My MCV and Doomsday - ตอนที่ 497
ในตอนเช้าวันต่อมา ทีมของเจียงลู่ฉีก็ออกจากเมืองเฮยจิงและก็ขับไปยังพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิง รถ off-road ก็ตามหลังรถมินิบัสไปและพวกเขาก็ขับไปได้อย่างราบรื่น
มันจะต้องใช้เวลาสักพักหนึ่งในการรวบรวมวัตถุดิบทั้งหมดและพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงก็ไม่ได้อยู่ใกล้กับเมืองเฮยจิง ด้วยเหตุนี้นี่เอง เจียงลู่ฉีจึงตัดสินใจที่จะไปเยี่ยมพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงก่อน ในความเป็นจริงแล้วเมืองเฮยจิงเป็นชานเมือง ในขณะที่พื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงตั้งอยู่ในพื้นที่ใจกลางเมือง
มันใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมงรถทั้งสองคันก็ขับเข้าไปในบริเวณพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิง พวกเขาก็รู้สึกได้ทันทีว่าบรรยากาศมันแตกต่างไปจากเมืองเฮยจิง ตึกสูงทั้งสองฝั่งต่างเงียบสงัดและถนนก็ได้ปัดกวาดสิ่งกีดขวางออกไป รถที่ถูกทิ้งไว้ก็ถูกดันไปด้านข้างของถนน พวกเขาก็ไม่สามารถที่จะเห็นร่องรอยของซอมบี้ใกล้ๆได้เลย แต่พวกเขาก็สามารถที่จะเห็นร่องรอยเลือดที่สาดกระจายอยู่บนกำแพง
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง กำแพงคอนกรีตสูงก็ปรากฏขึ้นในวิสัยทัศน์ของพวกเขา กำแพงปูนซีเมนต์นั้นเหมือนกับแบ่งโลกทั้งสองไว้ ผลลัพธ์ของวันโลกาวินาศนั้นอยู่ด้านนอกกำแพง แต่อีกฝั่งหนึ่งนั้นเหมือนกับสวรรค์สำหรับผู้รอดชีวิต
กำแพงปูนซีเมนต์สูงก็มีรอยคราบเลือดด้วยเช่นกัน มันยืดยาวออกไปไกลและเจียงลู่ฉีก็สามารถที่จะเห็นนั่งร้านที่อยู่ไกลออกไปอีกด้วย ด้านหน้าทางเข้าทั้งสองประตูต่างถูกป้องกันโดยประตูโลหะหนักที่มีจุดยิงหลายต่อหลายจุด สำหรับเจียงลู่ฉีแล้ว เขาก็สามารถที่จะรู้สึกได้ถึงปากกระบอกปืนที่กำลังเล็งมาที่พวกเขา มันยังมีปากกระบอกปืนที่อยู่บนกำแพงที่ขยับตามการเคลื่อนที่ของรถยนต์พวกเขาอีกด้วย
“หยุด! บอกเจตนาที่มาที่นี่ตรงนั้นซะ!”ใครบางคนด้านหลังประตูเหล็กก็ตะโกนออกมา
“พวกเราต้องการที่จะเข้าไปในพื้นที่ปลอดภัย มันมีขั้นตอนอะไรไหม?”เจียงลู่ฉ๊ตอบกลับจากรถมินิบัส ในเวลาเดียวกันเขาก็สังเกตกำแพงคอนกรีตหนาผ่านกระจกหน้ารถ มันมีรอยกระสุนกระจัดกระจายอยู่รอบกำแพงและพื้นด้านล่างก็ถูกปกคลุมไปด้วยพลาสมาหนา
“รอก่อน!”
