My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 455
“สีวู่หยา” ลู่โจวได้เรียกชื่อของสีวู่หยาออกมา
หัวใจของสีวู่หยาในตอนนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ ตัวเขากลับมามีสติอีกครั้งได้
“ถ้าหากเจ้าต้องการที่จะสำรวจความลับของโลกใบนี้…ข้าก็จะไม่พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนั้น ข้าจะตัดสินใจทุกอย่างหลังจากที่พบคริสตัลแห่งความทรงจำอีกที” ลู่โจวรู้ดีว่าสีวู่หยาพยายามใช้คำอธิบายอันสวยหรูเพื่อที่จะปกปิดเรื่องคริสตัลแห่งความทรงจำเอาไว้ ในฐานะที่ตัวเขาเป็นอาจารย์ของศิษย์ไม่รักดีคนนี้ เป็นธรรมดาที่ลู่โจวจะไม่คิดเชื่อสีวู่หยาง่ายๆ ถ้าหากตัวเขาพบกับคริสตัลแห่งความทรงจำ คริสตัลที่ผนึกความทรงจำของตัวเขาเอาไว้ ลู่โจวในตอนนั้นก็คงจะเข้าใจเรื่องทุกอย่าง ทั้งเรื่องของชนเผ่าอื่นในหรงซีและหรงเป่ยอันกว้างใหญ่ แต่การจะหาคริสตัลพบมันจะเป็นไปได้ยังไงกัน? มันเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไขได้จริงๆ
สีวู่หยาที่ได้ฟังแบบนั้นรู้สึกยินดี ตัวเขาไม่คิดว่าผู้เป็นอาจารย์อย่างลู่โจวจะเชื่อในคำพูดของตัวเขา อย่างน้อยที่สุดอาจารย์คนนี้ก็ไม่ได้ตำหนิอะไรสีวู่หยา ตอนนี้เรื่องทุกอย่างขึ้นอยู่กับคริสตัลแห่งความทรงจำ สุดท้ายแล้วก็ไม่มีใครรู้คำตอบอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการแยกดอกบัวทองคำหรือการที่ไม่ต้องแยกดอกบัวทองคำ ท้ายที่สุดแล้วการปรากฏตัวของผู้ฝึกยุทธผู้ที่มีพลังอวตารดอกบัวเก้ากลีบจะนำพายุคสมัยใหม่สู่โลกใบนี้!
ลู่โจวยังใช้ความคิดต่อไป ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นจากด้านนอก
“ท่านอาจารย์!”
“ท่านอาจารย์!”
เมื่อมีเสียงเรียกของใครบางคนดังขึ้น เสียงเรียกของอีกคนหนึ่งก็ได้ดังขึ้นตาม มันเป็นเสียงที่ดังจนรู้ว่าผู้พูดกำลังตึงเครียดแค่ไหน
หยวนเอ๋อวางมือเท้าเอวก่อนที่จะพูดออกมา “ศิษย์พี่แปด ไม่มีประโยชน์หรอกที่ท่านจะตะโกน ยังไงท่านก็เข้าไปไม่ได้!”
“ศิษย์น้องเล็ก ให้ข้าเข้าไปเถอะ แล้วข้าจะเลี้ยงของอร่อยๆ เจ้าเอง เอาล่ะ…”
“ไม่!” หยวนเอ๋อปฏิเสธซู่ฮ่องกงอย่างไร้ปรานี
“…”
เสียงการทะเลาะวิวาทได้ดังมาจากด้านนอก มันทำให้ลู่โจวที่ได้ยินถึงต้องขมวดคิ้ว ตัวเขาสะบัดมือเบาๆ เพื่อส่งพลังไปเปิดประตู “ให้เจ้านั่นเข้ามา”
หยวนเอ๋อหลีกทางให้ ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นก็ได้หัวเราะก่อนที่จะพูดออกมา “เจ้าทำได้ดีมากศิษย์น้องเล็ก แต่มันคงจะดีกว่านี้ถ้าหากเจ้าเป็นคนที่ยิ้มแย้มน่ะ” จากนั้นซู่ฮ่องกงก็วิ่งตรงมาทางศาลาตะวันออกในทันที
หยวนเอ๋อได้แต่กลอกตามองบนอย่างช่วยไม่ได้ หลังจากนั้นนางก็บินขึ้นสู่ท้องฟ้า หยวนเอ๋อในตอนนี้กำลังเฝ้าสังเกตการณ์ต่อไป ไม่นานนักนางก็เห็นฝานซงและโจวจี้เฟิงที่กำลังเข้ามาใกล้ หยวนเอ๋อที่เห็นแบบนั้นยิ้มแย้มให้ก่อนที่จะพูดออกมา “เฮ้ พวกเจ้าอยากที่จะเข้าไปข้างในสินะ?”
