MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่ 626-630
ตอนที่626
เธอจ้องมองทัดธน รู้สึกช็อกอยู่บ้าง
คนที่ช็อกด้วยเช่นกัน ก็คือธีระที่อยู่ด้านข้างอีกคน
ทัดธนดูเหมือนว่าจะรู้สึกตัวถึงการสูญเสียความควบคุมของตนเอง จึงหัวเราะขึ้นมา “อาจเป็นเพราะอ่านเรื่องคุณปาณีแล้วรู้สึกว่าบนนั้นมีเงาของเธอสะท้อนอยู่มากมาย จึงอยากเอ่ยเรื่องพวกนี้กับคุณปาณีขึ้นมา”
เดิมที ทัดธนรู้สึกเห็นใจเวทัสเป็นอย่างมาก และยืนอยู่ฝั่งของเวทัส
เขาเคยแทบอยากมาหาปาณีเพื่อพูดคุย เอ่ยปากแทนเวทัส
แต่หลังจากอ่านหนังสือของเธอ ความคิดกลับแปรเปลี่ยนเป็นเช่นนี้
คาดหวังให้เธอกับธามนิธิได้อยู่ด้วยกัน
อาจเป็นเพราะอยากจะเติมเต็มจิตใจของตัวเอง ที่ต้องมาสำนึกเสียใจที่ไม่ได้ลงเอยกับคนคนนั้น!
ปาณีถูกเสียงหัวเราะของเขาดึกสติกลับมา และเอ่ยขึ้น “อันที่จริงวันนี้ที่ฉันมาหาคุณ ก็เพราะมีเรื่องที่จะบอกพูดกับคุณ”
“งั้นหรือ?”ทัดธนเอ่ยขึ้นอย่างสงสัย
ปาณีพยักหน้า “มีคนๆนึงที่รอคอยคุณมาอยู่ตลอด หวังว่าคุณจะไปหาเธอ ฉันไม่รู้ว่าเธอใช่คนๆนั้นของคุณไหม เพียงแต่ตอนนี้เธอกำลังป่วย เธอจำชื่อของคุณไม่ได้ แต่ว่าเธอเห็นรูปคุณบนอินเตอร์เน็ตและเก็บมันไว้ในโทรศัพท์มาโดยตลอด”
“…….”คำพูดของปาณี ทำอาคิ้วของทัดธรขมวดขึ้นมาอย่างช้าๆ
ปาณีมองดูเขาและเอ่ยต่อ “เธอชื่อพลอย ยังมี เธอเป็นคนบ้านวิสิทธิ์เวช”
ตอนที่ปาณีเอ่ยชื่อนี้ออกมา ดวงตาของทัดธรก็แสดงถึงความตกใจขึ้นมา
เห็นที พวกเขารู้จักกัน
ปาณีนั้นเดิมทีคิดมาตลอดว่าจะเข้าไปยุ่งเรื่องนี้ดีหรือไม่
อาจเป็นเพราะดวงตาของทัดธนที่กระตุ้นเธอ จึงทำให้เธอตัดสินใจที่จะเอ่ยเรื่องนี้ออกมา
ถ้าหากพูดว่า เรื่องที่น่าเศร้าอันดับแรกของโลกก็คือการไม่มีข้าวกิน ถ้าอย่างนั้น เรื่องน่าเศร้าเรื่องที่สองก็คงจะเป็นคนรักกันแต่กลับไม่สามารถอยู่ด้วยกันได้
อาจเป็นเพราะระยะนี้เธอมีความรู้สึกขึ้นมากับธามนิธิอย่างช้าๆ ยิ่งนานวันยิ่งอยากรักษาความสัมพันธ์นี้กับเขาเอาไว้ ดังนั้นเธอจึงมีความคิดเช่นนี้ขึ้นมา
ฟ้ามืดสนิท ปาณียืนอยู่สะพานลอย จ้องดูรถราที่ขับไปมา และคิดถึงปฎิกิริยาตอบสนองของทัดธนขึ้นมา
หลังจากฟังเรื่องที่เธอเอ่ย ทัดธนก็ไม่ได้พูดอะไรขึ้นอีกมากมายหลังจากนั้น
ปาณีก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขากำลังคิดอะไร แต่ถึงยังไง คำพูดที่เธอควรส่งไปถึงกึงแล้วเรียบร้อย
