My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 431
สีหน้าของเฟิงหลิวเปลี่ยนไปอย่างมาก ตัวเขารู้สึกหวั่นไหวกับสิ่งที่ได้เห็น เฟิงหลิวต้องการที่จะจากไปให้เร็วที่สุด แต่ฝานลี่เทียนได้พุ่งตรงมาถึงตัวเขาแล้ว เฟิงหลิวเกือบที่จะลืมแล้วว่าคู่ต่อสู้ของตัวเขาเป็นยอดฝีมือของสำนักแห่งความบริสุทธิ์ เป็นเรื่องที่คิดไม่ถึงเลยที่ผู้ใช้วิชาจากลัทธิเต๋าจะไม่เชี่ยวชาญในการใช้ดาบ
ฝานลี่เทียนบินไปหาเฟิงหลิวด้วยพลังอวตารพร้อมกับดาบพลังงานของตัวเอง
พรึ๊บ! พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ใกล้ต่างก็ถูกดาบพลังงานตัดแยกออกเป็นสองส่วน มันเป็นการฟันผ่านอย่างง่ายดายราวกับการผลไม้ ชิ้นส่วนของร่างกายผู้ฝึกยุทธได้ตกลงสู่ป่าเบื้องล่าง
ผู้ฝึกยุทธที่อยู่ห่างออกไปรีบหนีออกไปให้ไกลที่สุด
ฝานลี่เทียนจับตาดูเฟิงหลิวเท่านั้น ตัวเขายังคงไล่ตามเฟิงหลิวอย่างไม่ลดละ
พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกำลังไล่ล่าอวตารดอกบัวหกกลีบ ความต่างของพลังมันเหมือนกับผู้ใหญ่ที่กำลังไล่ตามเด็ก!
เฟิงหลิวรู้สึกสิ้นหวังมากยิ่งขึ้นเมื่อเวลายิ่งผ่านพ้นไป ด้วยตาของตัวเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ดาบพลังงานของฝานลี่เทียนได้ทำให้โลกกลับมาราบเรียบ ต้นไม้ทั้งหลายต่างก็ล้มลงเพราะถูกพลังจากดาบตัดทำลาย
“เป็นไปไม่ได้!” เสียงของเฟิงหลิวดังขึ้น พลังอวตารดอกบัวแปดกลีบกำลังจ้องเฟิงหลิวมาจากด้านบน มันเป็นเหมือนกับการดูแคลนที่เฟิงหลิวเคยทำกับฝานลี่เทียนเมื่อครู่นี้
ฝานลี่เทียนได้พูดออกมา “เป็นเวลานานมากแล้วที่ข้าจะปลดผนึกขวดน้ำเต้าทอง…วันนี้ข้าจะปลดผนึกมันเพื่อเจ้าเอง!”
“หวืออ!”
ขวดน้ำเต้าส่องแสงสีทองออกมาก่อนที่จะพุ่งเข้าหาตัวเฟิงหลิว
ตู๊ม!
เฟิงหลิวไม่มีโอกาสแม้แต่จะตั้งตัว ขวดน้ำเต้าสีทองได้กระทบเข้ากับตัวเขาเต็มๆ
หลุมได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าฝานลี่เทียน ใบหน้าของฝานลี่เทียนเต็มไปด้วยประกายแสงสีแดงก่อนที่จะค่อยๆ จางหายไป พลังอวตารดอกบัวแปดกลับของเขาได้หยุดชะงักลงก่อนที่จะจางหายไปในกลางอากาศ
ตู๊ม!