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง ประตูอีกประตูหนึ่งก็เปิดออกเพื่อรถมินิบัสและรถoff-roadเข้าไปด้านในเข้าไป หลังจากนั้นทหารหลาคนก็ปรากฏขึ้นและทำการตรวจสอบรถยนต์ทั้งสองคนและนับจำนวนผู้รอดชีวิตข้างใน เมื่อกระบวนการตรวจสอบเสร็จสิ้น ทีมของเจียงลู่ฉีก็ได้รับอนุญาตให้เข้าไปและพวกเขาก็ถูกพาไปลานจอดรถที่มีรถกองทัพจอดอยู่หลายต่อหลายคัน ในเวลาเดียวกันทหารจำนวนมากก็ต่างยุ่งกับการซ่อมแซมรถและแบกวัตถุดิบไปมา
ด้านหลังลานจอดรถก็คือกำแพงคอนกรีตสูงและป้องกันตึกสูงไว้ พวกเขาก็สามารถที่จะบอกได้เลยว่าที่นั่นก็คือพื้นที่ปลอดภัยที่แท้จริง
“การรักษาความปลอดภัยที่นี่ค่อนข้างเคร่งมากเลยละ”เจียงลู่ฉีอุทานออกมา
สถานที่พวกเขาจอดรถก็มีรถคันอื่นจอดอยู่ด้วยเช่นกัน หลังจากที่เหลือบตาไปมองคนที่นั่งหรือยืนอยู่ข้างรถแล้ว เจียงลู่ฉีก็เดาว่าพวกเขาก็น่าจะเป็นคนที่ต้องการที่จะเข้าร่วมกับพื้นที่ปลอดภัย พร้อมกับข้อยกเว้นของทีมที่ก่อตั้งเมืองเฮยจิงขึ้นมาแล้ว สำหรับทีมอื่นที่ไม่ได้อยู่ในเมืองเฮยจิงแล้ว ทีมไหนก็ตามก็ต้องการที่จะเข้าร่วมกับกองทัพ ซึ่งมันมีโอกาสที่ดีในการเอาชีวิตรอด
เจ้าหน้าที่สาวกำลังพูดคุยกับอีกทีมหนึ่งก็ทำท่าทางเรียกทีมฉี่หยิงไปเพื่อแจ้งให้พวกเขาควรที่จะหยุดรอ
ในเวลานั้นเองเจียงลู่ฉีก็ขมวดคิ้ว เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะพบกับคนที่เขาเคยพบมาก่อน
เมื่อเจียงลู่ฉีขับรถมินิบัสไปยังลานจอดรถ ชายที่มีแผลเป็นบนใบหน้าก็ขมวดคิ้วด้วยเช่นกัน
‘ทำไมพวกเขาถึงอยู่ที่นี่กัน?’ชายที่ขมวดคิ้วก็คือหยางหยิงที่เป็นผู้นำของทีมเสาสวรรค์และเป็นคนแรกที่เจียงลู่ฉีพบ หลังจากที่มายังเจียงหนิง
ในตอนแรก หยางหยิงต้องการที่จะปล้นพวกเขา หลังจากที่สู้กับซอมบี้กลายพันธุ์ระดับ 2 เสร็จ แต่เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าทีมเจียงลู่ฉีจะทรงพลังมากขนาดนี้ มันจึงเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะหลบหนีไปและละทิ้งความคิดนั้นไป เมื่อกลับไปยังเมืองเฮยจิงแล้ว พวกเขาก็อดที่จะสะบัดความรู้สึกอันเลวร้ายนี้ออกไปไม่ได้ ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเข้าร่วมกับพื้นที่ปลอดภัย
มันเป็นเรื่องที่โชคร้ายที่การตัดสินใจของพวกเขานั้นดูเป็นเรื่องที่ผิด ตั้งแต่ที่เจียงลู่ฉีก็ปรากฏตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน กับความจริงที่ว่า มันเป็นการตัดสินใจอันเจ็บปวดสำหรับหยางหยิงที่เข้าร่วมกับกองทัพ เมื่อเขาเข้าร่วมแล้ว วันที่แสนดีของเขาก็จะถึงจุดสิ้นสุดลง แต่เมื่อนึกถึงภาพการตายของซอมบี้กลายพันธุ์ระดับ 2 แล้ว ความหวาดกลัวก็ปกคลุมหัวใจของเขาและด้วยเหตุนี้นี่เองมันจึงทำให้เขาตัดสินใจได้อย่างยากลำบาก อย่างไรก็ตามใครจะไปคิดว่าพวกเขาจะพบกับเจียงลู่ฉรที่นี่กัน!?
โลกใบนี้มันเต็มไปด้วยความน่าประหลาดใจจริงๆ!
เจ้าหน้าที่สาวก็เห็นใบหน้าอันซีดขาวของหยางหยิงและการแสดงออกที่ไม่ค่อยเต็มใจของเขา เธอก็ขมวดคิ้วและถามออกมา “มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ?”
