MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่ 661-665
ตอนที่661
จากที่ธามนิธิค่อนข้างยับยั้งชั่งใจในคราแรก เมื่อถูกปาณีจุดไฟ ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
เขาพลิกเธอลง ถอดเสื้อผ้าของเธอ ทันใดนั้นสีหน้าของปาณีเปลี่ยนไป จับมือของเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน”
“……” ธามนิธิมองเธอ “เกิดอะไรขึ้น”
มีอะไรบางอย่างผิดปกติเกิดกับเธอขึ้นอีก
มีการไหลของความร้อนบางอย่างจากข้างใต้ ปาณีมองเขาอย่างเกร็ง ๆ “ดูเหมือนว่าประจำเดือนของฉันจะมา”
ธามนิธิ “…….”
นี่ล้อเล่นอะไรกับเขา
ปาณีผลักร่างกายของเขาออกด้วยความรู้สึกผิด แล้วรีบเข้าห้องน้ำไป เห็นชั้นในของตัวเองย้อมด้วยสีแดง
ครั้งนี้มันมาเร็วกว่ากำหนด โดยไม่ทันได้รู้ตัวเลย
ปาณีเปลี่ยนกางเกงในห้องน้ำและใส่ผ้าอนามัยออกมา มองสีหน้าปั้นยากของธามนิธิที่อยู่บนเตียง “มันมาจริง”
ธามนิธิจ้องมองเธอโดยที่ไม่พูดอะไร ใบหน้ากลายเป็นสีดำเหมือนถ่านหิน
ปาณีเดินเข้าไปอย่างรู้สึกผิด “ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจ ฉันจะรู้ได้ยังไงว่าประจำเดือนจะมากะทันหันแบบนี้ ฉันขอโทษนะ”
“คุณแน่ใจนะว่าไม่ได้ตั้งใจ”
เขารู้สึกเซ็ง!
มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เธอจะมารุกแบบนี้
เห็นได้ชัดว่าเขาเจตนาเล่นมุกหยาบคาย
ปาณีพูด “มันไม่ใช่อย่างนั้นจริงๆ”
นั่นไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถทำได้หรอกเหรอ
ไม่คิดเลยว่าคุณอานี่จะสงสัยเธอเช่นนี้
ธามนิธิพูด “ไม่ฟัง”
“……..”
ปาณีปีนขึ้นไปบนเตียง ดึงผ้าขึ้นมาห่มตัวเอง มองดูธามนิธิที่กำลังโกรธ จำได้ว่าตัวเองทิ้งเขาเอาไว้ตั้งนาน ดึงเอาไฟร้อนรุ่มของเขาออกมา แล้วอยู่ดี ๆ ก็มีประจำเดือน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะหดหู่
แต่ว่ายังไงก็ตาม เมื่อมองเขาแบบนี้ ปาณีมีความสุขมาก
ใครให้เขาชอบแกล้งเธอล่ะ!
ธามนิธิมองดูเธอ เห็นรอยยิ้มผ่านดวงตาของเธอก็ทำหน้าบึ้ง “ตลกเหรอ”
เขากำลังโกรธเธอ แต่เธอยังหัวเราะออกมาได้!
ช่างเป็นภรรยาที่ดีเสียจริง!
