MY GIRL ภรรยาตัวน้อยของผม - ตอนที่ 896-898
ตอนที่ 896 ลังเล
ตะวันใกล้จะลาลับขอบฟ้า ขณะที่ธามนิธิตัดสินใจปฏิเสธนัดเลี้ยงอาหารมื้อค่ำของวันนี้ ตอนนั้นแสงไฟตามท้องถนนก็เริ่มระยิบระยับส่องสว่างไสวไปทั่วเมืองเเล้ว
เขานั่งอยู่ในรถ มองเหม่อออกไปดูนอกหน้าต่าง เเละคิดในใจว่าตัวเขาเองไม่เคยรู้สึกรีบอยากกลับบ้านขนาดนี้มาก่อนเลย
ครั้งหนึ่งในอดีต เขาเคยให้นิยามของคำว่า ” บ้าน ” เอาไว้ว่า บ้านคือที่สำหรับกินข้าวเเละเอาไว้พักผ่อนเพียงเท่านั้น เเต่หลังจากที่มีปาณีเข้ามาอยู่ในชีวิตของเขา ทุกๆวันเขาได้เเต่เฝ้ารอที่จะได้กลับบ้านขอเเค่เพียงได้กลับไปเห็นหน้าเธอ เเค่นั้นเขาก็มีความสุขมากเเล้ว
” ไวยาตย์ ขับรถวนไปที่ร้านเบเกอรี่ที่ชื่อ Garden Bakery หน่อย !” ธามนิธินึกขึ้นมาได้ว่าปาณีโปรดปรานเค้กร้านนี้มาก จึงสั่งให้ไวยาตย์ขับวนไปซื้อสักหน่อย
ไวยาตย์เหลือบไปมองเจ้านายเเวบหนึ่งก็รู้ใจเขาทันที เขาได้เเต่แอบอมยิ้มอยู่เงียบๆ
เมื่อธามนิธิกลับมาถึงบ้านก็ต้องเเปลกใจว่าบ้านนั้นมืดสนิท ท่ามกลางความตกตะลึง ธามนิธิรีบวิ่งเข้าบ้านไปทันทีโดยไม่ทันได้พูดจาใดๆกับไวยาตย์
เมื่อได้เห็นเจ้านายของเขาวิ่งพรวดออกไปแบบนั้น ไวยาตย์เอามือขยี้ปลายจมูกตัวเองพร้อมกับบ่นพึมพำ ” ฉันชักจะเริ่มอิจฉาชีวิตของท่านประธานธามนิธิขึ้นมาเเล้วสิ !ก่อนนี้ ไม่ใช่ว่าอยากจะครองตัวเป็นโสดหรือยังไงกันนะเรา ?”
คิดไปคิดมา ไวยาตย์ที่หลังๆมานี้ไม่ค่อยได้ไปไนท์คลับบ่อยนัก ตัดสินใจเลี้ยวรถกลับก่อนจะมุ่งหน้าตรงไปยังคลับที่มีชื่อเสียงที่สุดของเมืองชยุตในทันที
” ปาณี !ฉันกลับมาเเล้ว !” ทันทีที่ธามนิธิเข้าไปในบ้าน ก็รีบร้องตะโกนหาปาณี เเต่กลับไม่มีเสียงใดๆตอบรับกลับมา
เขาวางกล่องเค้กลงก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน จากนั้นจึงได้เห็นแสงไฟที่ส่องเเสงสลัวๆจากในห้องนอน ธามนิธิรู้สึกโล่งใจ ก่อนจะค่อยๆเดินไปที่ข้างเตียง
ได้เห็นปาณีกำลังนอนหลับฝันหวานอยู่บนเตียง โดยที่มือของเธอยังคงวางนิ่งอยู่บนท้องน้อยๆ ภาพของหญิงสาวที่กำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่ในห้วงนิทรา ทำให้เเววตาของธามนิธิพลันอ่อนโยนขึ้นมาในทันใด
ภายใต้ท้องอันเเบนเรียบนั้น คือหน่อเนื้อเชื้อไขของเขาเเละเธอ ที่กำลังจะได้ก่อกำเนิดเข้ามาเติมเต็มในชีวิตของพวกเขาในอีกไม่นานหลังจากนี้ จะว่าไปแล้ว ธามนิธิก็เฝ้ารอคอยอย่างใจจดใจจ่อว่าในท้องของเธอจะเป็นเจ้าหญิงหรือเจ้าชายองค์น้อยๆกันเเน่ เเต่ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย เขาก็พร้อมที่จะทะนุถนอมมอบความรัก เเละเฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูพวกเขาไปจนเติบโต
เพราะหัวใจดวงน้อยๆดวงนี้ ถือเป็นโซ่ทองคล้องใจ และยังเป็นพยานแห่งรักสำหรับพวกเขาทั้งคู่อีกด้วย
ชายหนุ่มโลมไล้ไปตามเส้นผมของเธอ ก่อนจะสังเกตได้ว่าขนตายาวหนาราวปีกนกของเธอกำลังกระพริบๆเบาๆ เธอกำลังจะตื่นนอน
” คุณอา !กลับมาเเล้วเหรอคะ !”ทันทีที่ลืมตาก็ได้เห็นแววตาที่แสนอ่อนโยนกำลังมองมาที่เธอ ไม่กี่วินาทีจากนั้น คนที่เพิ่งจะตื่นก็ถูกดึงเข้ามาสู่อ้อมกอดอันแสนอบอุ่น
เมื่อได้เห็นลูกแมวน้อยจอมขี้เกียจกำลังซุกตัวออดอ้อนอยู่ในอ้อมแขน ทำเอาธามนิธิจิตใจอ่อนระทวยจนแทบจะละลาย แล้วอยู่ๆเขาก็นึกถึงเค้กที่อยู่ข้างล่างขึ้นมาได้ เขาส่งยิ้มให้เธอพลางพูดอย่างอารมณ์ดี ” ยังไม่ได้กินข้าวใช่มั๊ย ?ฉันซื้อของอร่อยๆมาให้เธอแน่ะ ”
พูดจบเขาก็ก้มลงไปช่วยใส่รองเท้าให้เธอ ก่อนจะประคองเธอเดินลงไปข้างล่าง
” อะไรอ่ะคะ ?ทำไมดูลึกลับจัง ?” ปาณีเห็นท่าทางแปลกๆของธามนิธิ ก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
” ชู่ววววว !ความลับน่ะ !” ธามนิธิดูท่าทางอารมณ์ดี แต่พูดจาเหมือนมีลับลมคมใน
ปาณีเดินไปหัวเราะไปขณะที่เดินตามเขาเข้าไปในห้องครัว พอสายตาพลันเหลือบไปเห็นกล่องที่เขียนว่า Garden Bakery วางอยู่ตรงนั้น ปาณีก็ร้องออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ” สตรอเบอร์รี่มูสเค้ก ของโปรดของฉันใช่มั๊ยคะ ?”
