My MCV and Doomsday - ตอนที่ 502
Chapter 502: เวลาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
นายพลจางก็ออกคำสั่งกับทหารของเขาให้จัดที่พักให้กับเจียงลู่ฉีและทีมของเขา บนเส้นทาง ทหารก็พบกับเจียงลู่ฉีและหลันซิหยู่และหลังจากนั้นก็พาพวกเขาไปที่ชุมชน ชุมชนก็ชุมชนระดับกลางพร้อมกับสภาพแวดล้อมที่ค่อนข้างดี ที่พักที่มีสี่ห้องที่ตั้งอยู่ก็ได้รับการตกแต่งเป็นอย่างดีและเฟอร์นิเจอร์ภายในก็สะอาดสะอ้าน มันมีเรื่องแย่ๆเพียงเรื่องเดียวก็คือมันจำเป็นต้องใช้ถ่านก้อนในการทำอาหารและจุดไฟ
“ว้าว! มันเท่ห์มากเลย! ฉันไม่ได้คาดคิดเลยที่จะเจอถ่านก้อนอีก”จางไฮ่พูดออกมาอย่างตื่นเต้น
ในความเป็นจริง มันมีเหมืองถ่านหินในเจียงหนิงและด้วยเหตุนี้นี่เองพวกเขาก็สามารถเอาถ่านหินออกมาหลังจากวันโลกาวินาศได้
“พวกเราจะเปลี่ยนกะทำงานกันในอีกหนึ่งชั่วโมงครับ”เจ้าหน้าที่ที่รับหน้าที่อธิบายออกมา
“นายรู้จักที่อยู่ของเจียงเซี่ยวฉู่ไหม?”หลันซิหยู่ถาม
เจียงลู่ฉีก็ให้บุหรี่กับเจ้าหน้าที่ไป ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับที่อยู่มาอย่างง่ายดาย เจ้าหน้าที่คนนั้นก็แกะซองบุหรี่ออกมาก่อนที่จะวางมันไปบนหูของเขาอย่างระมัดระวัง
ถ้าเขารู้ว่าบุหรี่นั้นไม่มีค่าเลยกับเจียงลู่ฉี เขาจะรู้สึกยังไงกัน? ไม่เพียงแต่เจียงลู่ฉีจะไม่ใช่คนสูบบุหรี่แล้ว แต่เขายังไม่ชอบบุหรี่อีกด้วย เมื่อพวกมันทั้งถูกและเขาก็ไม่สามารถที่จะแลกเปลี่ยนพวกมันกับทรัพยากรล้ำค่าได้ แต่สุดท้ายแล้วพวกมันก็ยังสามารถใช้งานได้ในการแลกข้อมูลกับผู้รอดชีวิตธรรมดาทั่วไป
เพียงเวลาไม่นาน เจียงลู่ฉีและหลันซิหยู่ก็มาถึงที่อยู่ที่เจ้าหน้าที่ให้กับพวกเขามา มันค่อนข้างเป็นบริเวณที่พักที่อยู่ห่างไกลออกไป สภาพแวดล้อมของมันก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากและไฟมันก็ยังสลัวๆอีกด้วย ตึกที่อยู่ด้านข้างถนนต่างเก่าเป็นอย่างมาก พวกมันต่างตั้งอยู่ใกล้กับพื้นที่ก่อสร้าง ถนนก็ยังสกปรกและมันก็มีกลิ่นแปลกๆเหม็นที่อธิบายไม่ได้ลอยอยู่บนอากาศ
หลันซิหยู่ก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะหาบ้านเลขที่ให้เจอ และเพียงเวลาไม่นานหลังจากนั้น พวกเธอก็มายืนอยู่หน้าประตูบ้าน
“ใครกัน?”หญิงสาวถามออกมา หลังจากได้ยินเสียงเคาะประตู
“ฉันเป็นเพื่อนของเจียงเซี่ยวฉู่ค่ะ”หลันซิหยู่พูด
หญิงสาวที่มีอายุประมาณ 28 ปีก็เปิดประตูออกมา เธอสวมเสื้อผ้าที่สะอาดสะอ้านและเธอก็ยังทาลิปสติปบนริมฝีปากของเธออีกด้วย เมื่อหญิงสาวคนนี้เห็นหลันซิหยู่และเจียงลู่ฉี เธอก็ขมวดคิ้ว “เธอกำลังมองหาเจียงเซี่ยวฉู่อยู่งั้นเหรอ?”