ปาณีส่งเสียงครางเบาๆ “ตลกดี”
ธามนิธิไม่สามารถจัดการกับเธอได้ ใครให้เวลาที่ประจำเดือนเธอมาแล้วเธอใหญ่ที่สุดล่ะ
เขาโอบกอดเธอด้วยความผิดหวัง “นอนเถอะ”
“มันยากลำบากไหม” ปาณีรู้ เขาต้องอดทนมาก มันเป็นสถานการณ์ที่ยากมาก
“หุบปาก” ธามนิธิไม่ได้ต้องการที่จะหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้กับเธอ
-
รุ่งเช้า ปาณีที่ทานข้าวกับธามนิธิพูดกับเขา “วันนี้เป็นวันเกิดโมรี คืนนี้ฉันจะไปทานข้าวกับเธอ หลังจากนั้นจะไปคาราโอเกะต่อ อาจจะกลับช้าหน่อยนะคะ”
เธอคุ้นเคยกับการอธิบายบอกเขาเกี่ยวกับเรื่องการเดินทางของตัวเองก่อนที่จะออกไป
ธามนิธิมองเธอในเสื้อสีขาวแล้วตอบอย่างเย็นชา “อืม”
ในขณะที่ทั้งสองคนพูดคุยกัน โทรศัพท์ของปาณีดังขึ้น เป็นญาติที่โทรเข้ามา “ปาณี ฉันเองนะ ฉันคืออาสะไภ้สาม”
“……” เธอมีอาสะไภ้สามคน เป็นภรรยาของอาผู้ชายคนที่สาม แต่อาสามคนนี้ ไม่ใช่พี่นี้องแท้ ๆ ของจิรเวช เป็นแค่ลูกพี่ลูกน้อง ทั้งสองครอบครัวไม่ค่อยได้ติดต่อกัน “อาสะไภ้สามมีอะไรเหรอคะ”
อาสะไภ้สามหัวเราะผ่านมาทางโทรศัพท์ “มันเป็นอย่างนั้นแหละ ดูเธอสิ ช่วยพูดกับสามีเธอให้หน่อย ให้เขาช่วยหางานให้อาสามได้ไหม”
“…..” ปาณีเงียบ พอรู้ว่าคุณป้าได้รับการช่วยเหลือ ทุกคนจึงมาขอให้เธอช่วยงั้นเหรอ
เธอแกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน เอาโทรศัพท์ออกห่าง “อาสะไภ้สามคะ ไม่มีสัญญาณเลย ฟังไม่ค่อยชัดเท่าไร….”
เมื่อปาณีพูดจบก็รีบวางสาย
ธามนิธิดูการแสดงที่ยอดเยี่ยมของภรรยาแล้วเอ่ยถาม “มีอะไรเหรอ”
ตอนที่662
ปาณีเกือบจะหัวเราะออกมา “อาสะไภ้สามของฉันบอกว่าให้คุณช่วยหางานให้อาสามของฉันน่ะ”
เพราะพวกเขาเป็นญาติกัน เห็นป้าของปาณีได้รับการช่วยเหลือ ดังนั้นพวกเขาจึงอยากที่จะลองเสี่ยงดวงดูบ้าง
ปาณีคิดว่าพวกเขาตลก ทำไมถึงได้คิดว่าธามนิธิเป็นคนดีไปได้
คนไหน ๆ ก็ต่างวิ่งเข้ามาขูดรีดอย่างสนุกสนาน
เขายิ้ม ไม่ได้รู้สึกไม่มีความสุข
แน่นอนว่าเขาจะไม่สัญญากับเรื่องนี้
บางคนต้องการความช่วยเหลือจริง ๆ ทว่าบางคนก็ทำไปเพื่อผลระโยชน์
-
หลังจากทานข้าวเสร็จ ปาณีไปโรงพยาบาล ฝนสิรินั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย จ้องมองปาณี “ฉันได้ยินว่าธามนิธิหาแพทย์ให้ลุงเขยของแก แถมยังหางานให้ลูกชายของเธอด้วย”
“….” ปาณีวางอาหารลงบนโต๊ะ ไม่ได้ส่งเสียงออกมา
ฝนสิริพูดต่อ “เขาช่วยป้าของแกทำไม ก็ไม่เห็นว่าเขาจะดีกับฉันขนาดนั้น ฉันเป็นแม่ของแกนะ”
ปาณียกมุมปาก “ฉันหย่ากับเขาแล้ว เขาช่วยเหลือใครเป็นสิทธิ์ของเขา มันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย”
นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไม ปาณีไม่อยากให้คนในครอบครัวรู้ ว่าเธอกับธามนิธิไม่ได้มีเหตุในการหย่าร้างกันแล้ว
มันน่ารำคาญเกินไป!
