My MCV and Doomsday - ตอนที่ 500
Chapter 500: พื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิง
“ขอบคุณนะ เฒ่าจาง แต่คุณไม่จำเป็นที่จะต้องจัดงานพบปะให้กับพวกเราหรอกครับ”เจียงลู่ฉีปฏิเสธ หลังจากครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
เขาไม่ได้มีข้อมูลอะไรมากมายเกี่ยวกับภูมิภาคฮัวเซียและผู้มีพลังเหนือธรรมชาติ ดังนั้นเขาเชื่อว่าเขาควรที่จะระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของเขาก็ยังอ่อนแอกว่ากองทัพ
“มันโอเค ฉันนับถือในการตัดสินใจของนาย”นายพลจางพูด ถึงแม้ว่าเขาจะรู้สึกว่ามันน่าเศร้า นายพลจางก็จะไม่บังคับเจียงลู่ฉีให้ทำมัน
“แล้วมาอยู่ที่นี่ชั่วคราวละ? ชีวิตที่อยู่ที่นี่มันค่อนข้างน่าเบื่อเลย แต่มันก็ยังคงเป็นพื้นที่ปลอดภัยอยู่ดี ถ้านายต้องการความช่วยเหลือแล้วละก็ ได้โปรดอย่าลังเลที่จะบอกฉันเลยนะ”นายพลจางยิ้ม
“อยู่ที่นี่?”เจียงลู่ฉีส่ายหัว
มันไม่เคยมีความคิดนี้เข้ามาในหัวของเขาเลย การที่จะอยู่ที่นี่หรือการหาที่พักอย่างถาวร เขาสนใจเพียงอย่างเดียวก็คือการคุ้มครองนักวิทยาศาสตร์ทั้งสองไปให้ปลอดภัย ไม่ต้องพูดถึงเลยว่าภูมิภาคกำลังก่อสร้างอย่างเร่งด่วนและขยายตัวอีกด้วย เขาจะเสียเวลาอยู่ที่นี่ไปได้ยังไงกัน?
“มันมีบางสิ่งบางอย่างที่ผมต้องการความช่วยเหลือจากคุณ”เจียงลู่ฉีพูด
“บอกฉันมาสิ”นายพลจางตอบกลับในทันที เขาก็รู้สึกขอบคุณอย่างมากกับการช่วยเหลือของเจียงลู่ฉี นอกจากนี้แล้ว เขาก็ยังพานักวิทยาศาสตร์ที่สำคัญอีกสองคนมาเข้าร่วมกับพื้นที่ปลอดภัยแห่งนี้ มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เขาจะมีความสุขที่จะช่วยเหลือเจียงลู่ฉีได้
“ถ้าผมจำไม่ผิดแล้วละก็มันน่าจะมีสนามบินอยู่ในเจียงหนิง ผมจำเป็นต้องหาวัตถุดิบมาจากสนามบินร้างนั่น ผมไม่รู้ว่ามันไกลแค่ไหนและมันตั้งอยู่ที่ไหน คุณช่วยหาข้อมูลเกี่ยวกับเส้นทางและสถานการณ์ของสนามบินได้ไหม?”เจียงลู่ฉีถาม
ในรายชื่อของวัตถุดิบที่เขาให้กับเฮอจุนฮงแล้ว มันก็มีโลหะหายากจำนวนมากที่หาได้ยากมาก ถึงแม้ว่าเฮอจุนฮงจะพยายามอย่างดีที่สุดที่จะรวบรวมวัตถุดิบที่จำเป็นทั้งหมด เจียงลู่ฉีก็ตัดสินใจที่จะหามันด้วยตัวของเขาเอง สุดท้ายแล้วเขาก็พึ่งจะพบกับนายพลจาง ซึ่งมันเป็นโอกาสที่ดี ในเวลาเดียวกันเขาก็รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ถูกต้องที่จะรวบรวมวัตถุดิบเก็บไว้ในพื้นที่เก็บของให้มากยิ่งขึ้น ประเภทของโลหะเหล่านั้นต่างใช้กันเป็นจำนวนมากในสนามบิน
ตราบเท่าที่พวกเขาหาเครื่องบินพบ มันก็เท่ากับการหาวัตถุดิบพบเป็นจำนวนมาก ในอนาคต วัตถุดิบก็จะหาได้ยากยิ่งขึ้น ดังนั้นเขาควรที่จะหาพวกมันในเร็ววัน เมื่อพวกเขาผ่านเจียงเบยไป เจียงลู่ฉีก็มีความคิดในการไปเยี่ยมสนามบินเจียงเบย แต่เขาก็ทิ้งความคิดนี้ไป เนื่องจากระยะทางของมัน
ตั้งแต่ที่พวกเขามาถึงเจียงหนิงแล้ว เจียงลู่ฉีก็ต้องการที่จะหาโอกาสไปยังสนามบินเจียงหนิง
“สนามบินเจียงหนิง?”นายพลจางมึนงง เขาตกอยู่ในสภาวะพูดไม่เข้าคายไม่ออก
เจียงลู่ฉีก็เห็นการแสดงออกของเขาและถามออกมา “สนามบินเจียงหนิงยังใช้งานอยู่งั้นเหรอครับ?”
