My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 438
จางเฟยฟานผู้เป็นอดีตศิษย์ของฮั๊ววู่เด๋าได้แต่ตกตะลึงกับการต่อสู้ จางเฟยฟานคิดมาตลอดว่าการเคลื่อนไหวในครั้งนี้จะสามารถบีบบังคับให้ฮั๊ววู่เด๋าและเล้งลั่วถูกล้อมเอาไว้ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถจัดการกับผู้อาวุโสทั้ง 2 แต่อย่างน้อยเหล่าผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนทั้งหมดคงจะท่วงเวลาผู้อาวุโสทั้ง 2 ไว้ได้ เมื่อถึงตอนนั้นสาวกขอองศาลาปีศาจลอยฟ้าทั้งหมดก็จะถูกดึงตัวออกมา จางเฟยฟานไม่คาดคิดมาก่อนว่าฟางเหวินเซียนจะพ่ายแพ้ย่อยยับเช่นนี้ เมื่ออยู่ต่อหน้าเล้งลั่วฟางเหวินเซียนก็ไม่อาจที่จะต่อกรอะไรได้เลย
ริมฝีปากของจางเฟยฟานสั่นเครือ ตัวเขามองไปที่ฟางเหวินเซียนที่ได้แต่นอนอยู่บนพื้นก่อนที่จะเริ่มวิ่งหนีไป “ผู้อาวุโส!” จางเฟยฟานได้ร้อยเรียกฟางเหวินเซียนราวกับว่าตัวเขาได้ลืมเล้งลั่วไปแล้ว เล้งลั่วในตอนนี้กำลังยืนอยู่เหนือฟางเหวินเซียน
เล้งลั่วจ้องมองลงมาจากบนฟ้าด้วยสายตาอันเย็นชา ถ้าหากจะให้พูดกันตามตรงภายในศาลาปีศาจลอยฟ้าคงจะไม่มีใครโหดเหี้ยมไร้ปรานีได้เท่ากับเล้งลั่วอีกแล้ว
ผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักหยุน ฟางเหวินเซียนไม่แม้แต่จะได้ตอบโต้กลับไป ตัวเขาได้พ่ายแพ้ให้กับเล้งลั่วได้อย่างง่ายดาย ไม่มีใครรู้ว่าฟางเหวินเซียนจะเอาชีวิตรอดจากการต่อสู้กับเล้งลั่วไปได้หรือไม่
ฟางเฟยฟานพยายามที่จะช่วยเหลือผู้อาวุโสคนนี้ให้ได้มากที่สุด
ฟางเหวินเซียนกระอักเลือดเฮือกใหญ่ ภายใต้แสงจันทร์พื้นที่อาบไปด้วยเลือดของเขาได้ส่องประกายออกมาจางๆ ริมฝีปากของฟางเหวินเซียนสั่นไม่เป็นจังหวะ ตัวเขาได้แต่คว้าแขนของจางเฟยฟานเอาไว้ ที่มือของเขาได้ทิ้งรอยเลือดสดๆ ไว้บนแขนของจางเฟยฟาน แขนเสื้อของจางเฟยฟานถูกดึงอย่างแรง ไม่นานนักหัวของฟางเหวินเซียนเอนไปที่ด้านข้าง ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็ได้หยุดหายใจไป
‘ผู้อาวุโสตายแล้วอย่างงั้นเหรอ!?’ จางเฟยฟานเบิกตากว้าง
“ผู้อาวุโสใหญ่ตายแล้ว! ผู้อาวุโส!”
