MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่ 826-830
ตอนที่826ขอโทษ
ปาณีหันไปมองที่ธีระเเวบหนึ่งเช้านี้เธอช่างเต็มไปด้วยชีวิตชีวา:”อรุณสวัสดิ์ธีระ!”
ธีระมองดูเธอด้วยความประหลาดใจสายตาของเขาทำเอาปาณีรีบวางมือจากคอมพิวเตอร์ตรงหน้าเธอทันทีเเล้วจึงหันไปมองเขาอีกครั้ง:”ทำไมเหรอ?มีอะไรบนหน้าฉันหรือเปล่าเนี่ย?”
ธีระรีบส่ายหน้าเป็นพัลวัน:”วันนี้ดูผิดปกติไปนะคุณอาเธอไม่อยู่บ้านรึไง?เธอถึงได้มาที่บริษัทเช้าๆแบบนี้ได้?”
ปาณีตอบไปอย่างเซ็งๆ:”คุณอาไปเมืองเมฆาน่ะฉันก็เลย……”
ยังไม่ทันพูดจบธีระก็ทำท่าทางประหนึ่งว่าพอจะเข้าใจที่เธอพูดละ:”ฉันก็ว่าอยู่เเล้วเชียวลองถ้าคุณอาของเธออยู่ก็คงไม่ยอมให้เธอมาทำงานแต่ไก่โห่แบบนี้หรอก!”
ปาณีรีบพูดแย้งเขาทันที:”ไม่ใช่สักหน่อยเพราะฉันเห็นว่าบริษัทมีนายอยู่ฉันก็เลยพอจะวางใจได้หน่อย!ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณอาเขาหรอก!”
ธีระหันไปยิ้มให้เธอเเล้วพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ:”อย่ามาๆยิ่งเธออธิบายก็เหมือนยิ่งกลบเกลื่อนนะ!เห็นๆอยู่ว่าเธอน่ะหลงใหลคุณอาจนหัวปักหัวปำ!”
ปาณียังอยากที่จะอธิบายต่อเเต่คิดไปคิดมาก็ช่างมันเถอะเธอหันมาก้มหน้าก้มตาทำงานของเธอต่อ
ธีระเห็นปาณีกลับมาเอาจริงเอาจังกับงานทั้งทีจะให้เขามานั่งขี้เกียจก็กระไรอยู่ธีระทำท่าบิดข้อไม้ข้อมือพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง:”เห็นบอสขยันขันเเข็งแบบนี้ฉันก็ต้องขยันๆด้วยเหมือนกันสู้โว๊ย!”
พูดจบเขาก็หยิบโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานที่โซฟา
ครู่หนึ่งผ่านไปทั้งออฟฟิตก็เงียบกริบได้ยินเเค่เพียงเสียงเคาะแป้นคีย์บอร์ดเท่านั้นทั้งคู่ต่างก็นั่งทำงานเงียบๆไม่ได้มีการสนนทนาใดๆอีกเลย
จู่ๆเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นปาณีเหลือบไปมองต้นตอของเสียงโทรศัพท์ที่ยังคงดังต่อเนื่องไม่หยุดก่อนจะสาดสายตาเป็นนัยๆไปหาธีระ:”ธีระโทรศัพท์!”
ธีระหันไปมองเธอด้วยสายเซ็งๆเเล้วจึงเดินไปรับสาย:”สวัสดีครับผม……”
”อ่อได้ครับอยู่ครับคุณจะมาตอนนี้เลยเหรอครับ?ได้ครับโอเคครับ!”ธีระวางสายโทรศัพท์ก่อนจะหันกลับมาหาปาณีเขาพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำนิ่งลึก:”ท่านประธานจำรัสCEOของบริษัทซี.ซี.เอส.จะเข้ามาที่บริษัทเราเขาอยากจะพบเธอ!”
ปาณีนิ่งอึ้งก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาเธอถามธีระด้วยความสงสัยอย่างเเรง:”ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม?ท่านประธานจำรัสอยากพบฉันอย่างนั้นรึ?เขาอยากจะยกพวกมาตีฉันหรือเปล่าเนี่ย?”
ธีระหัวเราะขบขันกับปฏิกิริยาของเธอแล้วเขาก็พยักหน้าหงึกๆให้เธอ:”มันต้องใช่แน่นอน!ขอทีเถอะบอสปาณีเธอคิดว่าอีกฝ่ายซึ่งเป็นถึงCEOบริษัทชั้นนำของประเทศคิดจะบุกมาเธอในถิ่นของเธอเพื่อมารุมทำร้ายเธอเนี่ยอ่ะนะ?แล้วพวกเราก็ใช่ว่าจะไม่มีมือมีเท้าจะนิ่งดูดายยอมให้เขามารังแกเธอได้ยังไง!”
ปาณีมองหน้าธีระด้วยความสงสัยเเล้วพยักหน้าให้เขา:”เขาเป็นคนตัวสูงใหญ่แข็งแรงกำยำเเล้วดูนายสิตัวเล็กกระจ้อยร่อยเจอเขาใส่เเค่หมัดเดียวก็คงน็อคเเล้ว!เอาเป็นว่านายไปพบเขาคนเดียวก็เเล้วกันบอกเขาว่าฉันไม่อยู่ติดธุระ!”
ธีระหันไปกรอกตาบนเบาๆใส่เธอ:”อย่างนั้นก็ได้เดี๋ยวฉันไปพบเขาเอง!”
จังหวะที่ธีระกำลังจะเดินออกไปนอกห้องปาณีก็ขมวดคิ้วพลางพูดเสียงกระซิบใส่เขา:”ท่านประธานจำรัสคนนั้นคงไม่ได้บ้าใช่มั๊ย?”
ด้วยความที่ไม่ได้ใส่ใจไม่นานนักเธอก็ลืมเรื่องพวกนี้ปาณีคลิ๊กๆเลื่อนดูเวปบล็อคเเล้วก็เลื่อนลงมาดูตรงคอมเมนต์ด้านล่าง
มีคอมเมนต์หนึ่งพูดบ่นๆทำนองว่า:”แอนเดรียทำไมคุณไม่อัพเดทต่อล่ะ?เเล้วMr.Yเป็นยังไงบ้าง?ช่วงนี้ไม่มีหนังสือให้อ่านน่าเบื่อมากเลย!”
เมื่อเลื่อนๆลงมาดูด้านล่างก็พบว่าผู้คนต่างพากันเรียกร้องให้แอนเดรียอัพเดทตอนต่อๆไป!
ทันใดนั้นรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของปาณีเธอคิดไม่ถึงเลยว่าสิ่งที่เธอเขียนไปเรื่อยเปื่อยนั้นจะกลายเป็นที่สนใจเเละฮือฮาในหมู่ผู้อ่านขนาดนี้เมื่อย้อนนึกไปถึงสมัยเเรกๆเธอก็เเค่คิดอยากจะเขียนบันทึกเรื่องราวเล็กๆน้อยๆของเธอกับคุณอาก็เท่านั้นเองคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะกลายเป็นที่มาของเงินก้อนเเรกในชีวิตของเธอเเละตอนนี้เธอก็มีบริษัทเป็นของตัวเองเเล้วเเละมีรายได้เป็นของตัวเองด้วย
พอนึกมาถึงตรงนี้ปาณีก็อดที่จะคิดถึงคุณอาผู้นำพาความโชคดีมาให้ชีวิตเธอไม่ได้:”ไม่รู้ว่าตอนนี้คุณอากำลังทำอะไรอยู่นะ?จะคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันกำลังคิดถึงเขาอยู่บ้างหรือเปล่า?”
ณเมืองเมฆาอันห่างไกลธามนิธิไม่ได้สบายอกสบายใจเหมือนกับปาณีในตอนนี้เขากำลังคิ้วขมวดมองผู้คนที่อยู่เบื้องหน้าสายตาเขาเต็มไปด้วยความเคร่งขรึมซึ่งดูน่าเกรงขาม:”พวกคุณทำงานกันยังไงจนถึงตอนนี้ก็ยังทำไม่เรียบร้อย?”
ไวยาตย์ยืนนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาอยู่ข้างๆเขา
คนๆนั้นพยายามที่จะพูดแก้ตัวเเต่สิ่งที่เขาพูดกลับไม่ได้ดูสร้างสรรค์เลย
ธามนิธิยกมือบีบหัวคิ้วตัวเองอย่างเหนื่อยล้าจากนั้นจึงโบกมือให้เขาออกไป
ไวยาตย์เดินเข้ามาหาเขาพร้อมทั้งยื่นแก้วกาแฟส่งให้:”ท่านประธานธามนิธิใจเย็นๆก่อนนะครับเรื่องมันก็เกิดขึ้นมาเเล้วเราควรคิดว่าจะจัดการกับมันยังไงก่อนดีกว่านะครับ!”
ธามนิธินิ่งเงียบไม่พูดไม่จาเขาวางแก้วกาแฟลงเเล้วเดินไปที่หน้าต่างหมอกจางๆคลุมเครือปรากฏให้เห็นที่นอกหน้าต่างบานนั้นเขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงยัยแมวน้อยของเขาขึ้นมา
”ไม่รู้ว่าเธอกินอะไรเเล้วหรือยัง?เธอจะเหนื่อยเหรือเปล่า?เธอจะคิดถึงฉันบ้างไหม?”ธามนิธิยืนคิดฟุ้งซ่านอยู่ริมหน้าต่างนั้นในหัวของเขามีแต่ปาณี”ไม่ได้ละฉันต้องรีบจัดการเรื่องทุกอย่างให้เรียบร้อยฉันเป็นห่วงปาณี!”
คิดมาถึงตรงนี้ธามนิธิกระดกกาแฟดื่มไปอึกใหญ่ก่อนจะหันไปพูดกับไวยาตย์:”เเจ้งไปที่ผู้รับผิดชอบงานนี้ทุกคนว่าฉันเรียกประชุมด่วน!”
ไวยาตย์ยืนงงไปครู่หนึ่งเเล้วรีบออกไปจัดการในทันที
ธามนิธิเม้มริมฝีปากขมวดคิ้วเเน่นเเววตาเขาแฝงไปด้วยความโกรธเเต่ก็ยังเก็บกดความขุ่นเคืองเอาไว้ในใจไม่แสดงออกมา
ในขณะที่ปาณีกำลังคิดถึงเขาอยู่นั้นธีระก็ได้พบกับผู้ช่วยชญช์แขกผู้ที่ตั้งใจมาเยือนเป็นการพิเศษจากบริษัทซี.ซี.เอส.ตรงประตูพอดี
ธีระยิ้มให้เขาอย่างสุภาพนอบน้อมก่อนจะยื่นมือให้เขา:”สวัสดีครับผู้ช่วยชญช์ยินดีต้อนรับสู่บริษัทของเราครับ!”