รถคันสีดำถูกจอดลงที่ข้างถนน ธามนิธิเปิดประตูและเดินลงมาจากรถ เห็นชัดว่าเธอยืนอยู่บนที่สูงกว่า แต่เขากลับมองหาเธอได้ภายในพริบตา
ตอนที่สบสายตาเข้ากับเขา ใบหน้าของปาณีก็แสดงรอยยิ้มอันแสนน่ามองขึ้นมา
เธอหิ้วรองเท้าส้นสูงเดินลงมาจากสะพายลอยทีละสองสามก้าว ก่อนจะวิ่งลงจากสะพานลอยและไปยังตรงหน้าเขา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเขินอายอยู่บ้าง “คุณอา”
แค่เห็นหน้าธามนิธิ ดวงตาของปาณีก็มีประกายวิบวับ ดูคล้ายแฟนคลับตัวยงก็มิปาน
วันนี้ธีระมีธุระรีบร้อนเล็กน้อย ปาณีจึงให้เขากลับไปก่อน และโทรศัพท์ให้ธามนิธิมารับเธอ
หลังจากนั้นคุณอาก็มาจริงๆ
ธามนิธิจ้องมองเท้าอันเปลือยเปล่าของเธอ คิ้วขมวดขึ้นมา ท่าทางอันเย็นชาจองเขากับท่าทีอ่อนหวานน่ารักของเธอดูขัดกันอย่างเห็นได้ชัด “ทำไมไม่สวมรองเท้าก็เดินลงมาแล้ว?เกิดบาดเจ็บที่เท้าขึ้นมาจะทำยังไง?”
บนถนนใหญ่อะไรก็มีทั้งนั้น ยากที่จะหลีกเลี่ยงพวกเศษแก้วอะไรพวกนี้ได้
ปาณีเอ่ย “เจ็บเท้า วันนี้สวมส้นสูงมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยแทบแย่”
แต่เป็นเพราะต้องไปคุยเรื่องาน เธอจึงต้องใส่ชุดสุภาพ ขนาดชุดสูททำงานเธอยังใส่ไปด้วย
ธามนิธินั้นถือลงเท้าที่เธอเคยใส่ทิ้งไว้ในรถตั้งแต่คราวที่แล้วลงมาด้วยตั้งแต่ลงมาจากรถ ก่อนจะคุกเข่าลงตรงหน้าเธอ “ยกเท้าขึ้น”
ไวยาตย์ยืนอยู่ด้านหนึ่ง มองเห็นคุณธามนิธิที่ปกติออกจะทำตัวอยู่สูงเสียดฟ้าปานนั้น กลับคุกเข่าลงตรงหน้าปาณีและช่วยเธอใส่รองเท้า ในใจก็รู้สึกช็อกอย่างที่ไม่มีอะไรมาเทียบได้
ตอนที่627
นี่ใช่คุณธามนิธิที่เขารู้จักรึเปล่า?
ปาณีมองดูธามนิธิที่อยู่ตรงหน้า “อันที่จริงฉันใส่เองก็ได้นะคะ”
ธามนิธิคุกเขาอยู่ตรงหน้าเธอ ไม่ได้ส่งเสียงใดๆออกมาๆ ทำแค่ช่วยเธอใส่รองเท้าด้วยท่าทีจริงจัง
ภายใต้แสงไฟ ปาณีมองดูผู้ชายคนนี้ที่สวมใส่ชุดสูทแต่กลับใส่รองเท้าให้ตนเอง จู่ๆก็รู้สึกพูดไม่ออกขึ้นมา
หลังจากใส่รองเท้าให้เธอเสร็จ ธามนิธิก็เอ่ยขึ้น “ขึ้นรถ?”
ปาณีพยักหน้า “อืม”
ธามนิธิเพิ่งจะทำงานเสร็จเช่นกันก็เลยแวะมารับเธอ
บนรถ ปาณีเอ่ย “วันนี้ฉันไม่ได้ดื่มเหล้านะคะ”
เป็นเพราะก่อนหน้านี้เคยมีประสบการณ์ถูกเขาดุมาก่อน ดังนั้นในภายหลัง ทุกครั้งที่ปาณีออกไปข้างนอก แม้แต่เหล้าเพียงหยดเดียวยังไม่กล้าแตะ
ธามนิธิฟังเธอพูดจบก็หัวเราะขึ้นมา “ฉันดูออก”
ถ้าหากเธอดื่มเหล้าจริง เขาก็สามารถได้กลิ่นทันที
ปาณีจ้องมองธามนิธิ “ถ้างั้นคุณจะไม่ชมฉันหน่อยสักนิดเลยหรือคะ?”