” เจ้าแมวจอมตะกละ !จมูกไวเชียวนะเรา !” เขาบีบปลายจมูกของเธอเบาๆ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้เธอ ” ฉันล่ะไม่รู้จะทำยังไงกับเธอดีรีบกินเถอะ ”
ปาณีเเกะกล่องเค้กออกโดยแทบจะไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ จากนั้นก็จ้วงเค้กเข้าปากกินตุ้ยๆๆ เพราะตั้งเเต่ช่วงบ่ายหลังจากที่ถูกเวทัสกวนประสาท เธอก็นอนหลับปุ๋ยไปทั้งๆที่ยังไม่ได้กินอาหารเย็น
เมื่อได้เห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย ธามนิธิก็มองไปยิ้มไป แถมยังคอยเช็ดปากที่เปื้อนครีมเนยให้เธออยู่ตลอด
จนเมื่อเธอกินอย่างอิ่มหนำเปรมปรีดิ์พร้อมกับวางส้อมลงนั้น เธอก็สะดุ้งตกใจที่พบว่าเธอสวาปามเค้กทั้งก้อนเข้าไปจนหมดเกลี้ยง ” โอ๊ย ตายเเล้ว !”
” เกิดอะไรขึ้น !” ธามนิธิที่กำลังเก็บจานเก็บส้อมอยู่ พอได้ยินที่เธอร้องก็ไม่สนใจสิ่งที่อยู่ในมืออีกเเล้ว เขาพุ่งตัวออกมาจากในครัวอย่างรวดเร็ว แล้วรีบคว้ามือเธอมาดู ” เกิดอะไรขึ้นปาณี ?”
ปาณีส่ายหน้าอย่างอายๆ ก่อนจะพูดเสียงอ่อย ” ฉันก็เเค่รู้สึกว่า ตัวเองน่ะกินเยอะเกินไปแล้ว !”
เมื่อธามนิธิได้ยินที่เธอพูดก็ถึงกับถอนหายใจออกมาเบาๆด้วยความโล่งใจ ก่อนจะหันไปปลอบใจเธอว่า ” ไม่เป็นไรหรอก ช่วงท้องเธอต้องได้รับสารอาหารที่เพียงพอ เพื่อที่ลูกในท้องจะได้แข็งแรงนะ ”
เเต่ถึงแม้ว่าธามนิธิจะปลอบใจเธอยังไง เธอก็ยังรู้สึกกังวลใจอยู่ดี ” คุณอยากให้ฉันกลายเป็นผู้หญิงอ้วนเผละหรือยังไงกันคะ ?ถ้าเป็นแบบนั้น ฉันคงไม่มีหน้าออกไปพบเจอผู้คนแน่ๆ ”
” ไม่เป็นไรหรอกน่า ในสายตาของฉันเธอสวยที่สุดเสมอ ” ธามนิธิกล่าวด้วยน้ำเสียงที่นุ่มลึก
แต่ไหนเเต่ไร ปาณีไม่เคยได้ยินธามนิธิพูดคำหวานแบบนี้มาก่อน ทำให้เธอถึงกับนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง เเละด้วยท่าทางชะงักงันของปาณีทำให้ธามนิธิรู้สึกเขินอาย เพราะเขาไม่เคยพูดจาหวานๆเยินยอเธอแบบนี้มาก่อน
ธามนิธิได้ทีเลยรีบเดินหน้าหยอดคำหวานใส่ปาณีเป็นการใหญ่ ” ปาณี เธอน่ะสวยมากอยู่เเล้ว ไม่เห็นจำเป็นต้องไปลดความอ้วนอะไรเลย หุ่นเธอตอนนี้ก็กำลังดูดีเเล้วนะ ชีวิตที่ดีมันต้องมาพร้อมกับสุขภาพที่แข็งแรง เราจะได้มีพลังที่จะก้าวไปถึงเป้าหมายในชีวิตของเราไง ”
” คุณอา …… ” ปาณีมองหน้าคุณอาด้วยความตื้นตันใจ เเต่เมื่อเห็นแวบหนึ่งของธามนิธิที่ดูคล้ายกับเวทัสหลานชายของเขา ทำให้เธอนึกถึงเหตุกาณ์เมื่อตอนช่วงบ่ายขึ้นมา ปาณีรู้สึกลังเล ไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องนี้กับคุณอาอย่างไรดี ” เอ่อ คุณอาคะ ฉัน …… ”
ทันใดนั้น มือถือของธามนิธิก็ดังขึ้น เขาหันไปทำท่าทางโบกมือให้ปาณีก่อนจะลุกขึ้นเดินไปที่ริมหน้าต่าง พร้อมกับรับสายโทรศัพท์
เมื่อมองดูเบื้องหลังของร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงนั้น ปาณีรู้สึกละล้าละลังที่จะบอกคุณอาเรื่องที่เวทัสล่วงเกินเธอในวันนี้เพราะเกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์น้าหลานของพวกเขา ไหนจะจันวิภาที่จะต้องเป็นคนกลางสำหรับเรื่องนี้ อาจจะทำให้เธอต้องลำบากใจก็เป็นได้
แล้วยังมีคุณแม่ของธามนิธิอีก ท่านจะเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงใจง่ายปลิ้นปล้อนหรือเปล่า ?ถ้าเป็นอย่างนั้นขึ้นมา เธอกับคุณอาอาจจะถึงคราวที่ต้องหย่าขาดจากกันจริงๆใช่มั๊ย ?
