My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 429
ฝานลี่เทียนได้ตอบกลับมา “ความสัมพันธ์ส่วนตัวของข้ากับเฟิงชิงเกี่ยวข้องกับศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยังไงกัน?”
“ท่านจะเพิกเฉยต่อหนี้บุญคุณของอาจารย์ข้าที่มีอย่างงั้นสินะ?” เฟิงหลิวได้ถามออกมา ตัวเขาคงจะรู้สึกกังวลในคำตอบมากกว่านี้ถ้าหากฝานลี่เทียนเป็นผู้ที่มาจากสำนักฝ่ายอธรรม
แต่อย่างไรก็ตามฝานลี่เทียนก็เคยมาจากสำนักแห่งความบริสุทธิ์ ฝานลี่เทียนเคยเป็นหนึ่งในสุดยอดฝีมือของสำนักนั้น สำนักแห่งความบริสุทธิ์ยึดถือเส้นทางแห่งคุณธรรม มันจะต้องเป็นเรื่องแปลกแน่ถ้าหากฝานลี่เทียนยอมติดหนี้บุญคุณและไม่ยอมชำระคืน ฝานลี่เทียนในอดีตเองก็เคยได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายสี่มา ตัวเขาได้ใช้เวลากว่าหลายปีที่พรมแดนเพื่อตอบแทนบุญคุณขององค์ชายสี่
ท้ายที่สุดฝานลี่เทียนก็ได้พูดออกมา “เจ้าเป็นเพียงแค่ศิษย์สาวกของเขา เจ้าน่ะมันไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องนี้กับข้า ข้าอยากที่จะพบเฟิงชิง”
“ย่อมได้ ผู้อาวุโสเชิญทางนี้” ทั้งสองคนได้ลอยไปทางตะวันออกเฉียงใต้
…
สี่ชั่วโมงต่อมา ณ ค่ำคืนที่ไร้แสงดาว
ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังบินไปบนอากาศ เฟิงหลิวก็ได้ถามออกมา “ผู้อาวุโส ด้วยตัวตนของท่านและสถานะที่มีท่านน่ะเข้าร่วมกับสำนักใหญ่ทั้งเจ็ดได้อย่างง่ายดายแน่ ยังไงท่านก็ต้องได้กลับไปกลายเป็นผู้อาวุโส ไหนเลยท่านถึงต้องเข้ารวมศาลาปีศาจลอยฟ้าด้วยล่ะ?”
“เพราะว่าข้าชอบศาลาปีศาจลอยฟ้า”
“แม้ว่าพลังวรยุทธของจีเทียนเด๋าจะลึกล้ำจนน่ากลัวก็ตาม แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่อาจฝืนลิขิตสวรรค์ได้ ยิ่งไปกว่านั้นจีเทียนเด๋าในตอนนี้คงจะไม่สามารถแยกดอกบัวทองคำออกมาเพื่อฝึกฝนตัวเองต่อได้” เฟิงหลิวได้พูดต่อ
ฝานลี่เทียนได้เหลือบมองไปที่เฟิงหลิวก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าเองก็รู้จักวิธีนั้นด้วยเหรอ?”