ฝานลี่เทียนตกลงไปสู่หลุมที่อยู่ด้านล่าง ทุกสิ่งทุกอย่างกลับมาเงียบสงบอีกครั้งในความมืดมิด
สาวกของสำนักเจินชางต้องใช้ความพยายามอย่างแสนสาหัสก็เพื่อที่จะเอาตัวรอดจากพลังอวตารที่แสนน่ากลัว ในตอนนี้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้ฝานลี่เทียน ผู้ที่อยู่ใกล้ฝานลี่เทียนล้วนแต่ถูกการโจมตีของเขาจัดการไปจนหมด มีเพียงผู้รอดชีวิตเพียงแค่หยิบมือเท่านั้นที่เอาตัวรอดมาได้
“กลับไปรายงานท่านเจ้าสำนักซะ ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเราได้เสียชีวิตในการต่อสู้กับฝานลี่เทียน…ฝานลี่เทียนได้เผาผลาญจุดตันเถียนของตัวเองเพื่อสังหารเขา”
“ไปกันเถอะ!” สาวกที่เหลือที่ได้ฟังแบบนั้นต่างพยักหน้า พวกเข่ต่างก็หันมาตอบรับก่อนที่จะหายตัวไปในความมืด
ในขณะเดียวกันฝานลี่เทียนก็ได้แต่นอนอยู่ในหลุม ตัวเขาได้ใช้ชีวิตส่วนใหญ่ไปกับการร่อนเร่พเนจร ฝานลี่เทียนได้ชีวิตเยี่ยงขอทานเดินทางไปทุกหนทุกแห่ง ท้องฟ้าก็เปรียบเสมือนผ้าห่ม ผืนดินก็เปรียบเสมือนกับที่นอน ฝานลี่เทียนคุ้นเคยดีกับการนอนกลางดินกินกลางทราย แม้ว่าฝานลี่เทียนจะฝืนเผาผลาญจุดตันเถียน จุดพลังลมปราณของตนไป แต่ตัวเขาก็ไม่ได้รู้สึกเสียดายอะไร
…
ภายในห้องโถงแห่งสำนักเจินชาง
เฟิงชิงกำลังฟังรายงานของสาวกตัวเองก่อนที่จะขมวดคิ้ว “เฟิงหลิวตายแล้วอย่างงั้นเหรอ?” เฟิงชิงไม่อยากที่จะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ศิษย์พี่ใหญ่และฝานลี่เทียนได้ต่อสู้กันอย่างดุเดือด ท้ายที่สุดแล้วตาแก่นั้นก็ฝืนเผาผลาญจุดพลังลมปราณของตัวเอง!”
เปลือกตาของเฟิงชิงกระตุกจนควบคุมไม่ได้ ตัวเขารู้สึกโกรธมากจนมือทั้งมือสั่นไปด้วยความแค้น
ผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ข้างได้โค้งคำนับออกมา “ท่านเจ้าสำนัก พวกเราควรจะให้ความสำคัญกับภาพรวมมากกว่า ตอนนี้ฝานลี่เทียนได้เผาผลาญจุดตันเถียนแล้ว นั่นก็หมายความว่าฝานลี่เทียนได้สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปด้วย ฮั๊ววู่เด๋าเองก็เป็นเพียงแค่เต่าอยู่ในกระดอง คนจากสำนักดวงดาวทั้งเจ็ดจะต้องจัดการเขาได้แน่ ว่ากันว่าเล้งลั่วบาดเจ็บสาหัสจากการต่อสู้ใกล้ๆ เมืองถังซี เพราะงั้นสำนักเซียนสวรรค์จะต้องรับมือเขาได้แน่ ด้วยพลังจากเครื่องราง ไม่มีทางเลยที่เคล็ดวิชาเต๋าพรางตัวจะหนีรอดไปได้ เหลือก็แค่ตาเฒ่าจีเท่านั้น ด้วยพลังจากสำนักเฮ้งชู, สำนักต้วนหลิน, วิหารแห่งความโชคดี และสำนักดวงหฤทัย พวกเขาทั้งหมดจะต้องรับมือกับตาเฒ่านั่นได้แน่!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นความโกรธแค้นที่เฟิงชิงมีก็บรรเทาเบาบางลง ตัวเขาได้ตอบกลับมา “แม้ว่าพวกเราจะมีแผนรับมือกับตาเฒ่าจี แต่พวกเราจะดูถูกสาวกของศาลาปีศาจลอยฟ้าไม่ได้…ต้วนมู่เฉิงและหมิงซี่หยินต่างก็ถูกตาเฒ่านั่นสั่งสอนมากับมือ พวกเราไม่ควรที่จะดูถูกทั้งสองคนนั้น ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้สีวู่หยาก็อยู่ที่นั่นด้วย พวกเราควรจะต้องระวังให้ดี”
“สีวู่หยาเป็นแค่เพียงคนทรยศของศาลาปีศาจลอยฟ้าเท่านั้น ข้ารู้จักนิสัยของตาเฒ่าจีดี สีวู่หยาจะต้องถูกทรมานไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันแน่ ส่วนยู่ฉางตงเองก็ยังหายสาบสูญ เว้นแต่ว่ายู่ฉางตงจะปรากฏตัวขึ้น ศิษย์สาวกคนอื่นๆ ที่เหลือไม่มีพลังมากพอที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรได้แน่”
