MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่ 866-870
ตอนที่866 บ้าไปแล้ว
หลังเลิกเรียน โมรียังนั่งอยู่ที่เดิมและเอ่ยปลอบปาณี “อย่าเป็นแบบนี้สิ! คนพวกนั้นก็แค่อิจฉาเธอที่มีชีวิตี่ดี ถึงได้ใส่ร้ายป้ายสีเธอแบบนี้!”
ปาณีฝืนหัวเราะออกมา ก่อนจะถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ฉันก็แค่รู้สึกว่าแปลกเท่านั้น ทำไมชีวิตฉันมักจะต้องเจอเรื่องแบบนี้อยู่ตลอดเลย! บางครั้งก็รู้สึกรำคาญมาก ฉันไม่ได้ทำอะไรแต่กลับถูกคนด่า!”
โมรีมีสีหน้าเข้าอกเข้าใจ “พอเถอะ ไปกัน ฉันเลี้ยงชานมเธอเอง!”
ปาณีส่ายหน้าปฎิเสธ “ไม่ได้! ฉันยังต้องกลับไปเอาของที่หอนิดหน่อย! เธอไปก่อนเถอะ”
พูดจบก็โบกมือให้กับโมรีและมุ่งหน้าไปยังหอพัก
โมรียังคงยืนอยู่ที่เดิมและมองดูแผ่นหลังของเธอ ถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ “ทุกคนล้วนแต่มีปัญหาของตัวเองจริงๆ”
ทันใดนั้นก็มีมือมาวางลงบนไหล่ทั้งสองข้างของเธอ เธอหันกลับไปดูและเห็นว่าเป็นชยรพที่กำลังส่งยิ้มมาให้เธอ “เฮ้ กำลังมองอะไรน่ะ? มีสมาธิอะไรขนาดนั้น ฉันเรียกเธอตั้งกี่รอบก็ไม่ตอบ! หรือว่าในมหาลัยนี้ยังมีคนที่หล่อกว่าฉันอยู่?”
โมรีมองดูชยรพคนหน้าเหม็นตรงหน้า ความรู้สึกหดหู่หายไปในพริบตา เธอยิ้มและคล้องแขนเขาไว้ ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ไม่มีอะไร เพิ่งจะพูดคุยกับปาณีไปน่ะ! ไปเถอะ ฉันอยากกินชานม!”
ชยรพลูบหัวเธอไปมาด้วยร้อยยิ้ม “คุณแฟนอยากกินชานมไข่มุกหรือขอรับ? อย่างนั้นพวกเราไปกันเถอะ!”
มองดูเขาที่คล้ายกับสมบัติอันล้ำค่า โมรีหัวเราะอย่างมีความสุข และแอบคิดในใจอยู่เงียบๆ “ในเมื่อไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในวันพรุ่งนี้ อย่างนั้นก็ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเถอะ”
ปาณีกลับมาที่หอพัก และเห็นว่าในห้องนั้นว่างเปล่า ไม่มีใครสักคน
เธอเดินไปยังเก้าอี้ของตนเองและนั่งลง คิดถึงข่าวปลอมๆพวกนั้น ในใจก็รู้สึกเศร้าขึ้นมา และเอ่ยกับตนเอง “ฉันไม่เคยยไปทำอะไรให้พวกเขาสักหน่อย ทำไมคนพวกนั้นถึงไม่ปล่อยฉันไปสักที? จะต้องให้ฉันแยกจากคุณอาให้ได้เลยหรือไง พวกเขาถึงจะลืมฉันลงไปได้?”
แต่พอนึกถึงคุณอา ดวงตาของเธอก็เข้มขึ้นมา คุณอาคือแสงสว่างในชีวิตของเธอ และเป็นเพียงคนเดียวที่ทำให้เธอรู้สึกว่าโลกใบนี้ยังเหลือความอบอุ่นให้แก่เธออยู่ แค่คิดว่าตนเองจะไม่ได้รับความอบอุ่นนี้อีกต่อไป เธอก็อดอยากจะร้องไห้ขึ้นมาไม่ได้
ตนเองค่อยๆคุ้นชินกับการมีคุณอาอยู่ด้วยแล้ว ดังนั้นแค่คิดว่าถ้าหากตนเองจะต้องจากคุณอาไป ชีวิตของเธอจะเป็นยังไง เพียงคิดเช่นนี้ น้ำตาของปาณีก็ไหลออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่
เป็นเพราะเธอไม่อยากจากคุณอาไปจริงๆ ไม่ใช่เป็นเพราะว่าเขาร่ำรวย ไม่ใช่เป็นเพราะเขามีหน้ามีตา แต่แค่เพราะว่าเขาก็คือเขา!
ปาณีอดคิดไม่ได้ว่าถ้าคุณอายังอยู่บนรถเข็น แบบนี้ทุกคนคงไม่พยายามแยกเธอจากเขาอีกต่อไป อย่างมากก็แค่หัวเราะเยาะใส่เธอก็เท่านั้น
เธอส่ายหน้า “ไม่สิไม่ดี! ช่วงนั้นคุณอาต้องทนทุกข์ขนาดไหน ฉันจะเห็นแก่ประโยชน์ของตัวเองในขณะที่คุณอากำลังเจ็บปวดได้ยังไง? ปาณี เธอเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ เธอกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ได้ยังไง! เธอไม่คิดหรือไงว่าถ้าคุณอารู้เข้าจะเสียใจมากแค่ไหน?”
ตลอดช่วงบ่าย ปาณีเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้อง อย่างไม่ทันรู้ตัวฟ้าก็มืดลงแล้ว แต่เธอก็ยังคงไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน
เสียงโทรศัพท์ของเธอดังขึ้น เธอมองดูและเห็นว่าเป็นคุณอาที่โทรเข้ามา จึงทำแค่เก็บไว้อย่างเงียบๆ
ผ่านไปชั่วครู่ ห้องทั้งห้องก็มืดลง
จนกระทั่ง เสียง “กริ้งก่อง”ดังขึ้นมา ก่อนจะมีคนเปิดไฟขึ้น ทีนาร์กลับมาแล้ว มองเห็นปาณีปาณีนั่งอยู่ตรงนั้นจึงหัวเราะอย่างเย็นชา หลังจากนั้นก็นั่งทำเรื่องของตัวเอง
ตั้งแต่ที่เธอขอร้องปาณีให้เปิดทางให้กับตัวเองสักครั้ง แต่ปาณีกลับทำแค่เพียงหัวเราะเยาะเธอ ตั้งแต่ทีนาร์ถูกเธอหักหน้า โลกของทั้งสองคนก็ถูกขีดเส้นแบ่งไว้อย่างชัดเจน และไม่อยากเผชิญหน้าพูดจากันอีกต่อไป
ปาณีนั้นกลับไม่มีปัญหาอะไร ในเมื่อตอนนี้ความถี่ที่เธอกลับมาอยู่หอพักนั้นแทบจะเป็นศูนย์
คนที่แทบจะไม่ชายตามองเธออย่างทีนาร์ ครั้งนี้กลับเดินมาตรงหน้าเธอและเอ่ยหัวเราะเยาะ “ปาณี! เธอสมใจแล้วใช่ไหมหล่ะ หาสามีมีเงินมีหน้ามีตาได้?”
ปาณีไม่สนใจที่จะชายตามองเธอ เธอทำแค่เก็บของและเดินออกจากห้องไป
แต่ทีนาร์กลับมาขวางเธอไว้ด้านหน้าแล้วพูดด้วยเสียงเย้ยหยันว่า “ทำไม? ละอายใจหรือไง? คนอย่างเธอก็ละอายใจเป็นหรือไง? เห็นชัดๆว่ามีสามีแล้ว แต่ยังไปพัวพันกับคนอื่น ทำเอาคนดูแล้วรู้สึดสะอิดสะเอียน! สามีเธอคงยังไม่รู้พฤติกรรมเหล่านี้หล่ะสิ? ถ้าหากรู้เข้าหล่ะก็เขาคงไม่พ้นอยากหย่ากับเธอแน่…….”
ปาณีที่เดิมทีก็รู้สึกไม่ค่อยดีอยู่แล้ว พอมาเจอแบบนี้เข้าจึงเงยหน้าขึ้นมาอย่างเย็นชาก่อนจะเห็บสายตากลับมาและเดินเฉียดเธอออกไปอย่างไม่ส่งเสียงใดๆ
แต่ทีนาร์กลับไม่รู้ว่าไปกินอะไรผิดสำแดงมา เธอตรงดิ่งมาขวางหน้าปาณีเอาไว้และไม่ยอมให้เธอเดินหนีไป
ปาณีเอ่ยเตือนเสียงต่ำอย่างทนไม่ไหว “ออกไป!”
