MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่ 871-875
ตอนที่871 ไม่จริง
จำรัสกันไปมองเธออย่างสงสัย “ที่นี่คือ?”
ปาณีลงจากรถไปโดยไม่พูดจา ก่อนจะกดกริ่ง มองเห็นเด็กวัยรุ่นเป็นคนมาเปิดประตู จำรัสที่กำลังจะเอ่ยปากถามอีกฝ่ายว่าเป็นใคร กลับได้ยินเขาพูดทักขึ้นมากอ่น “พี่? มาได้ยังไงกัน?”
นภันต์มองดูพี่สาวของตนอย่างงุงงน โดยเฉพาะคนที่อยู่ข้างกายของเธอกลับไม่ใช่พี่เขยที่เขาคุ้นเคย เขาชี้ไปที่จำรัสและเอ่ยถามเสียงเบา “พี่ เขาคือ?”
ปาณีไม่ตอบ เธอทำแค่หยิบมือถือออกมาและยัดลงไปในมือของนภันต์ “นภันต์ช่วยพี่ดูหน่อย มือถอของพี่ซ่อมได้ไหม?”
นภันต์เก่งเรื่องเล่นเกมส์บนมือถือ และนี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมเธอถึงต้องมาหาเขา
จำรัสยืนอยู่ด้านข้างได้ยินนภันต์เอ่ยเรียนพี่สาวออกมาก็มีความเป็นมิตรต่อนภันต์เพิ่มขึ้นขีดสุด เขาคิดอยู่ในใจ “ในเมื่อเป็นว่าที่น้องเขยของฉัน ตอนนี้ควรทำดีกับเขาให้มากๆ ทีหลังเขาจะได้ช่วยพูดแทนฉัน”
ในใจของจำรัส ได้ยึดปาณีเป็นผู้หญิงของตัวเองไปแล้วเรียบร้อย ! เขาอยู่มานานขนาดนี้ แต่ปาณีกลับเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้เขาใจเต้นแรง ดังนั้นต่อให้เธอแต่งงานแล้ว แต่เขาก็ยังคงเลือกเธอเป็นผู้หญิงของตนอยู่ดี
ปาณีที่ไม่รู้ความคิดของจำรัส กำลังมองไปที่น้องชายของตนเองอย่างประหม่า มือของเธอจับลงบนแขนของเขาอย่างไม่ตั้งใจ “เป็นไง? ซ่อมไม่ได้แล้วหรือ?”
นภันต์ส่ายหน้า “ไม่ใช่แบบนั้น พี่มีใบเสร็จใหม? ถ้าหากมี ก็ไปซ่อมที่ห้างได้ ส่วนผมสามารถทำได้แค่นิดหน่อยเท่านั้น มันไม่ใช่สายงานผมสักหน่อย!”
ปาณีได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป และเอ่ย “ใบเสร็จไม่อยู่ที่พี่! นภํณต์เธอช่วยคิดวิธิซ่อมให้พี่หน่อยเถอะนะ? ฉันไม่อยากให้คุณอารู้ว่าฉันทำมือถือพัง ดังนั้น…”
นภันต์เงยหน้าขึ้นมาและมองดูพี่สาวของตน เขาไม่พลาดสีหน้าลังเลของเธอไป เลยเอ่ยขึ้นมาอย่างแน่ใจ “พี่กับพี่เขยทะเลาะกันหรือ?”
ไม่รอให้ปาณีปฏิเสธ เขาก็หมุนตัวเข้าไปในห้องนอนหลังจากนั้นจึงเอ่ย “เออใช่ พี่ พี่เขยช่วยผมซื้อบ้านแล้ว ผมพึ่งได้กุญแจห้องมา มันอยู่ห่างจากสานจตุจักรไปไม่ไหล ฝากพี่ขอบคุณพี่เขยด้วยนะ”
ปาณีนิ่งงันไป และถามอย่างไม่อยากเชื่อ “เขาซื้อห้องใจกลางเมืองให้นายเนี่ยนะ? เงินขนาดนั้น เป็นไปได้ไง…
นภันต์หันหลับมาและมองดูท่าทางโง่งมของพี่สาว “พี่ พี่โง่หรือไง? เงินขนาดนั้นแน่นอนว่าไม่พอ ทำเลดีขนาดนั้น พี่เขยคงลงแรงไปไม่น้อยแน่ ดังนั้นผมเลยให้พี่ไปขอบคุณเขาไง”
ถูกน้องชายทิ้งเอาไว้ ปาณีจึงยืนนิ่งอยู่ที่เดิมเงียบๆ
พอพวกเขาออกมาจากห้องของนภันต์ จำรัสเอ่ยปากกับเธอ “เธอกับน้องชายรักใคร่กลมเกลียวดีจัง!”
ปาณีไม่ได้เอ่ยส่งเสียงออกมา
ทันใดนั้น เธอก็หมุนตัวและเอ่ยถามจำรัส “นี่ก็โมงแล้ว? เร็วสิ บอกฉันว่าตอนนี้กี่โมง?”
จำรัสชะงักไป ก่อนจะก้มลงมองนาฬิกาบนข้อมือของตน “ตอนนี้หกโมงเย็น มีอะไรหรือ?”
ปาณีเดินไปมาด้วยความกังวล “แย่แล้ว ฉํนกลับบ้านสายแล้ว! จริงๆเลย ฉันลืมเวลาไปได้ยังไงกันเนี่ยฒ”
พูดจบ เธอก็รีบเดินออกไปที่ถนน
จำรัสมองเห็นเธอรีบวิ่งออกไป ในใจกำลังตระหนักเป็นอย่างยิ่ง “ยังจะกลับบ้านอีก? ผู้ชายของเธอไม่เอาเธอแล้ว!”
แต่พอนึกถึงปาณีที่ยังต้องอยู่ในความดูแล เขาคิดว่าตนเองสมควรที่จะทักเธอสักหน่อย ถ้าหากเธอได้รับความกระทบกระเทือนแล้วเป็นลมไปอีกรอบขึ้นมาคงไม่ดีแน่
แต่พอเขาเห็ยเธอกำลังวิ่งไปขวางรถแท็กซี่เอาไว้อย่าไม่กลัวตาย ถ้าก็รีบร้องตะโกนออกมาด้วยความตกใจ “ปาณี บ้าไปแล้วหรือไง?”
พูดจบก็รีบสิ่งเข้าไปและลากเธอเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัย เขาตะโกนใส่เธอ “ปาณี เธออยากตายนักหรือไง? รถเยอะขนาดนี้ เธอยังวิ่งไปไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่อยากมีชีวิตต่อแล้ว? แม้แต่ลูกก็ไม่เอาแล้วหรือไง?”
ปาณีหันกลับมาอย่างว่างเปล่า ก่อนจะลูบลงไปที่หน้าท้องและเอ่ยพึมพำ “ลูก? ใช่ ฉันตั้งท้องแล้ว บ้าเอ้ย ฉันลืมลูกไปได้ยังไง? ถ้าหากคุณอารู้เรื่องจะต้องโกรธจนไม่สนใจฉันแน่? ไม่ได้ ฉันจะเสียคุณอาไปไม่ได้ ใช่แล้ว ฉันต้องปาคุณอา! คุณอาอยู่ที่ไหน? คุณอา อย่าโกรธปาณีแล้ว ได้ไหม?”
จำรัสมองดูปาณีที่สูยเสียท่าทีปกติไป อดไม่ได้ที่จะตะโกนใส่เธอ “คุณอาของเธอไม่ต้องการเธอแล้ว! เธอไม่ต้องเรียกคุณอา คุณอาอีกต่อไป! คุณอาของเธอกำลังจะหย่ากับเธอ ! เธอมีสติขึ้นมาหน่อย ธามนิธิไม่ต้องการเฮแล้ว!”
