My Disciples Are All Villains - ตอนที่ 473
ตอนที่ 473 ความชั่วร้ายอันบริสุทธิ์
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย
ขั้วจงหยางไม่มีวันจะเชื่อสู่โจวแน่ แม้ว่าตัวเขาจะบอกว่าไม่ได้มาจากสํานักเฝูงใหล และสํานักอเวจีก็ไม่ได้บาดหมางอะไรกับสํานักเฝูงใหล แต่สู่โจวก็ไม่คิดว่ายั่วจงหยางจะเชื่อฟังคําพูดของตัวเขาอยู่ดี สู่โจวในตอนนี้ก็เป็นเพียงแค่คนแปลกหน้า เป็นธรรมดาที่คนเราจะรู้จักปกป้องตัวเองด้วยเหตุนี้เองสู่โจวจึงรู้ว่าการให้คําตอบที่คลุมเครือก็เพียงพอแล้วที่จะเอาตัวรอดได้
ขั้วจงหยางชี้ไปยังทิศตรงกันข้ามกับผู้ใช้ดาบขุดขาว “ผู้คนจากสถานศึกษาไท่จูเองก็อยู่ที่นี่ด้วย การที่จะพบเจอพวกเขาได้เช่นนี้เป็นเรื่องที่หาได้ยากจริงๆ”
“เจ้ากลัวอย่างงั้นเหรอ?”
“ข้าจะไปกลัวทําไมกัน? ถ้าหากพวกเราสู้กันก็ไม่มีใครรู้อยู่ที่ว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะ” ตัวจงหยางตอบกลับมา
“การที่เจ้ามีความมั่นใจเป็นเรื่องที่ดี แต่ความมั่นใจที่มีมากเกินไปมีแต่จะทําให้เจ้ากลายเป็นคนหยิ่งผยองก็เท่านั้น” สู่โจวเห็นตัวอย่างมาแล้วทั้งฉางเองและสีว์หยาต่างก็เป็นเช่นกัน บางครั้ง ความมั่นใจที่พวกเขามีก็ได้ช่วยพวกเขาเอาไว้และบางครั้งมันก็ฉุดรั้งทั้งคู่ได้เช่นกันในบรรดาสาวกที่สู่โจวถ้าหากลูโจวจะต้องเลือกสาวกที่เก่งที่สุดในการทําภารกิจมาสักคน ตัวเขาก็คงจะเลือกใช้หมิงหยิน ศิษย์คนที่สี่อย่างแน่นอน จนถึงตอนนี้หมิงหยินยังไม่เคยทําให้ลูโจวต้องผิดหวัง
ขั้วจงหยางตอบกลับมาด้วยรอยยิ้ม “ข้าไม่ได้มีความมั่นใจมากจนเกินไป ข้าก็แค่มั่นใจในตัวเองก็เท่านั้น การที่คนเรามีความมั่นใจในตนเองจะทําให้เราแข็งแกร่งขึ้นมาได้ ท่านเองไม่ได้รู้สึกมั่นใจในตัวเองอย่างงั้นเหรอ? ท่านผู้อาวุโสสู่”
แม้ว่าสู่โจวจะมั่นใจในตัวเองมากแค่ไหนแต่สู่โจวไม่ได้ตอบกลับไป ตัวเขาจ้องมองไปยังแท่นไม้ที่ว่างเปล่าแทนในตอนนี้พระเอกของงานยังไม่มาถึงสู่โจวที่เห็นแบบนั้นก็รู้สึกเบื่อ “มาพูดถ งพิธีบูชายัญกันต่อเถอะ”
“ข้าเองก็ไม่รู้อะไรมากมายเกี่ยวกับนาง นอกเหนือจากความสามารถในการพูดภาษาของเหล่าสัตว์ร้ายได้ดูเหมือนนางจะมีพรสวรรค์ในเรื่องของการเล่นดนตรีอยู่ด้วย ว่ากันว่าในตอนที่นางเปาหอยสังข์อยู่บนชายฝั่ง เสียงที่นางได้เปาก็ได้ดึงดูดสัตว์ร้ายจํานวนมากให้มาจู่โจมขาวประมงแต่แน่นอนว่านี่เป็นแค่คําบอกเล่าเท่านั้น ข้าเองก็ไม่อาจตรวจสอบความจริงได้” ยั่วจงหยางขอบกลับมา