เมื่อหวนนึกไปถึงความเศร้าโศกเสียใจหลังจากได้ยินเรื่องหย่าในคราวนั้น ปาณีก็ไม่คิดจะให้ประวัติศาสตร์มันกลับมาซ้ำรอยอีกเป็นแน่
ตั้งเเต่วันที่ต้องแยกจากคุณอาในวันนั้น ทำให้เธอรู้ใจตัวเองดีเเล้วว่าเธอนั้นรักธามนิธิมากแค่ไหน มันไม่ได้เกี่ยวกับข้อตกลงการเเต่งงานจอมปลอมนั้นอีกเเล้ว บัดนี้สิ่งที่ปาณีต้องการ ก็คือการได้อยู่เคียงข้างเขาในทุกๆวัน ค่อยๆตกผลึกในความรักระหว่างพวกเขาทั้งสองคน จนกลายเป็นความผูกพันอันแข็งแรงและเปี่ยมไปด้วยความสุข
ช่วงเวลาแบบนี้เป็นสิ่งที่เมื่อก่อนปาณีไม่แม้เเต่จะกล้าเพ้อฝัน เเต่ตอนนี้ทุกอย่างกลับดูเหมือนจะกลายเป็นจริงดั่งที่เธอเคยวาดฝันเอาไว้ เเล้วใยเธอถึงคิดจะทำลายความฝันอันสวยงามด้วยมือของเธอเองล่ะ ?
หลังจากธามนิธิวางสายเเล้ว พอหันกลับมาก็ได้เห็นปาณีกำลังนั่งทำหน้ามึนใจลอยอยู่ตรงนั้น เขาจึงร้องเรียกเธอเบาๆ” ปาณี ?ปาณี เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ ?”
ทว่าปาณียังคงนั่งเหม่อลอยนิ่งเงียบ ไม่ไหวติง
ธามนิธิยิ้มพลางส่ายหัวเบาๆ ก่อนจะจุมพิตไปบนหน้าผากของเธอหนึ่งที จากนั้นปาณีก็เหมือนจะได้สติกลับคืนมาอีกครั้ง ธามนิธิหัวเราะออกมาเบาๆ ” ยัยตัวแสบ !ที่แท้ก็กำลังรอให้ฉันปลุกเธอด้วยจูบอย่างนั้นเหรอ ?หรือว่า เธอกำลังคิดถึงฉันอยู่ใช่มั๊ยล่ะ ?”
ใบหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำ เธอไม่คิดว่าคุณอาจะพูดแบบนี้ขึ้นมา ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานแบบนี้
เเต่เพราะความหวาดหวั่นกังวลใจเมื่อสักครู่ ทำให้ปาณีไม่มีอารมณ์ที่จะพูดอะไรต่อไป เลยยกมือขึ้นมาขยี้ตาตัวเองเบาๆ พร้อมกับพูดเสียงแผ่ว ” ฉันเหนื่อยแล้วอ่ะค่ะ อยากกลับขึ้นห้องเเล้ว ”
ธามนิธิได้ยินดังนั้นก็รีบลุกขึ้นไปประคองเธอเดินขึ้นไปข้างบน
เเต่เมื่อเดินไปได้ครู่หนึ่งเขาก็หยุดกึก ปาณีหันไปมองเขาอย่างไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
” เออจริงสิ วันนี้คุณแม่ไม่กลับมาเเล้ว เดี๋ยวฉันไปล็อคประตูก่อน เธอรออยู่ตรงนี้นะ ” พูดจบธามนิธิรีบเดินตรงไปที่ประตูทันที
แต่จังหวะนั้น ธามนิธิบังเอิญเหลือบไปเห็นกล่องของขวัญวางอยู่เเถวประตู เขาเลยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย ” ปาณี ช่วงบ่ายมีแขกมาที่บ้านด้วยเหรอ ?”
ตอนที่ 897 อวดเก่ง
” อ๋าา ?” ปาณีชะงักไปชั่วครู่ ก่อนจะพูดเสียงนิ่ง ” เวทัสมาเมื่อตอนบ่ายน่ะค่ะ !”
” เวทัส ?” ธามนิธิได้ยินได้ดังนั้นก็หันกลับมายืนมองปาณี ราวกับว่าอยากจะสืบเบาะเเสหาความจริงจากใบหน้าของเธอยังไงยังงั้น ทว่าใบหน้าของเธอกลับดูเรียบนิ่ง ” ห๊ะ เจ้าเด็กนั่นมันมาทำอะไรที่นี่ ?พี่จันวิภาก็ยังป่วยอยู่ไม่ใช่รึ ?ทำไมเขาถึงไม่อยู่บ้านดูเเลแม่เขานะ มาที่นี่ทำไม ?”
ปาณีได้ยินถึงกับรีบถามเขาด้วยความร้อนใจ ” พี่เป็นอะไรคะ ?พี่จันวิภายังไม่หายป่วยเหรอคะ ?เป็นหนักรึเปล่า ?”
เมื่อเห็นปาณีดูร้อนใจ ธามนิธิจึงพยักหน้าเบาๆ ” แต่ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรงหรอก ก็เเค่โดนลมมากไปก็เลยเป็นหวัดน่ะ เค้ากลัวเธอจะพาลติดหวัดไปด้วย ก็เลยไม่ได้มาหาเธอ ”
ปาณีรีบโบกมือไปมา ” ไม่ต้องให้พี่มาหาฉันหรอกค่ะ !ฉันน่ะสบายดี เเต่พี่เขาซะอีกที่กำลังป่วยอยู่แท้ๆแต่ฉันกลับไม่ได้ไปเยี่ยมเธอเลย เสียเเรงที่พี่จันวิภาดีกับมาตลอด ฉันนี่มันเเย่จริงๆเลย ”
ธามนิธิเห็นปาณีพูดโทษตัวเองจึงรีบก้าวไปหาเธอ พร้อมกับสวมกอดเธออย่างอบอุ่น ” พี่เค้าไม่โทษเธอหรอกน่า !”
” เเต่ว่า …… ” ปาณียังคงรู้สึกไม่สบายใจ
” ไม่มีคำว่า แต่ว่า !ยัยบ๊องเอ๊ย เธอไม่รู้เหรอว่าพี่เค้าเป็นคนยังไง เธอคิดว่าเค้าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้เหรอ ?เเล้วยิ่งไปกว่านั้น ในท้องของเธอตอนนี้ก็มีทายาทรุ่นที่สามตัวน้อยๆของบ้านวิสิทธิ์เวชอยู่ด้วย พี่จันวิภาไม่เพียงแต่จะตื่นเต้นดีใจ เเต่รอให้พี่เค้าหายป่วยเมื่อไหร่ ขี้คร้านจะรีบดิ่งมาหาเธอทันที เธอเชื่อรึเปล่าล่ะ ?”