พูดตามปกติแล้ว หลังจากวันโลกาวินาศ เมืองส่วนใหญ่ต่างกลายเป็นเศษซากปรักหักพังและสนามบินก็เลิกใช้งาน แล้วมันจะมีความแตกต่างอะไรกับสนามบินเจียงหนิงอีกกัน?
“ไม่เต็มที่หรอก แต่มันเกือบจะอยู่ในขั้นสุดท้ายแล้วละ”นายพลจางตอบกลับ
หลังจากนั้นเขาก็ให้รายละเอียดบางอย่างกับเจียงลู่ฉี ขั้นตอนแรกก็คือการก่อตั้งภูมิภาคเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งกันระหว่างพื้นที่ปลอดภัยที่สำคัญ วิธีการก่อนหน้านี้ก็คือการใช้การส่งข้อมูลผ่านวิทยุและมันก็ไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัยทุกแห่งที่เผยแพร่สถานการณ์ที่แท้จริงและข้อมูลทั้งหมด ด้วยเหตุนี้นี่เอง พวกเขาจึงเริ่มใช้เครื่องบิน ซึ่งมันสามารถที่จะส่งคนไปแลกเปลี่ยนกันได้
ในตอนนี้ สนามบินเจียงหนิงก็ตกอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพและมันก็กำลังถูกซ่อมแซมอยู่ นอกจากนี้แล้ว สนามบินเจียงหนิงก็ไม่ใช่สนามบินที่ใหญ่และรัฐบาลก็เริ่มทำการควบคุมการบินทางอากาศไว้แล้วก่อนวันโลกาวินาศ ดังนั้นมันจึงไม่ได้มีเครื่องบินที่นั่นมากมายสักเท่าไหร่ ในตอนนี้ มันก็ไม่มีใครที่มีความสามารถในการสร้างเครื่องบิน ด้วยเหตุนี้มันจึงแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะอนุญาตให้ใครก็ตามเข้าไปใกล้กับเครื่องบินที่เหลือ
เจียงลู่ฉีพยักหน้าและทำท่าเหมือนกับว่าเขาเข้าใจ แต่เขาก็ยังรู้สึกผิดหวังอยู่ดี ความยากในการรวบรวมวัตถุดิบมันก็เพิ่มสูงขึ้น
“สำหรับเจียงเบยแล้ว พวกเราจะฟื้นสภาพมันในเร็ววัน มันเป็นเรื่องที่น่าละอายที่พวกเราไม่สามารถใช้รถไฟความเร็วสูงในการเชื่อมต่อกันระหว่างเจียงหนิงจนไปถึงเจียงเบย เมื่อพวกเรามีพลังไม่เพียงพอที่จะคุ้มกันมัน”นายพลจางพูด
หลังจากวันโลกาวินาศแล้ว วิธีการขนส่งนั้นเป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดและนั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมความสามารถพิเศษของเจียงลู่ฉีจึงสร้างความประทับใจอย่างมากกับนายพลจาง ถ้าเจียงลู่ฉีสามารถใช้พลังของเขาช่วยกองทัพได้แล้วละก็มันก็จะช่วยแก้ปัญหามากมายเลย แต่มันเป็นเรื่องที่น่าเศร้าที่เจียงลู่ฉีปฏิเสธความคิดนี้ทิ้งไป
“เจียงเบยจะรวมอยู่ในภูมิภาคในอนาคต? มันเป็นเรื่องจริงใช่ไหม?”เจียงลู่ฉีถามออกมาอย่างประหลาดใจ
พูดตามจริงแล้ว มันก็เป็นเรื่องที่คาดไว้แล้วที่เจียงเบยจะถูกพิจารณาว่าเป็นเมืองขนาดกลาง ซึ่งมันมีทั้งบริษัทและโรงงานมากมายในเจียงเบย