ยามเอ่ยพูด ดวงตาของเต็มไปด้วยประกายความคาดหวัง
ธามนิธิมองดูเธอที่มีท่าทีเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้นมา “อืม เด็กน้อยของเราเก่งที่สุด”
“……..”
ไวยาตย์นั่งอยู่ด้านหน้า รู้สึกว่าตัวเองทนเป็นหมาหัวเน่าต่อไปไม่ไหวอยู่บ้าง
เขาเอ่ยปากถามปาณีขึ้นมา “ปาณี ช่วงนี้บริษัทพัฒนาไปเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เพิ่งจะเริ่มต้น ยังมีอีกหลายเรื่องต้องทำ แต่เพราะมีธีระอยู่ก็เลยไม่เลวเลยทีเดียว เขาเก่งมาก!” ปาณีรู้สึกว่าธีระเพียงคนเดียวนั้นสามารถเทียบได้กับคนถึงห้าคน “ได้ยินว่าไวยาตย์ นายเป็นคนรับสมัครเขาเข้ามาแล้วส่งมาให้ฉัน แบบบนี้นายไม่รู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างหรือไง?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ คิ้วของไวยาตย์ก็ขมวดขึ้นมา
เขามองดูปาณี เธอคิดว่าฉันอยากให้เธอหรือไงกัน?
แต่คำพูดนี้กลับไม่ถูกเอ่ยออกไป ทำได้แค่บ่นอยู่ในใจเท่านั้น
ไวยาตย์เอ่ยประท้วง “เธอสบายแล้วแต่กลับทิ้งเรื่องยุ่งยากไว้ให้ฉัน ฉันใกล้จะปวดหัวตายอยู่แล้ว”
ธามนิธิจ้องดูปาณี ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “ไม่งั้น ให้หิมะไปช่วยเธอดีไหม?”
“หา?” ปาณีมองเขาอย่างสงสัย เขาพูดว่าจะให้บริษัทกับเธอ พูดเสียง่ายดายประหนึ่งยื่นแอปเปิ้ลให้ก็มิปาน แต่ตัวเธอนั้นยังมีความนับถือในตนเองอยู่บ้าง “ฉันไม่เอา”
“เธอกับธีระมีความสนใจในเรื่องนี้ พวกเราล้วนเป็นแค่คนนอก ไม่มีความสามารถในด้านนั้นจริงๆ เธอดูไวยาตย์ที่ปวดหัวได้ขนาดนี้ เธอยังมีกระจิตกระใจไปเพิ่มภาระให้เขาอีกหรือ?”
เพียงไม่กี่ประโยคของธามนิธิ กลับทำเอาปาณีรู้สึกละอายใจขึ้นมาเล็กน้อย เธอเอ่ย “แต่ว่าฉันออกมาจากที่นั่นแล้วนี่คะ”
เธอคงไม่สามารถกลับไปได้อีกหรอกหน่า?
ธามนิธิพยักหน้า “ฉันรู้ ดังนั้นฉันจะก็ไม่ได้ให้เธอฟรีๆ ฉันขายหิมะให้เธอ ส่วนตัวฉันจะเหลือหุ้นเอาไว้ส่วนหนึ่ง เธอกับธีระไปบริหารก็พอ พวกเราร่วมมือกัน เธอแค่ให้โบนัสที่แน่นอนกับฉันในแต่ละเดือนก็พอ แบบนี้เป็นไง?”
“ฉันกลัว ว่าฉันจะเอาเปรียบคุณ”ถ้าหากดึงเขาเข้ามาด้วยคราวนี้จะแบ่งก็ไม่สามารถแบ่งได้อย่างชัดเจนอีกต่อไป
เห็นภรรยาของตนแบ่งแยกกับตัวเองอย่างชัดเจนขนาดนี้ ธามนิธิรู้สึกปวดหัวขึ้นมาอยู่บ้าง “ยังไงเธอก็จะต้องหาคนอื่นมาร่วมลงทุน แล้วมันแตกต่างจากคนนอกอย่างฉันตรงไหน? ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้เธอเอาเปรียบฉันนิดหน่อยแล้วยังไง?”
เธออยากตั้งตัว เขาก็ไม่ยื่นมือเข้าไปสอด แต่พวกเขาต่างก็ต้องการอีกฝ่ายเช่นกัน ดังนั้นจึงไม่เห็นจำเป็นที่จะต้องหลบหลีกขนาดนี้?
สายตาของธามนิธิแสดงออกถึงความผิดหวังขึ้นมา
ปาณีไม่อยากทำให้เขาโกรธ จึงเอ่ยอย่างรู้สึกผิด “ถ้างั้นฉันจะลองกับไปคุยกับธีระดูดีไหมคะ?”