ปาณีพยักหน้าอย่างเงียบๆ จันวิภาเอ็นดูเธอมากจริงๆ ถ้าพูดถึงจุดนี้เเล้ว มีหรือที่เธอจะไม่เชื่อ
ทว่าเมื่อนึกไปถึงเวทัสที่ยังคงตัดใจจากเธอไม่ได้สักที ทำให้ปาณีรู้สึกลำบากใจ เเละยิ่งรู้สึกต่อพี่จันวิภาอย่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกมากยิ่งขึ้น อีกทั้งเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเวทัสเมื่อครั้งอดีต ก็ทำให้เธอรู้สึกกระดากใจอยู่ไม่น้อย ทุกครั้งที่เธอต้องเจอหน้าเขา
” เเต่เวทัส …… ” ในที่สุดปาณีก็รวบรวมความกล้าที่จะพูดกับคุณอา ” คือว่า ฉันกังวลว่าเขาจะยังไม่ลืมเรื่องในอดีตที่ผ่านมา !”
เมื่อได้ยินที่ปาณีพูดออกมาเเบบนี้ ธามนิธินึกหวนกลับไปเมื่อตอนที่เวทัสหนีกลับมา ซึ่งเหตุผลที่เขากลับมาก็เกี่ยวกับปาณีด้วย ธามนิธิขมวดคิ้วเเน่น จริงๆเเล้วการที่เห็นเด็กนั่นยังไม่ยอมตัดใจจากปาณีซะที ก็ทำเอาธามนิธิรู้สึกจนปัญญาเหมือนกัน
ด้วยความที่เขาเองก็เลี้ยงดูฟูมฟักหลานชายคนนี้มาตั้งเเต่ยังเด็ก จะให้ไปทำร้ายทุบตีเขาเเบบนั้นก็คงจะไม่ได้ !มิฉะนั้น ต่อให้พี่จันวิภาจะเป็นคนใจกว้างแค่ไหน ก็คงต้องรู้สึกติดใจจนกลายเป็นว่างขึ้นมาบ้างแหละ !”
เมื่อนึกมาถึงจุดนี้ ธามนิธิเองก็คิดไม่ตกเหมือนกัน
เมื่อได้เห็นท่าทางแบบนั้นของคุณอา ปาณีก็นึกตำหนิตัวเองขึ้นมาอีก ” เป็นความผิดของฉันเอง ถ้าหากตอนนั้นฉันกับเขาไม่ …… เรื่องมันก็คงจะไม่ยุ่งวุ่นวายแบบนี้ ”
ธามนิธิได้ยินดังนั้นก็ถึงกับกรอกตาบนอย่างจนปัญญา ” ปาณี ยัยเด็กโง่เอ๋ย !ห้ามพูดแบบนั้นนะ ”
เห็นปาณีเริ่มมีท่าทางอึดอัดไม่สบายใจ ธามนิธิจึงรีบเปลี่ยนหัวข้อการสนทนาในทันที ” เหนื่อยมั๊ย ?เดี๋ยวฉันพาเธอกลับห้องนะ เเล้วก็จะเล่าเรื่องตลกให้เธอฟังด้วย ”
ปาณีเงยหน้าขึ้นด้วยความประหลาดใจ เเละพบว่าบัดนี้หน้าของคุณอาได้เปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อๆเป็นที่เรียบร้อย
ในตอนนั้นเอง ปาณียืนทำหน้าบ้องแบ๊วจ้องหน้าเขาด้วยความหมั่นเขี้ยว หน้าแดงๆของเขาเริ่มจะลามกระจายความแดงไปจนถึงกกหูเเล้ว
เเละทันใดนั้น ปาณีก็ถูกอุ้มจนตัวลอย เมื่อหันกลับมาจึงได้เห็นคุณอากำลังก้มหน้าอุ้มตัวเองอยู่ เขาค่อยๆอุ้มเธอเดินขึ้นบันไดไป
” คุณอา ปล่อยฉันลงเถอะค่ะ !” ปาณีกลัวจนหน้าซีด จากนั้นจึงเผลอร้องออกมา ” อ๊าา !”
ธามนิธิกอดเธอไว้อย่างนุ่มนวล จนเข้ามาถึงในห้องนอนจึงโยนตัวเธอลงไปบนที่นอนนุ่มๆ หลังจากนั้นก็ถือโอกาสล้มลงไปนอนทับบนตัวเธอ เเต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะระวังไม่ให้ไปกดทับลงที่ท้องของเธอมากเกินไป
ปาณีหอบหายใจเบาๆ พร้อมกับพยายามที่ผลักตัวเขาออกไป ” คุณอา ลุกสิคะ …… ฮึ๊บบบ !”
แต่ธามนิธิหาได้ฟังที่เธอพูดไม่ เขากลับยื่นมือไปโลมไล้ที่แก้มของเธอเบาๆ พร้อมกับกระซิบพูด ” ถ้าจะว่ากันจริงๆแล้ว เมื่อก่อนเธอเคยรู้สึกชอบเวทัสรึเปล่า ?”
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณอาจะถามประโยคนี้ขึ้นมา ปาณีชะงักไปครู่หนึ่ง จนเมื่อดึงสติกลับคืนมาได้เธอก็ส่ายหัวเบาๆ ” ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ !เมื่อก่อนตอนที่อยู่โรงเรียนเเล้วถูกเขาตามจีบ ฉันก็รู้สึกดีนะคะ เพราะพวกเราในตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เเค่มีความสุขไปวันๆ ”
จู่ๆธามนิธิก็ผละตัวออกจากเธอ เเต่ปาณีกลับคว้าตัวเขาเอาไว้ ” ทำไมล่ะคะ ?หึงเหรอ ?”
ธามนิธิยืดอกยอมรับหน้าซื่อๆ ” อืม !ฉันอิจฉาเจ้าเวทัสมันน่ะ ที่ตอนนั้นได้อยู่เคียงข้างเธอ ”
ถึงแม้ว่าคุณอาดูจะเเคร์กับเรื่องนี้มาก แต่ปาณีกลับรู้สึกถึงความไหวหวานซาบซึ้งในหัวใจ เธอจับมือเขาขึ้นมาเขย่าเบาๆ ” โธ่คุณอา ไม่ต้องถือสากับเรื่องพวกนี้เเล้วนะคะ ตอนนี้ฉันก็อยู่ข้างๆคุณแล้วนี่ไง และทุกๆวันหลังจากนี้ และตลอดไป ฉันก็จะอยู่เคียงข้างคุณเสมอ !”