“วิธีการแยกดอกบัวทองคำได้ถูกเผยแพร่ไปทั่วยุทธภพ ทุกคนต่างก็รู้เรื่องนี้กันดี” เฟิงหลิวรีบตอบกลับมา
ฝานลี่เทียนหัวเราะเยาะเย้ยก่อนที่จะพูดต่อ “ถ้าหากข้าเป็นเจ้า ข้าจะเก็บตัวอยู่อย่างสันโดษและศึกษาหาวิธีที่จะแยกดอกบัวทองคำออกมาจะดีกว่า ในตอนที่ข้ามีพลังอวตารดอกบัวขั้นที่เก้า ในตอนนั้นก็จะไม่มีใครหยุดไม่ให้พาข้าออกจากศาลาปีศาจลอยฟ้าได้แน่”
“เวลาไม่เคยคอยใคร ใครจะรู้กันว่าจะฝึกฝนตัวเองไปถึงขั้นที่เก้าโดยใช้เวลานานแค่ไหน? ที่ศาลาปีศาจลอยฟ้ามีเคล็ดวิชาในการฝึกตนมากมายหลายแบบอยู่ในนั้น ชาวศาลาปีศาจลอยฟ้าก็เป็นแค่เพียงพวกโลภมากเท่านั้น” ดูเหมือนว่าในที่สุดเฟิงหลิวก็ได้เผยเจตนาที่แท้จริงออกมา ในท้ายที่สุดแล้วเฟิงหลิวก็จ้องแต่จะหาผลประโยชน์หลังจากที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าถูกโค่นไปแล้วเท่านั้น เจตนาของเฟิงหลิวไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเส้นทางอันดีงามของสำนักฝ่ายธรรมะหรือเส้นทางอันเลวทรามของสำนักฝ่ายอธรรมเลย ถ้าหากเป้าหมายที่แท้จริงของทุกคนก็คือการโค่นจีเทียนเด๋าจริง ทุกคนก็คงจะสามารถอดทนรอได้อีกกว่าหลายสิบปี ทำไมทุกคนถึงจะต้องยืนกรานทำลายศาลาปีศาจลอยฟ้าในตอนนี้ด้วย? การที่จะทำอะไรแบบนั้นมีแต่จะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายไปซะเปล่าๆ? การต่อสู้กับศาลาปีศาจลอยฟ้าในครั้งนี้มีสาเหตุเกิดมาจากความโลภนั่นเอง
เฟิงหลิวได้หยุดบินอย่างกะทันหัน ตัวเขาที่ลอยอยู่บนอากาศได้พูดออกมา “ผู้อาวุโส…”
“หืม?”
“ทำไมท่านไม่เข้าร่วมกับสำนักเจินชาง…ท่านอาจารย์ของข้าบอกว่ายินดีที่จะต้อนรับท่านแน่ถ้าหากท่านเข้าร่วมกับเรา เมื่อถึงตอนนั้นตำแหน่งผู้อาวุโสคนแรกก็จะตกเป็นของท่าน” เฟิงหลิวได้พูดออกมา
จู่ๆ ฝานลี่เทียนก็พบว่าชายหนุ่มคนนี้มีท่าทีที่หยิ่งทะนงมากแค่ไหน ตัวเขาได้ตอบกลับไป “เจ้าไม่เข้าใจสิ่งที่ข้าเคยพูดไว้อย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าเข้าใจดี”
“พาข้าไปพบกับเฟิงชิงซะ” ฝานลี่เทียนพูดออกมาอย่างรำคาญใจ
“ข้าเกรงว่าท่านจะไม่ได้พบกับท่านอาจารย์ของข้าซะแล้วล่ะ”
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ผู้ฝึกยุทธกว่าร้อยคนได้ปรากฏตัวขึ้นบนยอดไม้
ผู้ฝึกยุทธหลายคนได้เล็งธนูมา และยังมีผู้ฝึกยุทธอีกหลายคนลอยตรงมาที่ทั้งสองคน
“กับดักอย่างงั้นสินะ?” ฝานลี่เทียนทำหน้าบึ้งตึง ตัวเขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าเฟิงหลิวจากสำนักเจินชางจะใช้วิธีอันต่ำต้อยเช่นนี้
เฟิงหลิวได้บินถอยกลับไป ตัวเขาได้หันมาพูดด้วยรอยยิ้ม “ข้าทำก็เพราะว่าไม่มีทางเลือก ข้าพยายามแล้วที่จะเกลี้ยกล่อมให้ท่านได้กลับใจ แต่ในเมื่อท่านคิดที่จะปฏิเสธ ท่านก็คงจะต้องถูกฝังลงตรงนี้”
