ว่ายาอายุวัฒนะจะสามารถยืดอายุขัยคนได้ แต่มันก็ยังไม่อาจที่จะทำให้ผู้คนเอาชนะขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่อย่างอายุขัย 1,000 ปีได้ แต่ถึงแบบนั้นยาชนิดนี้ก็ยังเป็นที่ต้องการของเหล่าผู้ฝึกยุทธจำนวนมากอยู่ดี ท้ายที่สุดแล้วไม่เพียงแต่ผู้ฝึกยุทธที่กำลังต่อสู้กับขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ แม้แต่ผู้ฝึกยุทธธรรมดาเองก็ยังอยากที่จะมีชีวิตที่ยืนยาว
“เอามันมาให้ข้า” ลู่โจวได้สั่งการออกมาด้วยเสียงอันนุ่มลึก
หลี่หยุนเฉาได้ส่งกล่องผ้าให้กับหมิงซี่หยินไป หมิงซี่หยินได้รับมันมาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะหน้าลู่โจว เมื่อเห็นว่าผู้เป็นอาจารย์กำลังหลับตาอยู่ตัวของหมิงซี่หยินก็ไม่กล้าที่จะรบกวนอะไร
“ถ้างั้นข้าน้อยขอตัวก่อน” งานที่หลี่หยุนเฉาได้รับมอบหมายมาเสร็จลุล่วงแล้ว ตัวเขาได้ออกจากศาลาทางตะวันออกในทันที
“ศิษย์เองก็ขอตัวลาเช่นกัน” หมิงซี่หยินได้พูดออกมาก่อนที่จะออกจากศาลาไปด้วยความเคารพ หลังจากนั้นตัวเขาก็รีบวิ่งตามไปหาหลี่หยุนเฉา “เฮ้…ขันทีหลี่รอข้าก่อน”
หลี่หยุนเฉาที่ได้ยินแบบนั้นขมวดคิ้ว “หืม?”
“เอ่อ…คือว่าขันทีหลี่ เจ้ายังมียาอายุวัฒนะอีกไหม?” หมิงซี่หยินได้ถามออกมาตรงๆ
หลี่หยุนเฉาที่ได้ฟังแบบนั้นรีบตอบกลับมา “ท่านกำลังหมายความว่าอะไรกัน? ยาอายุวัฒนะไม่ใช่ยาที่จะหาได้ตามร้านขายยา ท่านเองก็น่าจะรู้ดีนิ? ยาอายุวัฒนะมีเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น องค์จักรพรรดิผู้ที่ล่วงลับไปแล้วได้ทิ้งยาเม็ดนี้เอาไว้หลังจากที่ค้นหามันมาทั่วทั้งแผ่นดิน แต่ถึงแบบนั้นอัครมเหสีกลับเลือกที่จะไม่กินมันซะเอง ถ้าหากเป็นคนอื่นที่ได้ครอบครอง ยาเม็ดนี้ก็คงจะหายไปนานแล้ว”
หมิงซี่หยินที่ได้ฟังแบบนั้นพูดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ “เป็นอย่างงั้นเองสินะ…ไม่ว่าจะยังไงก็แล้วแต่ข้าก็ยังคิดว่าเจ้าเป็นคนที่ยอดเยี่ยมอยู่ดี ท่านอาจารย์ของข้าได้ตามหายาอายุวัฒนะมาก่อนเช่นกัน แต่ถึงแบบนั้นเขาก็พบมันเพียงแค่เม็ดเดียวเท่านั้น”
หลี่หยุนเฉายิ้มให้ก่อนที่จะตอบกลับ “ท่านผู้อาวุโสช่วยพวกเราเอาไว้มาก เป็นธรรมดาที่พวกเราจะต้องตอบแทนพระคุณของเขา”
หมิงซี่หยินพยักหน้าก่อนที่จะพูดต่อ “เจ้าพูดได้ดี…เอาล่ะพวกเราพูดกันมานานพอแล้ว ข้าเองก็รู้สึกง่วงแล้ว…ถ้างั้นข้าขอตัวก่อน” หมิงซี่หยินยืดแขนขาก่อนที่จะเดินไปยังศาลาทางใต้
ลู่โจวได้ลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ ตัวเขาจ้องมองไปที่กล่องผ้าที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ลู่โจวได้ส่ายหัวก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ‘แล้วฉันจะเอายานี่ไปทำอะไรกัน?’