” จริงอ่า ?” ธามนิธิถามย้ำ
เมื่อได้เห็นท่าทางของธามนิธิที่ดูราวกับเป็นเด็ก ทำให้ปาณีถึงกับหัวเราะงอหาย แล้วเธอก็ทำท่ายืดท้องพูดปลอบใจตัวเองเบาๆ ” แน่นอนสิคะ ดูฉันตอนนี้สิ จะไปไหนได้ละคะเนี่ย ?”
” เออ มันก็จริงเนาะ !” ธามนิธิถึงกับขำเมื่อได้เห็นท่าทางของเธอ
ปาณีกำลังนอนหนุนอยู่บนตักของคุณอา มีผ้าห่มบางๆคลุมอยู่ที่ขา เธอพูดกับคุณอาด้วยท่าทางที่ดูสบายอกสบายใจ ” คุณอา การที่ฉันมีความสุขมากเกินไปแบบนี้ ฉันจะถูกสวรรค์ลงโทษมั๊ยคะ ? ”
” อะไรนะ ?” ธามนิธิที่กำลังอ่านหนังสืออยู่ ได้ยินเข้าถึงกับอึ้ง ” ใครเค้าสาปแช่งตัวเองกัน เธอนี่นะ !ชอบพูดอะไรไปเรื่อยเปื่อย !”
พูดจบเขาก็ยื่นมือไปบีบที่จมูกเธอเบาๆ เเต่เมื่อเห็นเธอเริ่มขมวดคิ้ว เขาก็หัวเราะเเละพูดต่อไปว่า “เคยได้ยินสุภาษิตนี้มั๊ย ‘ ลำบากก่อนนอนสบาย ลำบากทีหลังนั่งร้องไห้ ’ เมื่อก่อนเธอเคยใช้ชีวิตที่ยากลำบากมาพอเเล้ว มาถึงตอนนี้ก็ถึงคราวที่เธอจะได้สุขสบายกับเขาบ้างล่ะ !เพราะฉะนั้น ห้ามสาปเเช่งตัวเอง เข้าใจมั๊ย ?อีกอย่าง ช่วงนี้เธอต้องใส่ใจในข้อควรปฏิบัติระหว่างตั้งครรภ์ ให้มากเป็นพิเศษด้วยล่ะ ”
เมื่อได้ฟังคุณอาพูดอย่างมีหลักการเเละเหตุผลแบบนั้น ปาณีกลับรู้สึกว่ามันช่างยากที่จะเข้าใจเสียจริง ” คุณอาคะ เเล้วคุณอารู้ได้ยังไงคะ ?”
ธามนิธิชูหนังสือที่อยู่ในมือเขาขึ้นมาด้วยความภาคภูมิใจ และกล่าวอย่างอารมณ์ดี ” ก็เพราะอ่านนี่ไงล่ะ !”
ปาณีหยิบหนังสือมาดูด้วยความสงสัย แต่หลังจากที่ได้เห็นชื่อหนังสือก็ถึงกับมึนตึ้บ !เพราะหนังสือที่คุณอากำลังอ่านก็คือ 《คู่มือคุณแม่ตั้งครรภ์》 !
ขณะที่มองดูหนังสือเล่มนั้น ในใจของปาณีฉุกคิดขึ้นมาว่า ลูกผู้ชายอกสามศอกเฉกเช่นคุณอา กลับต้องมานั่งอ่านหนังสือประเภทนี้เพื่อเธอ เเววตาของปาณีพลันเปล่งประกายทอเเสงระยิบระยับ ก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มที่อยู่ข้างเธอ เเล้วจู่ๆก็หันไปจุ๊บเขาทีหนึ่ง
หลังจากนั้น เธอเริ่มเห็นเเววตาของใครบางคน ค่อยๆคมเข้มนุ่มลึกขึ้นทุกทีๆ ปาณียิ้มอย่างมีเลศนัยพร้อมทั้งชี้นิ้วไปที่ท้องของเธอ ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบา ” คุณอา ตั้งเเต่บัดนี้เป็นต้นไป คุณอาต้องหักห้ามกิเลสได้เเล้วนะ !”
หลังจากแหย่ใครบางคนจนสำเร็จเเล้ว ปาณีรีบดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายเตรียมตัวเข้าสู่นิทรา
สงสารก็แต่ผู้ชายบางคนแถวๆนี้ ที่ได้แต่มองอะไรบางอย่างที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ได้แต่จดๆจ้องๆทำหน้าละห้อยอยู่แบบนั้น จนรู้สึกว่าหมดหนทางเเล้วจริงๆ จึงลุกขึ้นเดินดุ่มๆเข้าไปอาบน้ำเย็นๆดับความร้อนรุ่มแต่เพียงลำพัง !
ปาณีที่ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มแอบหัวเราะคิกคัก เธอค่อยๆแง้มมุมผ้าห่มออกดูสิ่งที่เคลื่อนไหวอยู่ภายนอก เเล้วทันใดนั้นก็พลันได้เห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของคุณอา กำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ
จะว่าไปแล้ว นี่ไม่ใช่ครั้งเเรกที่เธอได้เห็นตอนคุณอาเปลือย เเต่หลังจากที่เธอตั้งครรภ์ ครั้งนี้ถือเป็นครั้งเเรกที่ได้เห็นหุ่นล่ำๆกล้ามแน่นๆ ที่ดูแข็งแรงเเละมีเสน่ห์ของคุณอาอีกครั้ง
กล้ามท้องซิกแพคที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อผ้าอาภรณ์ที่เขาสวมใส่ดูเเล้วช่างเซ็กซี่เย้ายวน ไหนจะกล้ามหน้าอกแน่นๆ กล้ามแขนเป็นมัดๆของเขาด้วยเเล้ว ยิ่งทำให้ทั่วทั้งเรือนร่างของเขา ดูหล่อเท่ระเบิดระเบ้อกว่าดาราชายคนไหนๆที่เธอเคยตามกรี๊ดเสียอีก !