ฝานลี่เทียนที่ถือขวดน้ำเต้าอยู่ได้ร่อนลงกับพื้น ในตอนนี้ตัวเขาได้ถูกผู้ฝึกยุทธทั้งหลายล้อมเอาไว้จากทั่วทุกทิศทาง
“ข้าคิดมาตลอดว่าเฟิงชิงจะเป็นคนที่รู้จักแยกแยะผิดถูก ดูเหมือนว่าเป็นข้าเองที่คิดผิดไป” ฝานลี่เทียนได้ชูน้ำเต้าที่มีขึ้นมา เพียงครู่เดียวเท่านั้นตัวเขาก็ได้ดื่มเหล้าออกจากน้ำเต้าจนหมด เสื้อผ้าของฝานลี่เทียนเปียกปอนไปด้วยเหล้าที่ไหลออกมาจากปาก
เฟิงหลิวได้พูดต่อ “ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องพูดถึงเรื่องคุณธรรมกับพวกสำนักฝ่ายอธรรม ข้าได้พูดทุกอย่างที่ต้องการจะพูดไปหมดแล้ว ท่านน่ะไม่ได้มีพลังอยู่ในจุดสูงสุดเหมือนเก่าอีกต่อไป ถ้าหากท่านยอมจำนนแต่โดยดีบางทีข้าอาจจะเมตตาไม่ทำให้ศพของท่านแหลกเหลวไปก็ได้นะ”
ฝานลี่เทียนได้โยนขวดน้ำเต้าออกไปจากตัว ในตอนนั้นเองเหล้าที่หลงเหลืออยู่ก็ได้กลายเป็นแสงสีทองล้อมรอบตัวเขาเอาไว้ “เจ้าพูดถูก…ข้าน่ะบาดเจ็บสาหัสและยังไม่ได้มีพลังเหมือนก่อน…แต่ถึงแบบนั้น” ฝานลี่เทียนได้ชะงักไปชั่วครู่ น้ำเสียงของตัวเขากลับมามีพลังอีกครั้ง “แต่ข้าก็ไม่ได้อ่อนแอจนคนอย่างเจ้าจัดการได้หรอกนะ!”
ตู๊ม!
ฝานลี่เทียนได้กระทืบเท้าของตัวเองลงบนพื้นก่อนที่จะพุ่งไปบนอากาศ ตัวเขาได้พุ่งออกไปราวกับว่าตัวเองได้เป็นลูกศรที่ถูกยิงออกจากคันธนู การโจมตีของฝานลี่เทียนรวดเร็วจนไม่อาจคาดเดา ในระหว่างการโจมตีน้ำเต้าของฝานลี่เทียนก็ได้แผ่แสงสีทองเจิดจ้าออกมา แสงของน้ำเต้าได้ใหญ่ขึ้นจนปกคลุมร่างกายของฝานลี่เทียนเอาไว้ทั้งร่าง
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ผู้ฝึกยุทธกว่าหลายสิบคนได้กระเด็นถอยกลับมาหลังจากที่ถูกขวดน้ำเต้าสีทองจู่โจม ทุกๆ คนต่างก็กระอักเลือดออกมาเต็มท้องฟ้า
“วิชาโลกมัวเมา! ดูเหมือนว่าท่านจะชอบสิ่งนี้เป็นชีวิตจิตใจเลยสินะ?” เฟิงหลิวรีบตะโกนต่อ “ช่างเป็นพลังที่ยอดเยี่ยมจริงๆ! ยิงเขาซะ!”
มือธนูหลายคนได้ยิงลูกศรพลังงานใส่ไปที่ฝานลี่เทียน ลูกศรพลังงานได้แล่นผ่านท้องฟ้าราวก่อนที่จะตกเข้าใส่ฝานลี่เทียนราวกับอุกกาบาต
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ฝานลี่เทียนได้โยนขวดน้ำเต้าออกมาอีกครั้ง ครั้งนี้ตัวเขาเลือกที่จะโยนมันขึ้นเหนือศีรษะของตัวเอง
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ขวดน้ำเต้าได้หมุนรอบตัวของฝานลี่เทียนเอาไว้ มันได้ปัดป้องลูกศรพลังงานทั้งหมดเอาไว้ได้
“โจมตีต่อซะ!” เฟิงหลิวได้สั่งการต่อ
“ดื่มด่ำพสุธา!” ฝานลี่เทียนได้ร่อนลงสู่พื้นก่อนที่จะเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง ตัวเขาได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนออกนอกระยะของลูกศรพลังงานไปได้ ทันทีที่เข้าใกล้ผู้ฝึกยุทธ ขวดน้ำเต้าของฝานลี่เทียนก็ได้จู่โจมผู้ฝึกยุทธที่อยู่ข้างทางในทันที
ตู๊ม! ตู๊ม!