“ฮะ? พอดีพวกเรามีธุระด่วนน่ะ พวกเราจะไปกันแล้ว…” ฝานซงรีบดึงตัวโจวจี้เฟิงก่อนที่จะมุ่งหน้าไปอีกทิศทางหนึ่ง
‘ไปกันเถอะ นางพยายามที่จะใช้จิตวิทยาย้อนกลับเพื่อหลอกล้อเราให้ติดกับ พวกเราจะหลงกลนางไม่ได้!’
ทั้งสองคนรีบหายตัวไปในทันที
หยวนเอ๋อที่เห็นทั้งสองคนจากไปได้แต่สัมผัสใบหน้าของตัวเองก่อนที่จะพูดพึมพำออกมา “ข้าก็ยิ้มแย้มแล้วนิ…”
ในขณะเดียวกันซู่ฮ่องกงที่เดินไปถึงศาลาตะวันออกได้คุกเข่าลงก่อนที่จะพูดขึ้น “ได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วยศิษย์พี่เจ็ด, ท่านอาจารย์!” ซู่ฮ่องกงมาที่นี่ก็เพื่อที่จะขอร้องอ้อนวอนแทนสีวู่หยา ตัวเขาไม่ได้มีเจตนาหรือแผนการอื่นใด
ลู่โจวมองไปที่ซู่ฮ่องกง “เจ้ามาขอร้องแทนสีวู่หยาอย่างงั้นเหรอ?”
“ท่านอาจารย์ ศิษย์พี่เจ็ดไม่ใช่คนที่ท่านคิดว่าจะเป็น!” ซู่ฮ่องกงใช้ความกล้าทั้งหมดเพื่อที่จะอธิบายแก้ต่าง “ถ้าหากไม่ได้ศิษย์พี่เจ็ด ศิษย์พี่ใหญ่ก็คงจะตายไปนานแล้ว แม้แต่ศิษย์พี่รองเองก็คงจะต้องอยู่อย่างลำบาก! ท่านอาจารย์…ศิษย์พี่เจ็ดไม่ใช่คนทรยศพวกเราแน่!”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ลู่โจวก็เริ่มขมวดคิ้วอีกครั้ง
ก่อนที่ลู่โจวจะได้พูดอะไรออกไป สีวู่หยาที่ได้ฟังแบบนั้นก็ได้ลุกขึ้นยืนซะก่อน “หยุดพูดเรื่องไร้ความหมายได้แล้ว ศิษย์น้องแปดเจ้าพอได้แล้ว”
“เดี๋ยว” ลู่โจวได้พูดออกมาด้วยน้ำเสียงอันหนักแน่น หลังจากนั้นตัวเขาก็มองไปยังซู่ฮ่องกง “พูดต่อไปซะ”
สีหน้าของซู่ฮ่องกงเปลี่ยนไปจริงจังก่อนที่จะพูดต่อ “ศิษย์พี่เจ็ดยอมแบกหน้าของตัวเองเพื่อไปขอร้องพวกนักบวชเฒ่าจากวิหารสวรรค์ก็เพื่อที่จะช่วยชีวิตข้า ตัวเขาได้คุกเข่าอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามวันสามคืนก่อนที่นักบวชเฒ่าจะยอมมอบเสื้อคลุมวิถีเซนให้แก่ศิษย์พี่! ในตอนที่ข้ากลับมายังศาลาปีศาจลอยฟ้า ข้ากลับมาก็เพราะความช่วยเหลือของศิษย์พี่ แม้ว่ามันจะเป็นการทำให้ข้าเอาชีวิตรอดก็ตาม ท่านอาจารย์ลงโทษข้าซะเถอะ ข้าไม่อาจจะปล่อยปละละเลยผู้มีพระคุณไปได้!”
“ศิษย์พี่รองเป็นผู้ที่มีอายุขัยสั้นตั้งแต่แรก ศิษย์พี่เจ็ดเป็นหนึ่งในผู้ที่ยอมเดินทางไปทั่วทั้งดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ก็เพื่อที่จะรวบรวมอักษรทั้งหลายจารึกลงบนดาบยืนยาว ส่วนศิษย์พี่ใหญ่…”
ซู่ฮ่องกงที่ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกมาเกี่ยวกับยู่เฉิงไห่ สีวู่หยาก็ได้พูดออกมาซะก่อน “หุบปากซะ!”