ปาณีได้ยินดังนั้นก็ยืนตะลึง
ส่วนจำรัสที่ระบายโพล่งออกมาก็มองเห็นใบหน้าขาวซีดของเธอ และเอ่ยเสียงต่ำ “ไปเถอะ ฉันพาเธอกลับไปโรงพยาบาล ตอนนี้เธอเป็นแบบนี้ยังคงต้องได้รับการดูแล เธอต้องพักผ่อนเข้าใ0ไหม? ถ้าหากเธอไม่ต้องการเด็ก รอให้ร่างกายเธอกลับมาแข็งแรงเสียก่อน ฉันค่อยพาเธอไปเอาเขาออก!”
ได้ยินคำว่าเอาเด็กออก ปาณีก็สะบัดมือเขาออกอย่างแรง ก่อนจะมองเขาอย่างหวาดระแวง “นายคิดจะทำอะไร? นายคิดจะทำร้ายลูกของฉันหรือ? ไม่ได้! ฉันจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมาทำอันตรายเขา ไม่ว่าใครทั้งนั้น!”
พูดจบ ก็เดินตามทางเท้าไปอย่างไม่สนใจอะไรอีก
จำรัสชะงักไปและรีบเดินตามเธอ แต่กลับถูกรถยนต์ขวางเอาไว้เสียก่อน “ปรี๊นปรี๊นปรี๊น”เสียงแตรรถดังขึ้นไม่หยุดที่ข้างๆหูของเขา
มีคนขับรถไม่น้อยเอ่ยตะโกนด่าเขา “อยากตายหรือไง? ไม่เห็นรถหรือไงวะ?”
พอจำรัสวิ่งมา ก็มองเห็นว่าปาณีนั้นอยู่ตรงข้ามถนนกับตนแล้วเรียบร้อย พร้อมๆกับแทกซี่ที่หยุดลงและตัวเธอที่นั่งเข้าไป
จำรัสตบตัวเองด้วยความสำนึกเสียใจ “ปากไม่รักดี เป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าเธอจะหนีไปไหน?”
จากนั้นเขาก็รีบไปยังรถของตนเองและคิดที่จะออกตามหาเธอ
รถกำลังวิ่งไปตามถนน แต่จำรัสกลับไม่เห็นร่างปาณี เขาบ่นด้วยความสำนึกผิด “ปาณี เธอจะต้องไม่เป็นอะไร!”
ในขณะที่อีกฝากหนึ่ง ปาณีที่เรียกรถแท็กซี่ได้ ก็บอกกับคนขับรถอย่างไม่ลังเล “ไปสวนจตุจักร!”
นึกถึงคำพูดที่จำรัสเพิ่งจะเอ่ยออกมา เธอปฏิเสธที่จะเชื่ออยู่ในใจ “จำรัสคนโกหก! คุณอาจะไม่ต้องการฉันได้ยังไงฒ ใช่ ตุณอาเคยบอกไว้ ขอแค่ฉันไม่ไปจากเขา เขาไม่มีวันที่จะไม่ต้องการฉัน! ใช่ จำรัสคนโกหก!”
เธอสร้างกำลังใจระหว่างกลับบ้าน พอถึงบ้านเธอก็เปิดประตูเข้าไปด้วยท่าทางเบิกบาน และเอ่ยเสียงดัง “คุณอา ฉันกลับมาแล้ว? ฉันมีข่าวดีจะมาบอก ฉัน…”
แต่พอเธอผลักประตูเข้าไป เธอก็เห็นว่าภายในบ้านนั้นว่างเปล่า จิตใจที่เข้มแข็งของเธอพลันอ่อนแอลงมา “คุณอาไม่อยู่ เวลานี้เขาควรกลับมาแล้ว? แต่ว่าเขาไม่อยู่! หรือว่าเขาจะไม่ต้องการฉันแล้วจริงๆ?”
คิดคิดๆ เธอก็อยากจะโทรไปถามคุณอาให้ชัดเจน แต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่าโทรศัพท์ที่เสียไปของตนยังอยู่กับนภันต์
“ใช่สิ ยังมีเบอร์บ้าน! ฉันต้องโทรหาคุณอา ถามให้แน่ชัดว่าเขาไม่ต้องการฉนแล้วจริงๆหรือ? ”พูดจบเธอก็ปาดน้ำตา และเดินไปยังโทรศัพท์
พอเธอมองเห็นกระดาษที่อยู่ด้านข้างโทรศัพท์ สายตาของเธอก็สูญสิ้นความหวัง กระดาษเหล่านั้นหล่นลงสู่พื้นห้อง พร้อมๆกับน้ำตาของเธอที่ไหลลงมาอย่างไม่อยากเชื่อ “คุณอา ไม่จริงใช่ไหม! บอกฉันที ว่านี่ไม่ใช่เรื่องจริง…..”
แต่ว่า คำตอบที่เธอได้รับ มีเพียงความว่างเปล่าในห้องเท่านั้น…..
ตอนที่872 ไร้ข่าวสาร
วันนี้ธามนิธิยกเลิกงานทั้งหมด และไม่ได้กลับไปอยู่ที่บ้านของปาณีและเขา แต่กลับเลือกไปเมืองเมฆาโยใช้ข้ออ้างว่าไปทำงานนอกสถานที่เพราะมีเรื่องด่วนจ้องจัดการ แต่ในใจของเขานั้นรู้ดียิ่งกว่าใคร เขากลัวที่จะต้องเจอหน้าปาณี!
ไม่ผิด คนที่ไม่เคยกลัวฟ้ากลัวดินอย่างธามนิธิ กลับถอยหลังเสียแล้ว เขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับเธอ เผชิญหน้ากับความโกรธของเธอ ความสงสัย และที่ยิ่งกว่านั้นคือเขาไม่กล้าเผชิญหน้ากับน้ำตาของเธอ
แถมเขา เขาไม่รู้ว่าที่แท้แล้วตนเองกลัวไปทำไม อาจเป็นเพราะปาณีคือผู้หญิงเพียงคนเดียว คนเดียวในชีวิตของเขาที่ผ่านมา
ในสนามรบ ยามต้องเผชิญหน้ากับศัตรู เขาไม่เคยอ่อนข้อ ไม่เคยหวาดกลัว แต่ในวันนี้ แม้กระทั่งผู้หญิงอันแสนบอบบางคนหนึ่งเขายังไม่กล้าเผชิญหน้า
ธามนิธิยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว เขามองดูตัวเองกระจกแล้วพูด “ธามนิธิ! นายก็แค่นั้นแหละ! นายไม่ใช่คนที่ไม่เคยเกรงกลัวต่ออะไรหรอกหรือไง? ตอนนี้นายกำลังยอมรับกับตัวเองแล้ว ว่าแค่คำอธิบายจากปาณีนายยังไม่กล้าฟัง? นายมันก็แค่คนขี้ขลาด!”
ไม่เพียงแต่ปาณีเท่านั้น เขากลัวที่จะเห็นความสงสัยของไวยาตย์ เสียงโวยวายและการตั้งคำถามจากแม่และพี่สาวของเขาด้วยเช่นกัน
นึกถึงเมื่อวานที่ราวกับฝันร้าย ธามนิธิก็อดหวังให้เขาจะยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นต่อไปขึ้นมา เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเห็นฉากที่ทำให้หัวใจแตกสลายและไม่ทำให้เขารู้สึกทรมารอย่างเช่นตอนนี้!
แม้ว่าเขาและปาณีจะตกลงแต่งงานกันเพราะข้อตกลง แต่หลังจากแต่งงานเขาก็ค่อย ๆถูกเธอดึงดูด รอยยิ้มและความโกรธของเธอกลายเป็นตัวกระตุ้นอารมณ์ของเขา
และเมื่อเขาเห็นด้วยตาของเขาเองว่าเธออยู่ในอ้อมแขนของชายอื่น เขารู้สึกว่าเขาแพ้แล้ว ! แพ้ให้แก่คนที่ชื่อ ขำรัส!
แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจที่จะยอมรับมัน แต่เขาก็ต้องบอกว่าจำรัสเข้ากันได้กับเธอมากกว่าตัวเขา และนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงมอบหมายให้ไวยาตย์เป็นตัวแทนในการจัดการกับการหย่าร้าง นั่นเพราะเขากลัวที่จะเห็นท่าทีกระตือรือร้นที่จะจากไปของปาณีต่อหน้าเขา!