แต่ทีนาร์กลับมองเธออย่างหยิ่งยโส ก่อจะเงยหน้าขึ้นและเอ่ยเสียงเย็น “ไม่ไป! เธอจะทำอะไรฉันได้? แน่จริงก็ตีฉันสิ? ยังไงสามีเธอก็เป็นทหารรุ่นที่สองนี่ ต่อให้เธออยากจะตีรันฟันแทงใครก็ไม่เป็นอะไร ใช่ไหม?”
ปาณีโกรธจนตัวสั่น
ทีนาร์ยังคงพูดต่อ “ทำไม? กลับหรือไง? คนอย่างเธอไม่ใช่ไม่กลัวฟ้ากลัวดินหรือไง? ทำไมไม่กล้าตีฉันหล่ะ? แน่จริงก็เข้ามาตีฉันสิ? เข้ามา?”
พูดจบก็จับมือของปาณีเอาไว้ และแตะทักทายลงบนหน้าของตัวเอง
มองดูทีนาร์ที่กำลังพยายามหาเรื่องตนเอง ปาณีเอ่ยตอบอย่างโกรธจัด “ทีนาร์! เรื่องแปลกเกิดขึ้นอยู่ทุกปี โดยเฉพาะปีนี้ออกจะมากเป็นพิเศษ แถมยังมีคนเข้ามาหาเรื่องอีกด้วย? แต่ยังไงฉันก็ไม่ตีเธอหรอก เพราะฉันกลัวว่ามือฉันจะสกปรก!”
หลังจากนั้นปาณีก็เดินออกไป
ทีนาร์ถูกคำพูดของเธอปลุกปั่นจนโมโห คิดถึงความไม่พอใจและความวิตกกังวลของตนในทุกวันนี้ ทันใดก็ลุกขึ้นมาจากพื้นและตะโกนไปที่ปาณี “ปาณี ไปตายซะ!”
ปาณีหันกลับมามอง และเห็นว่าทีนาร์คว้ามีดปอกผลไม้ขึ้นมาและพุ่งตรงมายังตนเอง ตัวเธอนิ่งแข็งไปผ่านไปชั่วครู่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง
ทันใดนั้นเอง ประตูหอก็ถูกคนเปิดเข้ามา ก่อนจะเห็นโมรีปรากฎตัวขึ้นหน้าประต฿และมองดูฉากตรงหน้าด้วยความตกใจ ทันใดนั้นเธอร้องเสียงหลงขึ้นมา “ทีนาร์ เป็นบ้าไปแล้วหรือไง?”
พูดจบ ปาณีก็ล้มลงอย่างกะทันหัน ในขณะที่ทีนาร์สะดุดร่างของพวกเขาและทำให้มีดผลไม้ในมือไม่มั่นคง เสียง “เคร้ง”ดังขึ้นพร้อมๆกับมีดที่ถูกโยนลงมา
ปาณียังคงตกใจอย่างยิ่ง เธอมองดูทีนาร์ที่ล้มลงไปร้องไห้อยู่กับพื้นด้วยสายตาไม่อยากเชื่อ!
เธอไม่เคยไปทำอะไรทีนาร์เลยสักครั้ง แม้กระทั่งตอนที่เธอร่วมมือกับติรยาปล่อยข่าวลือของตนออกไป เธอยังไม่เคยคิดจะแก้แค้นเอาคืนเลยด้วยซ้ำ
แต่ตอนนี้ เป็นเพราะเธอถูกบริษัททั้งหมดในเมืองชยุตปฏิเสธ และตัวเธอก็ไม่ได้ช่วยคุยกับคุณอาให้ ทีนาร์ก็เลยจะฆ่าตนเอง?
ปาณีลุกขึ้นยืนและมองทีนาร์ด้วยสายตาที่ซับซ้อนอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ
โมรีก็ถูกฉากเมื่อครู่ทำเอาตกใจไปเช่นกัน ผ่านไปครู่ใหญ่ถึงค่อยหาเส้นเสียงของตนเจอ เธอเอ่ยตะโกนเสียงเบา “ทีนาร์ เป็นบ้าหรือไง? เธอไม่รู้หรือว่าฆ่าคนมีโทษหน่ะ? ยังมี ปาณีไปทำอะไรให้เธอกัน? เธอถึงกับต้องฆ่าปาณี?”
จนกระทั่งตอนนี้ทีนาร์ถึงได้รู้สึกกลัวขึ้นมา เธอร้องไห้และล้มลุกคลุกคลานไปหาปาณี “ปาณี เมื่อกี้ฉันถูกปีศาจเข้าสิง ฉันไม่ได้คิดอยากจะทำร้ายเธอ ฉันก็แค่ ก็แค่…..”
ปาณีมองเธออย่างแน่วนิ่งครั้งหนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากหอไปโดยไม่หันกลับมามองอีก
ตอนที่867 ขาดเรียน
โมรีมองทีนาร์อย่างเกลียดชังครั้งหนึ่ง ก่อนจะรีบเดินตามปาณีออกไป
แต่กลับเห็นว่า ปาณีเดินไปถึงหน้าประตูมหาลัยแล้ว ต่อให้เธอคิดอยากจะไล่ตามก็ไล่ตามไม่ทัน
นึกถึงทีนาร์ที่ยังคงอยู่ในหอ โมรีอดส่ายหัวไม่ได้ ก่อนจะเดินกลับเข้าไปยังหอพัก
ตอนนี้ทีนาร์ถึงค่อยตระหนักถึงความกลัวขึ้นมา ในมือของเธอกำแก้วน้ำที่ถูกโมรียัดเข้ามาเอาไว้แน่นและเอ่ยด้วยน้ำเสียงสั่นเทา “โมรี เธอว่า ปาณีจะเอาเรื่องฉันไหม? ฉัน….”
โมรีมองดูดวงตาที่แดงก่ำของเธอ ทั้งร่างสั่นเทาด้วยความกลัว รู้สึกใจอ่อนขึ้นมาแต่ก็ยังคงเอ่ยเสียงต่ำ “ทีนาร์ เมื่อกี้เธอหุนหันพลันแล่นเกินไปแล้ว ถ้าหากฉันไม่ปรากฏตัวขึ้น เธอก็คงจะฆ่าปาณีจริงๆไปแล้ว! เธอมีความคิดน่ากลัวขนาดนี้ได้ยังไงกัน?”
ทีนาร์ส่ายหน้า “ฉันไม่รู้ ฉันไม่รู้จริงๆ….”
โมรีมองดูทีนาร์ที่ยังไม่ได้สติกลับมา เธอถอนหายใจลึกๆออกมา ก่อนจะหันหลังและหยิบมือถือขึ้นมา แต่ทันใดกลับถือทีนาร์แย่งมือถือไป
เธอเห็นดวงตาแดงก่ำคู่นั้นมองเธอและเอ่ยพึมพำ “เธอกำลังจะโทรบอกตำรวจใช่ไหม? ไม่ได้ ถ้าหากเธอบอกตำรวจฉันจบสิ้นแน่ จบสิ้น ทุกอย่างจบสิ้น…”
พูดจบเธอก็เริ่มเดินไปเดินมาในหอพัก
โมรีถูกการกระทำของเธอทำให้ตกใจไป ผ่านไปชั่วครู่ถึงค่อยเดินไปหน้าเธอและมองดูเธอที่ตัวสั่นเทา แต่กลับถูกทีนาร์คว้าแขนไว้และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเกลียดชังและมีอารมณ์ “ทำไม? ทำไมเธอถึงเป็นคนเลวขนาดนี้ คิดจะทำอะไรกับฉัน? พวกเธอล้วนเป็นคนเลว คนเลว…”
โมรีตระหนกเข้าแล้วจริงๆ มองดูทีนาร์ที่มีสภาพจิตไม่ปกติอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบใช้แรงแกะมือของทีนาร์ออกไปและวิ่งหนีออกไปข้างนอก
ปาณีเดินมาถึงหน้าประตูมหาลัยอย่างก้มหน้าก้มตาแต่กลับถูกใครบางคนขวางทางเอาไว้อย่างไม่ทันตั้งตัว
เธอไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามอง ทำเพียงแค่เดินต่อไปด้วยความหนักอกหนักใจ
จนกระทั่งเธอชนกับเขาเข้าให้จึงเงยหน้าขึ้นมามองเล็กน้อยและเอ่ย “ขอโทษค่ะ!”