ลู่โจวได้โบกมือของตัวเองเบาๆ ก่อนที่กล่องผ้าใบนั้นจะถูกเปิดออกมา
“ติ๊ง! ได้รับยาอายุวัฒนะ x1 สามารถขัดเกลาเพื่อเพิ่มคุณภาพได้”
เมื่อลู่โจวได้ยินเสียงการแจ้งเตือน ตัวเขาก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ลู่โจวไม่คิดมาก่อนว่ายาอายุวัฒนะจะสามารถขัดเกลาได้ ตัวเขาได้วางยาเม็ดนั้นเอาไว้บนมือ เมื่อสัมผัสกับเม็ดยา ผิวของลู่โจวก็รู้สึกถึงความอบอุ่นที่กำลังแผ่ซ่านไปทั่วฝ่ามือ มันเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมมาก
“คุณภาพและความบริสุทธิ์เป็นที่น่ายอมรับ พลังที่มีเองก็เช่นกัน…” ลู่โจวพยายามประเมินคุณภาพของเม็ดยาอายุวัฒนะ
แม้ว่าตัวเขาจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญในการปรุงยา แต่ถึงแบบนั้นลู่โจวก็พอจะรู้อะไรหลายอย่างเกี่ยวกับยาเม็ดนี้จากความทรงจำ ลู่โจวรู้ดีว่าจีเทียนเด๋าพยายามหายาอายุวัฒนะมาหลายครั้งแล้ว เป็นธรรมดาที่ตัวเขาจะเข้าใจเกี่ยวกับยาเม็ดนี้
ปัญหายังคงมีอยู่…
‘แม้ว่าคุณภาพจะเพิ่มมากขึ้น แต่ฉันจะไปใช้ประโยชน์อะไรจากมันได้ล่ะ?’
เมื่อมีการ์ดพลังชีวิตอยู่ แม้ว่าจะได้ของล้ำค่ามาอย่างยาอายุวัฒนะมาก็ยังไม่ได้ทำให้ลู่โจวดีใจ ตัวเขาพยายามใช้ความคิด แม้ว่าตัวเองจะใช้ไปก็ไม่ได้อะไร แต่ลู่โจวสามารถเก็บมันเอาไว้เพื่อมอบให้กับลูกศิษย์ได้
ตัวเขาได้ยกมือขึ้นก่อนที่เครื่องรางแห่งการขัดเกลาจะปรากฏออกมา มันเริ่มให้ความร้อนเม็ดยาในทันที
ลู่โจวไม่ได้ลังเลเลยที่จะขัดเกลามัน หลังจากที่การขัดเกลาเสร็จสิ้นตัวเขาก็ได้ยินเสียงการแจ้งเตือน
“ติ้ง! ได้รับยาอายุวัฒนะระดับสูง ได้รับรางวัลแต้มบุญ: 500”
‘เครื่องรางแห่งการขัดเกลาสามารถทำแต้มบุญได้ 500 ถือว่าไม่เลวเลย’
อายุวัฒนะระดับสูงสามารถยืดอายุขัยคนได้ถึง 200 ปี แต่สำหรับคนที่ติดอยู่ในขีดจำกัดอันยิ่งใหญ่ ยาอายุวัฒนะเม็ดนี้คงจะไม่สามารถยืดอายุขัยของคนคนนั้นได้ถึง 200 ปี
ถ้าหากจะพูดอีกนัยหนึ่งการที่ลู่โจวจะใช้มันก็คงจะเป็นอะไรที่เสียเปล่า ตัวเขาได้วางยาเอาไว้ก่อนที่จะทำสมาธิต่อไป
ยามค่ำคืนท้องฟ้าถูกเติมแต่งไปด้วยแสงจากดวงดาว
ในตอนนั้นเองมีใครบางคนได้พุ่งไปยังศาลาทางใต้
คนคนนั้นไม่ได้เอาแตะพื้นด้วยซ้ำไป การเคลื่อนไหวของเขาเงียบดุจดั่งสายลม
ประตูห้องๆ หนึ่งถูกเปิดออกมาอย่างง่ายดายราวกับว่าถูกสายลมอ่อนๆ พัดพา
แสงอันเยือกเย็นของอะไรบางอย่างได้ส่องสว่างออกมาก่อนที่จะมีใบมีดพลังงานแทงเข้าไปที่เตียง