หลังจากนั้นไม่นาน โทรศัพท์ก็ดังขึ้น เขาดูที่หมายเลขแล้วกดรับ “สวัสดี พี่!”
ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ เสียงของจันวิภาส่งมาตามสายอย่างรวดเร็ว “ธามนิธิ! นายหายไปไหนมิทราบ? ไวยาตย์บอกว่าคุนายต้องการหย่าร้างกับปาณี? นาย นาย นาย… ”
ธามนิธิพูดอย่างใจเย็น “ใช่ ผมต้องการหย่ากกับเธอ!”
จันวิภาตกตะลึงไปทั้งตัว จากนั้นก็พูดอย่างเร่งรีบว่า “ธามนิธิ นายจะไม่ได้พิจารณาต่ออีกหน่อยหรือ?” ในเมื่อ นายกับปาณีก็รักกันมาตั้งนาน ทำไมจู่ๆถึงทำแบบนี้ นอกจากนี้ ระหว่างสามีและภรรยาไม่มีใครไม่ทะเลาะกันหรอกนะ! นายควรคิดให้ดีๆอีกครั้ง ท้ายที่สุดผู้หญิงอย่างปาณีนั้นก็ดีมาก นายหาแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ!”
จันวิภายังคงเกลี้ยกล่อมเขา แต่ ธามนิธิเอาแต่เงียบ เธอพูดจนปากแห้งและอดไม่ได้ที่จะถามว่า “ธามนิธิ นายต้องการทำมันจริงๆเหรอ?” ตัดสินใจแล้วเหรอ? ”
ธามนิธิเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะเริ่มพูด “ใช่!”
จันวิภาถอนหายใจเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ธามนิธิ ตั้งแต่เด็กนายก็มีความคิดค่อนข้างรอบคอบ เอาเถอะ สิ่งที่ฉันควรพูดก็พูดไปแล้ว ถ้านายยืนยันว่าจะหย่าปาณี นายก็ทำตามที่นายต้องการเถอะ!”
พูดจบ ก็วางสายไป
ธามนิธิจ้องไปที่โทรศัพท์มือถือส่งเสียงบี๊บ หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด เขาพึมพำเบา ๆ ” พี่ ที่จริงแล้วฉันไม่ต้องการ! แต่เพื่อที่จะให้ความสุขเธอต้องการ ฉันทำได้แค่ต้องปล่อยเธอไปได้เท่านั้น”
ในขณะที่เขากำลังเหม่อลอย เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาดูเบอร์ของนภันต์และลังเลสักครู่ก่อนจะตอบว่า “นภันต์ มีอะไร?”
นภันต์ฟังเสียงทึมทื่อของพี่เขยก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเสียงเบา “พี่เขย พี่สาวอยู่กับคุณไหม? ผมไม่สามารถติดต่อกับเธอได้ โทรศัพท์มือถือของเธอเอามาให้ผมซ่อม ผมซ่อมเสร็จแล้ว แต่เธอไม่ได้มาเอา พี่บอกให้เธอมาหาผมที่นี้หน่อย”
ธามนิธิตกตะลึงแล้วถามด้วยเสียงต่ำว่า “มือถือของเธอพัง?”
“ใช่ เธอมาหาผ เมื่อสองวันก่อนบอกว่าทำมือถือพัง เธอไม่กล้าบอกพี่ดังนั้นจึงขอให้ผมช่วยซ่อมให้เธอหน่อย แต่พอซ่อมเสร็จพี่สาวก็ไม่มาเอาไปสักที? ผมหาเธอไม่เจอ ก็เลยเป็นเหตุผลที่ผมโทรหาพี่เขย พี่ไม่ได้มีปัญหาอะไรกับพี่สาวใช่ไหม?” นภัณตลังเลส์กครู่แล้วเอ่ยปากถาม
ธามนิธิรู้สึกหายใจไม่ออก ก่อนจะรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง “นายหมายถึงนายไม่ได้เห็นเธอมาแล้วสองวัน? ที่มหาลัยก็ไม่เจอ? งั้นเธอไปไหน?”
นภันต์ส่ายหน้า “ผมไม่รู้! พี่เขย พี่กับพี่สาวไม่ได้มีเรื่องอะไรใช่ไหม?”
แต่คำตอบที่เขาได้รับกลับเป็นเสียงตู๊ดๆตามสายเข้ามา ธามนิธิวางสายของไปแล้ว
ธามนิธิรีบออกจากโรงแรมทันทีและระหว่างทางไปสนามบินก็โทรหาไวยาตย์ “ไวยาตย์ ตอนนี้นายอยู่ที่ไหน? ไม่ว่านายจะยุ่งกับอะไรก็ตามให้หยุดลงก่อน ไปที่สวนจตุจักร และดูหน่อยว่า ปาณีอยู่ที่นั่นหรือเปล่า? ถ้าไม่ รีบติดต่อฉันทันที! ”
หลังจากนั้นโดยไม่รอปฏิกิริยาของไวยาตย์เขาก็รีบวางหูโทรศัพท์ ก่อนจะขึ้นไปบนรถและเหยียบคันเร่งเร่งความเร็ว
ระหว่างทาง เขาจับพวงมาลัยแน่นด้วยความกังวล หัวใจคล้ายกำลังถูกใครสักคนควักมันออกมา “ปาณี อย่าเกิดอะไรขึ้นกับเธอนะ! ที่ฉันยอมปล่อยมือก็เพื่อให้เธอมีความสุขมากขึ้น เธอ…”
มาถึงสนามบิน เที่ยวบินเที่ยวสุดท้ายเพิ่งจะบินออกไป ธามนิธิปฏิเสธที่จะนั่งรออยู่ที่นั่น ผ่านไปครู่ใหญ่จึงค่อยคิดขึ้นมาได้ จึงรีบหยิบโทรศัพท์และต่อสายออกไป
ไม่นานนัก เฮลิคอปเตอร์ก็ปรากฏตัวที่สนามบิน
ชายคนหนึ่งสวมแว่นออกลงจากเครื่องบินมา และเดินไปธามนิธิก่อนจะเอ่ยเสียงนุ่ม “คุณคือคุณธามนิธิใช่ไหมครับ? ผมถูกส่งให้มารับคุณ… ”
ยังไม่ทันเขาจะแนะนำตัวเองเสร็จ ธามนิธิรีบเดินไปยังเฮลิคอปเตอร์และบอกเขาว่า “นายรีบหน่อยได้ไหม? ฉันต้องรีบกลับไปเมืองชยุต!”
บนเฮลิคอปเตอร์เขาเอาแต่จับจ้องที่โทรศัพท์มือถืออย่างไม่คลาดสายตา เฮลิคอปเตอร์บินเร็วมาก เดิมต้องใช้เวลาเดินทางถึงสองชั่วโมง แต่ภายใต้การเร่งอย่างต่อเนื่องของธามนิธิ มันกลับสั้นลงเป็นชั่วโมงในทันใด
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่เมืองชยุต โทรศัพท์มือถือของธามนิธิก็ดังขึ้น เขาดูที่สายของไวยาตย์จึงกดรับและถามอย่างรวดเร็วว่า “เป็นอย่างไรบ้าง เธออยู่บ้านรึเปล่า?”
ไวยาตย์ส่ายหัว “ท่านประธาน ไม่มีใครอยู่ในวิลล่าที่สวนจตุจักรเลย และตอนนี้นายท่าผู้หญิงก็รู้เรื่องของคุณแล้วและสั่งให้คุณรีบกลับไปเดี๋ยวนี้… ”
ธามนิธินิ่งงันอยู่ที่นั่น ก่อนจะเดินลงจากเครื่องบินไปและรีบออกจากสนามบินไปท่ามกลางสายตาที่ยังคงสงสัยของคนที่ถูกเมธชนันจัดหามาให้
ผมเผ้าของเขากระจัดกระจายไปทั่วศีรษะพร้อมทั้งหนวดเคราที่ไม่เป็นระเบียบ ไม่หลงเหลือภาพลักษณ์เลยสักนิด
ในขณะนี้ หัวใจของเขาเต็มไปด้วยเรื่องของปาณี “เธอไปอยู่ที่ไหนบนโลกนี้? ฉันแค่ช่วยเธอเติมเต็มความปรารถนาของเธอ ทำไมเธอถึงต้องออกจากบ้านไปด้วย?”