ที่จริงแล้วบริษัทอย่างหิมะนั้น บริหารเพียงหนึ่งปีก็มีมูลค่าถึงสิบยี่สิบล้าน
แต่สำหรับธามนิธิแล้ว เขากลับไม่เคยมองมันอยู่ในสายตา
เดิมทีก็เป็นเพราะปาณีเขาถึงซื้อมันมา
ตอนนี้ปาณีไม่อยู่ เขาทิ้งมันไว้ก็ไร้ประโยชน์ แถมยังยุ่งยากอีกด้วย
ตอนที่628
ธามนิธิเห็นเธอรับปากแล้ว จึงพยักหน้า “ดี”
มีเพียงปาณีเท่านั้นที่จะมองว่าเขาเป็นเป็นคนนอก ฝั่งธีระนั้นกลับคุยง่ายเป็นอย่างยิ่ง
เมื่อกลับถึงบ้าน ไวยาตย์ก็เลิกงานกลับไปกิอนแล้ว ปาณีทำกาแฟให้กับธามนิธิและวางลงตรงหน้าเขา “คุณอา”
ช่วงนี้ปาณีเพิ่งเรียนรู้เทคนิคมาจากอินเตอร์เน็ต ฝีมือในการทำกาแฟจึงดีขึ้นกว่าเมื่อก่อน
ธามนิธิมองดูปาณีที่กลับมาไม่เพียงไม่พักผ่อนแต่กลับไปทำกาแฟมาให้เขา “เธอไม่เหนื่อยหรือ?”
“ไม่เหนื่อยนี่คะ”ปาณีพูดอย่างสบายๆ “ทำกาแฟแค่แก้วเดียว เหนื่อยอะไรคะ?”
เธอนั่งลงบนโซฟาและจ้องดูธามนิธิ ในสมองก็คิดไปถึงภาพที่ธามนิธิช่วยเธอใส่รองเท้าอยู่ใต้แสงไฟขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว
ทำกาแฟให้เขา ยังไงซะก็คืออีกวิธีหนึ่งที่เธอยากที่จะทำเพื่อตอบแทนเขา
ธามนิธิจ้องมองเธอ “มานี่”
ปาณีขวัญหนีไปชั่วครู่ ก่อนจะเดินไปตรงหน้าและนั่งลงข้างๆเขา
ธามนิธิดูเส้นผมของเธอที่ยาวจนถึงเอวแบบนี้ “ปาณีของเรา ช่วงนี้โตขึ้นมากเลยทีเดียว”
ปาณีหัวเราะขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าเหมือนเดิมหรอกหรือคะ?”
พวกเขาไม่ได้รู้จักกันมานานมากนัก ไม่รู้ว่าเขาไปมีความรู้สึกนี้ขึ้นมาได้อย่างไร?
ธามนิธิเอ่ย “แค่รู้สึกว่าเธอไม่ค่อยต้องการฉันแล้ว”
เขาอยากให้บริษัทกับเธอ เขาจึงต้องหาหนทางและเหตุผลมารองรับอย่างสุดความสามารถ
“………”คำพูดของธามนิธิ ทำให้ปาณีตะลึงงันไป “ไม่มีนะคะ!”
เธอยังคงต้องการเขาอยู่เป็นอย่างยิ่ง ยังไม่อยากไปจากเขา ดังนั้นเวลาที่อยู่ข้างกายเขาจึงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง
ธามนิธิเอ่ย “ไม่มี?”
ปาณีเข้าไปกอดเขาก่อนและพูดประจบเอาใจ “มีหรือ? ที่ไหนคะ? ยิ่งไปกว่านั้น พวกเราตอนนี้หย่ากันแล้ว แต่ยังคงอยู่ด้วยกัน คุณคิดว่ามันเป็นเพราะอะไรหล่ะคะ?”
หากเป็นสถานการณืทั่วไป ปาณีไม่มีทางตอบรับธามนิธิแล้วย้ายเข้ามาแน่
แต่เธอนั้นหมดหนทางที่จะปฎิเสธเขา อีกทั้งยังไม่อยากเห็นเขาที่ทุกวันอยากจะเจอเธอจนต้องเทียวไปหาเธอที่บ้านเช่าเป็นพิเศษ
ดวงตาของปาณีนั้นเป็นประกายสุกใสอย่างยิ่ง ทำเอาคนตกหลุมเข้าไปได้อย่าง่ายดาย
ได้ยินคำตอบของเธอ ธามนิธิจึงเอ่ยถามขึ้นมาอย่างเจ้าเล่ห์ “เป็นเพราะอะไรหล่ะ?”