ผู้อาวุโสทั้ง 10 ไม่คิดว่าเล้งลั่วจะมีพลังเหลือถึงเพียงนี้ ผู้อาวุโสที่เหลือได้แต่จับกลุ่มกันก่อนที่จะจ้องมองเล้งลั่วด้วยความกลัว
เล้งลั่วกดหน้าอกของตัวเองเพื่อระงับความเจ็บปวดเอาไว้ ไม่ว่าตัวเขาจะเป็นยอดฝีมือผู้เก่งกาจสักแค่ไหน แต่เล้งลั่วในตอนนี้ก็ยังบาดเจ็บอยู่
ผู้อาวุโสทั้ง 10 เองก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่สู้ดีเท่าไหร่ พวกเขาทั้งหมดถูกพลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋าผลักเข้าใส่ ในตอนนี้ผู้อาวุโสทั้ง 10 เองก็ได้รับบาดเจ็บไปเช่นกัน เมื่อฟางเหวินเซียนเสียชีวิต ผู้อาวุโสทั้งหมดก็เริ่มตื่นตระหนักมากขึ้น ทุกคนได้แต่เหลือบมองฮั๊ววู่เด๋าและเล้งลั่ว ศัตรูที่ไม่อาจข้ามผ่านได้
พรึ๊บ! พรึ๊บ!
ณ จุดที่มีแสงจันทร์เฉิดฉายมากที่สุด ลูกศรพลังงานอันแข็งแกร่งได้ส่งเสียงออกมาในขณะที่มันลอยอยู่ที่กลางอากาศ
ลูกศรพลังงานได้พุ่งทะลวงผู้อาวุโสคนหนึ่งที่มีพลังอวตารดอกบัวสามกลีบ มันแทงทะลุร่างกายก่อนที่จะทำลายหัวใจโดยตรง ผู้อาวุโสคนนั้นจับไปที่ลูกศรพลังงานตามสัญชาตญาณ ไม่นานนักลูกศรพลังงานก็ได้สลายหายไป
“ผู้อาวุโสห้า!” ผู้อาวุโสอีก 9 คนอุทานออกมาด้วยความตกใจ
ที่หน้าอกของผู้อาวุโสคนที่ 5 มีรูที่มีขนาดกว้างพอๆ กับไข่เป็ด มันเป็นรู้ที่สามารถมองทะลุได้อย่างชัดเจน ด้วยบาดแผลที่ทำลายอวัยวะสำคัญโดยตรงจึงไม่มีใครที่จะช่วยผู้อาวุโสคนนี้ได้อีกต่อไป
ดวงตาของผู้อาวุโสคนที่ 5 เบิกกว้างด้วยความตกใจ ตัวเขาได้แต่หันกลับไปมองทิศที่ศาลาปีศาจลอยฟ้าตั้งอยู่ ไม่นานนักผู้อาวุโสผู้โชคร้ายก็ได้ล้มลง
ผู้อาวุโสทั้ง 9 พยายามที่จะประคองผู้อาวุโสคนที่ 5 เอาไว้ แต่ในตอนนั้นเองฮั๊ววู่เด๋าได้เดินตรงไปหาพวกเขาซะก่อน
ฮั๊ววู่เด๋าถอนหายใจพร้อมๆ กับส่ายหัว “ข้าเตือนพวกเจ้าแล้ว…ด้วยความสามารถที่พวกเจ้ามี พวกเจ้าไม่แม้แต่จะเอาชนะข้าได้หรอก พวกเจ้าคิดว่าจะทำลายศาลาปีศาจลอยฟ้าได้ยังไงกัน?”
“ทะ…ท่านอา…”
“จางเฟยฟาน!” ฮั๊ววู่เด๋ากู่ร้องออกมา
จางเฟยฟานที่ได้ยินแบบนั้นสั่นกลัวก่อนที่จะวิ่งหนีหายไปในป่า
“ศิษย์ไม่รักดี เจ้าคิดที่จะหนีอย่างงั้นสินะ!?” ฮั๊ววู่เด๋ารีบกระโดดไล่ตาม ตัวเขาได้กระโดดข้ามผ่านผู้อาวุโสทั้ง 9 ก่อนที่จะบินไปหาอดีตศิษย์จางเฟยฟาน
ผู้อาวุโสทั้ง 9 เดิมทีตั้งใจที่จะหยุดฮั๊ววู่เด๋าเอาไว้ แต่เล้งลั่วได้หันกลับมาเผชิญหน้ากับพวกเขาซะก่อน ผู้อาวุโสที่เหลือได้แต่ก้าวถอยหลังตามสัญชาตญาณ มันเป็นสัญชาตญาณแห่งความหวาดกลัวราวกับว่าได้เจอกับสัตว์ร้ายอันทรงพลัง
ฮั๊ววู่เด๋าได้บินไปด้วยความเร็วสูงสุด
จางเฟยฟานพยายามใช้ทุกความสามารถที่มีก็เพื่อที่จะหลบหนี ในตอนนี้ชีวิตของตัวเขามันก็ขึ้นอยู่กับการหลบหนีแล้ว
เมื่อเห็นอดีตลูกศิษย์จากไปอย่างรวดเร็ว ฮั๊ววู่เด๋าก็ยิ่งรู้สึกโกรธ “ข้าจะต้องจัดการเจ้าให้ได้!”