อีกทั้งใบหน้าอันหล่อเหลาคมคายของคุณอา ทำให้ออร่าของเขาไม่ได้ดูยิ่งหย่อนไปกว่าดาราคนไหนเลย แค่มองดูเเต่เพียงด้านข้าง ก็สามารถทำให้สาวๆเลือดสูบฉีดจนหน้ามืดได้เลยทีเดียว !
ธามนิธิบังเอิญลืมหยิบเอาชุดเข้าไปเปลี่ยน จึงต้องห่อหุ้มเรือนร่างด้วยผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆเดินออกมา แต่เเล้วก็พลันหันไปสบตาเข้ากับดวงตาเล็กๆที่กำลังหรี่ตาแอบมองเขาจากใต้ผ้าห่ม จากเหตุการณ์เมื่อสักครู่ที่เขาเพิ่งจะถูกเมินเฉยไร้ซึ่งการเหลียวแลใดๆจนทำให้เซ็งในอารมณ์ บัดนี้ภายใต้การจับจ้องของใครบางคน ส่งผลให้อะดรีนาลีนเริ่มพลุ่งพล่านจนหยุดไม่อยู่
ธามนิธิขบฟันกรอดๆ เดินตรงไปข้างหน้า ก่อนจะคำรามใส่ปาณีด้วยความหงุดหงิด ” นี่ เธอ …… ”
ตอนที่ 898 ขอแต่งงาน (ตอนจบ)
ยังไม่ทันตะโกนจบครบประโยค ธามนิธิกลับมีท่าทางร้อนใจขึ้นมาอย่างฉับพลัน ” ปาณี เธอไม่เป็นอะไรใช่มั๊ย จมูกเธอ …… ”
ปาณีรีบยกมือขึ้นมาลูบๆที่จมูกของตัวเอง เเล้วจู่ๆก็รู้สึกถึงของเหลวบางอย่างมาสัมผัสเข้ากับนิ้วของเธอ ” เลือด เลือด …… ”
ธามนิธิพุ่งตัวเข้าไปหาเธออย่างว่องไว ก่อนจะคว้าตัวปาณีที่วิงเวียนหน้ามืดจนเกือบจะตกเตียงไว้ได้ทัน
เขาช่วยเช็ดเลือดกำเดาให้เธอจนสะอาด แต่หลังจากนั้นเธอก็รีบผลักตัวเขาออกไปทันที ส่วนตัวเธอเองกลับทำตัวเหมือนนกกระจอกเทศรีบเผ่นมุดหนีกลับเข้ารัง ไม่ว่าคุณอาจะเรียกเธอยังไง ก็ไม่ยอมโผล่หัวออกมา
” ปาณี ไม่เห็นเป็นไรเลย !เรื่องเเค่นี้เอง ฉันไม่ขำเธอหรอกน่า !ถ้าฉันมีอิทธิพลต่อเธอแบบนี้ฉันกลับรู้สึกดีใจซะอีก ” เเต่ปาณีที่มัวแต่ซุกอยู่ในผ้าห่ม ได้ยินเสียงแอบหัวเราะคิกของเขาเต็มสองรูหู นั่นยิ่งทำให้เธอตะโกนกลับออกมาด้วยความไม่พอใจ ” ก็เห็นๆอยู่ว่าคุณกำลังขำฉัน !อับอายขายขี้หน้าจริงๆเลย !”
ในตอนนั้นเองที่ธามนิธิฝืนกลั้นต่อไปอีกไม่ไหวเเล้ว ” ฮ่าๆๆๆๆ …… ” ธามนิธิระเบิดเสียงออกมา !
คนที่ซุกอยู่ใต้ผ้าห่มได้ยินเสียงหัวเราะดังกึกก้องขนาดนั้น พลันสีหน้าก็เปลี่ยนเป็นแดงก่ำขึ้นมาทันที แต่แล้วจู่ๆก็มีมือใหญ่ๆมาดึงผ้าห่มให้เปิดออกจนได้ แล้วร่างกำยำอันคุ้นเคยจึงค่อยๆซุกตัวตามเข้ามาติดๆ
ดวงตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนของคุณอา กำลังมองมาที่ปาณีซึ่งบัดนี้หน้าแดงเป็นลูกตำลึงไปเสียแล้ว วินาทีนั้น ความอับอายเมื่อสักครู่พลันมลายหายไปจนสิ้น หญิงสาวค่อยๆขยับกายเข้าไปหาอ้อมเเขนอันอบอุ่น ก่อนจะซุกตัวคุดคู้ในอ้อมกอดด้วยความเสน่หา
ขณะที่มือของเธอกำลังลูบไล้ไปที่ตอหนวดหยาบๆอยู่นั้น ปาณีพึมพำด้วยด้วยอันแผ่วเบา คุณอารู้มั๊ยคะ ? ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ฉันจะมีชีวิตที่มีความสุขแบบนี้ …… ”
ธามนิธิได้ยินดังนั้นกลับยิ่งกระชับกอดเธอให้เเน่นยิ่งขึ้น เขาค่อยๆลูบผมเธอเบาๆ ” ทำไมถึงไม่เคยคิดล่ะ ?ถ้าหากไม่มีเธอ ตอนนี้ฉันคงกำลังนั่งเป็นผักไร้ความหมายอยู่บนรถเข็น ท้อแท้เเละสิ้นหวัง !เพราะฉะนั้น ปาณี ไม่มีใครที่จะมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมไปมากกว่าเธอ เเละไม่มีใครจะมีความสุขไปมากกว่าเธออีกเเล้ว !การที่ฉันได้บังเอิญพบเธอต่างหาก ที่ทำให้ฉันได้ค้นพบความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในชีวิตของฉัน !”
ปาณีไม่เคยได้ยินคุณอาพูดจาสะเทือนอารมณ์ขนาดนี้มาก่อน เมื่อย้อนกลับไปถึงเรื่องราวระหว่างเธอเเละเขา มันทั้งตื้นตันใจ ทั้งสะเทือนใจจนอยากร้องไห้ หลังจากนั้นเธอจึงได้มุมานะพยายามทำในสิ่งที่เรียกว่า ผู้หญิงนั้นนุ่มนวลประดุจดั่งสายน้ำ
ธามนิธิรู้สึกเหมือนมีอะไรเปียกๆชื้นๆอยู่ตรงหน้าอกเขา เขาจึงพูดขึ้นมาว่า ” ปาณี เธอกำลังจงใจทำให้ฉันตบะแตกใช่มั๊ย ?”