ผู้ช่วยชญช์ส่งยิ้มให้ธีระด้วยใบหน้ายิ้มเเย้มแจ่มใส:”ท่านประธานธีระไม่ต้องเกรงใจครับอุตส่าห์ออกมาต้อนรับด้วยตัวเองเลยไม่ทราบว่าท่านประธานปาณีอยู่หรือเปล่าครับ?”
ธีระอึ้งไปเล็กน้อยคิดไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะมีจุดประสงค์ที่ต้องการจะพบปาณีจริงๆ
ธีระยิ้มตอบเขาด้วยรอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความแปลกใจเเละสงสัย:”ท่านประธานปาณีติดงานอยู่น่ะครับไม่ทราบว่าผู้ช่วยชญช์มีธุระอะไรกับเธอหรือเปล่า?”
ผู้ช่วยชญช์ทำท่าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยปาก:”คือแบบนี้ครับทางท่านประธานจำรัสของเราอยากจะพบคุณปาณีอีกสักครั้งเพื่อขอโทษเรื่องเหตุการณ์คราวก่อน!เพราะเรื่องมันเกิดจากความผิดของเขาก่อน……”
ธีระมองไปที่ผู้ช่วยชญช์ด้วยสีหน้าท่าทางที่ดูประหลาดใจเป็นอย่างมาก
ผู้ช่วยชญช์ยอมรับอากัปกิริยาที่ส่งผ่านมาทางสายตาของธีระอยู่เงียบๆ
จู่ๆประธานบริษัทที่มีชื่อเสียงระดับประเทศคิดอยากจะขอโทษประธานบริษัทโนเนมอย่างนั้นน่ะเหรอ!คิดๆดูเเล้วมันก็ยากที่จะยอมรับได้ว่านั่นมันคือเรื่องจริงยิ่งไปกว่านั้นมันกลับทำให้เห็นว่าฝ่ายนั้นมีจุดประสงค์ที่อยากจะพบปาณีเสียมากกว่า!
ธีระทำท่าลังเลก่อนจะเอ่ยปากปฏิเสธไป:”เห็นทีต้องขออภัยด้วยนะครับพอดีช่วงนี้ท่านประธานปาณียุ่งมากไม่มีเวลาเลยครับเอาแบบนี้ดีไหมครับวันหลังผมจะขออนุญาตเป็นเจ้าภาพเชิญท่านประธานจำรัสเเละผู้ช่วยชญช์ไปทานอาหารด้วยกันสักมื้อแบบนั้นดีไหมครับ?”
ผู้ช่วยชญช์ยืนถูกมือไปมาด้วยความลังเลอยู่ครู่หนึ่ง:”ผมคิดว่า……”
ธีระยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อก็พลันเห็นประตูรถคันที่ผู้ช่วยชญช์เพิ่งจะลงมาจู่ๆก็เปิดออกขายาวๆคู่หนึ่งเดินก้าวมายืนอยู่ตรงหน้าธีระอย่างรวดเร็วเเละที่ทำให้ธีระตกตะลึงจนเกือบจะอ้าปากค้างก็คือเจ้าของขายาวๆคู่นั้นก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้าของเขาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเเละสีหน้าท่าทางอันเย่อหยิ่งจองหอง:”ปาณีอยู่ไหน?ฉันอยากเจอเธอ!”
ใช้เวลาไปครู่หนึ่งกว่าธีระจะกลับมาตั้งสติได้เขายื่นมือออกไปหาชายผู้เย่อหยิ่งจองหองคนนั้นด้วยสีหน้าเเละรอยยิ้มเจื่อนๆ:”ท่านประธานจำรัส!ไม่ทราบมาก่อนว่าคุณจะให้เกียรติมาเยือนบริษัทของเราต้องขออภัยด้วยหากมีข้อบกพร่องในการต้อนรับนะครับ!”
จำรัสอามือหยิบแว่นกันแดดของเขาออกด้วยท่าทางเย็นชาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่:”ผมไม่ได้อยากมาคุยเรื่องไร้สาระกับคุณ!เรียกปาณีออกมาเจอผมหน่อยผมต้องการคุยกับเธอแบบซึ่งๆหน้า!”
ทันทีที่พูดจบจำรัสก็เห็นร่างเล็กๆมาปรากฏตัวอยู่ที่เบื้องหลังของธีระเธอค่อยๆเดินเข้ามาแหวกทางตรงที่ธีระยืนอยู่แล้วพูดด้วยเสียงฟังชัด:”ท่านประธานจำรัสคุณต้องการพบฉันเหรอคะ?ลมอะไรหอบคุณมาที่นี่ได้?ฉันจำไม่ได้ว่าพวกเราเคยเป็นกัลยาณมิตรต่อกันหรือเปล่ามีอะไรที่จำเป็นจะต้องคุยกันซึ่งๆหน้าอย่างนั้นเหรอคะ!”
สายตาอันคมกริบของชายหนุ่มจ้องมองไปที่ปาณีอย่างไม่ละสายตาทันใดนั้นเเววตาของเขาก็เต็มเปี่ยมไปด้วยความสนใจในตัวเธอเขาพูดพลางส่งยิ้มให้:”ท่านประธานปาณี!ผมตั้งใจมาที่นี่เพื่อขอโทษคุณสำหรับเรื่องคราวก่อน!”
เมื่อได้ฟังน้ำเสียงที่เขาเน้นคำว่า”ตั้งใจ”ปาณีก็ยิ่งมองเขาด้วยความสงสัยมากยิ่งขึ้น
ตอนที่827นี่โง่หรือบ้ากันเเน่
ปาณีไม่เชื่อว่าเขาจะมาขอโทษเธอด้วยใจจริงเพราะเหตุการณ์เมื่อคราวก่อนเธอจงใจเหยียบเท้าเขาอย่างเเรงซึ่งนั่นเป็นการกระทำที่ไร้ซึ่งความเกรงใจเป็นที่สุด
เขาควรจะมานี่เพื่อหาเรื่องเธอซะมากกว่า?
นึกมาถึงตรงนี้ปาณีก็กวาดสายตามองดูเขาด้วยท่าทีอันเย็นชา
จำรัสซึ่งโตมาจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีเคยโดนผู้หญิงคนไหนมองเขาด้วยสายตาแบบนี้มาก่อนซึ่งดูเหมือนสายตาที่คอยระเเวดระวังเพื่อปกป้องตัวเองจากคนเลวยังไงยังงั้นท่าทางของปาณีทำให้เขาถึงกับเลิกคิ้วเข้มๆอันหล่อเหลาของเขา:”ปาณีเธอทำท่าทางอะไรของเธอน่ะ?”
ปาณีเหลือบมองไปที่จำรัสก่อนจะพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ:”เชิญมากับฉัน”
หลังจากพูดจบเธอก็เดินสะบัดเชิดหันหลังกลับไปทันที
จำรัสธที่ถูกปาณีแสดงกิริยาแบบนั้นใส่เขาชี้นิ้วไล่หลังเธอก่อนจะหันไปพูดกับชญช์:”ดูท่าทางที่เธอแสดงใส่ฉันสิ?”
ชญช์ไม่ตอบเขาแต่ธีระกลับตบมือไปฉาดหนึ่งด้วยความสะใจ:”แต่ผมว่าปาณีโคตรเจ๋งเลยอ่ะ!”
เมื่อจำรัสได้เห็นท่าทางบ้าๆบอๆแบบนั้นสายตาก็หันมามองที่ธีระเเต่กลับควบคุมขาตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ก่อนจะพาขายาวๆของตัวเองเดินตามปาณีไป
ธีระเห็นดังนั้นก็พยายามจะเดินตามเข้าไปเเต่ก็ถูกชญช์ขวางเอาไว้เสียก่อน:”เอ่อท่านประธาณธีระพวกเรามาคุยเรื่องความร่วมมือทางธุรกิจกันดีกว่าไหมครับ?”
ธีระพูดตอบเขาด้วยท่าทางหงุดหงิด:”เรื่องดีลไม่ใช่ว่ายกเลิกไปแล้วเหรอ?เมื่อไม่ได้ดีลกันเเล้วยังจะมาเสียเวลาคุยอะไรกันอีก?”
เมื่อพูดจบเขาก็รีบวิ่งไปกลับขึ้นที่สำนักงานทันที
ชญช์ยังพยายามที่จะรั้งเขาไว้โดยไม่สนใจท่าทางถมึงทึงของเขาเลยแม้เเต่น้อย:”คุณกลัวว่าท่านประธานจำรัสจะจับคุณปาณีกินหรือยังไงกัน?”
ธีระยังรู้สึกไม่วางใจอยู่ดีแต่ก็ไม่กระตือรือร้นที่จะวิ่งกลับขึ้นไปแบบเมื่อสักครู่นี้
ด้านในตึกปาณีกำลังยืนรอจำรัสอยู่ตรงบันได
จำรัสใช้เวลาครู่หนึ่งกว่าจะเดินไปถึงเขากัดฟันกรอดๆพูดกับปาณีด้วยความโมโห:”ปาณีเธอคิดว่าเธอเเน่นักเหรอ!บริษัทของเธอเล็กกระจ้อยร่อยแบบนี้ไม่รู้ว่าไปพาความกล้ามาจากไหนถึงได้กล้ามาท้าทายใส่ฉันแบบนี้?เธอเชื่อมั๊ยว่าฉันสามารถทำให้บริษัทของเธอพังพินาศย่อยยับได้ในชั่วพริบตา!”
ปาณีได้ยินดังนั้นเธอกลับทำเสียงหัวเราะท้าทายออกมาอย่างดัง”เชอะ”เเล้วก็ทำเป็นไม่แยแสจำรัสที่กำลังอยู่ในอารมณ์โมโหสุดขีดแถมยังตอบโต้เขาอย่างเจ็บแสบ:”อ่าาอย่างนั้นเหรอ?คุณคิดว่าตัวเองเป็นเทพเจ้ารึไง?ฉันจะบอกอะไรให้บริษัทของฉันจะพังพินาศก็หลังจากที่บริษัทของคุณมันพังไปก่อนต่างหาก!”