เธอเองก็ไม่รู้ ว่าแม่ของตัวเองเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าอดอยากจนไม่มีกิน แต่เพราะอยากใช้ประโยชน์จากคนอื่นต่างหาก
ฝนสิริจ้องมองปาณี ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าที่เธอพูดเป็นจริงหรือเท็จ
เธอพูดต่อ “ฉันได้ยินพ่อของแกพูด ว่าช่วงสองวันนี้เขามาที่โรงพยาบาลเหรอ”
แต่ทุกครั้งที่ธามนิธิมาจะเป็นช่วงเวลาที่ฝนสิรินอนหลับ จึงไม่ได้พบกันกับฝนสิริ
ปาณีพูด “เขาเป็นหนี้ฉัน เมื่อคุณป่วยก็แค่มาเยี่ยมเฉย ๆ คุณไม่ต้องคิดมาก”
ฝนสิริจ้องมองปาณี แล้วแนะนำว่า “ตอนที่เขามา แกก็ทำดีกับเขาหน่อย บางทีเขาก็อาจจะชอบแกหรือเปล่า ฉันหวังว่าแกจะสามารถแต่งงานกับเขาได้ใหม่”
ธามนิธิฐานะดี มาเป็นลูกเขยของเธอ ทำให้เธอมีเกียรติ
ปาณีรู้ว่าแม่คิดอะไรอยู่ จึงจงใจพูดว่า “อยากแต่งงานใหม่ก็แต่งได้เหรอคะ คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว คนแบบนั้นจะมาชอบอะไรฉัน ครอบครัวของเขาอยู่ในฐานะที่ดีมาก ลูกสาวของคุณไม่มีอะไรดี ทำไมเขาต้องอยู่กับฉันล่ะ”
เมื่อปาณีพูดเรื่องเหล่านี้ ฝนสิริก็อารมณ์เสียขึ้นมา “แล้วใครบอกให้แกยินยอมที่จะหย่ากับเขา แกมันทำให้ฉันโมโหจนจะบ้าตาย”
ปาณีมองไปที่แม่หัวสูงของตัวเอง และพูดว่า “วางอาหารไว้ให้คุณตรงนี้นะคะ ฉันต้องไปเรียนแล้ว”
ฝนสิริรังเกียจ “รีบไสหัวไปเถอะ เห็นแกแล้วก็หงุดหงิด”
ปาณีดูออก เมื่อเธออยู่กับธามนิธิเท่านั้น ที่ทัศนคติของแม่ที่มีต่อเธอจะดีขึ้นเล็กน้อย
ปาณีเพิ่งจากไป ฝนสิรินั่งอยู่บนเตียงและทานสิ่งที่ปาณีนำมาให้เธอ ทันใดนั้นมีคนยืนอยู่หน้าประตูห้อง และเคาะที่ประตู
ฝนสิริเงยหน้าขึ้น มองหญิงสาวที่ประตู “ใครน่ะ”
“สวัสดีค่ะ” นลิน มีสุวรรณ์ยิ้มอย่างสุภาพ “ฉันเป็นเพื่อนของปาณี ได้ยินว่าคุณป่วย ดังนั้นจึงมาเยี่ยมคุณค่ะ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ นลิน มีสุวรรณ์เดินเข้ามา ในมือยังมีอาหารเสริมที่ซื้อมาเยี่ยมฝนสิริ
เธอวางกล่องของเยี่ยมสองกล่องแล้วมองไปที่ฝนสิริ “คุณป้าคะ ร่างกายของคุณดีขึ้นหรือยังคะ”
“ก็ดีจ้ะ” เพราะมันสุภาพเกินไป ไม่รู้สถานการณ์ของกันและกัน ดังนั้นจึงคอยดูท่าทีก่อน