ทั้งๆที่รู้ดีว่าเธอหมายถึงอะไร แต่เขากลับตั้งใจถามขึ้นมา นั่นก็เพราะอยากได้ยินเธอพูดมันออกมา
แต่ปาณีกลับไม่ตกหลุมง่ายๆ
เธอย้ายสายตาไปทางอื่นอย่างมีพิรุธ “ใครจะไปรู้กันว่าเพราะอะไร? อาจเป็นเพราะที่นี่มีอาหารอร่อยให้กินมั้ง!”
“ปาณี”มือของธามนิธิดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด และพูดขึ้นอย่างใกล้ชิด “พูดว่าเธอรักฉัน”
“……..”ปาณีพบว่า เมื่อก่อนตอนที่เธอยังเห็นคุณอาเป็นแค่คุณอาเท่านั้น เธอสามารถพูดมันออกมาได้อย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้ เขาอยากให้เธอพูดมันขึ้นมาให้ได้ แต่เธอกลับรู้สึกประดักประเดิด
เธอหัวเราะแล้วเปลี่ยนเรื่อง “ใช่สิ ฉันกำลังคิดว่า พรุ่งนี้จะไปย้ายของออกมาจากห้องฉันดีไหม หลังจากนั้นจะได้คืนห้องไป วางของไว้อยู่ที่นั้นตลอดออกจะเปลืองเงินอยู่บ้าง”
สุดท้ายห้องที่เธอเช่า อยู่ได้ไม่กี่วันก็ย้ายออกมาอีกแล้ว
ธามนิธิจ้องเธอด้วยท่าทีจริงจัง “อย่าเปลี่ยนเรื่อง”
ปาณีรวบรวมความกล้าและมองหน้าธามนิธิ ยามที่เผชิญหน้ากับเขา เธอรู้สึกว่าจิตใจของตนเองไม่เชื่อฟังคำสั่งอยู่บ้าง
แต่ในเมื่อเขาอยากฟัง เธอก็รวบรวมความกล้าพูดมันออกมา “ฉันรักคุณมาตลอดนี่คะ! ที่ตามคุณกลับมาที่นี่ ก็เพราะว่ารักคุณ หลังจากที่หย่ากัน ช่วงเวลาที่เราแยกกันฉันก็คิดถึงคุณเป็นอย่างมาก ตอนกลางคืนก็มักจะนอนไม่หลับ”
ตั้งแต่หลังจากที่ปาณีกลับมาอยู่กับธามนิธิอีกครั้ง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเอ่ยคำพูดแบบนี้ เป็นครั้งแรกที่พูดสิ่งที่อยู่ในใจของเธอออกมาให้เขาฟัง
พูดถึงประโยคหลัง เธอก็มุดหน้าเข้าไปในอกเขา น้ำเสียงนุ่มนวลอย่างยิ่ง คล้ายว่ามีขนนกตกลงบนในของเขา “เป็นเพราะว่ารักคุณ ฉันถึงอยากรู้ว่าตนเองมีที่ยืนในใจของคุณมากแค่ไหน ฉันถึงกลัวว่าคนอื่นจะมาแทนที่ฉัน กลับว่าตนเองจะไม่สง่างามมากพอ และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คุณถึงจะไม่ต้องการฉันอีกต่อไป ทุกครั้งที่คุณโกรธฉัน คุณไม่รู้หรอกว่าใจฉันร้อนรนมากแค่ไหน เป็นทุกข์มากแค่ไหน”
ตอนที่629
เมื่อก่อนเธอคิดว่าความรักก็เป็นเพียงตำนานเท่านั้น เคยไม่ยิน ไม่ได้เคยพบเห็น
และเธอก็ไม่เหมือนผู้หญิงในเรื่องเล่าเหล่านั้น ที่เวลาชื่นชอบใครก็ชื่นชอบจนสูญเสียตัวตนของตัวเองไป
แต่ปาณีในตอนนี้ กลับพบว่าตนนั้นไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และกำลังเดินไปสู่สิ่งที่เธอไม่ชอบมากที่สุด
เธอนึกถึงวันนั้นที่ถูกเขาทิ้งไว้ที่บ้านเพียงลำพังขึ้นมา จู่ๆก็รู้สึกกลัวว่าวันหนึ่งในอนาคต ตนเองจะต้องเผชิญกับฉากนั้นขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้ยังดี ไม่มีภาระผูกพันอะไร
แต่หลังจากนี้หล่ะ?