เมื่อจำรัสได้ยินที่เธอพูดก็ยืนบื้อเป็นตอไม้ก่อนจะหันไปมองปาณีแบบไม่เชื่อสายตาตัวเอง:”ปาณีเธอนี่มันโง่หรือบ้ากันเเน่?บริษัทซี.ซี.เอส.ของฉันน่ะเธอรู้จักมั๊ย?บริษัทฉันมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกเธอคิดจะเอาบริษัทเล็กๆกระจอกๆของเธอมาต่อกรกับฉันอย่างนั้นรึ?”
ปาณีถึงกับหัวเราะออกมาแววตาเธอดูมุ่งมั่นเเละสุขุมนุ่มลึก:”สุภาษิตจีนที่ว่า’ผู้เฒ่าย้ายภูเขา’น่ะเคยได้ยินมั๊ย?คนเราอ่ะถึงจะมีพรสรรค์ติดตัวมาแต่ถ้าไม่หมั่นฝึกฝนตนเองสักวันฝีมือก็จะค่อยๆหายไปคนที่มีวิริยะอุตสาหะเท่านั้นถึงจะอยู่รอดบริษัทของฉันถึงแม้มันจะเล็กเเละเทียบไม่ได้กับบริษัทอันใหญ่โตของคุณแต่ทั้งหมดนี้ฉันกับธีระค่อยๆร่วมกันสร้างมันขึ้นมาเพราะฉะนั้นฉันจะไม่มีวันปล่อยให้ใครหน้าไหนมาทำลายน้ำพักน้ำแรงที่พวกฉันอุตส่าห์สร้างบริษัทนี้ขึ้นมาอย่างเเน่นอน!บริษัทซี.ซี.เอส.แล้วยังไงล่ะ?ฉันเชื่อมั่นในกฎแห่งธรรมชาติ!”
จำรัสยืนงงเป็นไก่ตาแตกอยู่ตรงนั้นเขาสตั๊นท์ไปหลายวิ!
ปาณีขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิดเมื่อได้เห็นอีกฝ่ายยืนนิ่งไร้การตอบสนองก็บ่นงึมงำตบท้ายทันที:”ฉันไม่สนว่าคุณจะเป็นใครมาจากไหนมีตำเเหน่งยศฐาบรรดาศักดิ์อะไรฉันรู้เเค่ว่าฉันจะปกป้องบริษัทของฉันด้วยชีวิต!”
พอพูดจบเธอก็เดินเชิดตรงไปที่ออฟฟิตเธอทันที
ทว่ากว่าจำรัสจะเรียกสติกลับมาได้หันไปอีกทีปาณีก็ไม่อยู่ตรงนั้นเเล้ว
เมื่อชญช์กับธีระมาถึงก็เห็นจำรัสที่อยู่ในอาการเหมือนคนถูกรังแกอย่างหนักยืนอยู่ตรงนั้นโดยไร้เงาของปาณี
ธีระเป็นกังวลอย่างมากเขาหันไปบอกกับชญช์:”ผมขอตัวไปหาท่านประธานปาณีก่อนครับเชิญพวกคุณตามสบาย!”
เมื่อเหลือเพียงสองหนุ่มคือท่านประธานจำรัสกับชญช์ที่ยืนอยู่ตรงทางขึ้นบันไดตรงนั้นจำรัสที่กำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความตกใจปนๆกับความประหลาดใจแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อนหันไปถามชญช์:”นายแน่ใจนะว่าที่นายสืบมาน่ะมันเป็นข้อมูลที่ถูกต้องเเล้ว?ปาณีเป็นผู้หญิงของธามนิธิอย่างนั้นรึ?”
ชญช์พยักหน้าเขาแอบขมวดคิ้วเบาๆ:”ทำไมล่ะครับ?ข้อมูลไม่ถูกต้องเหรอครับ?”
จำรัสงยหน้ามองขึ้นไปที่ชั้นบนก่อนจะพูดเสียมทุ้มต่ำออกมา:”มิน่าเธอถึงได้ร้ายแบบนี้!ถึงแม้พวกเขาจะหย่ากันเเล้วเเต่ธามนิธิก็ยังคอยช่วยเธออยู่ตลอด!ช่างมันเถอะกลับกันได้เเล้ว!”
ทันทีที่พูดจบเขาก็รีบเดินจ้ำๆไปที่ประตูโดยไม่หันหลังกลับไปมองอีกเขาเดินเร็วจนชญช์ตามเขาไม่ทันเลยทีเดียว
ชญช์วิ่งมาจนถึงข้างรถก็หอบแฮ่กๆๆเขาเห็นจำรัสไปนั่งคิดอะไรตามลำพังอยู่คนเดียวที่เบาะหลัง
อีกฝั่งหนึ่งธีระเองก็รีบวิ่งกลับขึ้นมาที่ออฟฟิตเห็นปาณีกำลังนั่งทำงานยุ่งอยู่หน้าคอมก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเดินเข้าไปคุยกับเธอพลางหัวเราะคิกคัก:”เป็นไง?คุยอะไรกับท่านประธานจำรัสบ้างล่ะ?ฉันเห็นหน้าเขาดูแย่มากเลยนะ!”
ปาณีไม่อยากพูดให้มากความก็เลยตอบเขาแบบผ่านๆไปที:”ก็คุยกันถึงเรื่องเมื่อคราวก่อนน่ะ!เออธีระนายช่วยจัดการเรื่องเชิญคุณทัดธนไปทานข้าวทีสิ!เขาอุตส่าห์ช่วยพวกเราเรื่องดีลธุรกิจถึงเเม้ว่ามันจะไม่สำเร็จเเต่เราก็ควรจะขอบคุณเขาที่มีน้ำใจกับเรา!”
ธีระพินิจพิเคราะห์ท่าทางของเธอเมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรที่ดูผิดปกติเขาก็รู้สึกวางใจ:”อืมได้เดี๋ยวฉันจะจัดการให้!”
เมื่อธีระออกไปแล้วปาณีถึงจะละสายตาจากคอมพิวเตอร์เมื่อนึกไปถึงคำพูดของจำรัสที่พูดข่มขู่ใส่เธอเมื่อสักครู่นี้มันทำให้เธออยากจะกระทืบเท้าใส่เขาแรงๆอีกสักครั้ง!
ปาณีเคยอ่านเรื่องราวของเขาตอนที่เตรียมตัวคุยเรื่องดีลงานทำให้ต้องจดจำเรื่องราวของคนๆนี้เข้าไปในรอยหยักของสมองไม่มากก็น้อยเท่าที่รู้คือจำรัสเกิดมาในตระกูลที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเเต่ด้วยนิสัยเอาเเต่ใจหยิ่งจองหองชอบดูถูกผู้หญิงทำไมถึงได้มาเปิดบริษัทด้านแฟชั่นอย่างบริษัทซี.ซี.เอส.ได้!”
ปาณีบ่นพึมพำกับตัวเอง:”สู้คุณอาก็ไม่ได้ไม่เห็นจะมีนิสัยเลือดร้อนเจ้าอารมณ์เอาเเต่ใจแบบนายจำรัสลูกคุณหนูคนนั้นเลยสักนิด!”
เมื่อพูดถึงคุณอาก็เลยนึกขึ้นมาได้ว่าเขาไม่ได้ติดต่อเธอกลับมาเป็นวันเเล้วปาณีอดรนทนไม่ไหวตัดสินใจกดมือถือโทรออกไปหาคุณอาทันที
ปลายทางรับสายอย่างรวดเร็วปาณีรีบพูดกับปลายสายด้วยความตื่นเต้นดีใจ:”คุณอาขาคิดถึงคุณอาจังเลย!”
ผ่านไปครู่หนึ่งก็ยังไม่มีเสียงใดๆตอบกลับมาปาณีขยับมือถือมาส่องดูด้วยความสงสัยเเล้วก็บ่นพึมพำๆ:”ก็ถูกแล้วนี่ก็เบอร์ของคุณอาถูกแล้วนี่นา”
จากนั้นไม่นานปลายสายก็มีเสียงตอบกลับมาเเต่กลับเป็นเสียงของไวยาตย์:”ปาณีท่านประธานธามนิธิกำลังประชุมอยู่ไว้เธอค่อยโทรมาใหม่อีกทีนะ”
ปาณีทำจมูกย่นฟุดฟิดจากนั้นก็ได้ยินเสียงของไวยาตย์ที่ฟังดูรีบเร่งอยากจะวางสายเสียให้ได้เธอรีบเบรคเขาไว้:”เออเดี๋ยวก่อนไวยาตย์รอเดี๋ยวๆฉันอยากถามนายหน่อยว่าวันนี้คุณอาเค้ายุ่งมากเลยเหรอ?”
ทางฝั่งของไวยาตย์ก็พยักหน้าหงึกๆ:”มีเคสที่เมืองเมฆานิดหน่อยครับตั้งเเต่ท่านประธานมาที่นี่ได้ครึ่งค่อนคืนก็ยังไม่ได้พักเลยสักนาทีเดียวเขายังเคลียร์งานทางนี้ยังไม่เรียบร้อยน่ะครับ!”
ปาณีได้ยินดังนั้นคิ้วก็ยิ่งขมวดหนักขึ้นกว่าเก่า:”อ่ออย่างนั้นเหรอ?ถ้าอย่างนั้นนายก็ช่วยเตือนๆให้คุณอาทานข้าวให้ตรงเวลาด้วยนะอย่าให้เขาหักโหมมากนักล่ะ!ไว้ฉันค่อยโทรไปใหม่”
หลังจากวางสายปาณียิ่งทวีความเป็นห่วงธามนิธิมากขึ้นไปอีก:”ไม่รู้ว่าคุณอาจะได้กินข้าวเช้าแล้วหรือยัง!ทางนั้นคงจะเกิดเคสยากๆขึ้นเเน่ๆไม่อย่างนั้นคุณอาคงไม่รีบออกไปตั้งเเต่มืดแต่ดึก”
ขณะที่เธอกำลังนึกเป็นห่วงคุณอาอยู่นั้นปาณีก็ไม่ทันได้สังเกตเลยว่ามีคนมายืนอยู่ตรงประตูออฟฟิตเธอ
”ก๊อกก๊อกก๊อก!”ปาณีได้ยินเสียงเคาะประตูจึงหันไปมองเลยได้เห็นว่าเป็นจันวิภา:”ปาณีเจอตัวเธอสักที!ฉันโทรหาเธอก็โทรไม่ติดสายไม่ว่างตลอด!ฉันก็เลยมาหาเธอด้วยตัวเองนี่เเหละ!”