“เยี่ยมเลย เฒ่าจาง เมื่อกองทัพยึดเจียงเบยได้ ผมก็ต้องการให้คุณช่วยดูแลเพื่อนรักของผม”เจียงลู่ฉีพูด และหลังจากนั้นเขาก็อธิบายเกี่ยวกับหลัวหมิงและที่ที่เขาอยู่ นี่มันอาจจะเป็นการช่วยเหลือเพียงอย่างเดียวที่เขาสามารถช่วยหลัวหมิงได้ เขาหวังว่าเพื่อนของเขาจะมีชีวิตการเป็นอยู่ที่ดีกว่านี้
“หลัวหมิง วางใจได้เลย!”นายพลจางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ถ้านายต้องการหาสนามบินอื่นแล้วละก็ฉันช่วยได้นะ”นายพลจางพูดเพิ่ม
เจียงลู่ฉีก็รู้สึกตื่นเต้นและตั้งใจฟัง
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง เจียงลู่ฉีและหลันซิหยู่ก็ออกไปจากสำนักงานในพื้นที่ปลอดภัยของเจียงหนิงพร้อมกับแผนที่ที่มีรายละเอียดมากมายของพื้นที่เจียงหนิง นายพลจางก็ยังส่งนักวิทยาศาสตร์สองคนไปยังสถาบันวิทยาศาสตร์ชีวภาพ และหลี่ยู่ซินก็ตามไปด้วย ที่จริงแล้ว ในเจียงหนิงมันก็มีสถาบันวิจัยมากกว่าหนึ่งแห่งและพวกมันก็ตั้งอยู่ที่ด้านหลังสำนักงานกันทั้งหมด นักวิทยาศาสตร์ก็ต่างทำการทดลองและค้นคว้าภายใต้การปกป้องของกองทัพ ดังนั้นเจียงลู่ฉีจึงไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของนักวิทยาศาสตร์
ในพื้นที่ปลอดภัย ทีมเดินตรวจตราก็สามารถเห็นได้ทั่วทุกแห่ง นอกจากนี้แล้ว ผู้รอดชีวิตธรรมดาทั่วไปก็เดินไปมาและทำความสะอาดเศษซากปรักหักพังและบ้าน คนอื่นก็ทำการจัดระเบียบของเสื้อผ้าจากคลังสินค้าของห้างตามความสะอาดของพวกมัน เพศและจำนวน สำหรับเรื่องของแบนด์แล้วมันก็ไม่ได้ถูกแบ่งไว้ เสื้อราคาแพงและราคาถูกก็วางกองไว้รวมกัน
ในพื้นที่แห่งนี้ นอกจากคนป่วยและคนแก่ซึ่งรวมทั้งเด็กที่ไม่มีความสามารถในการทำงาน คนที่เหลือก็จะช่วยก่อสร้าง
เมื่อพวกเขาเดินผ่านผู้คนที่กำลังจัดเสื้อผ้าอยู่ เจียงลู่ฉีก็สังเกตเห็นดวงตาของหลันซิหยู่และหลังจากนั้นเขาก็หยุด
“ผ้าพันคอนี่ขายไหม?”เจียงลู่ฉีถามคนที่ดูเหมือนกับเป็นผู้จัดการ
“นี่เป็นการแจกจ่ายให้กับทุกคนค่ะ”คนนั้นพูดแล้วก็ส่ายหัว
เจียงลู่ฉีก็ครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะและหลังจากนั้นเขาก็เอาแท่งช็อคโกแลตออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา
“ขายมันให้กับผมได้ไหม?”เจียงลู่ฉีถามอีกครั้งหนึ่ง
“ได้ค่ะ!”ตาของผู้จัดการก็โตขึ้นและเธอก็พยักหน้า
มันเหมือนกับว่าพื้นที่ปลอดภัยที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ช็อคโกแลตมันก็ยังหายาก แม้แต่ชิ้นเล็กๆก็ตามที ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าของมันจะไม่คุ้มค่ากับเงิน พวกมันก็ยังเกี่ยวข้องกับอาหาร แต่แท่งช็อคโกแลตก็ยังสามารถที่จะซื้อเสื้อผ้ามาหลายชุด รวมทั้งผ้าพันคอนี้ด้วย