ในตอนแรกสู่โจวไม่คิดจะสนใจหญิงสาวที่ว่ามากมายอะไร แต่ในตอนนี้ตัวเขาเริ่มรู้สึกสนใจนางขึ้นมาแล้วสําหรับสู่โจวตัวเขาไม่เคยเห็นผู้ที่มีความสามารถพิเศษเช่นนี้ ความสามารถของนางเศษจนทําให้นางจะต้องถูกบูชายัญซะเอง
“ไม่มีใครรู้ว่านางมาจากไหนอย่างงั้นเหรอ?” สู่โจวถาม
“ถึงแม้ว่านางจะเป็นชนเผ่าอื่นแต่ก็ไม่มีใครรู้อยู่ดี”
“การที่จะมีขนเผ่าอื่นพูดคุยกับสัตว์ร้ายได้ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่การที่นางสามารถระดมสรรพสัตว์ให้พวกมันทําอะไรบางอย่างได้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากจริงๆ ” สู่โจวพูดต่อ
ในขณะที่สู่โจวและขั้วจงหยางกําลังสนทนากัน ในตอนนั้นเองเหล่าฝูงขนที่เริ่มจะหมดความอตนบางคนถึงกับตะโกนออกมาเพราะขาดความอดทน
“ทําไมถึงได้ใช้เวลานานเช่นนี้? พานางปีศาจมาได้แล้ว!”
“เฮ้! ทุกคนรอมานานแว! ชาวเมืองเองก็กําลังเฝ้าดูอยู่!”
“ขาวเมืองจะกินนอนอย่างเป็นสุขได้ยังไงกันตราบใดที่นางปีศาจนั่นยังมีชีวิตอยู่! เร็วเข้า….”
เมื่อต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากฝูงขน ชายวัยกลางคนที่สวมชุดแปลกๆ ก็ได้ก้าวออกมาชายคนนั้นสวมหน้ากาก ใบหน้าของเขาถูกแต่งแต้มด้วยสีสันสีสดใส คลื่นเสียงของชายคนนั้นแผ่ไปทั่วฝูงชน มันเป็นคลื่นเสียงที่เดินทางไปไกลเพราะมีพลังลมปราณอยู่ด้วย “นี่คือคําสั่ง”
จากนั้นเองชายผู้แต่งตัวแปลกประหลาดก็ได้มองไปยังดวงอาทิตย์ “ถึงเวลาแล้ว พานางปีศาจออกมาซะ!”
ทันทีที่พูดจบ แท่นบูชาสวรรค์ก็เสียบตัวลง
ทุกคนหันไปทางซ้ายมือ ในตอนนั้นเองมนุษย์ร่างเพรียวบางก็ถูกนําตัวมา คนคนนั้นถูกขาบอีกสองคนคอยคุมตัวเองไว้ ในช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์กระทบใส่ร่างอันเพรียวบาง ฝูงชนต่างก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ถ้าหากทุกคนไม่รู้เรื่องทั้งหมด ก็คงจะไม่มีใครคิดว่าหญิงสาวที่ทุกคนเห็น เกี่ยวข้องกับปีศาจ แม้ว่าเสื้อผ้าของนางจะขาดรุ่งริ่ง ผมตาดูสกปรกเลอะเทอะที่ใบหน้าของนาง มีคราบสกปรก เท้าของนางเปลือยเปล่า และมือของนางจะถูกมัดอยู่ก็ตามแต่ถึงแบบนั้นมันก็ไม่ อาจซ่อนโฉมหน้าอันงดงามของนางไว้ได้ ควงตาคู่โตมีประกายคําว่า “ธิดาหอยสังฆ์” ได้ปราก ฏขึ้นในใจของทุกๆคน
หญิงสาวคนนั้นทําให้ทุกคนรู้สึกสนใจได้ ทุกสายตาที่อยู่บนแท่นบูชาสวรรค์ต่างก็เหลือบมองมาที่นาง
ตุ้บ! ตุ้บ! ตุ้บ!