หลังจากนั้นก็มุ่งหน้าเดินต่อไปอย่างใจลอย
คนๆนั้นกลับมาขวางเธอเข้าอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยเสียงต่ำ “ปาณี! เธอเดินไม่ดูทางหรือไง?”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมา เพ่งดูให้ดีอยู่ครู่หนึ่งถึงค่อยจำได้ “จำรัส? นายมาอยู่ที่นี่อีกได้ยังไงเนี่ย?”
จำรัสมองดูปาณีที่เหม่อลอยตรงหน้า เขาเอ่ยอย่างโมโห “ฉันอยู่ที่นี่อีกได้ยังไง? แน่นอนว่ามาหาคนใจจืดใจดำอย่างเธอหน่ะสิ! ไป! ฉันเลี้ยงข้าว!”
พูดจบ ก็ใช้แรงบังคับให้ปาณีเดินไปขึ้นรถกับตน
มือถือของปาณีดังขึ้นมาอีกครั้ง
เธอสะบัดมือของจำรัสออก และก้มหน้ามองดูมือถือ หลังจากนั้นจึงตัดสายและทิ้งมันไว้ในกระเป๋าเป้ด้านหลัง ก่อนจะเงยหน้าขึ้นและเอ่ยกับจำรัส “ไปเถอะ ไม่ใช่บอกว่าจะเลี้ยงข้าวฉันหรือไง?”
พูดเสร็จ เธอก็เดินเข้าไปในรถด้วยตนเอง
จำรัสตะลึงไป ก่อนจะยิ้มและวิ่งไปยังที่นั่งคนขับสตาร์ทรถและขับออกไป
มาถึงร้ายอาหารญี่ปุ่นร้านหนึ่ง จำรัสพาปาณีไปยังห้องอาหาร ไม่นานนัก อาหารก็ถูกวางขึ้นบนโต๊ะเต็มไปหมด
ปาณีเริ่มต้นสวาปาม ในขณะที่จำรัสมองดูเธอที่กวาดอาหารเข้าไปราวกับพายุหมุน และอดตะลึงในความกินจุของเธอเสียไม่ได้ “ทำไมเธอทานเก่งแบบนี้เนี่ย?”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมาเล็กน้อยและกวาดตามองเขา “ทำไม?ปวดใจหรือไง?งั้นฉันไม่กินแล้วก็ได้”
จำรัสชะงักไป ก่อนจะเอ่ยหัวเราะ “จะเป็นอย่างงั้นได้ไง? คนอย่างฉันจะขี้งกงั้นหรือ? เธอกินให้เต็มที่ไปเลย วันนี้ฉันรับประกันว่าเธอจะต้องได้กินจนอิ่ม!”
ได้ยินจำรัสรับประกัน ปาณีก็ทานต่อไปอย่างไม่ช้าไม่เร็ว แต่ไม่รู้ว่าทำไมเช่นกัน จำรัสถึงรู้สึกได้ถึงความเศร้าใจของเธอ
ดังนั้นเขาจึงเอ่ยถามเสียงต่ำ “เธอ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
ปาณีส่ายหน้า หลังจากนั้นก็ตั้งหน้าหน้าตาทานต่อ แต่พอทานไปเรื่อยๆน้ำตากลับไหลลงมาเองอย่างห้ามไม่อยู่ ทีละหยดๆ
จำรัสแข็งค้างไป ก่อนจะรีบยื่นกระดาษไปให้เธอและเอ่ย “ร้องไห้ทำไมกัน? นี่มันอะไรเนี่ย? ฉันยังไม่ทันได้พูดอะไรเลยเธอร้องไห้ทำไม? หยุดร้องเดี๋ยวนี้นะ! ถ้าเธอยังเอาแต่ร้อง ฉันจะ จะ….”
ปาณีเงยหน้าขึ้นมา น้ำตายังคงไหลลงมา ทำเอาจำรัสพูดอะรไม่ออก สุดท้ายเลยเอ่ยออกมา “ถ้าเธอยังเอาแต่ร้องไห้ ฉันจะจูบเธอ!”
ประโยคนี้ หยุดน้ำตาของปาณีได้สำเร็จ
จำรัสที่กว่าจะเอ่ยออกมาได้ พอเงยหน้าขึ้นมา ก็เห็นว่าปาณีกำลังห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลลงมาอยู่ น้ำตาที่ไหลออกมาในครั้งนี้เทียบกับครั้งที่แล้วดูใหญ่โตกว่านัก
จำรัสร้อนตัวขึ้นมา และรีบเอ่ยอธิบาย “ฉันแค่พูดไร้สาระ เธอห้ามาคิดบัญชีกับฉันนะ โอเค? ปาณี เธอทะเลาะกับฉันออกจะบ่อย ทำไมจู่ๆตอนนี้ถึงกลายมาเป็นแบบนี้ซะแล้วหล่ะ? เธอรีบเอานิสัยชอบทะเลาะกับฉันกลับมาดีไหม? คุณปาณี หยุดร้องเถอะ เธอทำแบบนีคนอื่นคงคิดว่าฉันไปรังแกเธอ? แบบนี้ไม่ยุติธรรมกับฉันนะ”
แต่ว่าปาณีก็ยังคงร้องไห้อยู่เงียบๆต่อไป
จำรัสที่ลนลานไปหมดหยิบกระดาษทั้งกล่องขึ้นมาและนั่งลงข้างๆเธอ คอยยื่นกระดาษไปให้อยู่เป็นระยะๆ ด้านหนึ่งยื่นให้ อีกด้านก็เอ่ยปาก “คุณปาณีขอรับ ทำแบบนี้มันเปลืองกระดาษเข้าใจไหม?”
“ยังมี มีเรื่องอะไรกันที่ของกินแก้ปัญหาไม่ได้ มื้อนึงแก้ไม่ได้ ก็กินมันสองมื้อไปสิ! นี่ไม่ใช่คติของเธอหรือไง ? ทำไมกินเข้าไปเยอะขนาดนี้แล้วยังร้องไห้ได้อยู่อีก?”
“เฮ้อ ปาณี นี่เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ? ฉันนั่งปลอบเธอมานานขนาดนี้ เธอยังนั่งร้องไห้ขี้มูกโปร่งอยู่ได้?”
……..
จำรัสพูดจนปากฉีกแต่ก็ยังไม่เห็นวี่แววที่ปาณีจะหยุดร้องไห้ลง สุดท้ายเขาฟุบลงบนพื้นและเอ่ยอย่างหมดแรง
“คุณปาณีขอรับ เชิญร้องต่อเลยขอรับ ฉันหมดหนทางแล้ว!”
พอเขาพูดจบ น้ำตาของปาณีกลับหยุดไหลลงมาทันใด
เห็นแบบนี้จำรัสก็แทบจะหมดความอดทน เขาเอ่ยคำรามเสียงต่ำ “นี่เธอตั้งใจจะให้ฉันโอ๋เธองั้นหรือ? ใช่ไหม? ฉันแทบจะเหมือนคนโง่อยู่แล้ว อุตส่าห์เดินทางตั้งไหล แต่กลับถูกเธอเล่นลิงหลอกเจ้าเข้าใส่?”
ปาณีกลับจู่ๆก็เอ่ยขึ้น “จำรัส นายคิดว่าฉันคือพวกผู้หญิงบูชาเงินรึเปล่า? แค่เพราะเงิน อะไรก็ทำได้ประเภทนั้น?”
จำรัสตะลึงไปและมองดูเธออย่างทึมทื่อ มองเห็นเขาไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา ปาณีก็ยิ้มเศร้าขึ้นมา “ฉันรู้แล้ว ที่แท้ในใจของพวกนาย ฉันเป็นคนแบบนี้นี่เอง”
พูดจบเธอก็เดินหันหลังออกไปทันทีและออกจากประตู่ร้านไป ก่อนจะหยุดลงและหันกลับมามองจำรัวส เธอเอ่ย “ขอบใจในความหวังดีของนาย! วันนี้ฉันเลี้ยงแล้วกัน”
พูดจบก็เดินไปหน้าร้านและจ่ายเงิน
จ่ายเงินไปไม่น้อย ปาณีจึงออกจากร้านไป นึกถึงกระเป๋าตังค์ที่แฟบลง เธออกไม่ได้ที่จะรู้สึกใจหาย
หลังจากเช็ดน้ำตาเรียบร้อยแล้ว เธอจึงค่อยๆเดินกลับบ้านไป
แต่พอเดินไปถึงสวนจตุจักร เธอก็หยุดฝีเท้าลงและหัวเราะกับตัวเอง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “ฉันมันช่างน่าสมเพศจริงๆ!”