เจียงลู่ฉีก็หยิบเสื้อกันหนาวขึ้นมาและหากระเป๋าพบ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ให้มันกับหลันซิหยู่ “เมื่อยู่ซินกลับมา เธอก็หยิบสีที่เธอชอบมาละกัน”เจียงลู่ฉีพูด
“นั่นแหละ…”กระเป๋าในมือของหลันซิหยู่ก็ใหญ่มากจนเหมือนกับว่าเธอกำลังถือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่อยู่ เธอก็ดูสวยกว่าในยามปกติทั่วไป
“ชิ้นนี้ของเธอนะ”เจียงลู่ฉีก็พันผ้าพันคอสีขาวรอบคอของหลันซิหยู่
ผ้าพันคอนุ่มก็พันรอบคอขาวของเธอและก็ปกคลุมตาเล็กๆของเธอไว้ มันก็ทำให้ใบหน้าของเธอดูเล็กไป หลันซิหยู่ก็ยังมองไปที่เจียงลู่ฉีอย่างเงียบงันและพูดออกมา “ขอบคุณค่ะ”
“ด้วยความยินดี”เจียงลู่ฉีพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม
หลันซิหยู่ก็รู้สึกว่าหูของเธอนั้นค่อนข้างร้อนเล็กน้อย เธอก็เหลือบตามองไปที่ผ้าพันคอที่เจียงลู่ฉีให้เธอมา ความอบอุ่นก็พวยพุ่งเข้ามาในหัวใจของหลันซิหยู่
หลันซิหยู่ก็ถามออกมาอย่างฉับพลัน “มันมีอะไรบนแผนที่ที่นายพลจางให้กับนายไหม?”
“โอ้ ดูสิ!”เจียงลู่ฉีก็คลี่แผนที่ให้กับหลันซิหยู่ดูมัน มันก็มีวงกลมอยู่บนแผนที่ “เฮลิคอปเตอร์สองลำได้ล่วงลงบนที่นี่และเศษซากของมันก็น่าจะอยู่รอบๆพื้นที่บริเวณนี้”เจียงลู่ฉีพูด
ใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ก็ทำมาจากวัตถุดิบประกอบ ถึงแม้ว่าเจียงลู่ฉีจะไม่ได้เครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ก็ยังคงดีกว่าไม่ได้อะไรเลย นอกจากนี้แล้ว ตามคำพูดของนายพลจาง เฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำก็บินด้วยความสูงที่ระดับต่ำในเวลานั้น ดังนั้นพวกมันยังมีสภาพที่สมบูรณ์อยู่
“มันอันตรายอย่างงั้นเหรอคะ?”หลันซิหยู่ถาม
“มันไม่น่าจะอันตรายมากขนาดนั้น”เจียงลู่ฉีตอบกลับ
สถานที่แห่งนี้ก็ตั้งอยู่สักแห่งในเมือง แต่มันก็ไม่ได้อยู่ตรงใจกลางเมือง พวกมันก็ยังค่อนข้างปลอดภัยในรถมินิบัส เจียงลู่ฉีก็ค่อนข้างมั่นใจใน MCV ของเขา
“พวกเราจะไม่อยู่ในเจียงหนิงนานสักเท่าไหร่ ตั้งแต่ที่เฮลิคอปเตอร์สองลำกำลังรอพวกเราอยู่ พวกเราก็ไม่ควรที่จะทิ้งโอกาสนี้ไป”เจียงลู่ฉียิ้ม
“โอเคค่ะ”หลันซิหยู่พยักหน้า
หลันซิหยู่ก็ไม่ได้มีข้อคัดค้านอะไร ตั้งแต่ที่เจียงลู่ฉีพูดมัน เธอนั้นเชื่อใจในตัวเขาอย่างสมบูรณ์แบบ
เมื่อพวกเขาเดินไปบนถนนอย่างช้าๆ เหมือนกับวันก่อนโลกาวินาศ ความอบอุ่นก็เติมเต็มเข้ามาในหัวใจของเจียงลู่ฉี
มันก็มีเสียงดังขึ้นมาด้านหลังมาอย่างไม่คาดคิด “ฉันอดใจเชื่อไม่ได้เลยว่าเป็นเธอจริงๆ!”