“ใช่ เจียงเซี่ยวฉู่อยู่ที่นี่ไหม?”
“ไม่”
“แล้วครอบครัวของเธอละ?”หลันซิหยู่ถาม
“ไม่ ไม่!”หญิงสาวคนนี้ก็พูดออกมาอย่างไม่มีความอดทน
ทันใดนั้นก็มีอีกเสียงหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านในบ้าน “เธอกำลังทำอะไรอยู่กัน?” และหลังจากนั้นชายวัยสามสิบปีที่สวมชุดยูนิฟอร์มก็ปรากฏขึ้นด้านใน ในตอนแรกเขาก็ดูมีท่าทางที่หงุดหงิด แต่ทันทีที่เขาเห็นหลันซิหยู่ มันก็เหมือนกับว่าเขาได้เปลี่ยนแปลงไปเป็นอีกคน
“ซิหยู่! ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
“จางเฮาจิง? ทำไมนายถึงอยู่ที่นี่กัน?”หลันซิหยู่มึนงง
“นี่บ้านของฉันเอง”จางเฮาจิงพูดออกมา “เข้ามาก่อนสิ ซิหยู่ อย่ามัวแต่ยืนอยู่ด้านนอกเลย”จางเฮาจิงพูดออกมาอย่างกระตือรือร้น
“เจียงเซี่ยวฉู่และครอบครัวของเธออยู่ไหนกัน?” หลันซิหยู่ถามออกมาอีกครั้งหนึ่ง “ฉันคิดว่าพวกเธอจะอาศัยอยู่ที่นี่เสียอีก”
“ใช่ ฉันให้พวกเธอเข้ามาอยู่ด้วย พวกเธอกำลังอยู่ตรง ลานถ่านหินและกำลังเอาถ่านหินออกมาอยู่”
ถึงแม้ว่าหลันซิหยู่จะไม่มีความรู้เกี่ยวกับงานประเภทนี้ เจียงลู่ฉีก็รู้ดีว่ามันเหนื่อยและมันยากขนาดไหน ตามคำอธิบายของหลันซิหยู่แล้ว พ่อแม่ของเจียงเซี่ยวฉู่น่าจะมีอายุประมาณ 50 ปี พวกเขายังคงทำงานยันเย็นได้ยังไงกัน? สำหรับเจียงเซี่ยวฉู่มันคงเป็นการทรมานอย่างมาก
“ทำไมทำแบบนั้น? ไม่ใช่พวกเขาได้รับการปกป้องจากกองทัพ ก่อนวันโลกาวินาศหรือยังไง?”หลันซิหยู่ถาม
“แล้วพวกเขาละ? ทำไมพวกเขาถึงไม่ปกป้องกัน?”หลันซิหยู่ถามอีกครั้งหนึ่ง
“สิ่งต่างๆมันแตกต่างออกไปในเจียงหนิง พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติเช่นเดิมได้ยังไงกัน? ฉันเป็นคนที่ปกป้องครอบครัวแล้วในตอนนี้ ฉันไม่เชื่อเลยว่าพวกเราจะพบกับเธอ ได้โปรดรอให้ข้าวเย็นพร้อมเสียก่อนและคอยกินกับพวกเรา”จางเฮาจิงพูด
“เธอ อย่ามัวแต่ยืนอยู่ที่นี่! รีบไปห้องครัวและทำอาหารมาซะ”จางเฮาจิงสั่งการผู้หญิงคนนั้น
ผู้หญิงคนนั้นเต็มไปด้วยความโกรธเคือง แต่เธอก็เก็บกักความโกรธไว้ หลังจากที่สังเกตเห็นสิ่งที่หลันซิหยู่และเจียงลู่ฉีถืออยู่ “คุณถืออะไรอยู่กัน?”