“แล้วยู่เฉิงไห่ล่ะ?” เฟิงชิงกังวลเกี่ยวกับตัวของยู่เฉิงไห่มากที่สุด ท้ายที่สุดแล้วยู่เฉิงไห่ก็เป็นศิษย์คนโตของศาลาปีศาจลอยฟ้า แม้ว่าเขาจะเป็นผู้ทรยศที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ตาม แต่ในอนาคตก็ยังไม่มีอะไรที่แน่นอน ถ้าหากยู่เฉิงไห่ยังให้ความเคารพกับศาลาปีศาจลอยฟ้าอยู่ ยู่เฉิงไห่ก็จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของพันธมิตร
นอกจากนี้ยู่เฉิงไห่ยังเป็นเจ้าสำนักอเวจี สำนักที่ทรงพลังที่สุด เป็นธรรมดาที่ยู่เฉิงไห่จะเป็นศัตรูที่น่ากลัวมากที่สุด
“อย่างห่วงไปเลยท่านเจ้าสำนัก ยู่เฉิงไห่ยุ่งอยู่กับการต่อสู้กับเหล่าราชวงศ์ เพื่อที่จะทำให้ยู่เฉิงไห่ไม่ว่าง ผู้คนจากสำนักหฤทัยได้เดินทางไปที่รั่วหลี่เรียบร้อยแล้ว”
“รั่วหลี่อย่างงั้นเหรอ?”
“สำนักอเวจีได้เอาชนะการต่อสู้ที่มณฑลเหลียงได้ สำนักอเวจีได้สังหารองค์ชายสี่และทหารของรั่วหลี่และลั่วหลานไปกว่า 2,000…ดินแดนรั่วหลี่ไม่ได้ต้องการอะไรอีกต่อไป พวกเขาต้องการแค่ฉีกยู่เฉิงไห่ให้เป็นชิ้นๆ” ผู้อาวุโสตอบกลับ
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเฟิงชิงก็เริ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง ตัวเขาได้พูดต่อ “สำนักหฤทัยกำลังสมรู้ร่วมคิดกับรั่วหลี่อย่างงั้นสินะ? ชนเผ่าอื่นยังไงซะก็ยังเป็นชนเผ่าอื่นอยู่วันยังค่ำ ข้ามั่นใจมากว่าเจ้าพวกนั้นต้องการที่จะเห็นดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ของพวกเราตกอยู่ในความวุ่นวายมากกว่า” เฟิงชิงถอนหายใจก่อนที่จะพูดออกมา “ในตอนนี้สุดยอดสำนักทั้งเจ็ดยังไม่สามารถที่จะหยุดเรื่องนี้ได้ สำนักเฮ้งชูคิดการใหญ่ถึงขนาดเรียกปรมาจารย์ของพวกเขาออกมาจากการเก็บตัวฝึกฝน การตายของเฟิงหลิวไม่ใช่การตายที่เสียเปล่าแน่”
ถ้าหากสำนักดวงหฤทัยไม่ได้ตั้งใจที่จะขอส่วนแบ่งเพิ่ม ทำไมพวกเขาถึงต้องลงทุนลงแรงถึงเพียงนี้?
เฟิงชิงถอนหายใจออกมาอีกครั้ง “ส่งคนไปที่สนามรบ นำร่างของเฟิงหลิวกลับมาและฝังเขาอย่างเหมาะสมซะ”
“ครับ ท่านเจ้าสำนัก”
…
ภายในศาลาตะวันออกของศาลาปีศาจลอยฟ้า
ลู่โจวในตอนนี้กำลังศึกษาภาพวาดเก่าแก่อยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะหยุดพักไป ตัวเขาได้นั่งทำสมาธิก่อนที่จะศึกษาเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์
ปัจจุบันลู่โจวเชี่ยวชาญในการใช้พลังของเคล็ดวิชาอักษรสวรรค์ทั้งสี่เนที่เรียบร้อยแล้ว พลังวิเศษแรกคือพลังแห่งคำพูด มันคือพลังที่จะใช้เสียงให้เกิดประโยชน์ พลังวิเศษที่สองก็คือพลังไร้เสียง พลังที่สามารถโจมตีเป็นพื้นที่ได้ พลังวิเศษที่สามก็คือพลังแห่งชีวิต พลังที่สามารถลอกเลียนแบบวิชาที่เห็นได้ และพลังสุดท้ายพลังที่สี่ พลังแห่งการไม่มีตัวตน พลังที่จะใช้เยียวยารักษารูปแบบหนึ่ง
ลู่โจวได้ใช้พลังวิเศษสามพลังแรกจนเข้าใจพื้นฐานพลังทั้งหมดแล้ว แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ยังไม่คุ้นเคยกับพลังที่สี่ แม้ว่ามันจะดูเหมือนวิชาในการรักษา แต่มันก็สามารถใช้ฟื้นฟูพลังชีวิตได้เช่นกัน ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงตัวเขาจะสามารถใช้วิชานี้เพื่อช่วยให้ศิษย์ทั้งหมดของสาวกได้หรือไม่?