ถ้าหลังจากนี้มีลูกแล้วจะทำยังไง?
หลังจากนี้มีลูก แต่เขากลับไม่รักเธอแล้ว เธอควรทำยังไง?
ธามนิธิมองดูปาณี ได้ยินเธอเอ่ย “ที่จริงไม่กี่วันมานี้ฉันเอาแต่คิดถึงปัญหาข้อหนึ่ง ฉันกำลังคิดว่า ฉันกับคุณอา จริงๆแล้วเหมาะที่จะอยู่ด้วยกันหรือไม่ ช่องว่างระหว่างพวกเรานั้นกว้างไกลเกินไป บางทีฉันควรจะอยู่ให้ห่างจากคุณหน่อยเพื่อที่จะได้ไม่ต้องหวาดกลัวที่จะถูกคุณทิ้งอยู่ทุกวัน แต่ว่า ทุกครั้งที่ฉันเห็นหน้าคุณ ฉันก็ลืมคิดเรื่องพวกนี้ไปซะหมด เอาแต่บอกกับตัวเองว่าขอแค่วินาทีเดียวก็ยังดี ดังนั้นคุณพูดสิ ว่าฉันรักคุณไหม? ”
ประโยคหลังสุด ถามเสียจนธามนิธิไม่สามารถตอบได้ไปชั่วครู่
ปาณีนั้นเป็นคนที่ค่อนข้างเฉยเมย ต่อให้เธอรู้สึกเศร้าขึ้นมา แต่ในหลายครั้งเธอก็เลือกที่จะทำตัวประหนึ่งไม่มีอะรเกิดขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนมันไป
ถ้าหากเธอไม่เอ่ยออกมา เขาคงไม่ได้รู้ว่า ที่แท้เธอก็มีช่วงเวลาที่ยุ่งเหยิงแบบนี้ได้เช่นกัน
ธามนิธิจ้องเธอและเอ่ย “ขอโทษ เป็นฉันที่ไม่ดีพอ”
ปาณีพูด “ที่ฉันพูดเรื่องพวกนี้ ไม่ใช่เพราะอยากให้คุณเอ่ยขอโทษนะคะ”
เพียงแต่พอเขาถามขึ้นมา เธอก็อดพูดขึ้นมาไม่ได้
ปาณีถามพูดขึ้นอย่างไม่มั่นใจอยู่บ้าง “คุณคงไม่คิดว่าฉันน่าหัวเราะเยาะใช่ไหมคะ?”
ธามนิธิมองดูดวงตาของเธอ ก่อนจะกอดเธอเข้าไปในอ้อมอก “เธอคิดมากไปขนาดนี้ได้ยังไงหือ?”
เขายังซาบซึ้งได้ไม่ทันเลยด้วยซ้ำ จะไปคิดว่าเธอน่าหัวเราะเยาะได้ยังไงกัน?
ธามนิธิดื่มกาแฟที่ปาณีทำมาให้จนหมด ก่อนจะอุ้มเธอด้วยท่าเจ้าหญิงขึ้นไปชั้นบน
ปาณีอยู่ในอ้อมอกเขา ขาทั้งสองเคว้างคว้างอยู่กลางอากาศ เป็นเพราะกลัวว่าตนเองจะตกลงไปดังนั้นมือของเธอจึงโอบรอบคอของเขาเอาไว้
เธอจ้องมองดูผู้ชายคนนี้ที่หล่อเกินใคร ในจากมุมของเธอ
ปาณีเอ่ยถาม “สามี คุณเคยอุ้มใครแบบนี้มาก่อนรึเปล่า?”
“…….”ธามนิธิมองปาณีอย่างอดไม่ได้รอบหนึ่ง
คำถามนี้ช่างโง่งมยิ่งนัก?
เห็นเขาไม่พูดจา ปาณีจึงเอ่ย “หรือว่าเคยอุ้มมาก่อน?”
ธามนิธิรู้สึกถึงเส้นเลือดบนหน้าผากที่กำลังเต้นไปมา ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างเย็นชา “ไม่เคย”
“ไม่เคยก็ไม่เคย ทำไมคุณจ้องใจร้ายกับฉันด้วย?”ปาณีเอ่ยอย่างไม่ชอบใจ
ธามนิธิเอ่ย “อย่าถามคำถามไร้สาระแบบนี้อีก ฉันเกลียดคนซื้อบื้อ!”