ปาณีรีบลุกขึ้นไปพาเธอเข้ามาด้านใน:”ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ได้ล่ะคะ?วันนี้ฉันหยุดก็เลยเข้ามาทำงานที่บริษัทน่ะพี่มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ?”
จันวิภามองไปรอบๆห้องทำงานของปาณีก่อนจะยิ้มให้เธอ:”เธอนี่เก่งมากเลยนะปาณีอายุเพิ่งจะเเค่นี้ก็มีบริษัทเป็นของตัวเองเเล้ว!อ้อนี่ช็อคโกแลตพี่เขยเธอเค้าเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศเขาก็เลยซื้อมาฝากฉันรู้ว่าเธอน่ะชอบกินก็เลยตั้งใจเอามาให้!”
เมื่อได้เห็นของกินปาณีก็ตาเป็นประกายขึ้นมาทันที:”จริงเหรอคะ?ขอบคุณพี่มากเลยค่ะ!อ้อเเล้วก็ต้องขอบคุณพี่เขยด้วยนะคะที่เวลาเจออะไรอร่อยๆมักจะนึกถึงฉันเสมอเลย!”
จันวิภามองดูรอยยิ้มอันสดใสน่ารักของเธอจึงอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ:”เกรงใจอะไรกันจ๊ะคนกันเองทั้งนั้นอ้อจริงสิธามนิธิไปทำงานต่างเมืองเหรอ?”
ตอนที่828เปี่ยมไปด้วยความสุข
ปาณีพยักหน้าตอบเธอเบาๆ:”เขาออกไปตั้งเเต่กลางดึกเเล้วค่ะหนูเองก็ไม่รู้คุณอาเพิ่งโทรมาบอกหนูเมื่อตอนเช้านี่เองค่ะ”
จันวิภาชะงักไปเล็กน้อย:”ถ้าอย่างนั้นวันนี้เธอก็มานอนที่บ้านพี่นะเธอตัวคนเดียวอยู่ที่บ้านหลังนั้นพี่กะคุณแม่เป็นห่วงน่ะ!”
ปาณีคิดอยู่ครู่หนึ่ง:”ได้ค่ะคืนนี้หนูจะไปนอนที่นั่นค่ะ!”
จันวิภายิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยื่นมือออกไปลูบหัวเธอเบาๆด้วยความเอ็นดู:”ถ้าอย่างนั้นพี่ไม่รบกวนเวลาทำงานของเธอละนะคืนนี้พี่จะรอเธอกลับไปกินข้าวเย็นนะจ๊ะ!”
ปาณีส่งยิ้มให้เธอด้วยความรู้สึกเกรงใจอยู่หน่อยๆจากนั้นจึงเดินไปส่งเธอที่ประตูก่อนจะโดนจันวิภาผลักตัวเธอเบาๆให้กลับเข้าไปด้านใน:”พี่ไม่ได้เพิ่งมาที่นี่ครั้งเเรกสักหน่อยเธอทำงานไปเถอะพี่กลับเองได้จ้ะ!คืนนี้ก็อย่าดึกมากนะไม่อย่างนั้นธามนิธิได้บ่นพวกเราแน่ๆว่าดูแลเธอไม่ดี!”
ปาณีก้มหน้าด้วยความเขินอาย:”ไม่หรอกค่า!เลิกงานแล้วหนูจะรีบเข้าไปค่ะ!”
เมื่อส่งจันวิภาเรียบร้อยปาณีก็กลับเข้าไปนั่งทำงานในออฟฟิตเธอมองไปที่กล่อง’นามะช็อกโกแลต’ที่วางอยู่บนโต๊ะแววตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนับตั้งเเต่ที่เธอเเต่งงานกับธามนิธิทั้งจันวิภาเเละแม่ของธามนิธิต่างก็ทะนุถนอมดูเเลเอาใจใส่เธอเป็นอย่างดีมาโดยตลอดเธอได้รับการปฏิบัติเป็นอย่างดีเสมือนเป็นลูกสาวคนหนึ่งของบ้านเพราะเหตุนี้จึงทำให้ปาณีรู้สึกซาบซึ้งเเละตื้นตันใจเป็นที่สุด
เธอค่อยๆแกะห่อนามะช็อกโกแลตและหยิบมันใส่ปากไปชิ้นหนึ่งเนื้อช็อกโกแลตนิ่มๆเนียนนุ่มละลายในปากสัมผัสได้ถึงรสของช็อกโกแลตแท้ๆรสชาติของมันช่างกลมกล่อมอะไรเยี่ยงนี้!
ปาณีซึ่งไม่เคยกินอะไรที่อร่อยมากมายขนาดนี้มาก่อนเมื่อได้ชิมไปคำหนึ่งก็ถึงกับรู้สึกเสียดายอาลัยอาวรณ์ขึ้นมา
หญิงสาวเก็บนามะช็อกโกแลตห่อไว้ตามเดิมเเล้วก็เก็บมันใส่ลงในกระเป๋าของเธอไปในใจเธอก็คิดว่า:”เอากลับไปกินที่บ้านเถอะรอให้คุณอากลับมาค่อยกินพร้อมๆกับคุณอาดีกว่า!”
เมื่อได้กินนามะช็อกโกแลตไปชิ้นหนึ่งปาณีก็รู้สึกว่าตัวเองสดชื่นกระปรี้กระเปร่าขึ้นมาเยอะเลยจากนั้นเธอก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานของเธอต่อไป
กว่าจะรู้ตัวอีกทีฟ้าก็มืดเสียเเล้วปาณีเงยหน้าขึ้นมองออกไปด้านนอกก่อนจะอุทานออกมาด้วยความตกใจ:”ตายเเล้วฉันลืมดูเวลาเลย!”
เมื่อก้มหน้ามองดูเวลาในจอคอมพิวเตอร์ก็พบว่าเป็นเวลาสองทุ่มกว่าเเล้วปาณีรีบเก็บข้าวของก่อนจะรีบวิ่งออกไป
เมื่อวิ่งมาถึงชั้นล่างด้วยความที่ไม่ทันระวังก็ไปชนโครมเข้ากับธีระซึ่งกำลังจะเดินสวนขึ้นไปข้างบนเพื่อเอาของขึ้นไปให้เธอพอดี
ปาณีเอามือลูบๆไปที่หัวไหล่ที่รู้สึกเจ็บๆจากการโดนชนสายตาก็พลางมองไปที่ธีระที่กำลังยืนแยกเขี้ยวยิงฟันอยู่ตรงหน้าเธอเธอรีบขอโทษขอโพยเขาเป็นการใหญ่:”ธีระฉันขอโทษฉันเดินไม่ทันระวังเองน่ะไม่ได้มองไปข้างหน้าเลย!”
ธีระเอามือลูบๆคางตัวเองก่อนจะยิ้มแหยๆให้เธอ:”หน้าหล่อๆของฉันถ้าโดนเธอชนจนเสียโฉมล่ะก็เธอต้องจ่ายเงินชดเชยให้ฉันด้วยล่ะ!”
ปาณีหัวเราะออกมาเบาๆจากนั้นจึงก้มมองดูเวลา:”ฉันมีธุระน่ะฉันไปก่อนนะ!”
ทันทีที่พูดจบเธอก็พุ่งทะยานราวกับหายตัวได้ต่อหน้าต่อตาของธีระ
ธีระได้เเต่ยืนมองกล่องเค้กที่ตัวเองถืออยู่ในมือด้วยสายตาละห้อยก่อนจะพูดกับตัวเอง:”ทีเเรกก็กะว่าจะซื้อมาให้ปาณีกินสักหน่อยตอนนี้ก็คงต้องกินเองสินะ!”
เมื่อปาณีออกมาจากรถไฟฟ้าได้เธอก็รีบวิ่งตาลีตาเหลือกไปที่บ้านวิสิทธิ์เวชในทันทีกว่าจะมาถึงห้องโถงในบ้านได้ก็เล่นเอาเธอเหนื่อยจนหอบแฮ่กๆในตอนนั้นคุณแม่กับพี่จันวิภากำลังนั่งคุยกันอยู่ที่โซฟาในห้องรับเเขก
ปาณีเดินเข้าไปหาพวกเขาก่อนจะพูดไปหอบไป:”แม่พี่หนูหนูกลับมาดึกไปหน่อยค่ะ!”
แม่ของธามนิธิเดินไปหยิบกระดาษทิชชูมาช่วยซับเหงื่อบนหน้าผากเธอจากนั้นจึงพูดกับเธอว่า:”ดึกก็ดึกสิไม่เห็นเป็นไรเลยช่างใสซื่อจริงๆเลยเด็กคนนี้ครอบครัวเรากันเองทั้งนั้นจะกินข้าวกันเร็วหรือช้าสักหน่อยมันก็เหมือนๆกันนั่นแหละคราวหน้าก็ไม่ต้องรีบร้อนวิ่งไม่คิดชีวิตกลับมาแบบนี้นะรู้มั๊ย?”
ปาณีพยักหน้าส่งยิ้มเป็นการตอบรับ
จันวิภาก็ลุกขึ้นพูดกับปาณีด้วยสีหน้ายิ้มเเย้มว่า:”เอาเป็นว่ารีบไปล้างไม้ล้างมือก่อนดีกว่าน้าลำมุงเตรียมกับข้าวไว้เรียบร้อยเเล้วเราจะได้กินข้าวกัน!”
ปาณีก้มลงมองดูเวลาด้วยท่าทางกระวนกระวายใจนี่มันก็ปาไปสามทุ่มเเล้วซึ่งเวลานี้เป็นเวลาที่คุณเเม่ควรจะต้องกินข้าวเสร็จไปเเล้วเรียบร้อยแต่ว่าวันนี้เพราะมัวเเต่รอเธอก็เลยยังไม่ได้กินข้าวสักที
คิดมาถึงตอนนี้ปาณีที่กำลังกระวนกระวายใจตัดสินใจพูดกับคุณแม่:”คุณแม่คะคราวหน้าไม่ต้องรอหนูนะคะหนูเองก็เป็นคนกินอะไรง่ายๆคุณแม่ไม่ต้องเเขวนท้องรอหนูก็ได้ค่ะทานกันก่อนได้เลย!”