พรึ๊บ!
ฮั๊ววู่เด๋าเคลื่อนที่อย่างรวดเร็ว ไม่นานนักตัวเขาก็ไล่ตามฟางเฟยฟานทัน พลังแสงสีทองที่อัดแน่นได้พุ่งหาฟางเฟยฟานที่กำลังใช้สมาธิกับการหลบหนี
ตู๊ม!
ทันทีที่ฮั๊ววู่เด๋าใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหก ตัวอักษรจากตัวเขาก็เริ่มปรากฏตัวขึ้นมา
ในตอนนั้นเองมีรถม้าลอยฟ้าขนาดใหญ่ปรากฏตัวขึ้นมาจากป่าข้างๆ อย่างช้าๆ
ผู้ฝึกยุทธชุดทำทั้งหลายได้คุ้มกันรถม้าคันนั้นเอาไว้ ภายใต้แสงจันทร์ยามค่ำคืนทำให้กลุ่มผู้ฝึกยุทธทั้งหมดยิ่งดูแปลกประหลาดมากยิ่งขึ้น
“สำนักเซียนสวรรค์อย่างงั้นเหรอ?” ฮั๊ววู่เด๋าหยุดไล่ตามจางเฟยฟาน ตัวเขาจ้องมองไปที่รถม้าคันใหญ่ที่กำลังลอยอยู่บนฟ้าแทน
มีเสียงอันเยือกเย็นของใครบางคนดังขึ้นมาจากรถม้า “ตามข้อตกลงที่เหล่าพันธมิตรกำจัดอสูรวางเอาไว้ สำนักเซียนสวรรค์จะเข้าร่วมการต่อสู้ก็ต่อเมื่อเล้งลั่วปรากฏตัวขึ้น ฮั๊ววู่เด๋า คู่ต่อสู้ของเจ้าก็คือผู้อาวุโสทั้ง 10 แห่งสำนักหยุน”
ฮั๊ววู่เด๋าเข้าใจดีว่าสิ่งที่ได้ยินมันหมายความว่าอะไร พันธมิตรกำจัดอสูรได้แบ่งเป้าหมายในการโจมตีเป็นกลุ่มๆ ฮั๊ววู่เด๋าไม่แปลกใจเลยที่เมื่อตัวเขาปรากฏตัว 10 ผู้อาวุโสแห่งสำนักหยุนจึงปรากฏตัวตาม ฮั๊ววู่เด๋าได้พูดถามออกไป “ปรมาจารย์แห่งลัทธิเต๋า จือหยวนอย่างงั้นสินะ? ถ้าหากสำนักเซียนสวรรค์อยู่ที่นี่ หกสุดยอดสำนักที่เหลือจะไปอยู่ไหนได้ล่ะ?” ในขณะที่พูดฮั๊ววู่เด๋าก็เลือกที่จะเหลือบมองไปยังรอบตัว ตัวเขากำลังมองหาสำนักอื่นๆ อยู่นั่นเอง
ภายในรถม้าลอยฟ้าคันใหญ่ จือหยวนไม่เลือกที่จะตอบฮั๊ววู่เด๋า ตัวเขาจ้องมองไปที่เล้งลั่วที่กำลังต่อสู้กับผู้อาวุโสอยู่ใกล้ๆ จือหยวนได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึกแทน “เล้งลั่ว ข้ากับสำนักหยุนถือว่าเป็นมิตรอันดีต่อกันเสมอ บัดนี้เจ้าได้ฆ่าฟางเหวินเซียนไปแล้ว เจ้าจะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไป”
กระดาษแผ่นหนึ่งได้ลอยออกมาจากรถม้าลอยฟ้า ภายในกระดาษแผ่นนั้นมีสัญลักษณ์อันแปลกประหลาดบันทึกเอาไว้ ท่ามกลางแสงจันทร์ กระดาษที่ได้เห็นก็เริ่มเปล่งพลังโดยที่ไม่มีการแจ้งเตือน มันได้ส่องแสงสีทองเจิดจ้าก่อนที่จะเพิ่มพลังมากขึ้น
ฮั๊ววู่เด๋าไม่ยอมที่จะปล่อยให้พลังผนึกเครื่องรางรอดผ่านตัวเขาไปได้ ฮั๊ววู่เด๋าเลือกที่จะปล่อยพลังฝ่ามือเข้าใส่ผนึกพลังที่ได้เห็น
ตู๊ม!