“…….”ปาณี ใครกันที่ซื้อบื้อ?
เป็นเขาต่างหาก
เมื่อถึงห้องปาณีก็ลงมาจากตัวเขา และไปห้องแต่งตัวเพื่อหาชุดเปลี่ยนอาบน้ำและหยิบชุดนอนของเขาติดมือออกมาด้วย
เธอมองดูธามนิธิ “พรุ่งนี้เย็นพวกเราทานข้าวด้วยกันดีไหมคะ?”
ธามนิธิกำลังเดินไปที่ห้องอาบน้ำ “ดี”
ปาณีกอดเสื้อผ้าและเดินตามหลังเขา “ฉันอยากกินกุ้งเคลย์ฟิช ร้านนั้นที่คุณเคยพาฉันไปกินครั้งแรก”
คิดคิด ปาณีก็อดน้ำลายสอขึ้นมาไม่ได้
ธามนิธิเตรียมน้ำเรียบร้อยและพยักหน้า “ได้ ถ้าหากตอนนี้เธอยอมอาบน้ำด้วยกันกับฉัน”
“……”ปาณีเอ่ยประท้วง “ทำไมอยู่ดีๆก็มีข้อแม้ขึ้นมาหล่ะคะ?”
“ถ้างั้นเธอจะกินหรือไม่กิน?”
“……”
ธามนิธิถอดเสื้อผ้าเรียบร้อยและเข้าไปในอ่างน้ำ
อ่างน้ำนั้นใหญ่มาก ตอนที่ย้ายบ้านเขาได้สั่งทำมันขึ้นมาโดยเฉพาะ สองคนแช่อยู่ด้วยกันก็ยังคงมีพื้นที่ตรงกลางอยู่อีกมาก
ปาณีพิงอยู่กับผนังอ่าง ในมือถือโทรศัพท์ ด้านหนึ่งกำลังส่งข้อความ ด้านหนึ่งหัวเราะ
ตอนที่630
ธามนิธิตรวจสอบได้ว่ามีเรื่องรักๆใคร่ๆ “เธอกำลังคุยกับใคร?”
“เด็กสมาร์ทค่ะ”หลังจากที่พบกันครั้งที่แล้ว มิตรภาพของปาณีกับเด็กสมาร์ทก็ดูจะขยับขึ้นมาอีกหนึ่งระดับ พวกเขาพูดถึงเรื่องานกันอยู่ไม่น้อย
ธามนิธิคิ้วขมวดขึ้นมา “เด็กสมาร์ทคือใคร?”
“เพื่อนในอินเตอร์เน็ต ครั้งที่แล้วคุนก็เคยเจอ”ปาณีเอ่ย “ทัดธนเป็นคนแนะนำให้รู้จักกับเขา บนอินเตอร์เน็ตเขาดังอยู่ไม่น้อยเลยนะคะ”
“…….”พอปาณีพูดขึ้น ธามนิธิก็นึกขึ้นมาได้แล้ว
ไม่ใช่ผู้ชายที่คิดดึงความสนใจของภรรยาเขาไปคนนั้นหรอกหรือไง?
ธามนิธิคิ้วขมวด “เธอสนิทกับเขาขนาดนี้เลย?”
“ก็โอเคนะคะ”ปาณีพูด “ก็แค่เพื่อน พูดคุยกันพวกเรื่องงาน”
ปาณีไม่คิดว่า คนอย่างคุณอาจะมาหึงหวงเด็กสมาร์ทได้ลง
อย่างไรก็ตาม เธอเพิ่งจะพูดจบ มือของธามนิธิก็ยื่นเข้ามาก็จะหยิบโทรศัพท์เธอไป
พอดีกับที่เด็กสมาร์ทส่งข้อความาพอดี ‘ชายแก่บ้านเธอนอนแล้วหรือไง?’
เนื่องจากอยู่บนอินเตอร์เน็ต ดังนั้น เด็กสมาร์ทจึงพูดจาอย่างไม่เคร่งครัด
เขาและปาณีนั้นเป็นพวกที่ถ้าด่ากันกับอีกฝ่ายก็สามารถด่ากันไปมาได้อยู่ทั้งวันอะไรแบบนั้น
คิ้วของธามนิธิกระตุกไปมา ชายแก่ พูดถึงเขาหรือ?