เธอมองไปที่นลิน มีสุวรรณ์ ไม่ได้คิดว่าเพื่อนของปาณีจะมาเยี่ยมเธอ
คิดว่านลิน มีสุวรรณ์มาหาปาณี จึงพูดว่า “ปาณีเพิ่งออกไปจ้ะ”
นลิน มีสุวรรณ์พูดว่า “เปล่าค่ะ ที่จริงแล้วฉันมาเยี่ยมคุณป้าค่ะ”
ตอนที่663
“คุณเกรงใจมากไปแล้วจ้ะ” เธอก็แค่หญิงชราคนหนึ่ง มีอะไรดีเหรอ
นลิน มีสุวรรณ์กลับมาจากปักกิ่งเมื่อวันก่อน ระยะเวลาในการปรับอารมณ์ด้านลบของตัวเองจึงต้องใช้เวลาสักพัก
ปาณียั่วยวนธามนิธิเก่งมาก เธอไม่สามารถทำอะไรกับปาณีได้ ดังนั้นจึงเปลี่ยนความคิดมาที่ตัวฝนสิริ
เคยได้ยินว่าฝนสิริเป็นคนตะกละหิวเงิน
เธอมองและยิ้มให้กับฝนสิริ “ปาณีและฉันเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน เมื่อคุณป่วย แน่นอนว่าต้องเป็นห่วง”
พูดถึงตรงนี้ มองไปรอบห้องผู้ป่วยที่ไม่ได้ดีมากนัก แล้วพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่อยากเชื่อ “ทำไมปาณีให้คุณพักในโรงพยาบาลแบบนี้ล่ะคะ ห้องนี้เล็กมาก สภาพก็ไม่ค่อยดี เธอประหยัดเกินไปแล้ว”
ฝนสิริไม่คิดว่ามีอะไรผิดปกติกับห้องนี้ เธอมักจะเป็นคนที่ไม่ชอบมาโรงพยาบาล และคิดว่ามันต้องเสียเงินมากเกินไป
ถ้าไม่ใช่เพราะการเจ็บป่วยครั้งนี้ก็ไม่มีทางจะมาเข้าโรงพยาบาล เธอไม่ได้ต้องการที่จะใช้จ่ายเงินกับส่วนนี้
ในความคิดของเธอ ห้องนี้ก็ดีพอแล้ว
เธอพูดกับนลิน มีสุวรรณ์ว่า “ไม่เป็นไรหรอกจ้ะ ฉันคิดว่ามันโอเค”
นลิน มีสุวรรณ์ยิ้มและพูดว่า “นั่นเพราะคุณป้าประหยัดมากเกินไปค่ะ ฉันเป็นเพื่อนกับปาณี ที่จริงแล้วเรื่องแบบนี้แค่บอกฉันมาคำเดียวก็พอ คุณยังจะอยู่ห้องนี้เหรอคะ ฉันพาคุณไปห้องใหม่ดีกว่า”
“……” ฝนสิริไม่รู้ว่าที่จริงแล้วห้องนี่มันเป็นยังไง เธอไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ เธอมองนลิน มีสุวรรณ์ “มันจะดีเหรอ”
“แล้วมันมีอะไรที่ไม่ดีเหรอคะ” นลิน มีสุวรรณ์เอาโทรศัพท์มือถือออกมา “ก็แค่โทรศัพท์”
เมื่อพูดจบ เธอเริ่มโทรศัพท์ เธอค่อนข้างคุ้นเคยกับโรงพยาบาลแห่งนี้
หลังจากวางสายแล้ว นลิน มีสุวรรณ์บอกกับฝนสิริว่า “ฉันโทรไปแล้วนะคะ พวกเขาจะพาคุณป้าไปยังอีกห้องที่มีสภาพแวดล้อมและบริการที่ดี”