พูดจบ ก็หันหลังเดินกลับไปทางเดิมที่เดินมา
จำรัสที่ตามเธอมาติดๆเห็นแบบนี้เข้าจึงหยุดฝีเท้าลง และเดินไปด้านหน้าเธอ ใบหน้าที่มักมีรอบยิ้มประดับอยู่เสมอกลับเคร่งขรึมลงมา เขาเอ่ยถาม “ปาณี ที่แท้เกิดอะไรขึ้นกับเธอกันแน่? เธอทะเลาะกับสามีหรือไง? หรือว่าถูกเขาทิ้ง?”
ปาณีมองดูจำรัสที่อยู่ตรงหน้า เธอหัวเราะอย่างเศร้าๆ “นายก็รอให้ฉันเลิกกับคุณอาไหวแล้วเหมือนกันสินะ? ทุกอื่นก็เป็นอย่างนี้ นายก็เป็นอย่างนี้ด้วย! ฉันปาณี ไม่คู่ควรกับคุณอาขนาดนั้นเลยหรือไง? ให้พูดอีกอย่างก็คือ ฉันไม่สมควรได้รับความสุขใช่ไหม ที่แท้แล้วฉันแย่ตรงไหนกัน พวกนายถึงได้คอยทิ่มแทงฉันอยู่แบบนี้ ฉันก็แค่อยากจะใช่ชีวิตดีๆ รักคนๆหนึ่ง แค่นี้ก็ดูเหมือนว่าจะผิดแล้ว…….”
ตอนที่868 ความเข้าใจผิด
ตะโกนจบ ปาณีก็ทรุดลงไปนั่งยองๆก่อนจะกอดเข่าตัวเองเอาไว้ ทำเอาคนที่เห็นรู้สึกทนไม่ได้
จำรัสเดินข้าไปและค่อยๆโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ก่อนจะเอ่ยเสียงเบาที่บนหัวของเธอ “ปาณี ทำไมเธอจะไม่
สมควรได้รับความสุขหล่ะ? นอกจากนี้ เธอไม่มีอะไรแย่เลยสักนิด อย่างน้อยเธอก็กล้าปฏิเสธประธานบริษัทซี.ซี.เอส.อย่างฉัน จะไปแย่ได้ยังไงกัน? ถ้าหากเธอแย่ แบบนี้ก็หมายความว่าคนที่ถูกปฏิเสธอย่างฉันไม่ยิ่งแย่กว่าหรือไง”
ปาณีไม่ได้เอ่ยท้วง เพียงแค่นั่งร้องไห้ต่อไปอย่างเงียบๆ ราวกับว่ามีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะระบายเอาความเศร้าเสียใจของเธออกมาได้หมด
“ตั้งแต่เล็กพ่อแม่ก็ไม่ชอบฉัน กว่ามีมีผู้ชายที่ชอบเข้าสักคนก็ถูกเพื่อนสนิทแย่งไป! มาตอนหลัง ฉันแต่งงานกับคุณอา ทุกคนก็เอาแต่โจมตีฉันไม่หยุดไม่หย่อน ตอนที่ขาของคุณอายังไม่หายดี ก็เอาแต่บอกว่าฉันเห็นแก่เงินก็เลยแต่งงานกับคุณอา พอคุณอาหายดีแล้ว ก็บอกว่าฉันไม่คู่ควรกับเขา!
ใช่ ฉันยอมรับ ฉันไม่คู่ควรกับคุณอาจริงๆ ฉันยอมแพ้แล้ว ฉันพูดเรื่องหย่าขึ้นมา แต่คุณอาก็ยังคงอยากจะอยู่กับฉัน ฉันเลยได้รับความอบอุ่นจากคุณอาต่อ แต่ทำไมทุกครั้งที่ฉันพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อจะได้คู่ควรกับเขา ทุกคนก็ดันไม่ยินดีด้วยซะงั้น พวกเขาเริ่มร้ายกาจกับฉันขึ้นมาอีกครั้ง ปล่อยข่าวปลอมเอย แถมยังมีรูปนั่นอีก…..ฉันแย่ขนาดนั้นเลยหรือ ต่อให้พยายามอีกมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถยืนอยู่ข้างๆคุณอาได้อย่างสง่าผ่าเผย ไม่ได้เลยใช่ไหม? เห็นทีคงจะต้องเป็นพวกลูกเศรษฐทเหมือนนลินคนนั้น ถึงสามารถอยู่เคียงข้างคุณอาได้อย่างเหมาะสม?”
นี่เป็นครั้งแรกจำรัสได้ยินปาณีพูดมากขนาดนี้ และเป็นครั้งแรกเช่นกันที่เขายินดีที่จะฟังผู้หญิงคนหนึ่งนั่งระบายออกมา
หากเป็นในอดีต ผู้หญิงคนไหนที่กล้าบ่นต่อหน้าเขา จะถูกจัดขึ้นบัญชีดำในทันที
แต่ไม่รู้ว่าทำไม เมื่อเขาได้ยินคำบ่นระบายของปาณีต่อหน้า เขากลับไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเลยสักนิด ซ้ำยังรู้สึกเสียใจไปกับเธอด้วยเช่นกัน หลังจากฟังคำพูดเหล่านี้ของเธอ ทันใดนั้นเขาก็ปรารถนาที่จะปกป้องผู้หญิงที่อยู่ต่อหน้าเขาคนนี้ขึ้นมา!
นอกจากนี้ หัวใจที่เต้นดัง “ตุ๊บๆ” ของเขากำลังบอกเขาถึงความปรารถนาอย่างลึกซึ้งอยู่เงียบๆ
เขาเอื้อมมือออกไปอย่างช้า ๆ จับผมของเธอเบา ๆ แล้วกระซิบว่า “เธอดีมากแล้ว! มีแต่คนอื่นที่ไม่คู่ควรกับเธอเท่านั้น ไม่ใช่เธอที่ไม่คู่ควรกับคนอื่น!”
ปาณียังคงไม่ได้เงยหน้าขึ้นมา
มือของจำรัสราวกับมีเวทมนตร์ ปาณีหยุดบ่นและสะอื้นอยู่เงียบไ
ในตอนนั้นเอง บนทางเท้าเล็กไของสวนจตุจักรก็ปรากฏเงาร่างยืนอยู่ตรงนั้นขึ้นมา ถึงแม้แสงไฟจะสาดส่องลงบนตัวของเขา แต่ภาพที่เห็นกลับดูเหงาหงอย
ธามนิธินึกไม่ถึงเลยว่า ตนเองที่รีบร้อนกลับมาบ้านเพื่อนที่จะได้กินข้าวเป็นเพื่อนปาณี เขาโทรหาเธอ แต่ถูดตัดสาย เขาจึงเป็นห่วงรีบออกมาตามหาเธอ ผลลัพธ์คือต้องมาเห็ยภาพบาดใจตรงหน้า!
นึกถึงเมื่อไม่นานมานี้ ผู้หญิงคนนั้นเพิ่งจะบอกกับเขา “คุณอา ฉันรักคุณรักคุณมาก! ถ้าหากคุณทิ้งฉันไป ฉันจะทำยังไงดี?”
แต่ว่า ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกลับอยู่ภายในอ้อมกอดของผู้ชายคนอื่น ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เขาได้สูญเสียเจ้าสาวตัวน้อยที่เขาคอยอยู่เคียงข้างในวันที่เปล่าเปลี่ยวอย่างที่สุดไปเสียแล้ว
ธามนิธิรู้สึกไม่เต็มใจอย่างยิ่ง มือทั้งสองข้างกำหมัดขึ้นมาแน่น คิดอยากจะพุ่งตัวเข้าไปตรงหน้าของปาณีและถามเธอสักทีว่า “ทำไมกัน? ทำไม! ฉันไม่ดีกับเธอตรงไหน หรือว่ามีเหตุผลอะไรอย่างอื่น ขอแค่เธอยอมกลับมา ฉันจะยอมเปลี่ยนแปลง ได้ไหม?”