ปาณีเห็นสายตาของธามนิธิดูไม่ถูกต้องอยู่บ้างจึงหยิบโทรศัพท์กลับมา พอมองเห็นข้อความที่เด็กสมาร์ทส่งมาก็รู้สึกอยากจะส่งตัวเองไปฆ่าเจ้านี่ผ่านสัญญาณไวไฟเข้าให้สักที
พูดอะไรไม่พูด ดันบอกว่าคุณอาคือชายแก่?
เธอมองดูธามนิธิ ก่อนจะเอ่ยปลอบ “เขาก็พูดไปเรื่อยเปื่อย คุณอย่าเอามาใส่ใจนะคะ”
“เขาบอกว่าฉันแก่”ธามนิธิเอ่ยประท้วงขึ้นมาด้วยท่าทีจริงจัง
พอเขาเอ่ยพูด ปาณีก็รีบเอ่ยกลบเกลื่อนขึ้นมาทันที “สามีฉันไม่แก่ เขาต่างหากที่แก่?”
“ปากเธอพูดแบบนี้ แต่ใจไม่ได้คิดแบบนี้แน่”ธามนิธิมองดูปาณี ราวกับว่าถ้าเธอไม่ช่วยตอบโต้กลับไปสักช่องทางเรื่องนี้จะไม่จบลงแน่
มองดูสายตาของเขา ปาณีจะเอาที่ไหนมาปฎิเสธได้ลง
เด็กสมาร์ทที่ส่งข้อความให้ปาณีเสร็จ ก็ทำธุระของตัวเองอยู่สักครู่
ลองเช็คดูว่าปาณีได้ตอบกลับหรือไม่ พอกลับไปยังหน้าสนทนาและมองดู ไอหย๋า ไม่เพียงแต่ไม่ตอบกลับ ตอนนี้แม้กระทั่งรายชื่อเพื่อนยังหาไม่เจอ?
“…….”
ปาณีลบเขาออกไปแล้ว!
บนเตียงใหญ่ ปาณีใช้ผ้าห่มคลุมเท้าและมองดูธามนิธิ “ฉันลบเขาออกไปแล้ว แบบนี้โอเคไหมคะ?”
เพื่อจะปลอบสามี เขาลบเพื่อนผู้ชายบนอินเตอร์เน็ตที่รู้จักกันมาตั้งนานทิ้งไปแล้ว
ปาณีรู้สึกว่าตนเองสมควรได้รับรางวัล
ธามนิธิมองดูปาณีที่พยายามประจบเอาใจเขาอย่างสุดความสามารถแบบนี้ แน่นอนว่าเขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
เขาพลิกตัวกลับมา และโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอด “โอเคแล้ว นอนเถอะ”
“อื้ม” ปาณีมองดูเขาอยู่ในอ้อมอก ดูเหมือนว่าเขาจะอารมณ์ดีไม่น้อยทีเดียว
งั้นก็ดี!
เธอไม่บอกหรอก ว่าพรุ่งนี้เธอค่อยเพิ่มเด็กสมาร์ทกลับเข้ามา
-
ยามดึกดื่น ทัดธนยังไม่นอน เลขาจึงเดินเข้ามาและเอ่ยอย่างเป็นห่วง “คุณทัดธน ดึกมากแล้วครับ”
ทัดธนเอ่ย “ช่วยฉันจองเครื่องบินไฟลท์พรุ่งนี้เช้า ฉันจะไปปักกิ่ง”
“พรุ่งนี้หรือครับ?” เลขารู้สึกสงสัยอยู่บ้าง เรื่องนี้ เขาไม่ได้บอกก่อนหน้านี่!
ทำไมถึงตัดสินใจกระทันหันแบบนี้?
ตั้งแต่เป็นCEOของบริษัทอีเอ็มมา สองปีมานี้ทัดธนอยู่ข้างนอกมาโดยตลอด
บ้านแสงศรีเรืองอยู่ที่ปักกิ่ง แต่เขาไม่ได้กลับไปนานมากแล้ว
มองเห็นทัดธนพยักหน้า เลขาจึงรีบออกไปจองตั๋วเครื่องบินให้แก่เขาอย่างรวดเร็ว
ณ ยามดึกในห้องนี้ มองดูแล้วออกจะเปลี่ยนเหงาอยู่บ้าง
ทัดธนนั่งอยู่บนเก้าอี้เพียงลำพัง ในมือถือโทรศัพท์ มองดูเบอร์โทรศัพท์ที่ไม่ได้โทรออกไปมานานแสนนาน และทำการโทรออกไป. ในโทรศัพท์ส่งเสียงเตือนออกมาตามสาย “ขอโทษค่ะ ไม่มีหมายเลขที่คุณเรียก”