ฝนสิริมองนลิน มีสุวรรณ์ ยังรู้สึกแปลก ๆ “นี่หมายความว่ายังไง มันสิ้นเปลืองเกินไปแล้ว”
ที่นลิน มีสุวรรณ์มาช่วยเธอแบบนี้ มันออกจะเกินไปหน่อย
นลิน มีสุวรร์ยิ้มมองและพูดว่า “ทั้งหมดเป็นครอบครัว คุณทำตัวตามสบายเถอะค่ะ ที่ฉันมาที่นี่วันนี้ ความจริงแล้วฉันมีบางอย่างจะพูดกับคุณป้าค่ะ”
เมื่อฝนสิริได้รับประโยชน์จากอีกคน ทัศนคติก็ดีขึ้น “คุณจะพูดอะไรจ๊ะ”
นลิน มีสุวรรณ์ลังเลครู่หนึ่ง แล้วเปลี่ยนเป็นท่าทีเคร่งขรึม “ก่อนที่ปาณีจะแต่งงานกับธามนิธิ ฉันได้ยินว่า บ้านวิสิทธิ์เวชไม่ได้ให้สินสอด นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่าคะ”
เมื่อพูดถึงสินสอด ฝนสิริก็โกรธมาก “แน่นอนว่ามันเป็นความจริง อย่าพูดเรื่องนั้นเลย ยิ่งพูดฉันก็ยิ่งโกรธ ฉันมีลูกสาวแบบนี้ได้ยังไง”
นลิน มีสุวรรณ์ยิ้ม “ปาณียังเด็ก ไม่ประสีประสา จึงคิดว่าตัวเองไม่ต้องการอะไร บ้านวิสิทธิ์เวชอาจจะดีกับเธอ หรือที่จริงแล้วเป็นแบบไหน ยิ่งเธอไม่มีอะไรเลยคนอื่นจะยิ่งไม่สนใจเธอ คุณดูสิคะ เพียงเวลาไม่นาน พอธามนิธิดีขึ้น ก็หย่ากับเธอทันที”
“ก็จริง!” ตั้งแต่นั้นมาฝนสิริก็โกรธปาณีอย่างไม่มีเหตุผล ไม่คิดว่าปาณีจะมีเพื่อนที่ฉลาดอย่างนี้ ฉับพลันรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้พบคู่หู
นลิน มีสุวรรณ์บอกฝนสิริว่า “โธ่ ฉันก็พูดกับเธอเหมือนกันค่ะ แต่เธอไม่ฟังฉันเลย ฉันได้ยินมาว่าเมื่อไม่นานมานี้เธอได้กลับไปอยู่กับธามนิธิอีกครั้งแล้วนะคะ”
“…..” สำหรับเรื่องนี้ ฝนสิริพูดไม่ออก เพราะเธอก็หวังว่าปาณีจะได้อยู่กับธามนิธิอีกครั้ง
นลิน มีสุวรรณ์พูดว่า “คุณป้าคะ คุณช่วยฉันโน้มน้าวปาณีหน่อยนะคะ ให้เธอไม่ต้องอยู่กับธามนิธิ ธามนิธิไม่ชอบเธออีกแล้ว คุณพูดใช่ไหม”
“แล้วฉันต้องโน้มน้าวเธอเรื่องนี้ทำไม” ฝนสิริเริ่มสงสัยในตัวตนของนลิน มีสุวรรณ์ “ถ้าฉันโน้มน้าวเธอ มันจะมีประโยชน์อะไรกับฉัน”
ตอนที่664
ไม่ต้องพูดถึงว่าเธอคงไม่สามารถโน้มน้าวปาณีได้ และถึงแม้ว่าจะโน้มน้าวให้ปาณีไม่อยู่กับธามนิธิได้ มันก็ไม่ได้ดีสำหรับเธอเช่นกัน
มันจะทำให้ทุกคนรู้ว่าลูกสาวของเธอถูกหย่าร้าง “บ้านวิสิทธิ์เวชแต่งงานกับเธอ แต่กลับไม่ได้ให้สินสอดกับเธอเลย ไม่เหมือนกับฉัน”