ซู่ฮ่องกงตกใจจนหยุดพูดไปในทันที
ลู่โจวที่เห็นแบบนั้นได้ใช้พลังฝ่ามือจู่โจมสีวู่หยาจนกระเด็นออกไป
พรึ๊บ!
พลังฝ่ามือกระทบเข้ากับแก้มของสีวู่หยา
ลู่โจวมองตามไปก่อนที่จะถามออกมา “เจ้าคิดว่าตัวเองเก่งมากสินะ? เจ้าคิดว่าตัวเองจะสามารถแบกรับทุกอย่างไว้ได้สินะ? เจ้าต้องการที่จะเป็นวีรบุรุษอย่างงั้นเหรอ? ได้ข้าจะเป็นผู้เติมเต็มความปรารถนาของเจ้าเอง!” หลังจากนั้นลู่โจวก็ได้ผลักฝ่ามือออก
สีวู่หยาตัวสั่นเมื่อได้เห็นพลังฝ่ามือขนาดใหญ่ แต่ถึงแบบนั้นตัวเขาก็ไม่ได้มีพลังที่จะต่อต้านมันได้ สีวู่หยาไม่เลือกที่จะหลบ ตัวเขาเลือกที่จะหลับตาลงแทน ‘และแล้วทุกอย่างก็จบลงสินะ’
ตู๊ม!
สีวู่หยารู้สึกงุนงง ตัวเขาไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไรเลย แต่ถึงแบบนั้นความกลัวก็ยังคงอยู่ในใจเขา สีวู่หยาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ท้ายที่สุดแล้วตัวเขาก็พบว่าร่างกายของตัวเองไม่ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน แต่เมื่อมองไปรอบตัวสีวู่หยาก็เห็นเก้าอี้ใกล้ๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ลู่โจวรีบชักฝ่ามือกลับมาก่อนที่จะพูดขึ้น “ซู่ฮ่องกง”
ซู่ฮ่องกงเหลือบมองไปที่สีวู่หยา ตัวเขาได้รวบรวมความกล้าก่อนที่จะพูดออกมาอีกครั้ง “ศิษย์พี่เจ็ด ข้าไม่เข้าใจเลย มีอะไรที่เป็นความลับมากมายถึงขนาดนั้นด้วย? เป็นความจริงที่ศิษย์พี่ใหญ่น่ะได้ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง! มันเป็นความจริงที่ท่านน่ะได้ช่วยชีวิตศิษย์พี่ใหญ่เอาไว้!”
“ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง?” ลู่โจวที่ได้ยินแบบนั้นสับสน คนที่ตายไปแล้วจะฟื้นคืนชีพมาได้ยังไงกัน?
ในตอนนั้นเองหมิงซี่หยินก็ได้ปรากฏตัวขึ้น
หยวนเอ๋อเองก็บินลงมาจากท้องฟ้า
หมิงซี่หยินเดินผ่านหยวนเอ๋อไปยังศาลาตะวันออก หยวนเอ๋อไม่ได้ขวางผู้เป็นศิษย์พี่อีกต่อไป หมิงซี่หยินที่ผ่านเข้าไปได้พูดขึ้น “เป็นความจริงที่ศิษย์พี่ใหญ่ตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ท่านอาจารย์…ในตอนที่ท่านสั่งให้ข้าตรวจสอบสำนักแห่งความมืด…ในตอนนั้นข้าก็พบเข้ากับบันทึกส่วนตัวของศิษย์น้องเจ็ด แน่นอนว่ามีบันทึกที่ศิษย์พี่ใหญ่ได้ตายไปแล้วเขียนบันทึกเอาไว้ด้วย!” หมิงซี่หยินที่พูดจบได้หยิบบันทึกที่แสนจะดูธรรมดาขึ้นมา ตัวเขาได้ยื่นให้กับลู่โจวด้วยมือทั้งสองข้าง
เมื่อเห็นกระดาษแผ่นนั้นสีวู่หยาก็ได้แต่ตกใจ ตัวเขาขมวดคิ้วก่อนที่จะเหลือบมองหมิงซี่หยินด้วยสีหน้าที่คาดไม่ถึง
“ดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ ราชวงศ์หย่งชิง, ปี 154 เดือนมีนาคม วันที่ 24 ศิษย์พี่ใหญ่ได้เสียชีวิตแล้ว”
“ดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ ราชวงศ์หย่งชิง, ปี 154 เดือนเมษายน วันที่ 4 ข้าราดน้ำใส่เขา”
“ดินแดนหยานอันยิ่งใหญ่ ราชวงศ์หย่งชิง, ปี 154 เดือนพฤษภาคม วันที่ 2 ข้าราดน้ำใส่เขาอีกครั้ง ศิษย์พี่ใหญ่กลับมามีชีวิต”
เมื่อเห็นท่าทีของลู่โจวก็เปลี่ยนแปลงไป หมิงซี่หยินก็คุกเข่าลงก่อนที่จะพูดขึ้น “ข้าผิดไปแล้วที่ไม่ยอมมอบบันทึกนี่ให้กับท่าน”
ซู่ฮ่องกงที่เห็นแบบนั้นก้มลงไม่กล้าขยับไปไหน
สีวู่หยาได้แต่คุกเข่าลงด้วยสีหน้าอันว่างเปล่า
ทั้งวันที่และทุกๆ อย่างที่ทำถูกบันทึกอยู่ในบันทึกส่วนตัวอย่างละเอียด มันมีรายละเอียดมากมายอัดแน่นอยู่ในนั้น ไม่ว่าสีวู่หยาจะฉลาดแกมโกงสักแค่ไหน แต่ตัวเขาคงไม่อาจจัดเตรียมของแบบนี้เพื่อหลอกลวงผู้อื่นไว้ล่วงหน้าได้
หัวใจของลู่โจวเต้นผิดจังหวะ มันเต้นเปลี่ยนไปเมื่อตัวเขาได้เห็นคำว่า ‘กลับมามีชีวิต’ ลู่โจวไม่รู้เลยว่าจะมีความสุขหรือเศร้าใจ ลู่โจวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองควรจะรู้สึกยังไง สุดท้ายแล้วตัวเขาก็เป็นเพียงแค่คนนอกเท่านั้น ในตอนแรกลู่โจวไม่ได้คิดที่จะสนใจอะไร ตัวเขาไม่ได้รู้สึกสงสารศิษย์ไม่รักดีพวกนี้ ลู่โจวควรที่จะเย็นชาและไร้หัวใจ โลกใบนี้กว้างใหญ่ ไม่ว่าจะที่ไหนจิตใจของมนุษย์ก็ยากแท้ที่จะหยั่งถึง ถ้าหากลู่โจวไม่ระวังให้มากพอ บางทีตัวเขาอาจจะเสียชีวิตไปได้ทุกเมื่อ แต่เมื่อมาถึงตอนนี้ทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไป มันไม่ง่ายเลยที่จะห้ามไม่ให้ตัวเองใจอ่อนได้
ศาลาปีศาจลอยฟ้าต้องเผชิญกับวิกฤตที่มีมาไม่รู้จักหยุดหย่อน แม้แต่จีเทียนเด๋าและลู่โจวเองก็ไม่มีทางเลือก ทั้งคู่ได้แต่ต้องเดินหน้าต่อไปในเส้นทางอันเด็ดเดี่ยวนี้
ไม่จำเป็นที่จะต้องถามอะไรอีก คงจะเป็นการดีกว่าถ้าหากยู่เฉิงไห่มาตอบคำถามนี้ด้วยตัวเอง มันคงจะเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะถ้าหากจะพูดถึงเรื่องส่วนตัวของใครสักคนโดยที่คนคนนั้นไม่ได้อยู่ด้วย
ลู่โจวไม่อาจที่จะสูญเสียความสงบนิ่งไปได้
หมิงซี่หยินพูดต่อ “ท่านอาจารย์ ยอดฝีมือแห่งลัทธิขงจื๊อ ซูยู่ชูต้องการที่จะพบท่าน”
ลู่โจวยืนนิ่ง สีหน้าของลู่โจวยังคงดูนิ่งเฉย มันดูเหมือนกับว่าตัวเขากำลังใช้ความคิดอยู่ภายในใจ เมื่อผ่านไปสักพักดวงตาของลู่โจวก็เปล่งประกายขึ้นมาอีกครั้ง
ครู่ต่อมาหมิงซี่หยินก็ได้ย้ำเตือนในสิ่งที่รายงานออกไปอีกครั้ง “ท่านอาจารย์ ยอดฝีมือแห่งลัทธิขงจื๊อ ซูยู่ชูขอบพบท่าน
“พานางมา”