แม่ของธามนิธิยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ:”ไม่เห็นเป็นไรเลย!ฉันอยู่บ้านทั้งวันไม่หิวเลยสักนิดคนแก่อ่ะนะก็ชอบเห็นลูกๆหลานๆอยู่กินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันยิ่งถ้าฉันได้เห็นเวลาเธอกินข้าวท่าทางเอร็ดอร่อยฉันก็จะยิ่งกินได้เยอะขึ้นด้วยนะ!”
จันวิภาเห็นปาณีมัวเเต่รู้สึกผิดอยู่เเบบนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ:”เอาล่ะๆปาณีถ้าขืนเธอยังอ้อยอิ่งลีลาอยู่เเบบนี้ล่ะก็พี่กับแม่คงได้เปลี่ยนจากกินอาหารมื้อค่ำไปเป็นกินอาหารมื้อดึกแทนแน่ๆ!แถมยังอ้วนด้วยนะ!ดังนั้นเพื่อเห็นแก่หุ่นของสาวๆแบบเรารีบไปล้างมือเเล้วออกมากินข้าวกัน!”
ปาณีได้ยินดังนั้นก็รีบวิ่งปรู๊ดไปล้างมือทันที
เห็นเธอรีบวิ่งไปแบบนั้นแม่ของธามนิธิก็รีบตะโกนไล่หลังด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก:”ปาณีช้าๆหน่อยอย่าวิ่ง!”
จากนั้นแม่ก็หันมาเล่นงานจันวิภาโดยพูดตำหนิเธอเบาๆ:”เธอนี่ก็เป็นพี่สาวประสาอะไรไปเร่งน้องแบบนั้น!เกิดรีบวิ่งจนล้มคะมำขึ้นจะทำยังไงห๊ะ?”
ปาณีล้างมือเสร็จก็รีบเดินกลับออกมาก่อนจะเข้าไปประคองพาคุณแม่ไปที่โต๊ะอาหาร
จันวิภาที่ยืนอยู่ข้างๆรีบฟ้องปาณี:”ปาณีเมื่อกี้เธอน่ะไม่ทันได้เห็นว่าคุณแม่ลำเอียงขนาดไหนพี่ก็ยังนึกสงสัยเลยนะว่าพี่เป็นลูกแท้ๆของเเม่รึเปล่าเเต่เธออ่ะต้องเป็นลูกแท้ๆของเเม่เเน่ๆ!
ปาณีหันไปมองที่คุณแม่ผู้รักใคร่เอ็นดูเธอเสมอมาก่อนจะไปซุกตัวออดอ้อนอยู่ข้างๆ:”หนูจะเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆของคุณแม่!เเละจะเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆของคุณแม่ไปชั่วชีวิตเลย!”
จันวิภาเห็นสองคนกำลังสวีทหวานแหววกันก็อดขำออกมาไม่ได้เธอนั่งลงเเละเริ่มเเซวสองคนนั้นด้วยอาการหมั่นไส้นิดๆ:”เอาล่ะๆฉันจะไม่เข้าไปแทรกกลางระหว่างสองแม่ลูกก็แล้วกันใช่ซิฉันมันก็เเค่คนนอก!”
ปาณีรีบพูดปลอบเธอ:”พี่อ่ะอย่างพูดแบบนั้นสิคะ!พวกเราต้องช่วยกันดูเเลคุณแม่พวกเราจะต้องเป็นนางฟ้าตัวน้อยๆของคุณแม่!อีกอย่างหนูกับคุณอาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่คอยดูเเลปรนนิบัติคุณแม่เหมือนเมื่อก่อนคุณแม่ก็ต้องการการดูเเลจากพี่นะคะ!”
เมื่อได้เห็นปาณีพูดด้วยท่าทางจริงจังขึงขังทั้งแม่เเละจันวิภาก็พากันสบตาก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆจากนั้นทั้งครอบครัวก็กินข้าวร่วมกันอย่างมีความสุข
”ปาณีลองชิมนี่สิแม่ตั้งใจให้น้าลำมุงทำให้เธอเป็นพิเศษเลยนะแม่ว่าเธอดูผอมไปแล้วผู้หญิงน่ะควรจะมีน้ำมีนวลสักหน่อยจะดีกว่า!”คุณแม่ตักเนื้อไก่ใส่ในชามของปาณี
”ปาณีเธอก็ต้องลองชิมนี่ด้วยอันนี้ก็อร่อย!”จันวิภาก็ตักกับข้าวใส่ชามของเธอด้วย
เมื่อได้เห็นกับข้าวกองพะเนินอยู่ในชามของตัวเองปาณีก็เริ่มตั้งหน้าตั้งตากินด้วยความขมขื่นใจ:”อืมๆหนูกินทุกอย่างเลยค่ะ!”
คุณแม่เห็นปาณีที่กำลังกินอย่างเอร็ดอร่อยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา:”ไม่รู้เป็นยังไงเวลาแม่เห็นปาณีกินข้าวทีไรแม่ก็รู้สึกมีความสุขทุกที!ไม่ได้ละแม่ว่าแม่อยากจะเติมข้าวอีกหน่อย!”
จันวิภารีบหันไปพูดแหย่คุณแม่:”แม่คะหนูว่าแม่น่าจะกินน้อยๆหน่อยนะคะเดี๋ยวพ่อก็ไม่ปลื้มหรอกค่ะถ้าคุณแม่อ้วนเดี๋ยวก็ได้มานั่งลดน้ำหนักอีกหรอกค่ะคุณแม่!”
ปาณีที่กำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆถึงกับหยุดกินทันที
คุณแม่หันไปจ้องเขม็งใส่จันวิภาก่อนจะหันไปพูดกับปาณี:”ปาณีกินไปเถอะลูกพี่เค้าเเค่เเหย่เล่นน่ะ!เเต่จะว่าไปธามนิธิไม่มีทางรังเกียจหนูหรอกถ้าหนูอ้วน!”
ปาณีค่อยๆวางตะเกียบลงอย่างช้าๆก่อนจะหันไปพูดกับคุณแม่ด้วยหน้าตาอันเศร้าสร้อย:”ใครบอกล่ะคะเมื่อไม่กี่วันก่อนคุณอายังพูดเรื่องอ้วนกับหนูอยู่เลยคุณอาคงรังเกียจหนูเเน่ๆถ้าหนูอ้วน!หนูคงกินเยอะมากไม่ได้แล้วล่ะค่ะ!”
ทันใดนั้นเองคุณแม่ก็หันขวับไปทางจันวิภาก่อนจะตำหนิเธอ:”เพราะเธอเลยเห็นมั๊ยดูสิปาณีไม่ยอมกินแล้วเนี่ย!”
จันวิภารู้สึกกระอักกระอ่วนใจไม่น้อยที่เห็นปาณีเป็นแบบนั้นจึงบอกกับเธอว่า:”ปาณีเธอไม่อ้วนเลยสักนิด!กินเถอะไม่เป็นไรหรอกไม่อย่างนั้นแม่จะต้องฆ่าฉันด้วยสายตาพิฆาตแน่ๆเลย!”
สุดท้ายเเล้วปาณีก็ทนแรงเชียร์จากคุณแม่เเละจันวิภาไม่ไหวกินเข้าไปซะพุงกาง!
ปาณีนั่งมองพุงกางๆของตัวเองด้วยแววตาละห้อยพูดเสียงอ่อยๆ:”หนูจะลดน้ำหนัก!ไม่อย่างนั้นคุณอาก็จะเลิกรักหนูเเล้วหนูจะไปร้องไห้ที่ไหนได้ล่ะคะ!”
คุณแม่กับจันวิภาพร้อมใจกันตะโกนออกมา:”กล้าเหรอ!”
เห็นทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยหยอกเย้ากันสนุกสนานปาณีก็หัวเราะชอบใจก่อนจะเข้าไปสวมกอดพวกเธอทั้งคู่:”ขอบคุณมากนะคะทั้งคุณแม่เเละคุณพี่ทุกคนดีกับหนูมากๆเลยค่ะ!”
ตอนที่829ความอบอุ่น
แม่ของธามนิธิส่งสายเชิงตำหนิติเตียนไปให้ปาณี:”ปาณีทำไมเธอถึงพูดเหมือนพวกเราเป็นคนอื่นคนไกลอย่างนั้นล่ะพูดเหมือนเราเป็นคนนอกไปได้!”
จันวิภารีบพูดเสริมทัพ:”จริงด้วย!”
ปาณีส่งยิ้มให้พวกเขาเเละกอดเเน่นๆ:”อืมๆต่อไปหนูจะไม่พูดแล้วค่ะ!”
ทว่าในใจของเธอกลับมีอีกประโยคเสริมต่อท้ายไว้ในใจ:”แต่หนูจะใช้ท่าทางแสดงออกแทนอิอิ!”
ทั้งคุณแม่เเละจันวิภาพยักหน้าพากันหัวเราะ:”มันต้องแบบนี้สิถึงจะเป็นปาณีตัวจริงเสียงจริง!”
คุณแม่หันไปมองดูนาฬิกา:”นี่มันก็ดึกเเล้วปาณีเธอไปพักผ่อนเถอะวันนี้ก็เหนื่อยมาทั้งวันเเล้วต่อให้เธอจะยังสาวยังเเส้เเต่ก็ยังต้องรักษาสุขภาพตัวเองดีๆนะรู้ไหม?”
ปาณีพยักหน้ารับจากนั้นจึงประคองคุณแม่ไปที่ห้องนอน:”หนูพาคุณแม่ไปส่งที่ห้องนะคะ”
คุณแม่มิอาจขัดขืนความหวังดีของเธอได้ก็เลยจำต้องเดินไปกับเธอ
เมื่อปาณีอาบน้ำเสร็จก็ล้มตัวนอนเเผ่หลาลงบนเตียงใหญ่หนาหนุ่มเเล้วจู่ๆเธอก็รู้สึกว่าจิตใจของเธอช่างว่างเปล่าเสียเหลือเกินคิดไปคิดมาอยู่หลายตลบจึงตัดสินใจส่งข้อความไปหาคุณอา:”คุณอาฉันคิดถึงคุณแล้วนะยังยุ่งอยู่เหรอคะ?ถ้าว่างเเล้วส่งข้อความกลับมาหาฉันด้วยนะคะ!”