พลังผนึกได้เข้าปะทะกับพลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋า การปะทะกันอย่างรุนแรงทำให้ฮั๊ววู่เด๋ากระเด็นถอยกลับไปหลายก้าวด้วยกัน ไม่นานหลังจากนั้นพลังผนึกก็ลอยเข้าหาฮั๊ววู่เด๋าอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นแบบนั้นเล้งลั่วก็รีบเคลื่อนไหวในทันที “ถอยเร็ว”
เล้งลั่วเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อล่าถอย
อันที่จริงวิธีการที่เล้งลั่วใช้จัดการกับฟางเหวินเซียนด้วยพลังเป็นวิธีการที่ไม่เสถียรเท่าไหร่ ฟางเหวินเซียนถูกเล้งลั่วจัดการก่อนที่จะได้ตอบโต้อะไรกลับมาซะอีก เล้งลั่วไม่สามารถที่จะใช้พลังระดับนี้ไปได้ตลอด การปรากฏตัวของสำนักเซียนสวรรค์ทำให้เล้งลั่วไม่มีทางเลือกอื่นนอกซะจากต้องถอยกลับ
“เจ้าจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” ใครบางคนได้ออกมาจากรถม้าลอยฟ้า ชายคนนั้นมีสายตาที่เฉียบคมและเต็มไปด้วยความเย็นชา ที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยสีหน้าอันเย้ยหยัน ชายคนนั้นได้พุ่งไปบนอากาศก่อนที่จะขยับฝ่ามืออย่างรวดเร็ว ในตอนนั้นเองเครื่องรางระหว่างนิ้วก็ปรากฏขึ้น เครื่องรางทั้งหมดได้พุ่งจู่โจมพลังผนึกตราประทับทั้งหกของฮั๊ววู่เด๋าราวกับกระสุน
ฮั๊ววู่เด๋าสัมผัสได้ถึงความน่าเกรงขามของศัตรูคนใหม่ คนคนนี้จะต้องเป็นผู้นำของสำนักเซียนสวรรค์ จือหยวนไม่ผิดแน่ พลังวรยุทธของเขาลึกล้ำ ฮั๊ววู่เด๋าเลือกที่จะใช้งานพลังลมปราณให้มากกว่านี้ ตัวเขาเลือกที่จะใช้พลังผนึกตราประทับทั้งหกอย่างสุดความสามารถ พลังอักษรทั้งเก้าได้หมุนรวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ปรมาจารย์แห่งเต๋า จือหยวนทำสีหน้าเย้ยหยันก่อนที่จะใช้ฝ่ามือทั้งสองข้างซัดเข้าใส่ เครื่องรางหลายชิ้นได้ระเบิดพลังออกมาก่อนที่จะจู่โจมเป้าหมายในรูปทรงกรวย
ตู๊ม!
ที่เชิงเขามีอะไรบางอย่างกระแทกมันจนเป็นรู
ฮั๊ววู่เด๋าถูกโจมตีจนกระเด็นกระแทกกับพื้น พลังผนึกตราประทับทั้งหกของตัวเขาถูกทำลาย!