เสียงเดินของนางบนแท่นไม้ดังกึกก้องไปในอากาศนี่เป็นเสียงเดียวที่จะได้ยินจากแท่นบูชาสวรรค์
เมื่อนางเดินไปที่ใจกลางแท่น ฝูงชนก็เริ่มเกิดความโกลาหล
ยั่วจงหยางและสู่โจวต่างก็เหลือบมองนาง
สู่โจวรู้ยิ่งรู้สึกสงสัยกับเรื่องในครั้งนี้เข้าไปอีก ดวงตาแห่งสัจธรรมที่สู่โจวมีไม่สามารถมองข้อมูสอะไรของหญิงสาวคนนี้ได้เลย นี่มันหมายความว่าอะไรกัน?
สู่โจวสงสัยว่าระบบจงใจที่จะมอบภารกิจเกี่ยวกับนางให้หรือไม่? จากที่สู่โจวในตอนนี้หญิงสาวคนนั้นไม่ได้มีพลังลมปราณไหลเวียนอยู่ นางไม่ใช่ผู้ฝึกตนซะด้วยซ้ํา ถ้าหากเป็นแบบนั้นจริงนางจะไปปลุกระดมสัตว์ร้ายให้โจมตีผู้คนได้ยังไงกัน?
ในเวลาเดียวกัน ฝูงชนต่างก็สบตากันก่อนที่จะเหลือบมองไปที่หญิงสาวคนนั้น จากนั้นฝูงชนก เริ่มตะโกน “นางปีศาจ!”
หญิงสาวยิ่งดูสับสน มันดูสับสนราวกับว่านางไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ น่าแปลกที่นางดูสับสนนางไม่ได้รู้สึกกลัวหรือประหม่าเลย เห็นได้ชัดว่านางแค่สับสน
ในเวลานั้นเองนักบวชที่อยู่บนแท่นบูชาสวรรค์ก็ได้เหลือบมองลงมา “พานางมาซะ!”
“ครับ!” ผู้ฝึกตนสองคนได้ส่งพลังเพื่อที่จะพาเด็กสาวขึ้นไปบนแท่นไม้
จากนั้นนักบวชผู้อยู่บนแท่นก็ได้สะบัดแส้หางม้าของตน
แส้ที่ถูกแปรเปลี่ยนเป็นเชือกใต้พันธนาการหญิงสาวไว้บนไม้กางเขน
“รู้ไหมทําไมนางถึงได้ถูกมัต?” สู่โจวถามออกมา
“ข้าเองก็ไม่ทราบขั้วจงหยางส่ายหัว
“เจ้าคิดว่านางเองก็เป็นปีศาจเหมือนกันเหรอ?” สู่โจวถามออกมาอีกครั้ง
“นางดูไม่เหมือนใคร”
“ทําไมถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ?”
“ข้าก็แค่รู้สึกแบบนั้น” ขั้วจงหยางจําภารกิจของตัวเองได้ดี แน่นอนว่าตัวเขาไม่มีทางลืมว่ามายังแท่นบูชาสวรรค์ทําไม “แล้วท่านผู้อาวุโสสู่คิดว่าอะไรกัน?
“ข้าคิดว่านางเป็นปีศาจสาว” สู่โจวตอบกลับมา
“ทําไมท่านถึงได้คิดแบบนั้นล่ะ?”
สู่โจววางมือไขว้หลังก่อนที่จะพูดออกมาอย่างช้าๆ “นางทั้งไม่แปลกใจ ไม่หวั่นไหว ไม่ตื่นตระหนก และยังไม่เกรงกลัว เจ้าคิดว่าหญิงสาวธรรมดาแบบไหนกันล่ะที่จะสามารถสงบใจได้เช่น
“นางไม่ได้มีพลังลมปราณอยู่ภายในตัว นางจะเป็นผู้บ่งการสัตว์ร้ายได้ยังไงกัน?”