หยางหยิงนั้นอยู่ตรงนี้มาทั้งวันและเขาก็จะตอบคำถามอย่างละเอียด มันจึงทำให้เธอพบว่ามันเป็นเรื่องแปลกที่เขาหยุดพูดออกมาอย่างกลางคัน เธอก็สามารถที่จะสัมผัสได้ถึงความหวาดกลัวของเขาต่อบางสิ่งบางอย่าง ‘หรือว่าเขากลัวคนมาใหม่กัน?’
“เจ้าหน้าที่หวัน ผมรู้จักทีมโน้นครับ”หยางหยิงหยุดพูดชั่วขณะและพูดต่อ “ผมพบกับทีมนั้นมาเมื่อวานนี้ครับ พวกเขาปิดกั้นเส้นทางไม่ให้ทีมผู้รอดชีวิตที่ติดอยู่ในตึกออกมาครับ กัปตันของทีมก็อาจจะดูเหมือนกับสุภาพบุรุษ แต่เขาเป็นคนเจ้าสเน่ห์อย่างมาก มันมีสาวงามหลายต่อหลายคนในรถมินิบัสของเขา ซึ่งเป็นหลักฐานที่ชัดเจน เขารวบรวมพวกเธอไว้…”
หยางหยิงค่อนข้างที่จะเก่งกาจในการหลอกผู้หญิง เขาอยู่ที่นี่มาเป็นวันแล้วและเขาก็ยังเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตอีกด้วย ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าเจ้าหน้าที่หวันเป็นคนที่เกลียดความชั่วร้ายสุดขั้วหัวใจ ด้วยเหตุนี้นี่เองเขาจึงโบ้ยการกระทำอันเลวทรามของเขาทั้งหมดให้กับเจียงลู่ฉีและให้คำอธิบายที่คลุมเคลือ สำหรับเขาแล้ว เขาก็ดูทำให้เขาดูเป็นคนที่ถูกต้องและไม่เห็นแก่ตัว เขาก็ยังพูดอีกว่าทีมเจียงลู่ฉีต้องการที่จะล่าทีมของเขา
หยางหยิงไม่ต้องการให้หวันหลานเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพูด แต่แค่เชื่อคำพูดของเขาสักส่วนหนึ่งมันก็พอที่จะทำให้เธอเข้าใจผิดจนมาช่วยเขา แน่นอนเลยว่าการแสดงออกของหวันหลานเปลี่ยนเป็นน่ารังเกียจอย่างมาก
“นายอยู่ที่นี่ซะ อย่าสร้างปัญหาละ”หวันหลานพูดออกมาอย่างเย็นชา
เธอไม่ได้เชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่หยางหยิงพูด แต่เธอก็ยังมีหน้าที่รับผิดชอบพื้นที่บริเวณนี้และก็ไม่สามารถที่จะอนุญาตให้คนอื่นสร้างปัญหาได้
หลังจากนั้นเธอก็ยืนอยู่ด้านหน้ารถมินิบัสของเจียงลู่ฉีและถามออกมา “ใครคือกัปตันกัน?”