ทั้งสองฝ่ายต่างก็ต่อสู้กันจากในระยะไกล
จือหยวนเอามือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก “พลังผนึกตราประทับทั้งหกเดิมทีมีต้นกำเนิดมาจากวิชาของลัทธิเต๋า…อันที่จริงข้าจะต้องใช้เวลาพอสมควรกว่าที่จะทำลายพลังผนึกตราประทับทั้งหกของเจ้าได้ แต่มันก็ไม่หมายความว่ามันจะถูกทำลายไม่ได้!”
“เจ้าเตรียมตัวมาสินะ?” ภายในดวงตาของฮั๊ววู่เด๋าดูเหมือนจะเต็มไปด้วยเปลวไฟ การที่ตัวเขาได้ใช้เวลาอันยาวนานกว่าที่จะคิดค้นวิชาการป้องกันที่ทรงพลังเช่นนี้ได้ เป็นธรรมดาที่จะมีใครคนอื่นคิดวิธีการตอบโต้พลังการป้องกันของตัวเขาได้
พลังผนึกตราประทับทั้งหกมีรากฐานมาจากวิชาของลัทธิเต๋า มันเป็นวิชาที่สำนักเซียนสวรรค์ถนัดนั่นเอง และพลังเครื่องรางของชาวสำนักเซียนสวรรค์ยังมีความสามารถพิเศษอยู่ มันเป็นความสามารถที่สามารถกัดกร่อนพลังในการป้องกันได้นั่นเอง
“ถูกต้อง ข้าน่ะได้เตรียมตัวมาแล้ว” ในช่วงเวลาตัดสิน ไม่จำเป็นที่จะต้องซ่อนความลับอีกต่อไป
ฮั๊ววู่เด๋าส่ายหัว “จือหยวน ยิ่งแก่เจ้าก็ยิ่งไร้ยางอายอย่างงั้นสินะ”
“ข้าก็แค่ทำเพื่อความยุติธรรมก็เท่านั้น…ผู้อาวุโสสูงสุดของสำนักเซียนสวรรค์ได้ถูกยู่ฉางตงสังหารไป จางหยวนฉานเองก็ได้เสียชีวิตด้วยฝีมือของไป่ยู่ชิง หนึ่งในสุดยอดผู้พิทักษ์ทั้งสี่ของยู่เฉิงไห่…ชีวิตแลกชีวิต กฎนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกมารอย่างเจ้ายังไงก็จะต้องถูกกำจัด” จือหยวนได้พูดออกมาโดยอ้างถึงคุณธรรม
“คนที่ควรจะตายกลับไม่ถูกฆ่าอย่างงั้นสินะ?”
“ฮั๊ววู่เด๋า เจ้าน่ะหลงผิดกลายเป็นมารร้าย เจ้าน่ะหลงผิดจนไม่อาจจะช่วยเหลือได้แล้ว!” จือหยวนได้พูดในขณะที่เตรียมจู่โจม
พรึ๊บ!
ในตอนนั้นเองลูกศรพลังงานที่ถูกยิงมาจากด้านบนศาลาปีศาจลอยฟ้าก็ได้พุ่งตรงมาอีกครั้ง
นอกจากลูกศรพลังงานก็ยังมีสาวกคนอื่นๆ ของศาลาปีศาจลอยฟ้าอย่างซู่ฮ่องกง, จ้าวยู่, ต้วนมู่เฉิง และหยวนเอ๋ออยู่ด้วย
เล้งลั่วได้เหลือบมองกลับไปก่อนที่จะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก “จือหยวน เจ้าน่ะจะอวดดีเกินไปแล้ว!”
ร่างกายของเล้งลั่วเริ่มที่จะเลือนรางหายไปอีกครั้ง ในตอนนั้นเองพลังอวตารที่สูงกว่า 100 ฟุตก็ได้ปรากฏตัวขึ้น มันเป็นพลังอวตารที่ส่องแสงไปทั่วทั้งป่า ใครบางคนที่ยืนอยู่บนต้นไม้ใหญ่สังเกตเห็นพลังอวตารของเล้งลั่วได้อย่างชัดเจน คนคนนั้นเลือกที่จะตะโกนขึ้น “ไปซะ!”