”ห๊ะ ?” ปาณีเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างตกตะลึง
หลังจากนั้น จุมพิตอันอ่อนโยนค่อยๆประทับเข้ากับริมฝีปากของเธออย่างแผ่วเบา !
เช้าวันถัดมา เมื่อปาณีตื่นขึ้นมา คุณอาก็ไม่อยู่ซะเเล้ว เธอจึงรีบใส่รองเท้าแตะออกไปเดินตามหาคุณอา ” คุณอา คุณอาคะ คุณอาอยู่ไหนคะ ?”
เเต่หลังจากหาทั่วบ้านแล้ว ก็ไม่เห็นแม้เเต่เงาของธามนิธิ
ปาณีทำปากจู๋ ก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ ” อะไรของเขา ?จะออกไปไหนทำไมไม่บอกกันสักคำ ”
ทันใดนั้นเอง โทรศัพท์มือถือของปาณีก็ดังขึ้น เธอก้มมองดูเลยเห็นว่าเป็นคุณอาที่โทรเข้ามา ปาณีรีบกดรับสายโทรศพท์ ” คุณอาคะ อยู่ไหนคะ ?ถ้าจะออกไปข้างนอก ทำไมไม่บอกฉันสักคำล่ะคะ ?จริงๆเลยคุณอาเนี่ย !”
เมื่อได้ยินปลายสายกำลังบ่นให้ตัวเอง ธามนิธิไม่ได้ใส่ใจถือสาเเต่กลับหัวเราะออกมาเบาๆ เธอมาที่สวนดอกไม้หน่อย ตอนนี้เลย ”
หลังจากพูดจบ เขาก็วางสายทันที
ปาณียืนจ้องโทรศัพท์ในมือที่เพิ่งถูกปลายสายวางหูไปดื้อๆด้วยความสงสัย เธอพูดกับตัวเองด้วยความหงุดหงิด ” อะไรกันเนี่ย ?วางหูใส่ฉันอีกแล้วนะ เห็นทีจะต้องอบรมเรื่องมารยาทกันสักหน่อยเเล้ว ”
ปาณีค่อยๆเดินนวยนาดออกไปที่สวนดอกไม้ พร้อมกับความสงสัยที่อัดแน่นอยู่เต็มอก ทว่าเมื่อเธอเดินวนไปถึงยังด้านหลังของสวน วินาทีนั้น ทุกๆอย่างเหมือนกับถูกหยุดนิ่ง
รั้วไม้ทั้งสี่ด้าน ถูกผูกประดับด้วยผ้าลูกไม้สีชมพูอย่างชดช้อยสวยงาม เเละตรงกลางสวนนั้น ร่างๆหนึ่งกำลังยืนเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในซุ้มดอกไม้ที่ตกแต่งประดับประดาอย่างโรแมนติกหรูหรา เขาคือผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจ ธามนิธินั่นเอง
แล้วจู่ๆ เสียงของโมรีก็กระซิบดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ ” ยินดีด้วยนะ ปาณี !”
สิ้นเสียงของโมรี พลันดอกไม้ช่อหนึ่งถูกจับยัดใส่มือของปาณี ช่อดอกกุหลาบขาว ในมือของเธอยิ่งผลักดันให้ดวงตาของปาณี ค่อยๆเปลี่ยนเป็นบวมแดงระเรื่อ
” คุณอา …… ” ไม่เคยมีครั้งไหนๆ ที่ปาณีอยากจะโผเข้าไปหาชายคนนั้นเท่านี้มาก่อน ผู้ชายที่รักเธอสุดหัวใจ ผู้ชายที่คอยดูแลเอาใจใส่เธอ ผู้ชายที่ทะนุถนอมเธอเหมือนดั่งไข่ในหิน !
ทว่า ทางที่จะนำเธอให้ก้าวไปหาคุณอานั้น จู่ๆก็ถูกจันวิภาวิ่งพุ่งมาขวางหน้าไว้เสียก่อน ” เดี๋ยวก่อนปาณี !เธอค่อยๆเดินไปนะ สำรวมกิริยาให้เป็นกุลสตรีหน่อยจ้ะ ธามนิธิเค้าไม่หนีไปไหนอีกเเล้ว เธอจะรีบร้อนทำไมกัน !”
” ฮ่า ฮ่า …… ” เสียงหัวเราะดังมาจากทุกทิศทุกทาง เสียงนั้นไม่ใช่เสียงหัวเราะเเบบเยาะเย้ย เเต่กลับเป็นเสียงหัวเราะแห่งความยินดีปรีดา
ปาณียืนนิ่งน้ำตาคลอหันไปมองผู้คนที่อยู่รายรอบ คุณแม่ของธามนิธิ , น้าลำมุง , โมรี , ชยรพ , จันวิภา , ธีระ รวมถึงเวทัส , นภันต์ , ฝนสิริ , จิรเวช ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันที่นี่ในตอนนี้ เเละกำลังรอให้เธอเดินเข้าไปหาธามนิธิ
แววตาของทุกคนเต็มเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม เเละความสรรเสริญยินดี แม้กระทั่งฝนสิริแม่ของปาณี ยังอดไม่ได้ที่จะแอบก้มหน้าสะอื้นให้ด้วยความดีใจ โดยมีจิรเวชที่ยืนอยู่ข้างๆคอยปลอบประโลมอยู่ไม่ห่าง
ในเวลานั้นเอง เสียงเพลง Wedding March ที่ใช้เปิดเมื่อบ่าวสาวเข้าสู่พิธีแต่งงาน ได้เริ่มบรรเลงขึ้นอย่างไพเราะเพื่ออวยพรคู่บ่าวสาว ภายใต้บรรยากาศของสวนดอกไม้อันแสนอบอุ่น
ท่ามกลางผู้คนที่รายล้อมอยู่ในขณะนี้ ปาณีค่อยๆก้าวเดินไปตามจังหวะของเสียงเพลง มุ่งตรงไปยังชายหนุ่มที่กำลังยืนรอเธออยู่ใต้ซุ้มดอกไม้นั้น
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะไม่ได้สวมชุดแต่งงานสีขาว แต่เธอยังคงเดินก้าวต่อไปด้วยความมาดมั่นเเละสง่างาม เสมือนดั่งกำลังสวมชุดเจ้าสาวอยู่ก็ไม่ปาน
คุณอายืนโดดเด่นในชุดสูทสีดำเรียบหรู ที่เสริมให้เขาดูหล่อเหลาคมคายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งใบหน้าของเขาซึ่งเต็มไปด้วยรอยยิ้มละมุนละไม ยิ่งทำให้คุณอาดูนุ่มนวลอ่อนโยนเพิ่มขึ้นไปอีก
หนทางที่ปาณีกำลังเดินอยู่นี้ ไม่เพียงเเต่เป็นการเดินเข้าไปหาชายผู้เป็นที่รักเพียงเท่านั้น เเต่ยังเป็นการเดินทางไปสู่จุดหมายปลายทางที่เรียกว่าความสุขของชีวิตอีกด้วย
ก้าวหนึ่งผ่านไป .. อีกก้าวหนึ่ง .. เเละอีกก้าวหนึ่ง .. ไม่นานนักปาณีก็ก้าวมายืนอยู่เบื้องหน้าของธามนิธิ เมื่อได้เห็นท่าทางที่ดูค่อนข้างประหม่าของคุณอา ปาณีจึงเอ่ยปากขึ้นมาก่อน เธอค่อยๆเรียกชื่อนั้นเบาๆ ชื่อของชายหนุ่มที่เธอเฝ้าคิดถึงคะนึงหา ” ธามนิธิ !”