เจียงลู่ฉีก็ลดหน้าต่างลงและตอบกลับ “ฉันเอง”
“มันจะดีกว่าที่นายจะไม่ก่อปัญหาที่นี่”เจ้าหน้าที่หวันเตือน
เพียงเวลาไม่นานที่เจียงลู่ฉีได้ยินคำเตือนของเธอ เขาก็รู้สึกสงสัยและตอบกลับ “ฉันไม่รู้ว่าเธอได้ยินอะไรมา แต่เธอควรที่จะรับฟังเรื่องราวของทั้งสองฝั่งก่อนเป็นอันดับแรก อย่าให้คำพูดของคนอื่นทำให้เธอเข้าใจผิดสิ”
ที่จริงแล้วเขาก็เดาได้อย่างง่ายดายเลยว่าเป็นหยางหยิงที่บอกเธอ ในความคิดของเขาแล้วหยางหยิงก็เป็นแค่แมลงเม่าตัวเล็กๆและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงไว้ชีวิต อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้คาดคิดเลยว่าแมลงเม่าตัวนั้นจะสร้างปัญหาได้
“นั่นคือคำเด็ดขาด ฉันไม่จำเป็นที่จะต้องคุยกับนายหรือฟังคำแก้ตัวของนาย”หวันหลานโต้กลับ เธอก็ไม่ต้องการที่จะรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของผู้รอดชีวิต หลังจากที่เข้ามาพื้นที่ปลอดภัยแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็ต้องรับฟังคำสั่งของเธอ
“ฉันยังไม่ได้เข้าร่วมกับพื้นที่ปลอดภัย ดังนั้นทำไมฉันจะต้องฟังคำสั่งของเธอด้วยละ?”เจียงลู่ฉีถาม
“นายเข้ามาในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฉันรับหน้าที่อยู่ นี่คือคำเตือนครั้งสุดท้ายของฉัน อย่าสร้างปัญหา!”หวันหลานพูดออกมาอย่างเย็นชา
ท่าทางของเจียงลู่ฉีทำให้เธอไม่มีความสุขมาก ผู้รอดชีวิตคนอื่นก็ต่างก้มหัวลงต่อหน้าเธอ จากการแสดงออกอันหวาดกลัวของหยางหยิงแล้ว รวมทั้งท่าทางที่กล้าพูดกล้าจาของเจียงลู่ฉีแล้ว หวันหลานก็เริ่มเชื่อแล้วว่าสิ่งที่หยางหยิงพูดนั้นถูกต้อง
“ทำไมเธอถึงได้เตือนพี่ชายฉันกัน!?”เจียงจู้อิงก็ลดหน้าต่างของเธอลงมาและถามออกมาอย่างกระวนกระวายใจ
หวันหลานก็ไม่ได้ตอบและก็ทำเพียงแค่จ้องไปที่เจียงจู้อิง ในเวลาเดียวกันเธอก็ยังเห็นสาวงามอีกหลายคนผ่านหน้าต่างที่เปิดออก สภาพของผู้หญิงเหล่านั้นต่างดีกว่าเธอเสียอีก
‘ทำไมมันถึงมีสาวงามมากมายรวมตัวกันในรถมินิบัสนั่นกัน?’ทันทีที่หวันหลานสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ ความคิดแย่ๆมากมายก็ถาโถมเข้ามาในความคิดของเธอ เธอก็รู้สึกว่าสิ่งที่หยางหยิงพูดมันไม่ได้ไร้สาระไปสักทีเดียว
“นายสามารถที่จะลงจากรถมินิบัสได้แล้ว”หวันหลานพูด เจียงลู่ฉีทำให้เธอรู้สึกแย่มาก
…
ในช่วงสองวันที่ผ่านมา มันมีทีมทั้งหมดสี่ทีมที่มาที่นี่ รวมทั้งหวันหลานแล้ว เจ้าหน้าที่อีกสองคนก็มีรับหน้าที่ในการประเมินพวกเขา
“มีอะไรผิดปกติงั้นเหรอ? ทำไมเธอดูหงุดหงิดจัง?”เจ้าหน้าที่อีกคนก็ถามออกมา เมื่อเขาสังเกตเห็นการแสดงออกของหวันหลาน
“มันเป็นเพราะผู้รอดชีวิตเหล่านั้นค่ะ ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราถึงปล่อยให้พวกเขาเข้ามากัน”หวันหลานตอบกลับ
“มันโอเคหน่า บอกฉันมาว่าใครทำให้เธอหงุดหงิดกันและฉันจะได้ช่วยเธอตรวจสอบพวกเขาอย่างระมัดระวัง”เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ตบไปที่หน้าอกและสัญญาออกมา