”ใช่! บ้าน! ฉันลืมครอบครัวของเธอไปได้ยังไง! นภันต์ไม่รู้ แต่พ่อแม่ของเธอควรรู้! ธามนิธิตบตัวเองอย่างแรงแล้วรีบโทรหาฝนสิริแม่ของปาณี”แม่ครับ นี่ผมเองธามินิ ปาณี กลับไปแล้วหรือยังครับ? ยังหรือครับ? รู้แล้วครับ!”
วางสายเสร็จ เขาก็ยืนคอตกอยู่ท่ามกลางสนามบินอันว่างเปล่า อยู่ๆก็คล้ายรู้สึกราวกับว่าอยากร้องไห้แต่กลับไม่มีน้ำตาไหลออกมาขึ้นมา ตอนที่ไวยาตย์มาถึงก็มองเห็นเขามีท่าทีราวกับเด็กน้อยที่ถูกทอดทิ้ง และกำลังยืนเคว้งคว้างอยู่เพียงลำพังอย่างกระสับกระส่าย!
ไวยาตย์เดินเข้าไปและเอ่ยเรียกเสียงเบา “ท่านประธาน!”
ตอนที่873 สำนึก
ปฏิกิริยาแรกของธามนิธิเมื่อเห็นไวยาตย์คือการรีบคว้าแขนของเขาและถามกระวนกระวาย “นายได้พูดเรื่องการหย่ากับเธอหรือเปล่า?
ไวยาตย์ตกอยู่ในภวังค์ไปครู๋หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ผมไม่ค่อยแน่ใจ….”
ธามนิธิรีบขว้างมือของเขาออกอย่างว้าวุ่นใจ “อะไรคือสิ่งที่นายบอกว่าไม่แน่ใจ? ฉันไม่ด้บอกให้นายไปบอกเธอเรื่องเซ็นลงนามในข้อตกลงการหย่าหรือ? ถ้าหากนายไม่แน่ใจแล้วใครจะแน่ใจ?”
มองไปที่ธามนิธิที่มีสีหน้าซีดเซียว ไวยาตย์ขมวดคิ้วและเอ่ย “ตอนที่คุณให้ผมไปแจ้งให้ปาณีทางโทรศัพท์ มีผู้ชายคนหนึ่งรับสาย ผมเลยบอกผู้ชายคนนั้นไป ว่า ทิ้งสัญญาการหย่าไว้ที่สวนจตุจักรให้เธอเซ็นสัญญา! ดังนั้นผมเลยไม่แน่ใจว่าปาณีเห็นหรือไม่…”
ธามนิธิชะงักไป แล้วก็วิ่งไปที่รถอย่างเร่งร้อน พอเดินไปที่รถและคิดจะเปิดประตู แต่ก็พบว่าเขาไม่มีกุญแจรถ
ดังนั้นเขาจึงตะโกนใส่ไวยาตย์ “เร็ว เอากุญแจรถมาให้ฉัน!”
ไวยาตย์ยื่นกุญแจให้เขาอย่างไม่เต็มใจ เขาอิดออดอยู่ซักครู่แล้วพูดว่า “ท่านประธาน ในเมื่อคุณตัดสินใจหย่าแล้วคุณยัง… ”
สายตาเยียบเย็นที่จ้องมาของธามนิธิ ทำเอาเขาอดกลืนคำพูดทั้งหมดลงไปอย่างอดไม่ได้
จากนั้นจึงมองดูที่แผ่นหลังของธามนิธิที่เดินจากไป ไวยาตย์ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ “ความรัก มันช่างอันตรายจริงๆ! หวังว่าฉันจะไม่ได้สัมผัสมัน! ”
แต่พอนึกถึงปาณีที่ดื้อรั้นคนนั้น เขาก็ถอนหายใจออกมา “ปาณี หวังว่าเธอจะสบายดี!”
ตอนนี้ธามนิธิกำลังบ้าคลั่ง เขาเร่งความเร็วบนถนนและไม่หันมามองแม้แต่สัญญาณไฟจราจร
ตอนนี้เขาทั้งในใจและดวงตาของเขาล้วนเป็นภาพยามปาณีหัวเราะ ดีใจ และร้องไห้ ในวินาทีนั้น เขาถึงค่อยเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งว่าเขานั้นไร้เดียงสาเกินไป คิดว่าการปล่อยเธอไปจะสามารถคืนความสุขให้กับเธอได้ แต่เขากลับลืมไปว่าความมั่นใจในตนเองของเขาต่างหาก ที่จะเป็นความสุขของผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้น
ในวินาทีนี้ ธามนิธิเข้าใจหัวใจของเขาอย่างถ่องแท้แล้ว ว่าเขารักเธอ รักจนไม่อยากจะแยกจากเธอแม้แต่ชั่ววินาทีรักแม้รู้ว่าหัวใจของเธอจะมีเจ้าของ แต่เขาก็ยังต้องการล็อคเธอไว้ข้างเขาอย่างเห็นแก่ตัว !
เมื่อมองไปที่สวนจตุจักรที่อยู่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ธามนิธิก็อดเอ่ยร้องออกมาไม่ได้ “ปาณี ฉันกลับมาแล้ว ฉันจะไม่ปล่อยมือของเธออีกต่อไป!”
แต่เมื่อเขาเดินจ้ำไปยังหน้าประตูและมองเห็นแสงรางๆ ส่องออกมาจากห้องครัว ในตอนนั้นเขาหัวเราะอย่างมีความสุข “ปาณี! เธอ… ”
แต่เมื่อเห็นว่าที่แท้ร่างนั้นกลับเป็นแม่ของเขาที่เดินออกมาจากห้องครัว ธามนิธิก็มีความรู้สึกผิดหวังอย่างที่ไม่สามารถบรรยายได้พุ่งเข้ามาใส่ทันที
ฐิติพรมองไปที่ลูกชายที่มีสภาพทรุดโทรมดูไม่ได้ เธอจึงอดถามเสียงเบาขึ้นมาไม่ได้ “ธามนิธิเกิดไรขึ้นกันแน่? ทำไมลูกถึงมีสภาพเป็นแบบนี้? แล้วปาณีล่ะ? ทำไมฉันถึงติดต่อกับเธอไม่ได้? พูดจาสิ?”
ธามนิธิยังคงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างนิ่งงัน พอฐิติพรเห็นท่าทางของเขา ก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา “ธามนิธิ ลูกกับปาณีเกิดอะไรขึ้นกันแน่? คนหนึ่งหายไป อีกคนไปเมืองเมฆา? พวกลูกทะเลาะกันเหรอ?”
ธามนิธิมองกลับไปอย่างเปล่าเปลี่ยวและพูดเสียงต่ำว่า “เราหย่ากันแล้ว … ”
ฐิติพรตกตะลึงไปทั้งตัว ใช้เวลานานกว่าจะหาเสียงของเธอกลับมาได้อีกครั้ง “ไม่ เมื่อกี้ลูกพูดว่าอะไร? แม่ได้ยินไม่ชัดเจน …”
ธามนิธิกวาดเส้นผมของเขาอย่างอ่อนแรงและพึมพำว่า”ผมหย่าปาณีแล้ว!”
ฐิติพรนั่งลงบนโซฟาอย่างตะลึงงัน และร้องออกมาด้วยความรู้สึกปวดหัว “โอ้ย หัวฉัน! ปวดหัวไปหมดแล้ว!”
มองดูท่าทีเจ็บปวดของแม่ของตน ธามนิธิยิ้มขื่นและเอ่ยถาม “แม่ ผมพาแม่ไปโรงพยาบาลดีไหม?”
ฐิติพรปัดมือของเขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ฉันไม่สน แกไปหาปาณีกลับให้ฉันเดี๋ยวนี้ เธอคือลูกสะใภ้ของฉัน ไม่ใช่ว่าแกบอกจะหย่าก็หย่า! หากปราศจากความยินยอมจากฉัน การหย่าของพวกแกไม่สามารถเชื่อถือได้!”
ธามนิธิยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ผมก็หวังว่าผมจะหาตัวเธอเจอเหมือนกัน!”
ฐิติพรกังวลขึ้นมาทันใด และยื่นมือมาผลักเขา “แล้วทำไมแกถึงยังมานิ่งอยู่อีก? รีบไปหาปาณีสิ! จริงๆเลย ปกติลูกทำตัวออกจะพึ่งพาได้? ทำไมครั้งนี้ถึงเป็นแบบนี้? ไวยาตย์ก็เป็นจริงๆเลยเช่นกัน ไม่พูดอะไรกับแม่ล่วงหน้าสักคำ มิฉะนั้นแม่จะไม่อนุญาตให้แกทำร้ายปาณีแบบนี้แน่ โธ่ ปาณี ปาณี หนูอยู่ที่ไหนกัน?”
ในที่สุด ธามนิธิก็ถูกแม่ของเขาผลักออกจากบ้าน และมอบภารกิจที่ ต่อให้ตายก็ต้องทำให้สำเร็จ “ถ้าแกไม่พา ปาณีกลับมา แกจะไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าบ้านนี้!”
เขาเดินออกไปด้วยความงุนงงและเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าแจ่มใส อดไม่ได้ที่จะพูดพึมพำว่า “ปาณี ตอนนี้เธออยู่ที่ไหนในโลก?”
นภันต์มองดูโทรศัพท์ที่ตนเองเพิ่งจะวางหูไป จู่ ๆพี่สาวของตนก็ปรากฏตัวขึ้น เขาพูดอย่างอ่อนใจ “พี่ ทำแบบนี้ไม่ใช่หนทางที่ดีเลย! พี่ควรจะคุยกับพี่เขยให้ชัดเจน?”
ปาณีนั่งนิ่งอยู่ที่เดิม ถ้าไม่ใช่เพราะน้ำตาของเธอที่ไหลลงมาเป็นครั้งคราว บางทีอาจจะคิดว่าเธอเป็นตุ๊กตานั่ไปแล้วก็ได้!”
นภันต์ไม่รู้ว่าเขาถอนหายใจไปครั้งที่เท่าไหร่ เขามองไปที่พี่สาวที่โง่เขลาของตนและพูดไม่ออก เขาอยากให้แม่ของเขามา แต่พี่สาวของเขากลับห้ามไม่ให้เขาบอกเธอเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพราะตอนนี้เธอเหนื่อยมากและไม่ต้องการให้แม่เข้ามายุ่งอีก
เมื่อพิจารณาถึงลักษณะที่พึ่งพาไม่ได้ของฝนสิริ นภันต์จึงต้องพับความคิดนี้ลง แต่เมื่อมองดูพี่สาวที่ท่าทางซีดเซียวเขาก็อดรู้สึกปวดใจไปด้วยไม่ได้
ในที่สุดเขาก็นึกถึงชยรพขึ้นมา ตั้งแต่เวทัสเดินจากไป เขาเป็นกัปตันชั่วคราวของทีมแข่ง อีกทั้งเขายังมีความสัมพันธ์กับครอบครัววิสิทธิ์เวช นภันต์คิดว่าถ้าหากไปถามเขา เขาจะต้องรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น
”อะไร? นายหมายถึงตอนนี้พี่นายวอยู่ที่นั่นหรือ?” หลังจากฟังคำพูดของนภันต์ ชยรพก็อุทานออกมา “พี่สาวของนายรู้รึเปล่าว่าตอนนี้คุณลุงธามนิธิแทบอยากจะพลิกเมืองทั้งเมืองเพื่อตามหาเธอ? ผลลัพธ์คือเธอซ่อนตัวในอพาร์ตเมนต์ของนาย?”
เมื่อเห็นท่าทางประหลาดใจของชยรพ นภันต์ก็อธิบายอย่างเสียไม่ได้ “ก่อนหน้านี้ ฉันโทรหาพี่เขยแล้วบอกว่าฉันติดต่อกับพี่ไม่ได้ ใครจะคิดว่าพอฉันวางสายพี่ก็จู่ๆปรากฏตัวที่ประตูห้องเช่าของฉัน ..”
ชยรพเดินไปมาอย่างงงงวย “พี่สาวของนายหมายถึงอะไร? ไม่อยากเจอคุณลุงธามนิธิแล้วหรือ? พวหผู้หญิงทำไมยุ่งยากขนาดนี้?”
นภันต์เอ่ยตอบอย่างไม่พอใจ “นายสิที่ยุ่งยาก? นายห้ามพูดกับพี่ฉันแบบนี้!”
ชยรพเอ่ยตอบอย่างไม่เต็มใจ “โอเค โอเค ไม่พูดอะไรเกี่ยวกับพี่สาวของนาย! แต่พี่สาวของนายทำแบบนี้กำลังหมายถึงอะไร? เธอวางแผนที่จะไม่เจอคุณลุงแล้วหรือแค่ชั่วคราว?”
นภันต์ส่ายหน้า เพราะนอกจากเรื่องที่ห้ามไม่ให้เขาเอาเรื่องนี้ไปบอกกับแม่ เรื่องอื่นๆเธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
ตอนนี้พอเขารู้จากชยรพแล้วว่าพี่เขยกำลังตามหาพี่สาวของเขาไปทั่วเมืองชยุต เขาตื่นตระหนกจริงๆ เขาไม่รู้จะทำอย่างไรดี!
”ชยรพ ลูกพี่ชยรพ นายต้องให้คำแนะนำกับฉัน! เกิดอะไรขึ้นกับพี่สาวของฉันและพี่เขยกันแน่? ฉันถามพี่สาวของฉันแต่เธอไม่ได้พูดอะไรเลย เธอเอาแต่ร้องไห้อยู่ที่นั่น ฉันจนปัญญาแล้ว ข้างหนึ่งเป็นพี่สาวของฉัน อีกข้างเป็นพี่เขยของฉันที่ฉันชื่นชมอย่างมาก … ฉันทำตัวลำบากนะแบบนี้! ”
ชยรพนิ่งคิด ก่อนจะตบลงไปบนไหล่ของเขาด้วยท่าทียุติธรรม “พวกเรามีความสัมพันธ์แบบไหนกัน! นายวางใจ ฉันจะช่วยนายแก้ปัญหาเอง!”
ตอนที่874 เป็นพ่อคนแล้ว
ธามนิธิตามหาจนกระทั่งอีกวัน เขาค้นหาถนนไปตามกระทั่งตรอกซอกซอยของเมืองชยุตและสถานที่ทั้งหมดที่สามารถพบได้ แต่ยังถูกคนกรอกตาใส่เข้าให้ไม่น้อย
ตอนที่เขาไปหาส้มโอ เธอที่กำลังทำงานอยู่ หลังจากได้ยินคำอธิบายของธามนิธิ เธอจึงถามเขาถึงเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมปาณีถึงได้หายไป
หลังจากรู้ว่าเขาเป็นริเริ่มความคิดในการหย่ากับปาณีก่อน ทันใดนั้นเธอก็หันหลังให้กับเขาอย่างไม่พอใจและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นว่า “ได้โปรดถอยไปด้วยค่ะ! ท่าประธานธามนิธิ พวกเราเป็นแค่พนักงาน ไม่รวยเหมือนคุณ! ปาณีดีกับคุณมากขนาดนี้ คุณบอกว่าจะทิ้งก็ทิ้งงั้นหรือ? ช่างเป็นหมาป่าตาขาว! ทำไมคุณไม่คิดมั่งว่าตอนที่ปาณี แต่งงานกับคุณ คุณยังคงนั่งอยู่ในรถเข็นอยู่เลย?”