หลังจากกดส่งข้อความไปแล้วปาณีก็ได้เเต่เฝ้ามองหน้าจอมือถือรอข้อความของคุณอาอย่างใจจดใจจ่อ
แต่เมื่อรอจนแทบจะฝืนเปลือกตาไม่ไหวง่วงจนตาแทบจะปิดอยู่เเล้วก็ยังไม่มีวี่เเววจะได้รับข้อความจากคุณอาปาณีเริ่มหาวออกมาในที่สุดก็ค่อยๆผล็อยหลับไปพร้อมๆกับกลัดกลุ้มใจที่จุกแน่นอยู่ในอก
ในขณะที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่นั้นปาณีก็รู้สึกถึงความเย็นวูบวาบที่เข้ามาปะทะร่างกายเธอเธอจึงพูดพึมพำออกมาเบาๆ:”หนาวจัง!”
เเล้วจากนั้นเธอก็รู้สึกถึงผ้าห่มอุ่นๆที่มาครอบคลุมร่างกายของเธอไว้
ปาณียื่นมือออกไปลูบคลึงบนผ้าห่มหนานุ่มผืนนั้นเเล้วจึงเข้าสู่นิทรา
เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็ยื่นมือออกไปคลำๆที่นอนข้างๆเธอรู้สึกเหมือนอะไรอุ่นๆจึงร้องออกมาด้วยความตื่นตกใจ:”คุณอากลับมาแล้วเหรอคะ?”
จากนั้นเธอก็รีบวิ่งออกไปข้างนอกทั้งเท้าเปล่าแบบนั้นเเต่เมื่อมองหาจนรอบห้องเเล้วกลับไม่เห็นเเม้เเต่เงาของธามนิธิหญิงสาวรู้สึกผิดหวังเป็นอย่างแรงได้แต่ยืนอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายดูน่าสงสารจับใจอยู่กลางห้องขนาดใหญ่
ปาณีทำจมูกย่นฟุดฟิดไปมาเเล้วก็บ่นงึมงำกับตัวเอง:”ฝันไปเองหรือเนี่ย!”
แต่จังหวะที่เธอกำลังจะหันหลังกลับไปด้วยท่าทางเหงาหงอยเตรียมจะเข้าไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตานั้นก็ได้ยินเสียงหนึ่งดังแว่วมา:”ปาณี!”
เธอรีบหันขวับไปอย่างไวเเล้วก็เห็นธามนิธิยืนทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่ที่ประตูตามองจ้องมาที่เธอ
ปาณีรีบโผเข้าไปในอ้อมเเขนของเขาเหวี่ยงมือขึ้นไปโอบรอบคอเขาไว้ก่อนจะร้องออกมาด้วยความดีใจ:”คุณอาจริงๆด้วย!”
ธามนิธิเห็นเธอดูมีความสุขจริงๆไม่ได้เสเเสร้งก็ส่งยิ้มให้เธอพลางยื่นมือไปลูบไล้ที่ใบหน้าของเธอเบาๆ:ถ้าไม่ใช่ฉันเเล้วจะเป็นใครล่ะ?อีกอย่างหนึ่งเธอไม่รู้ตัวเลยเหรอว่าเธอทำอะไรผิดไว้?”
ปาณีหันไปมองหน้าเขาด้วยสายตาเหม่อลอยทำเป็นไม่รู้อิโหน่อิเหน่เเต่เมื่อเห็นท่าทางเขาเริ่มจะค่อยๆเคร่งขรึมขึ้นไปทุกทีเด็กหัวไวอย่างเธอก็รีบก้มหน้าตอบเขาไปทันที:”ฉันผิดไปแล้วค่ะ!”
ธามนิธิมองไปที่หัวของเธอไฉนเลยเขาจะไม่รู้ว่าเธอน่ะเป็นเด็กเจ้าเล่ห์เพทุบายขนาดไหนก่อนจะยื่นมือไปดีดตรงหน้าผากของเธอเบาๆไปทีหนึ่งเเต่เมื่อได้เห็นแววตาอันเศร้าสลดของหญิงสาวเขาก็พูดกับเธอแบบไม่ค่อยสบอารมณ์นัก:”เธอไม่ยอมใส่รองเท้าเเล้วก็วิ่งออกมานี่อยากเข้าโรงพยาบาลรึไง?”
ปาณีก้มมองตามสายตาของเขาก็พบว่าตัวเองกำลังยืนด้วยเท้าอันเปลือยเปล่าเเล้วทันใดนั้นเธอก็เริ่มทำหน้าสลดอีกครั้งก่อนจะรีบวิ่งกลับไปที่เตียงนอน
แต่มันก็สายไปแล้วคอเสื้อของชุดนอนเธอถูกสองมือของชายหนุ่มคว้าเอาไว้เสียก่อนจากนั้นทั้งตัวเธอก็ถูกอุ้มขึ้นมาธามนิธิอุ้มเธอพาไปที่เตียง
ใบหน้าของธามนิธิเรียบนิ่งเขานั่งคุกเข่าลงที่พื้นก่อนจะช่วยใส่รองเท้าเดินในบ้านให้กับเธอ
ปาณีเอามือปิดหน้าตัวเองไว้ไม่กล้าที่มองหน้าคุณอาเเต่ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากถามเขา:”คุณอาหนูเคยบอกคุณอาหรือเปล่าคะว่าหนูรักคุณอามากๆเลย!”
เเววตาของธามนิธิฉายเเววคมกริบมืดลึกขึ้นมาทันทีจังหวะที่คิดจะพุ่งเข้าหาเธอนั้นปาณีกลับรีบชิ่งหนีไปได้เสียก่อนทิ้งเขาไว้ให้อยู่เบื้องหลังเพียงลำพัง
เมื่อหันไปมองที่ปาณีซึ่งแทบจะวิ่งเร็วกว่ากระต่ายเสียอีกเขาตะโกนไล่หลังเธอไปว่า:”ปาณีนั่นเธอจะไปไหนอ่ะ?”
ปาณีตะโกนตอบกลับมาโดยไม่ยอมหันหน้ากลับมาหา:”ฉันจะไปดูหน่อยว่าคุณแม่ตื่นแล้วหรือยัง!แล้วก็ต้องทำอาหารเช้าด้วย!สรุปก็คือฉันน่ะยุ่งมากเลย!”
ธามนิธิได้เเต่เบิกตามองกระต่ายน้อยที่กำลังวิ่งเตลิดเปิดเปิงทว่าในเเววตาของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้มเเละรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
เเล้วอยู่ๆเหมือนเขานึกอะไรขึ้นมาได้จึงตะโกนตามไล่หลังปาณีไป:”เอ่อปาณีเดี๋ยวกินข้าวเช้าเสร็จพวกเราไปรับแม่เธอที่โรงพยาบาลกันนะนภันต์เพิ่งโทรมาหาฉันบอกว่าแม่เธอออกจากโรงพยาบาลได้เเล้ว!”
ปาณีหันกลับมามองเขาด้วยความสงสัยพร้อมกับบ่นพึมพํา:”ทำไมนภันต์ถึงไม่โทรมาหาฉันล่ะ?แต่กลับไปโทรหาคุณ?”
ธามนิธิมีหรือจะยอมบอกเธอว่าเขาน่ะเป็นคนปิดเสียงโทรศัพท์มือถือของเธอเองทำผิดแล้วก็ไม่ยอมรับผิดเสียด้วยดังนั้นเขาก็เลยพูดด้วยความกระดากใจออกไปว่า:”บางทีเขาอาจจะโทรมาหาเธอเเล้วก็ได้เเต่เธอไม่ได้รับสายเขา!ไหนบอกว่าจะไปดูว่าแม่ตื่นหรือยัง?ถ้าขืนยังไม่ไปเดี๋ยวคุณแม่ก็ตื่นขึ้นมาพอดี!”
ปาณีไม่มีเวลาจะมาคิดสงสัยเเล้วเธอรีบวิ่งลงไปข้างล่างในทันที
หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จธามนิธิก็ขับรถพาปาณีไปที่โรงพยาบาล
ในระหว่างทางที่อยู่บนรถจู่ๆปาณีก็ขยับตัวนั่งหันข้างไปทางฝั่งคนขับตามองจ้องไปที่คุณอาที่กำลังขับรถอยู่สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรักอันลึกซึ้งที่มีต่อเขา:”คุณอาทำไมคุณอาถึงได้หล่อแบบนี้อ่ะคะ?”
ธามนิธิขบฟันกรอดๆมองจ้องไปที่เธอจากนั้นจึงพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนิ่มช้าๆชัดๆทีละคำๆ:”ปาณีอย่าราดน้ำมันลงบนกองไฟ!ไม่อย่างนั้นเธอรู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้น!”
ปาณีหันกลับมาแล้วก็แอบยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เธอไม่กล้าที่จะไปแกล้งยั่วเขาหรอกเพราะทุกครั้งที่ทำแบบนั้นคนที่ต้องทรมานก็ต้องเป็นตัวเธอเองทุกครั้งไป!
ไม่นานนักก็มาถึงโรงพยาบาลจังหวะที่ปาณีกำลังปลดเข็มขัดนิรภัยเเละลงจากรถนั้นจู่ๆก็มีมือใหญ่มาดึงตัวเธอกลับเข้าไปจากนั้นใบหน้าของเขาก็ค่อยๆขยับเข้ามาใกล้ๆเธอใหญ่ขึ้นๆใหญ่ขึ้น……
จนกระทั่งปาณีเริ่มจะหายใจไม่ทั่วท้องธามนิธิถึงจะยอมปล่อยเธอเขาเเตะที่หน้าผากของเธอเบาๆพร้อมกับพูดด้วยเสียงหอบหายใจถี่กระชั้น:”ถ้าคราวหน้ายังกล้ายั่วฉันตอนอยู่ข้างนอกอีกล่ะก็เธอต้องเป็นคนรับผิดชอบต่อผลการกระทำที่เธอก่อขึ้นนะ!”