“พวกเราต้องทำตามกฏกับพวกเขา นายไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามการตัดสินใจส่วนตัวของนายเองได้”เจ้าหน้าที่อีกคนก็พูดขึ้นมาหลังจากที่ได้ยินบทสนทนาของพวกเขา เจ้าหน้าที่คนก่อนหน้านี้ก็หยุดพูดทันทีที่เขาได้ยิน
เจ้าหน้าที่คนนี้มีอายุประมาณสามสิบปีและสวมชุดยูนิฟอร์มลายพรางบางๆ แต่กล้ามเนื้อของเขาก็ยังคงมองเห็นผ่านใต้เสื้อผ้าได้ ผิวหนังสีแทนของเหมือนกับสร้างมาด้วยเหล็กพร้อมกับร่องรอยของแผลเป็นบนนั้น เขาเป็นเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบในการประเมิน
“ผู้บังคับบัญชาจี่ครับ ผมจะจำคำพูดของท่านไว้ครับ สุดท้ายแล้วพวกเราก็เป็นมนุษย์ที่จำเป็นต้องสร้างสังคมขึ้นมาใหม่ในไม่ช้าและผู้รอดชีวิตเหล่านี้ก็ต่างเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของมัน”เจ้าหน้าที่ก่อนหน้านี้พูดออกมา
หวันหลานก็ยิ้มออกมาและพูดกับจี่เซียงหมิง “ที่จริงแล้วฉันไม่ต้องการที่จะเล็งเป้าหมายไปที่เขาหรอกค่ะ ฉันแค่รู้สึกว่าท่าทางของเขานั้นโอหังมากเกินไป ถ้าเขาไม่ปฏิบัติตามกฏแล้ว เขาก็จะทำให้พวกเราได้รับบาดเจ็บ หลังจากที่เข้าร่วมกับกองทัพ”
“ในความคิดของผู้รอดชีวิตแล้ว คนที่แข็งแกร่งกว่าควรที่จะปฏิบัติอย่างราชา ตราบเท่าที่พวกเราทำให้พวกเขาเข้าใจได้ว่ามันไม่ใช่แบบนั้น พวกเขาก็จะรับฟังคำสั่งของพวกเรา”จี่เซียงหมิงตอบกลับ
“ผู้บังคับบัญชาจี่คะ ท่านเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งในกองทัพ ผู้รอดชีวิตเหล่านั้นไม่ควรที่จะวัดอยู่ในระดับเดียวกับท่านเลย”หวันหลานพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้ม
“อย่าดูถูกพวกเขานะ พวกเขาต่างอาศัยอยู่ในโลกใบนี้มาเป็นเวลานานแล้วและก็ได้ผ่านเหตุการณ์ชี้เป็นชี้ตายมาแล้ว พวกเราก็จะสูญเสียอย่างใหญ่หลวง ถ้าพวกเราได้ประเมินพวกเขาต่ำไป”จี่เซียงหมิงพูดออกมาอย่างเย็นชา
“มันจะเป็นยังงั้นได้ยังไงคะ? ผู้บังคับบัญชาจี่ พวกเราต่างเชื่อในตัวคุณค่ะ”หวันหลานพูดออกมาโดยไม่มีความลังเลใจ
หวันหลานอดที่จะก้มหัวของเธอลงเล็กน้อยไม่ได้ ด้วยความอายของเธอ หลังจากที่เหลือบไปมองกล้ามเนื้อของจี่เซียงหมิง
“ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้! อีกอย่าง หวันหลานอย่าให้ความรู้สึกส่วนตัวมาเกี่ยวข้องกับการทำงาน พวกเราแค่มีหน้าที่รับผิดชอบในการประเมินพวกเขาเท่านั้น”จี่เซียงหมิงมองไปที่หวันหลานและขมวดคิ้ว เขาเดาได้ลางๆว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ครั้งแรก แต่ทีมผู้รอดชีวิตก็ไม่ได้พ่ายแพ้ไปตามการข่มขู่ของหวันหลาน ซึ่งมันไม่ได้เป็นไปตามที่เธอเชื่อมั่น
“ค่ะ….ฉันเข้าใจแล้วค่ะ”ใบหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด เธอก็ไม่กล้าที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของจี่เซียงหมิง
และหลังจากนั้นเธอก็หันกลับไปมองรถมินิบัส เธอนั้นถูกด่าโดยจี่เซียงหมิง เพราะทีมที่เป็นเจ้าของรถมินิบัสนั่น!
‘เขาจะเทียบกับจี่เซียงหมิงได้ยังไงกัน? จี่เซียงหมิงเป็นหนึ่งในสิบผู้แข่งขันที่เก่งกาจที่สุดในกองทัพเลยนะ’หวันหลานคิด
ในตอนแรก เธอแค่ไม่มีความสุขกับเจียงลู่ฉี แต่ในตอนนี้เธออดใจรอที่จะตำหนิเขาไม่ไหวแล้ว!