เล้งลั่วดูเหมือนจะอยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง ตัวเขาเป็นผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวแปดกลีบ เล้งลั่วไม่ใช่คนที่ผู้ฝึกยุทธพลังอวตารดอกบัวเจ็ดกลีบจะเทียบเคียงได้ เล้งลั่วเคลื่อนไหวด้วยความเร็วอันน่ากลัวก่อนที่จะพาตัวฮั๊ววู่เด๋าถยอกลับไป
ตู๊ม! ตู๊ม! ตู๊ม!
ลูกศรพลังงานทั้งหลายได้ชนเข้ากับพลังผนึกอักษรอย่างรวดเร็ว ลูกศรพลังงานจำนวนมากถูกยิงขึ้นไปบนอากาศราวกับดอกไม้ไฟ
“นี่มันฝีมือของยอดมือธนูอย่างงั้นสินะ” จือหยวนรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยที่ป้องกันตัวจากการโจมตี
ลูกศรพลังงานที่ถูกฮั๊วยู่จิงยิงออกมาอย่างบ้าคลั่ง มันเป็นเหมือนกับฝนที่กำลังโปรยปรายใส่จือหยวนอย่างไม่หยุดหย่อน ด้วยการโจมตีของนางทำให้จือหยวนไม่อาจที่จะโจมตีเล้งลั่วและฮั๊ววู่เด๋าได้
จือหยวนหันกลับไปก่อนที่จะพูดออกมา “แล้วเจ้ากำลังรออะไรอยู่!”
ท่ามกลางป่าที่อยู่ห่างออกไปอีก ในตอนนั้นลูกศรพลังงานที่แข็งแกร่งกว่าได้พุ่งเข้าหาศาลาปีศาจลอยฟ้า
“ฮั๊วยู่จิง ระวัง!”
มียอดมือธนูที่เก่งกาจกว่าหลบซ่อนอยู่ในป่า!
ฮั๊วยู่จิงยังคงยืนอยู่บนที่เดิม ในตอนที่นางเห็นลูกศรพลังงานกำลังใกล้เข้ามาตัวนางก็ได้ตกตะลึงไปชั่วขณะ นางกำลังจดจ่ออยู่กับการโจมตีเพื่อที่จะทำให้ฮั๊ววู่เด๋าปลอดภัย เพราะแบบนั้นฮั๊วยู่จิงจึงไม่ทันที่จะได้ระวังตัว นางไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมีลูกศรพลังงานอันทรงพลังจู่โจมกลับมา นี่มันเป็นฝีมือของใครกัน ‘แบบนี้แย่แน่!’
ลูกศรพลังงานที่ถูกยิงสวนกลับมาทรงพลังและรวดเร็วจนเกินไป
ฮั๊วยู่จิงหลับตาลงอย่างสิ้นหวัง
ตู๊ม!
เมื่อฮั๊วยู่จิงกำลังคิดว่าตัวเองจะตาย แต่เมื่อเวลาผ่านไปนางก็ยังรอดมาได้ ฮั๊วยู่จิงลืมตาขึ้น นางเห็นโล่พลังป้องกันสีฟ้าจางๆ อยู่ตรงหน้า มันเป็นพลังของใครไปไม่ได้นอกซะจากพลังของปรมาจารย์แห่งศาลาปีศาจลอยฟ้า ลู่โจวในตอนนี้ได้ใช้มือขวาเพื่อป้องกันการโจมตี ส่วนมือซ้ายของตัวเขากำลังจับไปที่ไหล่ของฮั๊วยู่จิง “ทะ…ท่านปรมาจารย์?”
เมื่อลู่โจวชักฝ่ามือกลับ โล่ป้องกันก็ได้หายไป ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังยืนอยู่ต่อหน้าศัตรูที่มองไม่เห็น มันไกลและมืดเกินกว่าที่ฮั๊วยู่จิงจะมองเห็นได้
ลู่โจวเดินไปด้านหน้าของฮั๊วยู่จิงก่อนที่จะพูดออกมาเบาๆ “ไม่มีอะไรจะต้องกลัว”