เผชิญกับส้มโอที่มีทีท่าก้าวร้าว ธามนิธิไม่ได้เอ่ยแก้ตัวอะไร แต่ยังคงพูดขอร้องเสียงเบา “เธอบอกฉันได้ไหมว่าปาณีอยู่ที่ไหน ที่ ฉันรู้จริงๆว่าฉันผิด ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายเธออีกต่อไป”
ส้มโอยิ้มเย้ยหยันแล้วพูดว่า “ขอโทษนะ! อย่าว่าแต่ฉันไม่รู้ว่าปาณีอยู่ไหนเลย แม้ว่าฉันจะรู้ฉันก็จะไม่บอกคุณที่เป็นคนหน้าเนื้อใจเสือแบบนี้!”
พูดเสร็จแล้วเธอก็หยิบไม้ถูพื้นมากวาดไปมาที่ที่เขายื่นอยู่ ทำให้เขาโดนเศษขยะจนสกปรกไปด้วย!
ส้มโอส่งเสียงหึออกมา ก่อนจะหันกลับไปทำเรื่องของตนโดยไม่หันกลับมาอีก ธามนิธิยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ผ่านไปชั่วครู่ถึงค่อยเดินออกไป
ส้มโอหันมามองแผ่นหลังของเขาและอดไม่ได้ที่จะด่าไล่ตามไป “คนเลว!”
หลังจากนั้นเธอก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและพยายามติดต่อปาณี แต่ก็ต้องผิดหวังอีกครั้งที่พบว่าโทรศัพท์มือถือของอีกฝั่งไม่สามารถติดต่อได้ เธออดพึมพำไม่ได้ “ปาณี ตอนนี้เธอกำลังเศร้ามากใช่ไหม เฮ้อ…”
หลังจากแยกออกมาจากส้มโอ ธามนิธิหมดหนทาง จึงได้แต่วางศักดิ์ศรีของตนลงและไปหาคุณชรัณ หรือก็คือพ่อของส้มโอ
“อะไรนะ? ส้มโอเจ้าเด็กคนนี้ กล้าทำกับท่านประธานแบบนี้ได้ไง? ท่านรอสักครู่ ผมไปสั่งสอนเธอสักหน่อย!”คุณชรัณได้ฟังคำขอร้องจากธามนิธิ ก็รีบตะโกนออกมาเสียงดังด้วยความเร่งร้อน
ธามนิธิยิ้มขื่นและส่ายหน้า “ไม่เป็นไรหรอก! ตอนนี้ฉันแค่อยากจะหาตัวภรรยาให้เจอเท่านั้น! รบกวยคุณชรัณช่วยถามลูกสาวของคุณให้หน่อย ว่ารู้ที่อยู่ของปาณีไหม ถ้าหากรู้ล่ะก็รบกวนช่วยบอกผมด้วย..”
ชรัณโทรหาส้มโอทันที แต่อีกฝ่ายรู้ถึงเหตุผลที่โทรมาดี จึงไม่ไว้หน้าใครทั้งนั้นและวางสายลงทันใด
ชรัณยืนอยู่ที่นั่นด้วยความอับอาย ใบหน้าของเขาเป็นสลับสีดำขาว ในที่สุดเขาถอนหายใจและพูดกับธามนิธิว่า “ท่าประธาน ฉันว่าคุณ..เอาเถอะยังไงซะคุณวางใจได้ ถ้าหากส้มโอรู้จักที่อยู่ของภรรยาคุณจริงๆ ฉันจะบอกคุณ!”
หลังจากออกจากบริษัทของชรัณแล้ว ธามนิธิก็เดินไปตามถนนอย่างว่างเปล่า เขามองดูผู้คนที่กำลังมาและไป แต่ในใจเขาร้องไห้: “ปาณี เธออยู่ที่ไหนในโลก? ฉันผิดไปแล้ว เธอรีบกลับมาหาฉันเถอะ? ฉันจะไม่เป็นคนโง่อีก ฉันรักเธอจริงๆ! เธอจะทิ้งคุณอาไปแบบนี้ได้ยังไง?”
ทันใดนั้น ที่มุมถนน เขาเห็นร่างที่คล้ายกับปาณีปรากฏขึ้นในเสื้อโค้ตสีกากี ดังนั้นเขาจึงวิ่งไปหาเธอเหมือนคนบ้าและชนกับใครต่อใครเข้าหลายที
โดยไม่สนใจความไม่พอใจของผู้คน เขารีบวิ่งไปด้านหลังและเอื้อมมือออกมาจับแขนของคนคนนั้นไว้อย่างแน่น “ปาณี! ฉัน… ”
แต่เมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ไม่คุ้นเคย รอยยิ้มผิดหวังก็ปรากฏบนใบหน้าของเขา ในขณะที่ผู้หญิงที่ถูกจับโยคนแปลกหน้าก็ด่าว่าเขาอย่างไม่พอใจ: “ประสาท!”
ในขณะที่เขาและไวยาตย์กำลังพยายามตามหาปาณี ชลิตก็มาที่บ้านวิสิทธิ์เวช และมองฐิติพรที่ขมวดคิ้วแน่น เขายิ้มและถามว่า “คุณป้า เป็นอะไรไปครับ? นี่คือ? ธามนิธิและภรรยาหล่ะครับ? ผมมีเรื่องมาหาเขา”
ฐิติพรเห็นว่าชลิต จึงถอนหายใจออกมาเล็กน้อยแล้วก็บ่นว่า “ธามนิธิไม่อยู่บ้านแล้ว ถ้าคุณมีอะไรก็โทรหาเขาได้ แต่ไม่แน่ใจว่าเขาจะมีเวลามาตอบไหม”
ชลิตขมวดคิ้วขึ้นมาด้วยความประหลาดใจ “ช่วงนี้ ธามนิธิยุ่งมากเลยเหรอครับ?”
ฐิติพรมองดูชลิต เขาไม่ใช่คนนอก นอกจากนี้ตอนนี้ธามนิธิกำลังตามหาปาณีไปทั่วเมือง เรื่องนี้ไม่สามารถปกปิดได้นาน เธอถอนหายใจแล้วพูดว่า “ไม่ใช่ธามนิธิทะเลาะกับปาณี แต่ทั้งคู่จะหย่า! ตอนนี้ปาณีหายตัวไปและเขากำลังค้นหาไปทั่ว”
ชลิตลุกยืนขึ้นมาทันทีและถามด้วยความตกใจ “ปาณีหายไป?”
แม้ว่า ฐิติพรจะประหลาดใจกับการตอบสนองของเขาที่ดูใหญ่โต แต่พอเธอคิดถึงความสัมพันธ์ราวกับพี่น้องของเขาและธามนิธิ ดังนั้นเธอจึงพยักหน้าและถอนหายใจ
ชลิตหลังจากตะลึงไปก็ตะโกนออกมาเสียงดัง “แย่แล้ว!”
ฐิติพรเงยหน้าขึ้นและมองไปยังเขา เธอใช้สายตาเอ่ยถามว่าอะไรคือแย่แล้วที่เขาพูดถึง
ชลิตหยิบแผ่นทดสอบออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วส่งให้ฐิติพร เขาบ่นว่า “ที่ผมมาไม่ใช่เพราะผลตรวจเลือดครั้งที่แล้วของปาณีหรอกหรือ? ตอนนี้ผลการทดสอบออกมาแล้ว เธอท้องแล้ว! ”
ฐิติพรเบิกตากว้างแล้วมองไปที่แผ่นทดสอบในมือของเธอ เธอพูดทวนอีกครั้งด้วยความประหลาดใจ “ตั้งครรภ์?”
ชลิตพยักหน้า “ใช่ครับ ผลมันเขียนไว้อย่างชัดเจนในเอกสารทดสอบ เธอตั้งครรภ์จริงๆ ทำไมธามนิธิถึงทำมั่วซั่วแบบนี้? ทำไมเขาถึงหย่าร้างเธอในเวลานี้? ป้าคุณ คุณคิดว่าปาณีจะไม่สามารถคิดได้และทำอะไรโง่ๆไหมครับ?”
“ไม่ได้การแล้ว!”ฐิติพรกระโดดขึ้นและรีบออกไปอย่างรีบเร่ง “ไม่ได้การ ฉันต้องหาปาณีให้เจอ ฉันต้องไม่ปล่อยให้เธอเรื่องโง่ๆแน่!”