แต่ว่าคนอย่างเขาธามนิธิ ก็มีศักดิ์ศรีของตัวเองในฐานะผู้ชายคนหนึ่ง ศักดิ์ศรีของเขาบอกกับเขาว่า “ธามนิธิ นายจะเข้าไปไม่ได้! ไม่งั้นเธอจะยิ่งดูถูกนายมากยิ่งขึ้น! และนายก็จะดูถูกตัวเองเช่นกัน! ”
ธามนิธิจมอยู่กับการต่อสู้ระหว่างสวรรค์กับมนุษย์ภายในใจของเขา อารมณ์เศร้าที่พุ่งออกมาจากตัวเขาคล้ายว่าจะส่งผ่านไปถึงสวรรค์ ทันใดนั้นท้องฟ้าก็ร้องดังขึ้นมา
จำรัสได้ยินเสียงฟ้าร้อง ปฏิกิริยาแรกก็คือคิดอยากจะโอบปาณีไปหลบฝน อย่างไรก็ตามเขากลับต้องประหลาดใจเมื่อพบว่าปาณียืนขึ้นและเดินกลับบ้านโดยไม่หันหลังกลับมาสักนิด
จำรัวจ้องมองอ้อมแขนของตนเองที่ซึ่งมีความอบอุ่นอยู่ในวินาทีก่อนหน้า แต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่า และผู้หญิงคนนั้นกำลังวิ่งเข้าหาอ้อมอกของคนที่เธอรัก…
ในเวลานี้ ดูเหมือนว่าเสียงฟ้าร้องจะแยกหัวใจของจำรัสออกเป็นชิ้นๆ และฝนก็ตกลงมาอย่างหนักก็ตัดภาพการมองของของเขาที่กำลังมองดูแผ่นหลังของปาณีอยู่ไปเสียหมดสิ้น
ปาณีได้ยินเสียงฟ้าร้องดังขึ้น ปฏิกิริยาแรกของเธอคือไปหาคุณอา หาความปลอดภัยที่ไร้จุดสิ้นสุดของเธอ กลับไปข้างๆกายคุณอาที่ดีเสียจนเธอไม่มีอะไรจะเอ่ยอีกต่อไป
ขอแค่ได้อยู่ข้างๆเขา เธอถึงไม่กลัวพยันอันตรายใดๆบนโลกใบนี้ นั่นเพราะเธอยอมที่จะเป็นคนทำร้ายตัวเองยังดีเสียกว่ายอมให้คุณอาได้รับความเจ็บปวดใดๆ
เป็นเพราะเธอ รักเขาไปหมดทั้งตัวและหัวใจแล้ว หลงรักคนที่ยามเธออยู่ในสภาพสิ้นไร้ไม้ตรอกอย่างที่สุดกลับนำแสงสว่างแห่งความหวังมาให้เธอ เขาคนนั้น ธามนิธิ
นึกถึงตัวเองที่เป็นเพราะข่าวลือพวกนั้นจึงตัดสายคุณอาและออกไปทานข้าวกับจำรัสด้วยความโมโห
ปาณีอดไม่ได้ที่จะตบตัวเองเข้าให้หลายครั้ง ก่อนจะวิ่งฝ่าฝนกลับบ้านและด่าตัวเองไปด้วย “ปาณี เธอมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี คุณอาดีกับเธอขนาดนี้ เธอยังไม่พอใจออีกหรือไง?”
แต่คิดว่าจะได้เห็นหน้าคุณอา ใบหน้าของปาณีก็มีรอยยิ้มออกมา
เอ่อ ดูเหมือนแผ่นหลังที่อยู่ตรงหน้าจะคล้ายว่าเป็นคุณอา? ทำไมเขาถึงไม่กางร่มกัน?
ปาณีรีบเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว หลังจากแน่ใจแล้วว่าเป็นคุณอา เธอจึงเข้าไปกอดเขาจากด้านหลัง ก่อนจะเอ่ยเรียกเสียงนุ่ม “คุณอา ทำไมถึงมาอยู่ข้างนอกคะ? ฉันคิดว่าคุณกลับบ้านไปแล้ว?”
ธามนิธิค่อยๆหันตัวมาอย่างช้าๆ มองดูปาณีที่ตัวเปียกปอน ริมฝีปากบางเม้มแน่นและไม่เอ่ยอะไรออกมา
แต่มือของเขากำลังกำหมัดแน่น มันกำลังทรยศต่อความเศร้าโศกของเขาในขณะนี้
มองดูปาณีที่ทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังพูดจาหยอกล้อกับเขาไม่หยุด “คุณอา ฉันคิดถึงคุณมาก! คุณคิดถึงฉันบ้างไหมคะ?”
ธามนิธิสุโลมหายใจแน่น พยายามทำตัวเองให้สงบลง
แต่พอคิดถึงภาพที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ หน้าอกของเขาก็คล้ายกับถูกสิ่งของทับเอาไว้แน่น ทำให้เขารู้สึกหายใจไม่ออก
ปาณีไม่ได้รับรู้อะไรเลยสักนิด เธอเงยหน้าขึ้นมามองคุณอา และพูดเสียงเบา “คุณอา ฟ้าร้องแล้ว ฉันเคยพูดไว้ ว่าขอแค่ฟ้าร้อง ฉันจะมาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าคุณ ใช่ไหมคะคุณอา?”
ไม่รู้ว่าประโยคไหน ที่บาดลึกหัวใจของธามนิธิ
เขายื่นมือออกมาและแกะมือของปาณีที่คล้องแขนของตนเองเอาไว้แน่นออก ก่อนจะรีบเดินเข้าบ้านไปอย่างรวดเร็ว
ปาณีถูกท่าทีของเขาทำให้ตะลึงไป ผ่านไปครู่ใหญึ่งค่อยมีสติกลับมา เธอตะโกนพูดกับธามนิธิผ่านม่านฝน “คุณอา คุณไม่ต้องการปาณีแล้วหรือคะ?”
น้ำฝนตกใส่ใบหน้าของเธอและไหลผ่านลงสู่พื้นดิน
แผ่นหลังของธามนิธิชะงักไปเล็กน้อย หลังจากนั้นจึงค่อยเร่งฝีเท้าเดินไปยังบ้าน นี่เป็นครั้งแรก ที่เธอไม่ตามเขามา และเขาก็ไม่รอเธอเช่นกัน!
ปาณียังคงยืนตัวแข็งอยู่กลางสายใน ทันใดนั้น บนศรีษะก็ปรากฏร่มคันหนึ่งขึ้นมา
จำรัสยังคงไม่ไว้วางใจเรื่องของเขา ตอนที่เขาขับรถเข้ามาก็มองเห็นว่าเธอกำลังอยู่ตากฝนอยู่นิ่ง ดังนั้นเขาจึงรีบหยิบร่มและเข้ามาหาเธออย่างรีบร้อน
“ปาณี ! เป็นบ้าไปแล้วหรือไง? ฝนตกหนักขนาดนี้ทำไมไม่ร็จักหลบ ยืนตากฝนอยู่ได้ สนุกนักหรือ? ”จำรัสตะโกนใส่เธอเสียงดัง
แต่ปาณีกลับไม่ตอบสนองเลยสักนิด ในสมองของเธอมีแค่เพียงประโยคเดียวเท่านั้น “คุณอา ไม่ต้องการฉันแล้ว!”
ตอนที่869 เป็นลม
ปาณีผลักจำรัสออกและวิ่งฝ่าฝนออกไปอย่างไม่แม้แต่จะหันกลับมา เธอจะเอ่ยพึมพำกับตัวเอง “ไม่ได้ ฉันต้องพูดกับคุณอาให้ชัดเจน ฉันจะปล่อยให้มันไม่ชัดเจนอยู่อย่างนี้ไม่ได้”
แต่จำรัสกลับเข้ามาโอบเธอไว้อย่างหนาแน่นและไม่สนใจฝนที่กำลังตกลงบนตัวของเขาเลยสักนิด เขาเอ่ยตะคอกเสียงดัง “ปาณี! หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
แต่ตอนนี้ปาณีไม่ได้ยินอะไรแล้วทั้งนั้น ในหัวของเธอมีเพียงแต่ภาพแผ่นหลังของคุณอาที่เดินหนีเธอไป….