ใครคนนั้นรู้ได้ทันทีว่าที่เตียงไม่มีใครนอนอยู่ คนคนนั้นเลือกที่จะถอยให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ในตอนนั้นเองก็มีเสียงของใครบางคนดังออกมาจากทางด้านบนซะก่อน
“สหาย ดูเหมือนว่าเจ้าจะมาช้าไป…ถ้าไม่รังเกียจก็อยู่ชมแสงจันทร์กับข้าก่อนเถอะ”
คนคนนั้นเงยหน้าขึ้น ตัวเขาตัดสินใจที่จะยอมแพ้ให้กับการลอบสังหาร ชายคนนั้นได้หันกลับไปก่อนที่จะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เจียงอาเฉียนบัดนี้นั่งอยู่บนหลังคา ตัวเขาอดไม่ได้ที่จะรู้สึกตกใจ “เร็วมาก”
ชายคนนั้นเคลื่อนตัวออกไปจากศาลาทางใต้ ในขณะที่กำลังจะออกไปได้ในตอนนั้นเองก็มีเสียงเยาะเย้ยดังขึ้นมาจากด้านบนซะก่อน
“เฮ้ เจ้าจะไปไหนจากค่ำคืนแห่งความตายกัน”
ชายคนนั้นเงยหน้ามองขึ้นไป ตัวเขาเห็นหมิงซี่หยินกำลังยืนอยู่ที่ด้านบนของทางเข้า มันเป็นที่ที่ใช้แขวนป้ายชื่อของศาลาเอาไว้นั่นเอง
ชายคนนั้นไม่ได้รู้สึกประหม่าแม้แต่เพียงนิดเดียว ตัวเขาเลือกที่จะเปลี่ยนเส้นทางในการหลบหนีแทน ด้วยการก้าวกระโดดเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น ชายคนนั้นก็เปลี่ยนทิศไปทางศาลาทางตะวันตกแทน ชายคนนั้นได้เล็งที่จะหนีไปทางศาลาทางเหนือ ที่ศาลาทางเหนือเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว ถ้าหากผ่านจากศาลาทางเหนือไปเขาจะต้องลงไปจากภูเขาแห่งนี้ได้แน่ ชายคนนั้นไม่เลือกที่จะบินหนีไป เขาเลือกที่จะเคลื่อนที่ไปตามสิ่งก่อสร้างแทน การเคลื่อนไหวของชายคนนั้นคล่องแคล่วและรวดเร็วเป็นอย่างมาก
เมื่อเดินทางไปถึงศาลาตะวันตกตัวเขาก็ได้กลิ่นหอมของสุราเข้า
“นั่นใครกัน? มาดื่มกับข้าเถอะ…”
ชายแปลกหน้าขมวดคิ้ว ตัวเขาเลือกที่จะเปลี่ยนทางหนีอีกครั้ง ที่ภูเขาทองมีศาลาทั้งหมดอยู่ 4 ทิศ ศาลาตะวันออกมีปรมาจารย์มหาวายร้ายพักอยู่ ไม่มีทางเลยที่จะหนีไปจากทิศตะวันออกได้ ในตอนนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากศาลาทางเหนือ หลังจากที่กระโจนอีกครั้ง ชายแปลกหน้าก็เลือกที่จะกระโจนไปทางศาลาทางเหนือ แต่เมื่อกระโจนไปทางเหนือ ชายแปลกหน้าก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างที่ผิดปกติได้ ‘ทำไมถึงไม่มีใครไล่ล่าข้าเลยล่ะ?’
ความคิดนั้นยังไม่ทันจะจางหายไป ในตอนนั้นเองก็มีขนนกสีเหลืองตกลงมาจากท้องฟ้าราวกับดาวตก
ตู๊ม!
ชายแปลกหน้าได้คว้ามันเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวก่อนที่จะตีลังกาอยู่บนกลางอากาศ หลังจากนั้นลูกศรพลังงานอีกกว่าสิบดอกก็ได้พุ่งเข้าหาตัวเขา!