ผู้ฝึกยุทธสองคนถูกโจมตีจนกระเด็นกลับไป พลังอวตารทศภพของทั้งคู่ได้ส่องแสงเลือนรางก่อนที่จะหายจางไป
ฝานลี่เทียนที่เห็นแบบนั้นได้หัวเราะก่อนที่จะพูดออกมา “นานแล้วสินะที่ข้าไม่ได้ทำอะไรตามใจชอบเช่นนี้ หากนี่คือทั้งหมดที่เฟิงหลิวมี เฟิงชิงข้าเกรงว่าเจ้าจะต้องผิดหวังไปซะแล้วล่ะ!”
“นี่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น” เฟิงหลิวโบกมือเพื่อส่งสัญญาณ
ในตอนนั้นเองผู้ฝึกยุทธกว่าสิบคนก็ได้พุ่งเข้าใส่ฝานลี่เทียนจากทั่วทุกทิศทาง มันเป็นเพราะว่าฝานลี่เทียนกำลังถูกล้อมดังนั้นตัวเขาจึงรู้สึกถึงพลังแรงกดดันได้จากทั่วทุกทิศทาง ฝานลี่เทียนพยายามที่จะออกแรงต่อสู้ให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้บาดแผลเก่าของตัวเขามีอาการกำเริบขึ้นมาอีกครั้ง “ดื่มด่ำสมรภูมิ!”
พรึ๊บ!
จู่ๆ ฝานลี่เทียนก็เป็นดั่งหินก้อนใหญ่ยักษ์ เมื่อปลายเท้าของเขาแตะลงที่พื้น ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังกึกก้องไปทั่ว หลังจากที่ฝานลี่เทียนหลบการโจมตีได้ตัวเขาก็ได้โยนขวดน้ำเต้าสีทองออกมาอีกครั้ง
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ขวดน้ำเต้าสีทองได้เคลื่อนที่อย่างรวดเร็วก่อนที่จะหมุนรอบตัวเองเป็นวงกลมในกลางอากาศ
ผู้ฝึกยุทธนับสิบที่เห็นแบบนั้นรีบถอยกลับในทันที
“ชายคนนี้แข็งแกร่ง!”
“เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอยู่หรอกหรอไงกัน? ทำไมเขาถึงยังแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้?”
ในขณะที่ผู้ฝึกยุทธกำลังถอยกลับ ทุกๆ คนก็ได้แต่จ้องมองฝานลี่เทียนด้วยท่าทีที่ตื่นตกใจ
“เพื่อที่จะแสดงให้เห็นถึงพลังของพันธมิตรจำกัดปีศาจ ยังไงซะฝานลี่เทียนก็จะต้องตาย!” เฟิงหลิวได้สั่งการผู้ฝึกยุทธทั้งหมดอีกครั้ง “มือธนูทั้งหลายจู่โจมต่อไปซะ!”
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
เสียงของเฟิงหลิวที่ไม่ทันได้จางหายไป ในตอนนั้นก็มีลูกศรพลังงานกว่าหลายสิบลูกพุ่งเข้าใส่ตัวของฝานลี่เทียน
ฝานลี่เทียนจ้องไปที่เฟิงหลิวก่อนที่จะปลดปล่อยพลังอันมหาศาลออกมาจากร่างกาย
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ลูกศรพลังงานต่างกระจัดกระจายจากตัวฝานลี่เทียนก่อนที่จะบินกลับไปยังเฟิงหลิว
“ศิษย์พี่ใหญ่ถอยไปซะ!” ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ในบริเวณนั้นต่างก็ประสานฝ่ามือกัน
ทันใดนั้นเองทั่วทั้งบรรยากาศก็เต็มไปด้วยตัวอักษร
ฝานลี่เทียนไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องยุติการโจมตีของตัวเอง ตัวเขาได้ลงมาที่พื้นก่อนที่จะมองขึ้นไปอีกครั้ง “พลังผนึกแผ่กว้างของลัทธิขงจื๊อเองสินะ?”