ชลิตมองไปที่แม่ของธามนิธิที่กำลังรีบร้อนและนิ่งคิด ยังไงซะเขาก็ควรจะบอกเรื่องนี้ให้ธามนิธิรู้เสียก่อนจะดีกว่า “เฮ้ ธามนิธิ นี่ฉันเองชลิต…”
ธามนิธิไม่คิดจะคุยกับเขาตอนนี้ “ชลิตตอนนี้ฉันอยู่ข้างนอก มีอะไรค่อยคุยวันหลัง?”
ชลิตพูดอย่างดื้อรั้น “ถ้านายไม่ฟังฉัน ฉันรับรองได้เลยว่านายจะเสียใจไปตลอดชีวิต!”
ธามนิธิอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ในที่สุดเขาก็พยักหน้าแล้วถามว่า “พูดมาเถอะ มีอะไร?”
ชลิตไม่ลีลาเช่นกัน เขาเอ่ยตรงๆ “ก่อนหน้านี้ที่ฉันเอาผลเลือดของปาณีไปตรวจ ผลออกมาแล้ว ตอนนี้นายกำลังจะเป็นพ่อคน!”
”พ่อ? ใคร? ฉัน?” ธามนิธิยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความงุนงง และเอ่ยซ้ำ “ไม่สิ ชลิต นายพูดว่าอะไรนะ? ฉันจะเป็นพ่อคน?”
ชลิตพยักหน้า “ตอนนี้งานด่วนของนายคือรีบพาภรรยากลับมา! นอกจากนี้ ฉันเตือนนายไว้ก่อน สามเดือนแรกของการตั้งครรภ์เป็นช่วงที่อันตรายมาก”
ทันทีที่พูดจบ ก็มีเสียงบี๊บของรถยนต์ดังขึ้นมาตรงหน้า
ชลิตเตือนเขาเรียบร้อยว่าเรื่องของพัฒนาการนั้น ไม่ใช่เรื่องที่หมออย่างเขาจะควบคุมเอาไว้ได้!
ธามนิธิยืนนิ่งอยู่บนถนนที่ กวาดความหดหู่ก่อนหน้านี้ทิ้ง ราวกับคนโง่งม ทันใดนั้นเขาก็หัวเราะออกมา “ฉันกำลังจะเป็นพ่อคน!” ใช่ พ่อ! ฉันจะเป็นพ่อคนแล้ว!”
แต่เมื่อเขาคิดไปถึงแม่ของลูกที่เขายังหาตัวไม่เจอ ก็ทำให้ความรู้สึกของเขาดิ่งลงเหวอีกครั้ง “ไม่ได้การ ฉันต้องตามหาเธอให้เจอ! ปาณี!”
ไวยาตย์โทรเข้ามาหาเขาพอดร ธามนิธิประสาทตื่นตัวขึ้นมา “เป็นไง? มีข่าวของเธอหรือยังไง?”
ไวยาตย์พยักหน้าก่อนจะเอ่ย “ที่มหาลัยบอกว่าเธอทำเรื่องพักการเรียนไปแล้ว….”
ธามนิธิวางสายลง และมองเหม่อออกไปไกล
ตอนที่875 ซ้ายขวาลำบาก
ไวยาตย์กลับเข้ามาที่ใจกลางเมืองและรวมตัวกับธามนิธิอย่าวรวดเร็ว “ท่านประธาน ด้านของมหาลัย บอกว่าเรื่องที่ปาณีพักการเรียนมีวัยรุ่นคนหนึ่งมาช่วยทำเรื่องแทนเธอ!”
ธามนิธิได้สติกลับมาทันที “เด็กวัยรุ่น? ทางมหาลัยรู้ไหมว่าอีกฝ่ายคือใคร?”
ไวยาตย์ส่ายหน้า “ไม่มีใครจำเขาได้ แต่ผมคิดว่าคุณชายชยรพควรจะรู้เรื่องนี้แน่? ในเมื่อเขาอยู่ในมหาลัย แถมแฟนของเขายังเป็นเพื่อนสนิทของปาณีอีกด้วย! ”
ประโยคนี้ ความหมายคือชยรพควรรู้บางอย่างเกี่ยวกับปาณี
ธามนิธิพูดขึ้นในทันทีว่า “ทำไมนายยังมายืนงงอยู่อีก รีบติดต่อเจ้าเด็กชยรพเดี๋ยวนี้!”
ไวยาตย์ยิ้มอย่างขมขื่นและส่ายหัว “ท่านประธาน ผมไม่มีเบอร์โทรศัพท์ขอชยรพ!”
ธามนิธิเริ่มค้นหาในโทรศัพท์มือถือของเขาแล้วส่งเสียงคำรามออกมาอย่างหงุดหงิด “บ้าเอ้ย ฉันก็ไม่มี!”
ไวยาตย์คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “คุณชายเวทัสสมควรมีเบอร์เขาแน่ ก่อนหน้านี้พวกเขาเป็นทีมแข่งทีมเดียวกันไม่ใช่หรือครับ?”
ธามนิธิชะงักไป และรีบต่อสายไปหาเวทัสที่อยู่ต่างประเทศอย่างไม่ลังเล
อีกด้านหนึ่งของโลก เวทัสซึ่งกำลังนอนหลับสนิทอยู่ได้ยินเสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอย่างไม่หยุด เขาหยิบขึ้นมาดู พอเห็นว่ามาจากธามนิธิก็โยนมันทิ้งไปอย่างไม่มีความสุข
แต่อีกด้านหนึ่งแข็งแกร่งกว่า ความเพียรของธามนิธิในการต่อสายหาเวทัสอยู่เป็นเวลานานไม่หยุด ทำให้เวทัสต้องกดปุ่มรับอย่างช่วยไม่ได้ “ลุงน้า รู้ไหมว่านี่เวลากี่โมง ตอนนี้เป็นเวลาตีสองของผมนะ?”
ธามนิธิเอ่ยเสียงเย็น “นายมีเบอร์โทรของชยรพไหม? รีบส่งมาให้ฉันด่วน!”
พูดจบ ก็วางสายไปอย่างเย็นชา
เวทัสจ้องโทรศัพท์มือถือด้วยความไม่พอใจธามนิธิ เขาก็ขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นในใจของเขาก็รู้สึกไม่ค่อยดีขึ้นมา
“ชยรพ? คุณน้าหาเขาไปทำไม? นอกเหนือจากเรียนที่เดียวกับปาณีแล้ว เขาก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับน้าของเขาเลยสักนิด ไม่สิ ต้องเกิดเรื่องกับปาณีแน่! คิดถึงตรงนี้ เวทัสก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาอย่างรวดเร็วและโทรออกหาชยรพ
แต่ชยรพหกลับไม่รับสายจากเขาสักที เวทัสเดินไปมาไม่หยุดอยู่ในห้องนอน “เด็กสมควรตาย! กำลังทำอะไรอยู่กันแน่? เวลานี้ ไม่ใช่เวลานอนสักหน่อย!”
โชคดีที่ในขณะที่กำลังบ่น ชยรพรับรับโทรศัพท์เข้าพอดี เวทัสโพล่งถามขึ้นมา “ชยรพ ปาณีเกิดเรื่องใช่ไหม?”
ชยรพตัวแข็งทื่อไปและมองไปที่โทรศัพท์มือถือ เขาสงสัยมากว่ามีการแอบติดตั้งกล้องบนมือถือของเขาหรือไม่ ทำไมเขาที่เพิ่งรู้ข่าวจากนภันต์ กลับสามารถไปไกลถึจนแม้กระทั่งเวทัสก็ยังรู้เรื่อง
ชยรพลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็บ่นว่า “นายก็รู้แล้ว? เฮ้อ อย่าที่ฉันบอไว้ เรื่องดีๆอยู่ในบ้านเรื่องร้ายลอยออกไปพันลี้ แม้กระทั่งนายที่ห่างออกไปหลายพันไมล์ยังรู้ ฉันอดคิดไม่ได้ว่าความสามารถของอินเทอร์เน็ตมันสูงเกินไปหรือเปล่า?”