“มันเป็นของสำหรับเซี่ยวฉู่และครอบครัวของเธอ”หลันซิหยู่พูด
“เธอน่าจะรู้ว่าพวกเราไม่ได้ปฏิบัติกับพวกเขาแย่สักเท่าไหร่ เธอควรที่จะเก็บไว้ให้ตัวเองนะ”จางเฮาจิงอธิบายพร้อมกับรอยยิ้ม
ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากบันได มันเหมือนกับว่าเจียงเซี่ยวฉู่และครอบครัวของเธอกลับมาแล้ว
“ซิหยู่? คุณเจียง?”เจียงเซี่ยวฉู่มึนงง หลังจากเห็นเจียงลู่ฉีและหลันซิหยู่
เพียงเวลาไม่นานที่หลันซิหยู่เห็นพวกเธอ เธอก็มีความสุขมาก “เซี่ยวฉู่ ลุงและน้าคะ ฉันดีใจมากเลยที่ได้พบกับพวกคุณอีกครั้ง”
พ่อแม่ของเจียงเซี่ยวฉู่ก็ดูแก่กว่าแต่ก่อนอย่างมาก ถึงแม้ว่าพวกเขาจะดูเหน็ดเหนื่อย อารมณ์ของพวกเขาก็ยังคงดีอยู่ พวกเขาก็มีความสุขมากด้วยเช่นกัน เมื่อพวกเขาเห็นหลันซิหยู่ ลูกสาวของพวกเขาได้บอกสถานการณ์เกี่ยวกับหลันซิหยู่กับพวกเขาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงต้องการถามสภาพการเป็นอยู่ของพวกเธออีกด้วย
“ซิหยู่ เธอเข้าร่วมกับทีมผู้รอดชีวิตได้ยังไงกัน? เธอสามารถมีชีวิตที่สุขสบายได้ ถ้าเธอเข้าร่วมกับกองทัพนะ นอกจากนี้แล้ว ความสุขสบายเหล่านั้นก็เป็นสิ่งที่ผู้หญิงต่างถามหามัน ฉันคิดว่าเธอควรที่จะทิ้งทีมของเธอและมาอาศัยอยู่กับพวกเราจะดีกว่านะ ฉันมั่นใจว่าฉันจะหางานดีๆให้กับเธอได้”จางเฮาจิงพูด
อย่างไรก็ตาม หลันซิหยู่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจกับเขาและหลังจากนั้นเธอก็ส่งของที่เธอเตรียมไว้ให้กับเจียงเซี่ยวฉู่และครอบครัวของเธอ “ของพวกนี้เป็นของตอบแทนความรู้สึกขอบคุณค่ะ”
“ไม่ พวกเราไม่สามารถรับมันได้…”
“อย่าปฏิเสธมันเลย”หลันซิหยู่พูด
ในตอนสุดท้าย เจียงเซียวฉู๋ก็รับกล่องและเปิดมันออกมา เธอก็ประหลาดใจเมื่อเห็นเนื้อกลายพันธุ์ย่างที่อยู่ด้านในและกลิ่นหอมหวานที่ลอยออกมา
จางเฮาจิงและผู้หญิงคนนั้นก็ตกตะลึงกับของที่อยู่ด้านใน
“เนื้อกลายพันธุ์!” ถึงแม้ว่าจางเฮาจิงจะเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติที่ทำงานร่วมกับรัฐบาลก็ตามที จำนวนเนื้อที่ได้รับการแบ่งมาก็ยังจำกัด
นอกจากนี้แล้ว เนื้อกลายพันธุ์ที่หลันซิหยู่นำมาให้มันก็ดีมากและก็ได้รับการปรุงแต่งเป็นอย่างดี มันไม่ได้เป็นเรื่องหายากที่ทีมผู้รอดชีวิตจะมีเนื้อกลายพันธุ์บ้าง แต่มันก็ไร้ประโยชน์อย่างมากที่จะให้คนธรรมดากินมัน
ในชั่ววินาทีต่อมา กล่องที่สองก็เปิดออก สิ่งที่อยู่ด้านในนั้นก็คือผักสด
“เป็น…เป็นไปไม่ได้!”