ลู่โจวยังคงครุ่นคิดถึงเรื่องนี้อยู่ ในตอนนั้นเองเสียงของจ้าวยู่ก็ได้ดังเข้ามา “มีจดหมายจากศิษย์พี่สี่ค่ะท่านอาจารย์”
“อ่านซะ”
จ้าวยู่อ่านออกเสียงจดหมาย “ท่านอาจารย์ ข้าได้เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องการแยกดอกบัวทองคำในทุกๆ ที่ที่ข้าได้เดินทางไป นอกจากนี้ข้ายังพบว่าพันธมิตรกำจัดปีศาจกำลังจะเคลื่อนไหว พวกเราควรจะระวังหนูสกปรกขึ้นภูเขาเอาไว้ให้ดี…นอกจากนี้ปรมาจารย์แห่งสำนักต้วนหลินได้ปรากฏตัวออกจากถ้ำแล้ว…พวกเราเองยังต้องระวังปรมาจารย์คนอื่นๆ อีกด้วย ท้ายที่สุดข้าก็ดพบสำนักแห่งความมืด ข้าจะปรึกษายี่ฉีชิงเกี่ยวกับเรื่องนี้และจะรายงานข้อมูลเพิ่มเติมให้กับท่านได้ทราบเอง ขอแสดงความนับถือ หมิงซี่หยิน”
หลังจากที่อ่านจบ จ้าวยู่ก็ได้ถามออกมา “ท่านอาจารย์ พวกเราควรจะทำยังไงกันดี?”
ลู่โจวพูดออกมาอย่างเยือกเย็น “ถึงเวลาแล้วที่เราจะยุติความขัดแย้งระหว่างศาลาปีศาจลอยฟ้ากับสิบสำนักใหญ่”
ในตอนนั้นเองสาวกอีกคนหนึ่งก็ได้เดินเข้ามา ร่างกายของนางกำลังสั่นคลอน “ท่านปรมาจารย์ ท่านศิษย์คนที่ห้า…ผู้อาวุโสฝานแย่แล้ว…เขาได้รับบาดเจ็บสาหัส!”
จ้าวยู่ที่ได้ฟังแบบนั้นได้ถามออกมาอย่างตื่นตกใจ “บาดเจ็บสาหัสอย่างงั้นเหรอ? เป็นไปได้ไงกัน?”
“ขะ…ข้าเองก็ไม่รู้”
ในตอนนั้นเองลู่โจวก็ได้เดินออกจากศาลาตะวันออกมา แม้ว่าสีหน้าของเขาจะยังดูเยือกเย็น แต่ภายในของลู่โจวกลับสับสนและสงสัยในตัวเอง ในตอนนี้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนน่าสงสัย เมื่อนึกถึงจดหมายของหมิงซี่หยิน ลู่โจวก็อดคิดไม่ได้ว่าเหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับสำนักใหญ่ทั้งเจ็ด
จ้าวยู่และสาวกหญิงได้โค้งคำนับให้กับอาเบล
“เขาอยู่ไหนกัน?”
“ท่านศิษย์คนที่สามกับศิษย์คนที่แปดลงไปรับแล้วค่ะ”
ลู่โจวโบกแขนเสื้อของตัวเอง แม้ว่าใบหน้าที่ซีดเซียวของเขาดูสงบเยือกเย็น แต่ระหว่างคิ้วของเขากับขมวดเข้าหากันเล็กน้อย