หลังจากพูดจบเขาก็เดินลงจากรถไปราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทั้งนั้นเขายืนรอปาณีอยู่เงียบๆจนเธอลงมาจากรถ
ปาณีค่อยๆก้มหัวเดินลงมาจากรถณจุดนี้เธอไม่เหลือท่าทางอวดเก่งเหมือนตอนอยู่ในรถแล้วหญิงสาวเดินทำหน้าเศร้าพยายามเอามือปกปิดริมฝีปากอันแดงเรื่อของเธอไว้ก่อนจะหันไปส่งสายตาเอาเรื่องใส่ผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างๆเเล้วก็บ่นพึมพำออกมา:”คุณจงใจกัดปากฉันจนเจ่อเลยอ่ะ!แล้วแบบนี้ฉันจะมีหน้าไปเจอใครได้คะเนี่ย!”
ธามนิธิส่งสายตาเชิงสมน้ำหน้าไปให้เธอก่อนจะรีบเดินเข้าไปด้านในเเต่ก็ยังควบคุมสเต็ปการเดินของตัวเองไว้เพื่อรอเธอ!
ทันทีที่ธามนิธิเเละปาณีเข้ามาปรากฏตัวในห้องโถงของโรงพยาบาลใบหน้าอันหล่อเหลาและมีสไตล์ของธามนิธิดึงดูดความสนใจจากคนจำนวนไม่น้อยที่ได้เห็นเขาเเต่ทว่าธามนิธิกลับไม่แยแสต่อสายตาเหล่านั้นเลยแม้เเต่น้อยเเละจูงมือปาณีพากันเดินไปที่ลิฟต์
ที่ประตูลิฟต์เขาก็ได้เห็นชายคนหนึ่งกำลังส่งยิ้มมาทางเขาอีกทั้งยังตะโกนเรียกด้วย:”ท่านประธานธามนิธิคุณมาทำอะไรที่โรงพยาบาลครับเนี่ย?”
ธามนิธิขมวดคิ้วแบบไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่จากนั้นจึงพูดด้วยเสียงนิ่งเรียบ:”ท่านประธานธีรวัฌน์?เเล้วทำไมคุณถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะครับ?”
ปิยพนธ์หันไปส่งยิ้มให้ธามนิธินิด้วยท่าทางประจบสอพลอ:”พานลินมาตรวจครรภ์น่ะครับเธออยู่นั่นน่ะ!”
ธามนิธิไม่ได้สนใจที่จะหันไปมองเธอได้เเต่หันไปพยักหน้าให้ปิยพนธ์ก่อนจะบอกเขาว่า:”พวกเรามีธุระน่ะครับผมขอตัวก่อน!”
พูดจบเขาก็พาปาณีเดินเข้าไปในลิฟต์
ปาณีไม่วายที่จะชะเง้อหน้าออกมาจากด้านหลังของธามนิธิเพื่อมองดูนลินมีสุวรรณ์ซึ่งตอนนี้ท้องเธอใหญ่มากเเล้วเเละกำลังยืนอยู่ตรงนั้นด้วยท่าทางหงุดหงิดอีกทั้งกำลังวีนใส่ปิยพนธ์:”จะมัวแต่ยืนโอ้เอ้อยู่ทำไม?รีบไปซื้อน้ำมาให้ฉันขวดหนึ่งสิ!”
ปิยพนธ์ขมวดคิ้วแบบงงๆเเต่เเล้วก็หมุนตัวเดินออกไปด้านนอก
นลินทันได้เห็นเบื้องหลังของธามนิธิแต่พลันสายตาก็เกิดไปจ๊ะเอ๋เข้ากับดวงตาอยากรู้อยากเห็นของปาณีเข้าพอดีนลินถึงกับหน้านิ่งเจื่อนไปครู่หนึ่งเเล้วสายตาก็เบนไปหาร่างสูงใหญ่ที่ยืนเคียงคู่อยู่กับปาณี
นลินพูดเสียงอู้อี้ร้องเรียกออกไป:”ธามนิธิ!”
เเต่น่าเสียดายที่ธามนิธิไม่แม้เเต่จะมองมาทางเธอเลยด้วยซ้ำเขาได้เเต่ดันตัวปาณีให้ไปอยู่ด้านหลังของเขาก่อนจะก้มหัวพูดอะไรบางอย่างกับเธอ
นลินยืนนิ่งอึ้งไม่ไหวติง
ตอนที่830สารภาพรัก
นลินมีสุวรรณ์ยืนนิ่งเป็นหุ่นไล่กาอยู่ตรงนั้นตาก็มองไปที่ชายหนุ่มซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเธอเขากำลังช่วยผู้หญิงคนหนึ่งอย่างใกล้ชิดสนิทสนมผู้หญิงที่เธอมักจะดูถูกอยู่ตลอดผู้หญิงผมตรงคนนั้น!
ฉากกระหนุงกระหนิงตรงหน้ามันช่างเหมือนหอกแหลมคมที่กำลังทิ่มแทงไปที่นลินมีสุวรรณ์เธอสาวเท้าก้าวไปข้างหน้ามุ่งตรงไปที่ลิฟต์ตัวนั้นท่าทางการเดินของเธอนั้นเหมือนราวกับว่าทุกๆย่างก้าวต้องใช้เรี่ยวแรงพละกำลังทั้งหมดที่เธอมีเพื่อให้เธอเดินก้าวไปข้างหน้าได้!
เเต่เมื่อเธอเดินไปจนเกือบจะถึงหน้าลิฟต์อยู่เเล้วจู่ๆก็มีเสียงตะโกนเรียกอย่างรีบร้อนดังเเว่วมาจากด้านหลัง
”นลินมีสุวรรณ์!”
นลินไม่หันกลับไปมองเธอยังคงเดินตรงไปที่ลิฟต์ตัวนั้นเเละกำลังจะยื่นมือออกไปเเต่เธอกลับได้เห็นธามนิธิทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้นมาก่อนจะหันหลังกลับไปไม่ยอมมองมาที่เธออีก!
หลังจากนั้นประตูลิฟต์ก็ค่อยๆปิดลงนลินถูกปิยพนธ์ที่เดินตามมาด้านหลังลากตัวกลับไปยังที่ๆเธอเพิ่งยืนอยู่เมื่อสักครู่ที่ผ่านมา
ปิยพนธ์มองดูนลินที่กำลังยืนหน้าเจื่อนด้วยสายตาอันเเข็งกร้าวเขาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมาก่อนจะพูดกับเธอด้วยเสียงเรียบทื่อ:”เอ้านี่น้ำที่คุณต้องการ!”
นลินทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่สายตาเหม่อลอยมองตรงไปยังประตูลิฟต์ที่เพิ่งจะปิดไปเมื่อครู่
ปิยพนธ์ไม่อยากจะก่อเรื่องที่นี่เขาจึงพยายามข่มอารมณ์แล้วพูดจาดีๆกับเธอ:”นลินตอนนี้เธอกำลังจะมีลูกน้อยๆให้พวกเราเเล้วนะเลิกคิดถึงเขาได้เเล้วเราสามคนพ่อแม่ลูกกำลังจะได้ใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีความสุขเเล้วนะแบบนี้ไม่ดีหรือไง?”
นลินหันไปมองปิยพนธ์ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าก่อนจะผลักเขาออกไปด้วยความรังเกียจ
คิดไม่ถึงเลยว่านลินที่เพิ่งจะอยู่ในอาการนิ่งทื่อเหม่อลอยเมื่อสักครู่จู่ๆจะหันมาผลักเขาจนกระเด็นไปแบบนี้ได้ปิยพนธ์ถึงกับเซถลาไปด้านหลังหลายก้าวกว่าจะกลับมายืนทรงตัวได้ปกติ
เมื่อเห็นนลินยังคงยืนนิ่งไม่แย่แสไม่แม้แต่จะหันกลับมาปิยพนธ์เลยโมโหจนแอบกัดฟันกรอดๆทว่าเขาก็ยังเดินเข้าไปหาเธอก่อนจะคว้าข้อมือเธอเเล้วลากเธอไปที่ห้องตรวจ!
นลินดิ้นรนขัดขืนสุดชีวิตเเต่ด้วยเเรงที่ต่างกันระหว่างผู้ชายกับผู้หญิงไหนเลยเธอจะสู้ได้ไม่ว่ายังไงก็สะบัดมือเขาไม่หลุด
หน้าของปิยพนธ์เปลี่ยนเป็นดำคล้ำด้วยความโกรธเมื่อลากเธอไปถึงตรงทางขึ้นบันไดแลซ้ายเเลขวาก็ไม่มีคนอยู่ตรงนั้นปิยพนธ์จึงพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงขุ่นมัว:”ทำไมล่ะ?ผิดหวังมากเลยรึไง?ฉันจะบอกเธอให้นะผู้หญิงร่านๆแบบเธอน่ะไม่คู่ควรกับผู้ชายอย่างท่านประธานธามนิธิเลยสักนิด!อย่างเธอมันต้องเทียบรุ่นกับฉันถึงจะสมน้ำสมเนื้อเรามันบุพเพสันนิวาส!”
นลินได้ฟังวาจาอันต่ำช้าหยาบคายของเขาก็อดไม่ได้ที่จะแผดเสียงตะคอกออกมา:”ไปให้พ้น!”
ปิยพนธ์หัวเราะพลางเหลือบตามองไปที่ท้องโย้ๆของเธอ:”ไล่ฉันไปให้พ้นอย่างนั้นเหรอ?สายไปซะเเล้ว!ในท้องของเธอมันมีเมล็ดพันธุ์ของฉันอยู่!”
นลินมองดูท่าทางอันแสนภาคภูมิใจของปิยพนธ์เเละเมื่อคิดได้ว่าตัวเองต้องมาตั้งท้องให้กำเนิดลูกเพื่อผู้ชายแบบนี้นลินก็รู้สึกขยะแขยงสะอิดสะเอียนขึ้นมาทันทีเเล้วเธอก็ยกมือขึ้นพร้อมกับหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น:”ภูมิใจมากอย่างนั้นเหรอ?ถ้าอย่างนั้นฉันก็จะทำให้แกไร้ผู้สืบสกุล!”
ทันทีที่พูดจบเธอก็ใช้มือทุบเข้าไปที่ท้องอย่างเเรง!
ปิยพนธ์ไม่คิดมาก่อนเลยว่าในโลกใบนี้จะมีผู้หญิงที่ใจคอโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้มิหนำซ้ำยังมารังแกกับลูกของเขาซึ่งเป็นสิ่งที่เขาแคร์มากที่สุดในตอนนี้ด้วย!