“นางเพิ่งจะมีอายุได้เพียง 16 ปีเท่านั้น เจ้าจะอธิบายยังไงกันเมื่อไม่มีคนรู้หัวนอนปลายเท้า ของนางแม้แต่ชื่อของนางเองก็ไม่มีใครล่วงรู้”
คําพูดของโจวทําให้ฮั่วจงหยางพูดไม่ออก
เมื่อเห็นแบบนั้นสู่โจวก็ได้ยิ้มออกมาจางๆ โดยที่ไม่พูดอะไรอีก ดูเหมือนว่ายั่วจงหยางจะมาที่นี่ก็เพื่อช่วยเหลือหญิงสาวคนนี้ไม่ผิดแน่ ไม่จําเป็นเลยที่จะต้องถามคําถามเพื่อยืนยันความมั่นใจอีกต่อไป
นักบวชบนแท่นบูชาสวรรค์เหลือบมองดวงอาทิตย์อีกครั้งก่อนที่จะพูดออกมา “ถึงเวลาแล้วพวกเราจะเริ่มบูชาสวระศ์เดี๋ยวนี้”
เสียงระฆังได้ดังขึ้น มันเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าพิธีกรวมกําลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว
ทุกคนที่อยู่ต่างก็เหลือบมองไปยังนักบวชนมา
ในทางกลับกันผู้คนจากสํานักเฮ้งขและสถานศึกษาไท่ซูต่างก็จ้องมองกันและกัน แม้ว่าจะต้องมองกันแค่ไหนแต่ก็ไม่มีใครเริ่มเคลื่อนไหว มันดูเหมือนกับว่าพวกเขามาที่นี่ก็เพื่อที่จะดูแล ธีกรรมเท่านั้น
นักบวชเม่าได้พูดต่อ “ข้าคือหยางปิงแห่งหุบเขาวายุ พวกเราขอเป็นตัวแทนชําระบาปของปีศาจสาวนางนี้ในนามของสวรรค์ในยามที่เจ้าถูกเผาจนเหลือแต่เถ้าถ่าน ในยามที่ร่างกายของเจ้าต้องจมดิ่งสู่พื้นมหาสมุทร ในยามที่จิตวิญญาณของเจ้าที่ร่อนเร่จนเหนื่อยล้า ในยามนั้นเจ้าก็จะ ถูกทดสอบบาปที่คงอยู่ในจิตวิญญาณมีแต่จะต้องถูกชําระ ไม่มีที่แห่งใดจะแบกรับความชั่วร้ายอันอัปลักษณ์นี้ได้ การชําระบาปที่ดีที่สุดของเจ้ามีแต่จะต้องถูกเปลวไฟแผดเผา เผานางซะ!” หลังจา กที่กล่าวสุนทรพจน์อันยาวนาน นักบวชชราก็เริ่มโบกมือ
ในตอนที่สิ้นสุกเป็นไฟดวงตาของทุกคนก็เริ่มเป็กกว้าง
พรึบ!
เปลวไฟเริ่มส่องประกายโชติช่วงในทันที
ในเวลานี้หญิงสาวที่ถูกตรึงอยู่บนไม้กางเขนได้และเหลือบมองลงมาที่ไฟด้วยสีหน้าที่ดูสับสนยิ่งกว่าเดิม
ในตอนนั้นเองสาวกจากสถานศึกษาไท่ซูก็ได้ปล่อยพลังฝ่ามือออกมา พลังฝ่ามือที่ถูกปล่อยกระจัดกระจายไปบนพื้นที่กําลังมอดไหม้
ติดตามแฟนเพจอัพเดทข่าวสารอ่านนิยายก่อนใครได้ที่ FB: ND Translate นิยายแปลไทย