นลิน มีสุวรรณ์เอาการ์ดออกมา “ในนี้มีสองแสน คุณสามารถใช้มันได้เลย ยังมีอีก ถ้าคุณเกลี้ยกล่อมเธอให้ไปจากธามนิธิ ให้เธอไม่อยู่กับธามนิธิ ฉันยังจะให้บ้านในเมืองกับคุณ ได้ยินว่าคุณกับคุณลุงมีรายได้ที่น้อยมาก ด้วยรายได้ที่เข้ามาของคุณลุงไม่รู้ว่าจะซื้อบ้านได้เมื่อไหร่ คุณว่า หลังจากนี้หากลูกชายของคนมีแฟนในอนาคต ครอบครัวไม่มีบ้าน ผู้หญิงก็คงไม่แต่งงานด้วยแน่ จริงไหมคะ”
นี่ก็คือสิ่งที่ฝนสิริกังวลอยู่
เธอกับจิรเวชแก่แล้ว แล้วก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ไม่ได้มีรายได้เข้ามา ตอนนี้บ้านมีราคาแพงมาก เธอรู้สึกเหมือนกำลังจะตาย ที่ไม่สามารถสร้างรายได้พอสำหรับบ้านหนึ่งหลังได้
เมื่อปาณีได้แต่งงาน ก็จะได้สิ่งเหล่านี้ที่ต้องการ
แต่ทว่า กับบ้านวิสิทธิ์เวช เธอไม่ได้อะไรเลย
ตอนนี้จู่ ๆ นลิน มีสุวรรณ์ก็ส่งเงินมาให้เธอถึงหน้าประตู
เห็นดวงตาของฝนสิริมีแวววูบไหว นลิน มีสุวรรณ์จึงเอาบัตรใส่ในมือของเธอทันที “เงินเหล่านี้คุณเก็บไว้ก่อน ค่อย ๆ คิดอีกทีไม่ต้องรีบตอบฉัน แล้วถ้าหากว่าคุณสนใจ สองวันหลังจากที่คุณออกจากโรงพยาบาล คุณก็แค่ติดต่อฉันมา ฉันจะพาคุณกับคุณลุงไปดูบ้านค่ะ”
ฝนสิริเพียงมองนลิน มีสุวรรณ์ แต่ไม่ได้พูดอะไร
ฝนสิริยิ้มแล้วยืนขึ้น “วันนี้ฉันมีบางอย่างต้องทำ ไปก่อนนะคะ”
หลังจากที่เธอออกไป คนของโรงพยาบาลก็มาถึง ช่วยฝนสิริย้ายห้องพักผู้ป่วย
เมื่อเทียบกับหอผู้ป่วยปกติ มันเหมือนกับโรงแรมระดับห้าดาว
ฝนสิรินอนบนเตียงผู้ป่วยอย่างไม่สามารถเชื่อว่าทุกอย่างนี้จะมาอยู่ตรงหน้า
เมื่อนภันต์มาถึง อยู่ในโรงพยาบาลเป็นนานสองนานกว่าจะรู้ว่าแม่เปลี่ยนห้อง
เขาเดินเข้ามา จ้องมองแม่ที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย “แม่ คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง พี่เขยผมเปลี่ยนห้องให้คุณเหรอ”
“พี่เขยอะไร” ฝนสิริพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “พี่สาวกับพี่เขยของแกอะไรนั่นน่ะนะจะให้อะไรกับฉัน”
เห็นได้ชัดว่ามันมีที่ที่สภาพดีมากเช่นนี้ แต่กลับยังคงปล่อยให้เธออยู่ในห้องที่สภาพแย่ ไม่ได้เคยคิดถึงเธอเลย