เมื่อได้เห็นเช่นนั้นเขาก็วิ่งพุ่งกระโจนเข้าไปหานลินก่อนจะคว้ามือเธอมาจับเอาไว้เเน่นเเละลากเธอออกไปด้านนอก
จนมาถึงห้องตรวจปิยพนธ์จับตัวของนลินมัดเอาไว้กับเตียงเขามองดูหญิงสาวที่นอนหมดฤทธิ์อยู่บนเตียงเเล้วจึงเริ่มซับเหงื่อบนใบหน้าของตัวเองเเละหันไปพูดกับเธอว่า:”นี่เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายลูกของฉันห๊ะ!ตั้งเเต่วันนี้เป็นต้นไปห้ามเธออยู่นอกสายตาฉันเป็นอันขาดไม่ว่าจะตอนเข้าห้องน้ำฉันก็จะคอยเฝ้าเธอเอาไว้!ในระหว่างที่เธอยังไม่ให้กำเนิดทายาทมหาเศรษฐีรุ่นที่สามออกมาเธอจะต้องอดทนกับฉันให้มากๆล่ะ!”
พูดจบเขาก็ปล่อยนลินให้นอนเดียวดายอยู่แบบนั้นอยู่ในห้องตรวจ
เมื่อปิยพนธ์เดินออกมาด้านนอกเขาก็รีบกดโทรศัพท์โทรออกไปหาคนที่บ้านทันทีเขาต่อสายไปหาชลธี:”พ่อครับผมปิยพนธ์เองครับ!คือเเบบนี้ครับพ่อเห็นนลินบ่นว่าเบื่อๆเซ็งๆผมก็เลยจะพาเธอไปเที่ยวเปิดหูเปิดตาบ้างน่ะครับ!และก็คิดว่าน่าจะโทรมาบอกคุณพ่อสักหน่อยจะได้ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา!”
ชลธีอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะถามกลับไป:”แล้วพวกเเกจะไปไหนกัน?อีกอย่างนลินก็ท้องแก่ใกล้คลอดเต็มที่เเล้วนะยังไงซะพวกแกก็ต้องรีบกลับมาเตรียมตัวให้พร้อมรู้ไหม!”
ปิยพนธ์พูดพลางหัวเราะเบาๆ:”ครับคุณพ่อผมก็ทราบดีว่าทุกคนในบ้านต่างก็เฝ้ารอคอยที่จะได้เห็นหน้าทายาทตัวจิ๋วของตระกูลน่ะครับ!”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ปิยพนธ์ก็ยิ้มเยาะออกมาด้วยความสะใจก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องตรวจ
ทางฝั่งของชลธีถึงเเม้ว่าเขาจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างว่าทำไมสองคนนั้นจู่ๆก็นึกอยากไปเที่ยวเอาตอนนี้เเต่ครั้นเมื่อนึกถึงตอนที่นลินมีสุวรรณ์รู้ตัวว่าตัวเองตั้งท้องเธอก็ดูไม่มีความสุขเอาเสียเลยหากจะพาเธอไปเที่ยวซึ่งก็มีปิยพนธ์เป็นคนพาไปด้วยแบบนี้เขาจะต้องคอยดูเเลเธอเป็นอย่างดีแน่นอน!
ณชั้นบนของโรงพยาบาลฝนสิริพินิจพิจารณามองดูธามนิธิอยู่เงียบๆนับวันเธอยิ่งรู้สึกปลาบปลื้มใจในตัวลูกเขยคนนี้มากขึ้นเรื่อยๆไม่รู้สึกขัดหูขัดตาเหมือนสมัยก่อนๆ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงหน้าเธอนั้นเป็นคนที่มีฐานะและมีชาติตระกูลดีแบบนี้มันช่างเป็นอะไรที่เพอร์เฟกต์ที่สุดเเล้ว
ฝนสิริเห็นธามนิธิกุลีกุจอช่วยปาณีถือกระเป๋าจึงพูดออกไปว่า:”ของพวกนี้ให้ปาณีถือก็ได้จ้ะเอ่อท่านประธานธามนิธิคุณกับปาณีเป็นอย่างไรกันบ้างคะ?”
ธามนิธิเลิกคิ้วมองก่อนจะตอบเธอกลับไป:”พวกเรามีความสุขกันดีครับ!”
จากนั้นเขาก็รับเอากระเป๋าจากมือปาณีมาถือไว้ก่อนจะรีบเดินออกไปด้านนอกอย่างรวดเร็ว
ฝนสิริเห็นท่าทางเย็นชาของธามนิธิก็รู้สึกหน้าเจื่อนๆไปเล็กน้อยด้วยความที่ไม่กล้าพูดกับเขาเธอก็เลยหันมาคุยกับปาณีเเทน:”ปาณีแกก็เเต่งเข้าบ้านเขาไปนานเเล้วนะแกไม่ลองพูดกับท่านประธานธามนิธิดูสักหน่อยล่ะเรื่องที่พวกเราจะซื้อบ้านเเต่เรื่องเงินน่ะขอให้เขาช่วยออกไปก่อนได้รึเปล่าพวกเขาเป็นผู้ดีมีเงินมีเงินทองเยอะเเยะรอให้พวกเราดีขึ้นกว่านี้อีกหน่อยเเล้วค่อยคืนให้เขาได้หรือเปล่าล่ะ?”
ปาณีไม่เงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียงพูดที่ลอยมาแต่กลับตอบไปว่า:”ไม่ได้!หนูกับคุณอาเราหย่ากันเเล้วเพราะฉะนั้นหนูไม่สามารถเอ่ยปากเรื่องนี้ได้ค่ะแม่เองก็ไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้ว!”
นภันต์ที่ยืนอยู่ข้างๆเห็นเเม่เตรียมจะอ้าปากด่าพี่สาวก็รีบไปจับมือของเเม่เอาไว้เเล้วพูดแทรกขึ้นมาทันที:”แม่ผมก็บอกแม่ไปแล้วไงว่าผมน่ะขอให้พี่เขยช่วยผมหาบ้านเเล้วตอนนี้ผมก็มีงานทำมีเงินเเล้วนะแม่วางใจเถอะครับถ้าผมซื้อบ้านเเล้วผมจะต้องรับแม่มาอยู่ด้วยแน่นอน!แม่ก็อย่าไปทำให้พี่เค้าลำบากใจเลยนะเเม่!”
ฝนสิริได้ยินที่นภันต์พูดก็เริ่มใจเย็นลงมาได้เเละเริ่มจะยิ้มหน้าบาน:”มันต้องอย่างเจ้านภันต์นี่สิ!ไม่เสียเเรงที่ฉันเลี้ยงแกมาตั้งเเต่เล็กแต่น้อย!ไม่เหมือนกับพี่สาวแกใจร้ายใจดำไอ้ลูกเนรคุณ!”
ปาณีทำเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เหมือนไม่ได้ยินที่แม่พูดก่อนจะก้มลงไปหยิบอ่างใบหนึ่งแล้วถือเดินออกไปด้านนอก
เมื่อเดินออกมาจากห้องพักคนไข้ก็ได้เห็นธามนิธิยืนอยู่เงียบๆตรงประตูปาณีรู้สึกตกใจจนชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะส่งยิ้มให้เขา:”คุณอาทำไมมายืนอยู่ตรงนี้ล่ะคะ?ฉันเก็บของเรียบร้อยหมดเเล้วพวกเราลงไปกันเถอะค่ะ”
ธามนิธิพยักหน้าเบาๆให้เธอเเล้วหยิบอ่างในมือเธอมาถือไว้มืออีกข้างหนึ่งก็จูงมือเธอเดินไปที่ลิฟต์
หญิงสาวรับรู้ถึงไออุ่นจากกายของเขาเธอก็รู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาในทันใดปาณีพูดด้วยสีหน้ายิ้มเเย้ม:”คุณอาคะเมื่อสักครู่นี้ตอนที่เห็นคุณนลินคุณอารู้สึกยังไงบ้างคะ?อย่าทำหน้านิ่งสิคะเล่าให้ฉันฟังหน่อยนะนะ..ว่าคุณอารู้สึกยังไง?ฉันน่ะสงสัยมากๆเลยว่าคุณนลินเธอเป็นผู้หญิงที่สวยมากเเละพวกคุณสองคนก็เคยหมั้นหมายกันมาก่อนถ้าอย่างนั้นคุณอาเคยรู้สึกอะไรกับเธอบ้างหรือเปล่าคะ?”
ธามนิธิได้ยินดังนั้นก็ถึงกับขมวดคิ้วออกมาก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่ง:”นลินมีสุวรรณ์เหรอ?เธอก็มาที่โรงพยาบาลนี้ด้วยรึ?”
สำเร็จ!ประโยคนี้ทำเอาปาณีถึงกับฉีกยิ้มกว้างออกมาเเล้วจู่ๆเธอก็โน้มดึงหัวของคุณอาลงมา”ม๊วฟ!”ปาณีจูบคุณอาไปฟอดใหญ่!
ธามนิธิเลิกคิ้วด้วยความตกตะลึง:”ปาณีเธอยั่วฉันอีกเเล้วเหรอ?”
ปาณีรีบโบกไม้โบกมือก่อนจะค่อยๆพูดกระซิบกระซาบอธิบายให้เขาฟัง:”ฉันเปล่านะคะฉันก็เเค่รู้สึกว่าฉันรักคุณมากเลยค่ะคุณอา!”
คำสารภาพรักที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดทำให้ธามนิธิยืนนิ่งตัวเเข็งทื่อไปเล็กน้อยเขามองดูเจ้าสาวตัวน้อยของเขาด้วยความเคลิบเคลิ้มเสน่หาใบหน้าเขาเปี่ยมไปด้วยความรักและความสุขที่มีให้เธอ:”จริงเหรอ?ฉันก็รักเธอมากมากที่สุด!”
ปาณีจิตใจเบิกบานสุดๆจนอดใจไม่ไหวที่จะฮัมเพลงออกมาเบาๆ:”รักฉันรักเธอนะฉันก็เลยยอมยอมให้เธอนั้นโบยบินไปยังดินแดนแห่งความสุข;รักฉันรักเธอนะขอเพียงแค่เธอมีความรักมอบให้ฉันถึงจะวางใจ……”
เมื่อได้ยินที่ปาณีฮัมเพลงออกมาไม่รู้ทำไมอยู่ๆคิ้วของธามนิธินิถึงได้ขมวดแน่นเป็นปมได้เยี่ยงนี้