“ไม่ได้! ฉันจะต้องไปหาคุณอา และเอ่ยอธิบายให้ชัดเจนต่อหน้าเขา ฉัน ฉัน…..”เธอกำลังคิด แต่ทันใดนั้นร่างทั้งร่างของเธอก็อ่อนปวกเปียกขึ้นมากระทันหัน สายตาของเธอตกอยู่ที่พื้น และถูกมือคู่หนึ่งประคองเข้าไปในอ้อมกอด
ปาณีมองดูใบหน้าขาดซีดของเธอ ก่อนจะรีบอุ้มเธอขึ้นอย่างร้อนลน และหมุนตัวมุ่งหน้าไปยังรถยนต์ที่จอดอยู่ เขาวิ่งไปและตะโกนเรียกเธอไป “ปาณี อย่าทำให้ฉันตกใจสิ! ฉันกำลังจะพาเธอไปโรงพยาบาล…”
แต่สิ่งที่เขาไม่ค้นพบก็คือ ธามนิธิยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ประตูบ้านไม่ไกล เขากำลังยืนหลบฝนอยู่และมองดูผ่านม่านฝน เขามองเห็นว่าจำรัสกำลังร้อนลนเอ่ยอะไรกับคนในอ้อมแขน ส่วนคนในอ้อมแขนนั้นกลับเงียบสงบ…
จนกระทั่งจำรัสพาปาณีออกไปจากสวนจตุจักร ธามนิธิยังคงยื่นนิ่งอยู่ที่เดิม เขาไม่เคลื่อนไหวใดๆ หลังจากนั้นจึงคล้ายว่าเขาคิดอะไรได้ขึ้นมาและเดินเข้าบ้านไป ธามนิธิหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะต่อสายหาไวยาตย์ “ไวยาตย์ ตอนนี้นายช่วยร่างหนังสือหย่ามาให้ฉันหน่อย…”
พูดจบ ไม่ทันรอให้ไวยาตย์แสดงความสงสัยออกมา เสียงวางโทรศัพท์ก็ดังตัดสายไปในทันที
และธามนิธิยังคงนั่งนิ่งอยู่ที่โซฟา แม้แกระทั่งไปก็ไม่ได้เปิด เขาทำแค่นั่งเงียบๆอยู่ตรงนั้น ท่าทางไม่ยินดียินร้ายใดๆ นอกห้องมีเสียงฟ้าผ่าดังขึ้นมาแต่กลับไม่ส่งผลใดๆต่อใจเขาที่กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้วสักนิด
จำรัสดับเครื่องยนต์ลง ก่อนจะอุ้มปาณีที่เป็นลมเข้าไปข้างในอย่างเร่งรีบ “ใครก็ได้! ตรงนี้มีคนเป็นลม ต้องการความช่วยเหลือเร่งด่วน! หมอ พยาบาล ใครก็ได้ช่วยหน่อย..”
เสียงร้องตะโกนของเขาดึงดูดความสนใจของเจ้าหน้าที่อย่างรวดเร็ว
จำรัสมองดูเธอที่นอนอยู่บนเตียงพยาบาลและถูกเคลื่อนย้ายไปยังห้องฉุกเฉิน จำรัสคว้าแขนของคนที่แต่งตัวคล้ายคุณหมออย่างร้อนรนและเอ่ยเสียงต่ำ “คุณหมอ คุณต้องช่วยเธอให้ได้นะครับ! เธอ…”
คุณหมอหันมาเอ่ยกับเขาด้วยท่าทีสงบหนักแน่น “พวกเราจะพยายามอย่างสุดความสามารถ ขอให้ตอนนี้คุณช่วยเงียบลงหน่อยและอย่ารบกวนการทำงานของพวกเรา!”
พูดจบ พยาบาลก็เข็นปาณีเข้าไปในห้องรักษา
มองดูห้องพยาบาลที่ถูกปิดประตู วินาทีนั้น ในใจของจำรัสก็คล้ายจะร้องไห้ออกมา “สวรรค์ ฉันยอมแลกชีวิตของฉัน ยังดีเสียกว่าต้องมองเห็นเธอได้รับบาดเจ็บแม้แต่เพียงนิดเดียว!”
ทันใดนั้น จำรัสก็ถูกความคิดของตนเองทำให้ตะลึงไป เขายืนแข็งทื่ออยู่ข้างกำแพง ผ่านไปชั่วใหญ่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาใดๆ แม้กระทั่งเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋าดังขึ้น ก็ยังไม่รู้สึกตัว
เป็นพยาบาลที่อยู่ข้างๆเอ่ยเตือนเขาเสียงเบา “คุณคะ โทรศัพท์ของคุณดังค่ะ!”
จำรัสถึงค่อยมีปฏิกิริยากลับมา เขาหยิบมือถืออกมา และเห็นว่าเป็นเบอร์ที่คนเองคุ้นเคยอย่างดี จำรัสรับสายและเอ่ย “ชญช์ ฉันเอง”
“จำรัส นายอยู่ไหน? เย็นนี้นายต้องเข้าร่วมงานเลี้ยงของท่านทิวิลไม่ใช่หรือไง? ไปตายอยู่ไหนกัน?”
“”ฉันอยู่ที่โรงพยาบาลชยุต ฝากนายทักทานท่านให้ฉันหน่อยแล้วกัน รอฉันกลับไปจะไปขอโทษพวกท่านถึงบ้านเอง เอาเถอะ ตามนี้นะ!” พูดจบจำรัสก็กำลังจะวางสายลง แต่กลับถูกชญช์เรียกไว้เสียก่อน
“นายรอก่อน! นี่นายไม่ใช่ว่าไปหาปาณีอีกแล้วใช่ไหม?”
จำรัส “……..”
ที่ปลายอีกด้านของโทรศัพท์ ชญช์ก็ส่งเสียงร้อง “ไม่น่าน้องชาย นายผีเข้าหรือไง? ทำไมถึงหมกมุ่นอยู่อย่างนี้? คนมีสามีแล้ว ถ้านายไม่ซื่อสัตย์แบบนี้ สามีคนอื่นยังดีกว่านายอีก ดังนั้นนายควรหยุดมันซะ ก่อนที่จะสายเกินไป อย่าถลำลึกลงไป….”
จำรัสนิ่งไป ก่อนจะเอ่ยอย่างสงบ “แต่ว่า จะทำยังไงได้? ในเมื่อฉันถลำตัวเข้าไปแล้ว….”
พูดจบก็วางสายลงทันที โดยไม่รอให้ชญช์ได้พูดต่อ
ชญช์มองโทรศัพท์อย่างตะลึง ดวงตาเต็มไปด้วยความตกใจ ผ่านไปครู่ใหญ่ก็ยังไม่ได้สติกลับมา
ส่วนฝั่งของจำรัส พอพูดจบประโยคนั้นออกไป ทั้งตัวก็คล้ายว่าจะได้สติกลับคืนมา ในวินาทีนี้ เขารู้แล้วว่าใจของตนเองแท้จริงแล้วต้องการอะไร
ไม่ใช่เพราะต้องการแก้แค้น ไม่ใช่เพราะต้องการรักษาหน้าตา เขาถึงคอยตามพัวพันกับปาณีอยู่ตลอด แต่มันเป็นเพราะเขาหลงรักหญิงสาวที่กล้าเหยียบเท้าเขาต่อหน้าต่อตา หญิงสาวที่ทั้งยังกล้าปฎิเสธการ่วมมือกับริษัทของเขาคนนั้น!
จำรัสที่สับสนในตอนแรกจนกระทั่งตอนนี้ที่รู้ตัวแน่ชัด มองเข้าไปในห้องพยาบาลที่ยังมีแสงไฟเปิดอยู่ เขาเอ่ยพึมพำ “ปาณี เธออย่าทำให้ฉันผิดหวังเด็ดขาดนะ….”
ผ่านการรอคอยนานนับชั่วโมง ประตูห้องพยาบาลก็ถูกเปิดออกมา คนที่ออกมาเป็นคนแรกคือคุณหมอ เขามองจำรัสด้วยสีหน้าตำหนิ “คุณเป็นสามียังไงกัน แม้กระทั่งภรรยาตั้งท้องก็ยังไม่รู้? ตั้งท้องแล้วยังไปตากฝน? ไม่มีความรับผิดชอบเอาซะเลย!”
จำรัสยืนแข็งข้างไป ก่อนจะเอ่ยทวนออกมา “อะไรนะ? ตั้งท้อง? ไม่สิ ฉันไม่ใช่…”
คุณหมอโบกมืออย่างหมดความอดทน “เอาหล่ะ ฉันไม่สนใจเหตุผลของนายแล้ว! ตอนนี้ภรรยานายไม่เป็นอะไรแล้ว แต่ยังคงต้องพักผ่อนให้มากๆ ยังมีอีก ช่วงระยะเวลานี้พยายามหลีกเลี่ยงเรื่องกระทบกระเทือนใจ แบบนี้อาจส่งผลต่อเด็กในครรภ์ได้….”