ยังให้ความสำคัญไม่เท่ากับคนนอกเลยด้วยซ้ำ
นภันต์พูด “แล้วใครเปลี่ยนให้คุณ”
แม้ว่าตอนนี้ทั้งเขาและปาณีจะมีรายได้ของตัวเอง แต่ว่าค่าใช้จ่ายในการเข้าพักนั้นแพงมาก พวกเขาก็ไม่ต้องการที่จะเสียเงินไปเปล่า ๆ กับส่วนนี้เหมือนกัน
และอีกสองวันแม่ก็จะออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ฝนสิริพูด “เป็นเพื่อนของพี่สาวแก เธอขอให้ฉันพูดกับพี่สาวของแก ให้พี่สาวของแกอยู่ห่างจากธามนิธิ เธอบอกว่าจะให้บ้านกับฉันด้วย หลังจากที่แกแต่งงาน”
ฝนสิริตื่นเต้นเล็กน้อย และมันก็ไม่ได้ซ่อนจากนภันต์ได้
นภันต์เป็นลูกชายสุดที่รักที่เฝ้าทนุถนอมของเธอ ไม่ว่าอะไรเธอก็พูดกับเขาทุกอย่าง
นภันต์ขมวดคิ้ว “พี่สาวของผมมีเพื่อนแบบนี้ด้วยเหรอ”
เปลี่ยนห้องพัก แล้วยังเป็นห้องวีไอพีอีก
ถ้าอีกฝ่ายไม่มีจุดประสงค์ ใครจะทำแบบนี้ได้
“ไม่รู้สิ บอกว่านามสกุลมีสุวรรณ์ ดูเป็นคนดี บอกว่าเมื่อฉันออกจากโรงพยาบาล ก็จะพาพวกเราไปดูบ้าน”
“มีสุวรรณ์?” นภันต์ขมวดคิ้ว เขานึกถึงนลิน มีสุวรรณ์ขึ้นมาทันที ต้องเป็นเธอ ไม่อย่างนั้นจะทำเรื่องแบบนี้ออกมาได้ยังไง
สองวันที่ผ่านมาธามนิธิมาโรงพยาบาล นภันต์เห็นเวลาที่มา เขาดีกับปาณี ทั้งสองดูมีความปรองดองกันดี
ตอนนี้นลิน มีสุวรรณ์มาถึงหน้าประตู ให้แม่แยกปาณีกับธามนิธิ วัตถุประสงค์นั้นชัดเจน
ตอนที่665
บ้าเอ๊ย!
นี่มันเลวมาก!
นภันต์ไม่ได้คาดคิดว่าเธอจะมาด้วยวิธีนี้ จ้องมองฝนสิริ “คงจะเป็นบ้านมีสุวรรณ์ที่เป็นมือที่สาม ก็เพราะเธอ พี่สาวของผมถึงจะหย่ากับพี่เขย”
พูดถึงเรื่องนี้แล้วนภันต์ก็โกรธมาก
ก่อนหน้านี้เขายังเล่ากับฝนสิริเกี่ยวกับเรื่องของนลิน มีสุวรรณ์คนนี้ ไม่เคยคิดเลยว่านลิน มีสุวรรณ์จะมาหาถึงที่
ฝนสิริพูด “เป็นไปไม่ได้ ฉันว่าเธอไม่เหมือนคนเลว เธอดีกว่าพี่สาวแกอีก ตั้งแต่พี่สาวของแกแต่งงานกับธามนิธิ ก็ไม่เคยคิดว่าฉันเป็นแม่ ฉันต้องการบ้าน พวกเขายังไม่ใส่ใจ แกดูสิคนอื่นยังดีเสียกว่า”
ตอนนี้เธอถือเงินสองแสนที่นลิน มีสุวรรณ์ให้ อดไม่ได้ที่จะพูดแทนนลิน มีสุวรรณ์
ที่ปาณีอยู่กับธามนิธิ เธอก็ไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย มันดีกว่าที่จะแยกพวกเขาออกจากกัน!