บางทีอาจจะเป็นเพราะการที่เธอเรียกชื่อเขา เลยทำให้อาการประหม่าของเขาค่อยๆหายไป บัดนี้ธามนิธิดูนิ่งสุขุมนุ่มลึก เขาค่อยๆสูดลมหายใจลึกๆ ก่อนจะลงไปนั่งคุกเข่าที่พื้น จากนั้นจึงหยิบแหวนเพชรวงหนึ่งออกมา เเละค่อยๆชูแหวนวงนั้นสูงขึ้นๆ พร้อมทั้งกล่าวเสียงดังฟังชัด ” ปาณี เธอจะแต่งงานกับฉันไหม ?ฉันสัญญาว่าจะรักเธอตราบชั่วชีวิตของฉัน ฉันจะคอยปกป้องดูแลเธอจากทุกภยันอันตราย ไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข ฉันจะคอยอยู่เคียงข้างเธอเสมอ เราจะรักกันจนแก่เฒ่า เราจะมีความสุขไปด้วยกัน เเละค่อยๆแก่ไปพร้อมๆกัน …… ”
ในช่วงเวลานั้นเอง ที่ปาณีไม่สามารถจะอธิบายความรู้สึกของเธอให้ออกมาเป็นคำพูดได้ ดูเหมือนว่าการร้องไห้จะเป็นทางเดียวเท่านั้น ที่เธอจะสามารถระบายความรู้สึกที่อัดเเน่นในใจออกมาได้
เมื่อได้เห็นปาณีร้องไห้ฟูมฟายแบบนั้น ธามนิธิก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาทันที จากนั้นจึงร้องเรียกเธอออกมาเบาๆ ” ปาณี ตกลงเธอจะเเต่งงานกับฉันไหม ?”
แล้วมหาชนที่ยืนอยู่โดยรอบ ต่างก็พร้อมใจกันส่งเสียงเชียร์ ” แต่งงาน !เเต่งงาน …… ”
ปาณีรีบพยักหน้ารับคำสุดชีวิต จากนั้นธามนิธิจึงก้าวเดินออกมาด้านหน้า พร้อมทั้งหยิบแหวนเพชรวงนั้นออกมา เขาค่อยๆบรรจงสวมเเหวนไปที่นิ้วนางข้างซ้ายของปาณี ภายใต้สักขีพยานของแขกที่มาร่วมงานในวันนี้ ธามนิธิรีบจับมือปาณีเเละชูขึ้นสูงๆให้ทุกคนได้เห็น ” ปาณีเป็นภรรยาของฉันเเล้ว !พวกเราแต่งงานกันเเล้ว !”
เมื่อสิ้นเสียงของธามนิธิ ลูกโป่งสีชมพูหลายร้อยลูกพากันลอยขึ้นเหนือสวนดอกไม้แห่งนั้นอย่างงดงามตระการตา
เเละขณะนั้นเอง ไวยาตย์ที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นบนได้เห็นคู่บ่าวสาว จึงตะโกนออกมาเสียงเเหลม ” จุดพลุฉลอง !”
แล้วทันใดนั้น ท้องฟ้าเหนือสวนสวยจึงถูกปกคลุมด้วยดอกไม้ไฟ ช่างเป็นภาพที่งดงามน่าประทับใจเป็นอย่างยิ่ง
” ปัง ”
” ปัง ”
หลังเสียงพลุเฉลิมฉลองดังขึ้น ธามนิธิเดินเข้ามาโอบกอดปาณีเอาไว้ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ” ที่รัก ผมรักคุณ !”
ปาณียื่นมือออกไปโอบรอบคอของธามนิธิ เเละพูดด้วยเสียงที่นุ่มนวล ” ฉันก็รักคุณค่ะ สามีที่รักของฉัน !”
จากนั้น ทั้งสองบรรจงจูบกันอย่างหวานซึ้ง ท่ามกลางพลุดอกไม้ไฟและแขกเหรื่อที่มาร่วมเป็นสักขีพยานแห่งรัก ริบบิ้นหลากสีฟุ้งกระจายไปทางคู่บ่าวสาวพร้อมทั้งเสียงโห่ร้องยินดี เเต่บัดนี้มิอาจมีสิ่งใดมาเรียกร้องความสนใจไปจากความหวานซึ้งของพวกเขาทั้งคู่ได้ ทั้งสองสงบนิ่ง ค่อยๆซึมซับอรรถรสแห่งรัก
เชื่อเถอะว่า ปลายทางแห่งรักที่เต็มไปด้วยความสุขสมหวัง กำลังรอพวกเขาอยู่ เเละสิ่งที่พวกเขาต้องทำคือจับมือซึ่งกันเเละกันไว้ให้แนบแน่น ค่อยๆก้าวเดินต่อไปข้างหน้าด้วยความหนักแน่นเเละมั่นคง
นับตั้งเเต่วินาทีนี้ สองดวงใจอันแสนบริสุทธิ์ ค่อยๆกลั่นตัวกลายเป็นความรักที่งดงาม
*******************************************************************************