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
การโจมตีด้วยลูกศรพลังงานเป็นเหมือนกับการแสดงโชว์ดอกไม้ไฟ
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ชายแปลกหน้าขยับร่างกายอย่างรวดเร็ว เขาพยายามที่จะหลบหลีกการโจมตีทั้งหมดที่กำลังจะมาถึงตัวนั่นเอง ชายคนนั้นหลบการโจมตีทั้งหมดในขณะที่เคลื่อนตัวไปทางศาลาทิศเหนือ
ในตอนนั้นเองเสียงอันแหบแห้งก็ได้ดังขึ้น “รู้สึกยังไงบ้างล่ะเมื่อถูกล้อมแบบนี้”
‘หืม?’ ชายแปลกหน้าเห็นใครอีกคนที่กำลังหันหลังให้กับตัวเขา
ชายแปลกหน้าหมุนตัวเองอย่างช้าๆ ในตอนนั้นเองแสงจันทร์ในยามค่ำคืนก็ได้ส่องกระทบเข้ากับใบหน้าของชายคนนั้น ที่ใบหน้าของเขาสวมใส่หน้ากากสีเงินเอาไว้
เสียงอันแหบแห้งของเล้งลั่วได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง “หลี่หยุนเฉาเตือนเจ้าแล้วไม่ใช่หรอว่าอย่าทำอะไรโดยประมาทน่ะ…”
“ข้าไม่มีทางเลือก” ชายแปลกหน้าตอบกลับ
“แม้แต่ข้าก็ยังต้องทำตามกฎของที่นี่ นับประสาอะไรกับเจ้ากัน เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถทำได้ดีกว่าข้าอย่างงั้นหรอ?” น้ำเสียงเล้งลั่วฟังดูสงบเยือกเย็น แต่ถึงแบบนั้นคำพูดของเขาทุกคำก็ยังแฝงไปด้วยพลัง
ชายแปลกหน้าตอบกลับ “ข้ารู้ดีว่ามันยาก…”
“แม้ว่าเจ้าจะรู้ว่ามันหมายถึงความตายด้วยอย่างงั้นหรอ?”
“ความตายอย่างงั้นหรอ?” ชายแปลกหน้าได้ร่อนสู่พื้นอย่างช้าๆ “มันเร็วเกินไปที่จะพูดคำคำนั้นกับข้า”
พรึ๊บ!
หมอกสีดำได้ปรากฏขึ้นก่อนที่ชายแปลกหน้าจะหายตัวไป
ซู่ววว!
อวตารที่มีขนาดสูงกว่า 100 ฟุตขึ้นได้ปรากฏด้านหลังเล้งลั่ว เมื่ออวตารปรากฏตัวออกมา ล้อมรอบอวตารก็ปล่อยพลังอันมหาศาลออกมาด้วยเช่นเดียวกัน
อวตารได้หดตัวลงไปด้วยความเร็วก่อนที่จะจางหายไป
“วิชาเต๋าอำพรางของชนเผ่าอื่นอย่างงั้นหรอ?”
เล้งลั่วเป็นผู้ที่ฝึกฝนวิชาเต๋าอำพรางมาด้วยตัวเอง เพราะแบบนั้นตัวเขาจึงรู้ดีว่าทักษะที่เจอมันหมายความว่าอะไร ดังนั้นก่อนที่ชายปริศนาจะหายตัวไปได้ เล้งลั่วจึงเลือกที่จะระเบิดพลังรอบตัวออกมาเพื่อโจมตีทุกอย่าง
หลังจากที่การโจมตีจบลง เจียงอาเฉียนและคนอื่นๆ ก็เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ ฝานลี่เทียนเองก็เดินทางมาถึงเช่นกัน
“เล้งลั่ว เจ้าทำสำเร็จไหม?” ฝานลี่เทียนได้ถามออกมาอย่างเกียจคร้าน
ฮั๊วยู่จิงในตอนนี้กำลังลอยอยู่บนกลางอากาศ ธนูพลังงานในมือของนางกำลังจะจางหายไป
เจียงอาเฉียนได้พูดออกมา “ไม่มีทาง…เจ้านี่ใช้วิธีการเดียวกันอย่างงั้นหรอ? ไม่สิ พวกเราไม่ได้ใช้วิธีแบบเดียวกันกับเจ้านั้น เอ่อ ข้าหมายถึงมันหนีไปได้อย่างงั้นสินะ?”
หมิงซี่หยินกางแขนออกมาก่อนที่จะพูดต่อ “พวกเจ้าเลือกที่จะเล่นเกมวิ่งไล่จับกันด้วยการเดิมพันว่ามันจะหนีไปทางไหน…พวกเจ้ามีความสุขกันแล้วล่ะสิ?”