จำรัสฟังสิ่งที่หมอแนะนำด้วยความตะลึง ก่อนจะเห็นพยาบาลเข็นเตียงปาณีออกมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม สายตาของเอาอดมองไปที่หน้าท้องอันเรียบแบนของเธอไม่ได้ ก่อนจะรีบเบือนไปทางอื่นทันที
ปาณีถูกส่งไปยังห้องพักคนป่วยทั่วไป จำรัสนั่งอยู่ข้างๆ มองดูเธฮอย่างเงียบๆ เธอนอนกลับไม่สนิทนัก ขนตาที่เคลื่อนไหวของเธอแสดงให้เห็นว่าเธอกำลังนอนหลับอย่างไม่เป็นสุข
นึกถึงสิ่งที่หมอเพิ่งจะเอ่ยถึง จำรัสอดกระวนกระวายขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้ ในใจคิดอยู่ลับๆ “เธอรู้หรือเปล่าว่าตัวเองกำลังตั้งครรภ์? แล้วธามนิธิรู้ไหม? เธออกจะผอมขนาดนี้ ท่าทางดูขาดสารอาหาร นี่เธอตั้งครรภ์จริงหรือ?”
ท่ามกลางความคิดอันสับสนวุ่นวายของเขา เสียงโทรศัพท์ของปาณีก็ดังขึ้นมา
แต่เธอที่กำลังนอนป่วยอยู่บนเตียวกลังไม่มีปฏิกิริยาใดๆตอบสนอง
จำรัสเหลืองมองปาณี สุดท้ายจึงหยิบมือถือของเธอขึ้นมารับสาย “สวัสดีครับ ตอนนี้ปาณีไม่อยู่ ไม่ทราบว่าคุณคือใคร?”
ทันทีที่ไวยาตย์ได้ยินเสียงผู้ชายแปลกหน้าผ่านมาตามสาย เขาก็ตะลึงไป ก่อนจะเอ่ยถามเสียงต่ำ “ถ้าหากปาณีกลับมาแล้ว ช่วยบอกเธอหน่อยว่าไวยาตย์โทรหาเธอ เกี่ยวกับเรื่องเซ็นต์หนังสือหย่า!”
จำรัสได้ยินดังนั้นก็เหลือบมองปาณี ก่อนจะเอ่ยถามเสียงเบา “อะไรนะ ธามนิธิจะหย่ากับเธอ?”
ไวยาตย์ไม่ได้เอ่ยตอบคำถามของเขาและทำแค่เพียงเอ่ยเสียงเย็น “เรื่องแบบนี้ ผมคิดว่าคุยกับเจ้าตัวน่าจะดีเสียกว่า!”
พูดจบ ก็วางสายไป
จำรัสรีบเก็บมือถือก่อนจะนั่งลงเงียบๆ เขามองดูใบหน้าของปาณี อดไม่ได้ที่จะเอียงศีรษะและสังเกตอย่างระมัดระวัง
ขนตายาวงอน ว่ากันว่าผู้หญิงขนตายาวมักจะมีนิสัยไม่ดี จำรัสคิดอยู่ในใจ “เธอไม่ใช่นิสัยไม่ดี ก็แค่ร้อนแรงเท่านั้น!”
ดวงตาของเขาปิดลงมา มองไม่เห็นเล็กเห็นใหญ่
รูปร่างหน่ะหรือ ก็แค่บอกได้ว่าพอผ่านมาตรฐานเท่านั้น ในสายตาของจำรัส รูปร่างของเธอไม่ใช่ประเภทเย้ายวนหัวใจ แต่พวกนี้ กลับทำให้เขาละสายตาไปจากเธอไม่ได้
นึกถึงตัวเองที่เพิ่งจะตัดสินใจลงไป และเธอกำลังจะหย่า ในใจของจำรัวก็มีความรู้สึกที่บอกไม่ถูกขึ้นมา จะบอกว่าดีใจ ก็รู้สึกว่าคนอื่นเขาหย่ากัน ไม่ใช่เรื่องน่ายินดีสักนิด จะบอกว่ารู้สึกแย่ ก็ไม่ถึงขนาดนั้น ทุกอย่างผสมปนเปกันไปหมด
ตอนที่870 โทรศัพท์พัง
ผ่านไปครู่ใหญ่ ขนตาของปาณีเคลื่อนไหวถี่ขึ้น จำรัสเดินเข้ามาและมองดูดวงตาดำสนิทของเธอที่กำลังมองมาที่เขาอย่างเลื่อนลอย
จำรัสรู้สึกเหมือนกำลังหายใจไม่ออก เขาเอ่ยกับเธอเสียงเบา “ปาณี เธอ….”
ปาณีเงยหน้ามามองเขา แต่ยังคงนอนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ
มองดูเธอเป็นแบบนี้ จำรัสก็อดพูดออกมาไม่ได้ “ถ้าเธอรู้สึกเสียใจก็แค่ร้องออกมา ร้องออกมาเดี๋ยวก็ดีเอง….”
ปาณีเบือนหน้าอย่างช้าๆ แต่จำรัสกลับเห็นว่าในตอนนั้นเอง น้ำตาหยดหนึ่งก็ไหลลงมาที่ข้างแก้มเธอ..
ในวินาทีนั้น หัวใจของเขารู้สึกเจ็บปวด มองดูปาณีที่อยู่ตรงหน้า ในใจของเขาก็คล้ายกับมีคลื่นอันบ้าคลั่ง “ถ้าหากบอกเธอตอนนี้เรื่องที่ธามนิธิกำลังจะหย่า เธอจะเป็นลมไปต่อหน้าอีกหรือเปล่า? พอเถอะ พูดเรื่องที่ดีๆก่อนยังจะดีเสียกว่า”
ดังนั้นจำรัสจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม “ปาณีเพื่อนยาก เธออาจจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้เธอตั้งครรภ์แล้ว และไม่สามารถตากฝนได้ ยังมีอีอก ถ้าหากเธอไม่นึกถึงตัวเอง ก็ควรจะนึกถึงเด็กในท้องสักหน่อย?”
ปาณีได้ยินดังนั้นก็ตะลึงไป ก่อนจะค่อยๆหันหน้ากลับมาอย่างช้าๆ ริมฝีปากอันแห้งผากของเธอเอ่ยถามเขา “เมื่อกี้นายบอกว่าอะไรนะ? ตั้งครรภ์?”
จำรัสแตะลงบนจมูกของเธอเบาๆด้วยรอยยิ้ม “แน่นอนว่าเป็นเธอสิ! ฉันตั้งท้องได้ซะที่ไหน? ฉันไม่มีฟังก์ชั่นนี้สักหน่อย เอาหล่ะๆ เพื่อลูกในท้องเธอจะต้องระมักระวังการเคลื่อนไหว เข้าใจไหม?”
ปาณีลุกขึ้นมาจากเตียง ก่อนจะลูบไปบนหน้าท้องที่ยังไม่เห็นชัดของตัวเอง และเอ่ยเสียงเบาพึมพำ “ฉันตั้งท้องแล้ว? ฉันตั้งท้องจริงๆหรือ? ลูกของคุณอาหน่ะหรือ?”
ได้ยินน้ำเสียงประหลาดใจและยินดีของเธอ จำรัสหันหน้าหนีอย่างควบคุมไม่ได้ หลีกเลี่ยงที่จะไม่มองใบหน้าเปื้อนยิ้มของเธอ
คนที่ดูราวกับคนใกล้จะหมดลมหายใจเมื่อกี้ พอได้ยินข่าวเรื่องตัวเองทั้งท้องก็กลับมีสติคืนมา
จำรัสหวังว่าตนจะเห็นปาณีที่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิตแบบนี้ ท่าทีที่คล้ายกับคนใจสลายของเธอทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง
“เอาเถอะ ตอนนี้เธอจะต้องเริ่มดูแลตัวเองให้ดีๆ ห้ามตากฝนเด็ดขาด ถ้าหากล้มป่วยขึ้นมา คนที่ลำบากจะเป็นเธอและลูก !”
ปาณียังคงตะลึงกับเรื่องน่ายินดีนี้และตกอยู่ในภวังค์ “ฉันท้องแล้ว? ท้องลูกคุณอา? ถ้าแม่ได้ยินข่าวนี้จะต้องดีใจมากๆแน่!”