นภันต์จ้องมองไปที่แม่ของตัวเอง แทบจะไม่รู้เลยว่าควรจะพูดอะไร “นั่นเพราะเธอมีจุดประสงค์แอบแฝง! คุณห้ามใช้ของที่เธอให้”
ถ้ารับไว้ ยังไม่รู้เลยว่าจะมีปัญหาอะไรตามมาบ้าง
ถึงนภันต์จะยังเด็ก แต่มีความคิดก้าวหน้ามาก
ฝนสิริถลึงตาใส่เขาทันที “เรื่องนี้แกไม่ต้องบอกพี่สาวของแกนะ ได้ยินไหม แม่แก่แล้ว บ้านอะไรนั่น ฉันก็ทำเพื่อแก แกก็เห็นว่าบ้านมันแพงแค่ไหน ฉันกับพ่อแกไม่สามารถหาเงินได้อีกแล้ว หลังจากนี้จะซื้อบ้านให้แกแต่งงานกับลูกสะไภ้ได้ที่ไหน พี่สาวของแกไม่สามารถช่วย…”
วันนี้เป็นวันเกิดโมรี นภันต์และโมรีเป็นทีมเดียวกัน จึงตามไปด้วย
ปาณีนั่งอยู่บนเก้าอี้ หลังจากได้ยินสิ่งที่นภันต์พูดกับตัวเองเกี่ยวกับเรื่องโรงพยาบาล อดไม่ได้ที่จะถลึงตาใส่นภันต์ “แม่ป่วยหรือเปล่า”
เมื่อสองวันก่อนตอนที่เธอป่วย ยังไปเฝ้าเธอที่โรงพยาบาลอยู่เลย แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นว่าเธอกลายเป็นแบบนี้
ปาณีรู้สึกว่าการให้ของตัวเอง เป็นเพียงการให้อาหารสุนัข
นภันต์มองปาณีที่ยืนขึ้นด้วยความโมโห น้ำเสียงที่พูดก็ดังขึ้นด้วย จนเพื่อน ๆ หลายคนมองมา จึงดึงเธอนั่งลง “ผมก็บอกเธอแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าเธอคิดยังไง”
“โกรธเธอจนจะบ้าตายอยู่แล้ว” ปาณีพูดไม่ออกจริง ๆ
ใช่ว่าไม่รู้จักคุณธรรมของแม่ เธอรู้สึกเหมือนว่าตัวเองจะร้องไห้ด้วยความโกรธ
ไม่รู้ว่ามีแม่ที่ชั่วร้ายแบบนี้ได้ยังไงกัน
นภันต์พูด “ทั้งมีสุวรรณ์ ดูก็รู้ว่าไม่มีคนดี ไม่อย่างนั้นเธอจะทำแบบนี้ออกมาได้ยังไง”
ปาณีกำหมัดแน่น เมื่อนึกถึงนลิน มีสุวรรณ์ ก็พูดไม่ออก
ไม่สามารถลงมือกับเธอได้ ก็มาใช้จุดอ่อนของแม่
ปาณีอยากถาม ว่าสำหรับนลิน มีสุวรรณ์ สุดท้ายแล้วจะมีประโยชน์อะไรกันแน่
หลังจากทานอาหารเสร็จ พวกของโมรีจะไปร้องเพลงที่คาราโอเกะกันต่อ ปาณีไม่ได้ไป ตรงไปที่โรงพยาบาลแทน
ฝนสิรินั่งอยู่ในห้องวีไอพี ไม่เคยได้รับการรักษาแบบนี้มาก่อน พยาบาลที่นี่ก็มีทัศนคติที่ดีเช่นกัน ไม่เหมือนคนไข้ห้องธรรมดา กี่คนต่อกี่คน ทุกวันก็มีอยู่ใบหน้าเดียว
เห็นปาณีเข้ามา ฝนสิริตกใจมาก ฉับพลันใบหน้าที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิดก็เผยรอยยิ้มประจบ “ปาณีแกมาแล้วเหรอ”
ปาณีไปที่เตียงคนไข้ จ้องมองเธอ “ได้อยู่ที่นี่รู้สึกดีไหมคะ”
“ก็ดี” ฝนสิริรับของจากนลิน มีสุวรรณ์มา จึงไม่กล้าที่จะมองตาของปาณี
ปาณีมองเธอที่ไม่สะทกสะท้านแถมยังรู้สึกดี พลันโกรธจนร้อนรุ่ม “คุณเป็นขอทานเหรอ คนอื่นให้อะไรคุณคุณก็เอามันหมด คุณไม่รู้จักการปฏิเสธบ้างหรือไง” ..
“……” ฝนสิริจ้องมองเธอ “แกไม่ต้องการก็อย่ามาพูดจาร้ายกาจแบบนี้ ขอทานอะไร ถ้าไม่ใช่แม่ขอทานคนนี้ แกจะมีวันนี้เหรอ แกอยู่กับธามนิธิแล้วให้ประโยชน์อะไรกับฉันบ้าง ให้แม่ของแกอยู่ในห้องพักผู้ป่วยห่วย ๆ ตอนนี้มีคนอื่นเปลี่ยนให้ฉัน แกยังบอกว่าฉันเป็นขอทานอีกเหรอ”