เวทัสไม่มีเวลาฟังเรื่องไร้สาระของเขา เขาถามเสียงต่ำ “รีบพูด เกิดอะไรขึ้นกับปาณี นอกจากนี้เธอกับคุณน้าของฉัน ไม่ใช่ว่าพวกเขา …”
ชยรพถอนหายใจและบอกเขาทุกอย่างที่นภันต์บอก “… คุณไม่คิดหรือว่ามันแปลก ปาณีที่ดีๆกับคุณน้าของนายจู่ๆก็ถูกหย่า? จริงๆเลยน้า ฉันงงจริงๆว่าวงจรสมองของลุงนายกำลังคิดอะไรอยู่!”
เวทัสนิ่งเงียบไม่พูดจา
จากนั้นโทรศัพท์มือถือของเวทัสก็ดังขึ้นอีกครั้ง เขาดูและเห็นว่าเป็นหมายเลขของธามนิธิ ดังนั้นเขากดปุ่มปฏิเสธอย่างเด็ดขาด
อีกไม่นานโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นอีกครั้ง ที่แตกต่างก็คือคราวนี้มันไม่ได้มาจากธามนิธิแต่มาจากคุณยายที่เขารักมากที่สุด
“คุณยาย โทรหาผมทำไมครับ? มีเรื่องอะไรผิดหรือเปล่า?” สำหรับคุณยายที่รักเขายิ่งกว่าใครแล้ว เวทัสยังคงเอาใจใส่เป็นอย่างยิ่ง
ฐิติพรทักทายเขาซักพักแล้วรีบเข้าเรื่องทันที “เวทัส มีเบอร์โทรศัพท์ของชยรพไหม?” ถ้ามีอะไรช่วยบอกยาย ยาย มีเรื่องต้องคุยกับเขา!”
เวทัสได้ฟังก็มีน้ำเสียงเย็นชาลงมา เขาเอ่ยเสียงต่ำ “คุณยาย คุณยายออกหน้าแทนน้าใช่ไหมครับ? ถ้าหากไม่มีอะไรแล้ว ผมวางสายก่อนนะครับ!”
พูดจบก็ไม่รอให้ฐิติพรได้ตอบกลับ เขาวางสายลงทันที
เป็นครั้งแรกที่ฐิติพรถูกหลานที่อยู่ไกลออกไปวางสายใส่แบบนี้ ที่เธอถอนหายใจด้วยความเสียใจ “นี่มันอะไรกัน? ตอนเด็กๆ เวทัสตัวติดกับธามนิธิยิ่งเสียกว่าอะไร เมื่อไหร่กันที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาแย่ลง?”
จันวิภายังคงนิ่งเงียบ เพราะเรื่องพวกนี้ เธอรู้สึกว่าเธอไม่ควรคุยกับแม่ของเธอ
นึกถึงพี่น้องชายของตนและปาณีที่เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมา เธอพูดอย่างเศร้าใจ “ตอนนี้ปาณีไปอยู่ที่ไหนกันแน่? ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าทำไมธามนิธิถึงทำเรื่องยุ่งเหยิงแบบนี้? ตอนนี้พอคนจากไป เขาก็คิดจะตามหาตัวให้กลับมา แต่โลกใบนี้กว้างใหญ่ขนาดนี้ ถ้าหากปาณีคิดอยากจะซ่อนตัวหลีกหนีเขา ก็เป็นเรื่องยาก!”
คำพูดยังพูดไม่ทันจบ ศีรษะของเธอก็รู้สึกถึงความเจ็บปวดขึ้นมา เธอร้อง “โอ้ย” เสียงดัง “แม่คะ ตีหนูทำไม? หนูแค่พูดเรื่องจริง!”
แต่สิ่งที่ตอบกลับมากลับเป็นแค่การถลึงตาใส่จากฐิติพรเท่านั้น เธอแค่ฟังเสียงบ่นของฐิติพร “ไม่ว่าความจริงจะคืออะไร งานเร่งด่วนในขณะนี้คือการหาปาณี! พูดง่ายๆ ฉันไม่อนุญาตให้เธอกับธามนิธิหย่ากัน!”
เมื่อมองดูท่าทีแข็งกร้าวของแม่ของตน จันวิภาก็ก้มศีรษะและเงียบไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แม้ว่าเวทัสจะไม่ให้เบอร์โทรศัพท์ของชยรพ แต่ธามนิธิก็ได้มันมาในไม่ช้า แม้ว่าจะหลีกหนีเขาแค่ไหน ก็ไม่สามารถขัดขวางเขาจากการตามหาชยรพได้!
”สวัสดีครับ ชยรพพูด คุณคือ … ” ชยรพมองดูหมายเลขที่ไม่คุ้นเคย เดิมเขาไม่ต้องการรับสาย แต่เนื่องจากมีอยู่ข้างๆและเพื่อไม่ให้เธอรู้สึกสงสัยเขาจึงได้แต่กดรับ
ใครจะรู้ว่าอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ส่งเสียงทุ้มต่ำออกมาอย่างรวดเร็ซ “ชยรพ ! ฉันธามนิธิ!”
ชยรพยื่นโทรศัพท์มือถือของเขาออกไปดูหมายเลข ก่อนจะก็ร้องอุทานว่า “คุณลุงธามนิธิ ทำไมคุณถึงมีโทรศัพท์ของผมหล่ะครับ? เป็นเวทัสที่ ที่มอบให้คุณใช่ไหม?”
ธามนิธิที่อยู่ปลายไม่ได้เสียเวลาไปกับเขาและพูดตรงไปตรงมาว่า “ไม่ใช่เรื่องสำคัญ! ตอนนี้นายบอกฉันมาว่าปาณีอยู่ไหน? นายรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้างใช่ไหม?”
ชยรพเงียบลง
ธามนิธิตะโกนที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ ” ชยรพ!ชยรพ! ฟังอยู่ไหม?”
ทันใดนั้น สายก็ถูกตัดลง
เขามองมือถือที่ส่งเสียงบี๊บตัดสายลงไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ ธามนิธิรู้สึกโกรธจนแทบจะบ้า “เจ้าเด็กหน้าเหม็นชยรพ! ถึงกับกล้าวางสายฉันได้ยังไง ฮึ่ม! ”
ที่มหาวิทยาลัย โมรีดูใบหน้าที่ซึมเศร้าของชยรพ บวกกับสายที่เพิ่งโทรมา เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างนุ่มนวล “แม่ของนายโทรหานายเหรอ? ให้นายเลิกกับฉันอีกแล้วใช่ไหม? แต่การที่นายไม่รับสาย ไม่ใช่คำตอบหรอกนะ? นายว่าถูกต้องไหม? ฉันว่านายควรจะกลับไปที่นั่น ส่วนฉัน ฉันไม่เป็นอะไรหรอก…”
ชยรพหันกลับมาด้วยความตะลึงและมองดูโมรีด้วยสาตาประหลาด แต่พอเขาเห็นความโศกเศร้าที่เห็นได้ชัดบนใบหน้าของเธอ เขาก็อดไม่ได้ที่จะใจอ่อนยวบลงและบ่นว่า “อย่าพูดเรื่องไร้สาระ ไม่ใช่แม่ของฉัน เป็นคุณลุงธามนิธิ เขาถามฉันเกี่ยวกับเรื่องของปาณี… ”
ทันใดนั้น ชยรพที่ตระหนักเรื่องที่หลุดปากออกไปก็รีบปอดปากลงทันที แต่โมรีจ้องไปที่เขาอย่างสงสัย “นายพูดว่าอะไรนะ? เกิดอะไรขึ้นกับปาณี? ปาณีทำไม? ทำไมฉันถึงไม่รู้ว่าเกิดเรื่องกับเธอ? ชยรพนายรีบพูดสิ หรือว่าตั้งใจจะให้ฉันร้อนใจตายห้ะ? นายก็รู้นี่ ว่าปาณีเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน! ”
ชยรพหันกลับมามองโมรีที่ตอนนี้กำลังจนน้ำตาคลอ ก่อนจะต้องเอ่ยเรื่องทั้งหมดออกมาอีกครั้งอย่างช่วยไม่ได้
“เรื่องที่ฉันรู้ ก็มีแค่นี้…”