หลังจากบ่นกับตัวเองทันใดนั้นเธอก็เลิกผ้าห่มขึ้นและเดินลงจากเตียง แต่ถูกหยุดโดยจำรัส ปาณี เธอคิดว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่? หมอบอกว่าเธอต้องอยู่บนเตียงสักสองสามวัน เธอจะลุกจากเตียงแบบนี้ หมายถึงอะไร? หรือว่าเธอไม่ต้องการเด็กคนนี้แล้ว?”
นึกถึงเรื่องนี้ จำรัสก็อดแสดงความประหลาดใจเล็กน้อยไม่ได้ เพราะถ้ามีเด็กอยู่ นั่นหมายความว่าเธอและธามนิธิจะตกอยู่ในความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนตัดไม่ขาด และเป็นกำแพงที่กั้นไม่ให้เขาเข้าไปอยู่ในใจเธอ
แต่ในอีกด้านหนึ่ง ความคิดแบบนี้คงขึ้นอยู่กับตัวของปาณีเองเท่านั้น ถ้าหากเขาเป็นคนพูดมันออกมาก่อน ก็คงจะถูกผู้หญิงอารมณ์ร้ายคนนี้ถือไม้กวาดไล่เขาออกไปอย่างไม่ลังเลเป็นแน่
ปาณีได้ยินเช่นนั้น ก็รีบปกป้องหน้าท้องของตนเอง เธอเอ่ยเสียงดัง “จะเป็นยังไงได้ไง? ทำไมฉันจะไม่อยากได้เด็กคนนี้! ไม่ได้ ฉันต้องรีบบอกคุณอา ฉันท้องลูกของเขาแล้ว แบบนี้คุณอาจะไม่ได้ต้องโกรธฉัน?”
คิดถึงตรงนี้ เธอก็รีบหยิบกระเป๋าขึ้นมาและควานหาโทรศัพท์ของตน “เอ๊ะ โทรศัพท์ของฉันอยู่ที่นี่นี่? ทำไมหาไม่เจอกันนะ? หรือว่าฉํนทำหาน? นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่คุณอาให้ฉันนะ”
มองดูปาณีที่ร้อนลนหาของ จำรัสอดยัดมือถือของเธอเข้าไปให้ลึกขึ้นอย่างอดไม่ได้
ไม่รู้ว่าทำไม มองดูปาณีที่กว่าจะฟื้นขึ้นมา เขามีความคิดเห็นแก่ตัวอย่างยิ่งที่อยากอยู่กับเธอให้นานมากกว่านี้อีกสักนิด เพราะว่าถ้าหากเธอรู้เข้าว่าพ่อของเด็กในท้องกำลังจะขอหย่ากับเธอ เขากลัวว่าเธอจะรับมันไม่ไหว!
แต่ทุกอย่างไม่เป็นไปดังใจหวัง โทรศัพท์ของปาณีดังขึ้นแกครั้ง
เธอที่เดิมกำลังพลิกหาโทรศัพท์ เงยหน้าขึ้นมาอย่างประหลาดใจและมองไปยังกระเป๋ากางเกงของจำรัส เธอเอ่ยเสียงต่ำ “โทรศัพท์ของฉันอยู่ไหน? ในกระเป๋านายหรือเปล่า?”
จำรัสยังคงเล่นลิ้น “ฉันไม่ได้เอาไป ก็แค่บังเอิญโทรศัพท์ฉันดังขึ้นมาพอดี!”
ปาณีเอ่ยเสียงนิ่ง “บังเอิญดีนะ เสียงโทรศัพท์นายเหมือนกับฉันเข้าพอดี? จำรัส เอามือถือมา ต้องเป็นคุณอาที่โทรหาฉันแน่ นาย….”
พูดจบ ก็เดินเข้าไปหาเขา จุดหมายอยู่ที่มือถือที่อยู่ในกระเป๋าของเขา
จำรัสหลบมือของเฮ และคอยระวังไม่ให้เธอจับถูกมัน ผ่านไปชั่วครู่จึงรู้สึกเมื่อยอยู่บ้าง ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือที่อยู่ในกระเป๋าก็ตกลงพื้นดัง “เกร้ง”ขึ้นมา
ปารีมองดูมือถือของตนเองที่ตกลงบนพื้น เธอเอ่ยตะโกนคล้ายอยากจะร้องไห้ “จำรัส! ดูสิว่านายทำอะไรลงไป! นี่เป็นมือถือที่คุณอาซื้อให้ฉันนะ! นายทำมันพังแล้ว!”
พูดจบก็ผลักเขาออกอย่างแรง ก่อนจะเดินตรงไปเก็บมือถือขึ้นมา
มองดูชิ้นส่วนที่กระจัดกระจายออกมา ปาณีเสียใจจนคุกเข่าลงอยู่กับพื้น เธอหันหลังให้กับจำรัส ไหล่ทั้งสองข้างสั่นสะท้าน ท่าทางดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
จำรัสเอ่ยเสียงเบา “นั่น ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ ถ้าหากเธอไม่แย่ง ฉันคงไม่ทำตกแน่! เธอ เธอไม่เป็นไร ฉันซื้อให้ใหม่ ถือเป็นการชดเชย?”
ปาณีกลับไม่ได้สนใจเขาแต่อย่างใด เธอค่อยๆเก็บชิ้นส่วนขึ้นมาทีละชิ้นๆ ก่อนจะวางลงบนเตียงและประกอบมันเข้าด้วยกัน
แต่ว่าพอประกอบเสร็จ ไม่ว่าเธอจะเปิดมันขึ้นมายังไง มือถือก็ไม่มีการตอบสนอง
จำรัสที่อยู่ด้านข้างมองเธอที่กำลังอยู่ในความตะหนก เขาอดถอนหายใจเบาๆขึ้นมาไม่ได้ “ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือไงว่าฉันซื้อให้ใหม่?”
แต่พอคำพูดนี้หลุดออกมา ก็เผชิญเข้าให้กับสายตาไม่พอใจของเธอ จนทำให้เขาลืมไปหมดว่าตนเองกำลังจะพูดอะไรและยืนนิ่งใบ้อยู่ตรงนั้น
ปาณีเดินเข้าไปในห้องน้ำโดยไม่พูดอะไรสักคำ เมื่อจำรัสได้สติกลับมา เขาก็พบว่าเธอเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดเดิมของเธอแล้วเดินไปที่ประตูโดยไม่หันหลังกลับมา
จำรัสส่งเสียงเรียก “เธอจะไปไหน?”
แต่ปาณีกลับไม่ได้ตอบเขา และหายไปจากสายตาเขาอย่างรวดเร็ว
เหลือเขาแค่เพียงคนเดียว ที่ยืนอยู่ในห้องคนป่วย มองดูแล้วเปล่าเปลี่ยว
ผ่านไปชั่วครู๋ เขาถึงค่อยเดินตามออกมา ตอนนี้ปาณีไม่ใช่ตัวคนเดียว เธอตั้งครรภ์ และเขาก็เป็นกังวลด้วยว่าถ้าหากเธอเจอธามนิธิแล้วจะเกิดเรื่องไม่ได้ขึ้น!
มาถึงหน้าโรงพยาบาล จำรัสก็เห็นว่าปาณีกำลังยืนอยู่ข้างถนน และกำลังพยายามเรียกรถแท็กซี่อย่างเร่งรีบ
เขารีบวิ่งเข้าไปอย่างไม่ต้องคิด ด่อนจะจับแขนเธอเอาไว้และเอ่ยตะคอกเสียงต่ำ “เธอคิดจะทำอะไร?”
ปาณีพยายามจะสะบัดมือของเขาออก แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามทำมากแค่ไหน มือของเขาก็ยังจับเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อย
ทั้งคู่ฉุดกระฉากกันไปมา ดึงดูสายตาของคนรอบข้างไม่น้อย สีหน้าของจำรัสไม่เอ่ยอย่างไม่ค่อยดูนัก “เธอจะไปไหน ฉันมีรถ ฉันไปส่ง! แบบนี้โอเคไหม?”
ปาณีเห็นว่าคนไม่น้อยกำลังมองมา สีหน้าดูไม่เป็นธรรมชาติอยู่บ้าง เธอเลิกพยายามที่จะสะบัดเขาออก ก่อนจะ
เดินตามเขาไปขึ้นรถ
บนรถ จำรัสหันมาดูปาณีที่นั่งอยู่ด้านหลังและเอ่ยเสียงเบา “เธอจะไปไหน?”
ปาณีนิ่งคิด ก่อนจะเอ่ยสถานที่ออกมา
จำรัสเหยียบคันเร่งก่อนจะรีบขับรถออกไป
ไม่นานนักก็ถึงที่หมาย