พลังผนึกแผ่กว้างของลัทธิขงจื๊อเป็นพลังประเภทเดียวกับพลังแผ่สวรรค์ ทั้งสองอย่างเกิดจากการที่ผู้ฝึกยุทธกลั่นพลังของตัวเองเพื่อที่จะทำให้มันอยู่ในรูปแบบผนึก และท้ายที่สุดแล้วผู้ฝึกยุทธคนนั้นก็จะกลั่นพลังต่อไปจนมันกลายเป็นพลังตัวอักษรแทน พลังแผ่ประเภทนี้มีพื้นฐานที่คล้ายกับพลังเครื่องรางผนึกของชาวลัทธิเต๋ามาก แต่พลังที่ว่าต้องการขั้นตอนการกลั่นพลังที่มากกว่า
ตัวอักษรได้ลอยไปทั่วท้องฟ้า พวกมันได้รวมตัวกันก่อนที่จะพุ่งเข้าหาตัวของฝานลี่เทียน
“ป้องกัน” ขวดน้ำเต้าสีทองได้ลอยอยู่ตรงหน้าของฝานลี่เทียนก่อนที่จะหมุนรอบตัวเองอย่างรวดเร็ว
ตัวอักษรทั้งหลายยังพุ่งจู่โจมในขณะที่ขวดน้ำเต้ายังคงหมุนรอบตัวเอง
ปั๊ง! ปั๊ง! ปั๊ง!
เสียงของการปะทะกันฟังดูเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด การปะทะกันของทั้งสองฝ่ายได้สร้างระลอกคลื่นพลังงานแผ่กระจายไปทั่ว
แขนของฝานลี่เทียนเริ่มชินชาจากแรงกระแทก
ในขณะเดียวกันเฟิงหลิวก็ได้ใช้ดาบของตัวเองพุ่งไปหาฝานลี่เทียน ตัวเขาที่พุ่งมาได้เปิดใช้งานพลังอวตารดอกบัวหกกลีบของตัวเอง
หวืออ!
“ดาบพลังแผ่ขยาย!” พลังจำนวนมากได้ล้อมรอบดาบในมือของเฟิงหลิวเอาไว้ พลังที่ว่าได้แปรเปลี่ยนจนทำให้ดาบส่องแสงสว่างสีทองวาววับออกมา มันได้พุ่งเข้าใส่ฝานลี่เทียนราวกับกระสุนสังหาร
ฝานลี่เทียนได้โบกแขนของตน ในตอนนั้นขวดน้ำเต้าก็เริ่มส่องประกายมากขึ้น ฝานลี่เทียนได้ประกบฝ่ามือเข้าหากัน
พรึ๊บ!
ฝานลี่เทียนสามารถรับดาบได้ด้วยมือที่ผสานเข้าหากัน แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ต้องกระเด็นถอยกลับไปเพราะถูกคลื่นพลังจากดาบผลักเข้าใส่ ฝานลี่เทียนได้ขยับเท้าไปข้างหลังเพื่อพยุงตัวเองเอาไว้ ในที่สุดตัวเขาก็สามารถหยุดการโจมตีได้ ดาบพลังงานของเฟิงหลิวอยู่ห่างจากตัวฝานลี่เทียนเพียงแค่ครึ่งฟุตเท่านั้น ขวดน้ำเต้ายังคงส่องแสงสีทองอยู่ มันได้สะท้อนลูกศรพลังงานทั้งหมดที่ถูกยิงใส่กลับไป “พยายามที่จะล่วงเกินข้าอย่างงั้นสินะ?”
“ท่านน่ะแก่ไปแล้ว…แก่ชราเหมือนกับตาแก่จีเทียนเด๋านั่นแหละ ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ไม่แม้แต่จะต่อต้านอะไรกับผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวหกกลีบอย่างข้าได้หรอก ทำไมท่านถึงต้องเอาชีวิตตัวเองไปทิ้งให้กับตาแก่มหาวายร้ายนั่น!”
“เจ้าน่ะมันก็แค่ไม้อ่อนเท่านั้น เจ้าเด็กน้อย!”