พวกเขาจะไม่ตกใจแบบนั้นได้ยังไงกัน? หลังจากวันโลกาวินาศแล้ว ผักและผลไม้กลายเป็นสิ่งหายากและล้ำค่ามาก ซึ่งมีแต่คนชั้นยอดเท่านั้นที่จะเพลิดเพลินไปกับ รัฐบาลก็ได้ปลูกพวกมันในพื้นที่อุดมสมบูรณ์ที่พบได้ยากและพวกเขาก็แจกจ่ายมันให้กับนักวิทยาศาสตร์และเจ้าหน้าที่กองทัพก่อนเป็นอันดับแรก สำหรับคนธรรมดาทั่วไปอย่างงั้นเหรอ? พวกเขาก็ทำได้เพียงเพลิดเพลินไปกับผักแห้งในซุบนั่นแหละ…
“นี่ของคุณครับ” เจียงลู่ฉีก็ส่งข้าวไปให้กับพ่อแม่ของเซี่ยวฉู่ พวกเขาก็พยายามที่จะปฏิเสธ แต่หลันซิหยู่ก็ผลักพวกมันไปในอ้อมอกของพวกเขา
“นี่มันข้าวยี่สิบห้ากิโล! มันมากเกินไป! มันมากเกินไป!”มันเป็นเรื่องที่น่าตกตะลึงกับจำนวนของมัน เมื่อพวกเขารู้ดีถึงความล้ำค่าของข้าว ในการที่จะได้กินข้าวได้กำมือนึงในหนึ่งมื้อ เขาก็จะต้องทำงานอย่างหนัก ข้าว 25 กิโลกรัมก็สามารถที่จะทำให้พวกเขาอยู่รอดได้เป็นเดือน!
“ฉันก็ยังมีนี่ด้วยค่ะ..” หลันซิหยู่ก็หยิบกระเป๋าใบเล็กออกมา ด้านในของมันก็เป็นของอย่างน้ำผึ้งและผลไม้กระป๋องที่เจียงลู่ฉีรวบรวมพวกมันมได้อย่างง่ายดายจากการเดินทางของพวกเขา ของเหล่านี้มันมีวันหมดอายุและมันก็จะสิ้นเปลืองที่จะโยนพวกมันทิ้งไป ด้วยเหตุนี้ หลันซิหยู่จึงตัดสินใจที่จะให้พวกมันเป็นของขวัญกับเจียงเซี่ยวฉู่ ทีมของเจียงลู่ฉีก็ได้รวบรวมเสบียงไว้เป็นจำนวนมาก ดังนั้นพวกเขาสามารถที่จะยกของให้ได้หลายอย่าง
จางเฮาจิงและผู้หญิงคนนั้นก็มึนงงกับสิ่งของจำนวนมากที่หลันซิหยู่และเจียงลู่ฉีนำมา
“โอ้ เซี่ยวฉู่ ให้ฉันช่วยเธอเถอะ ซิหยู่ เธอสุภาพมากเกินไปแล้ว”จางเฮาจิงพูดออกมา ในขณะที่เขาก็ยืดมือตามออกมา ในเวลาเดียวกัน ผู้หญิงคนนั้นก็ตามเขา อย่างไรก็ตามทันทีที่เธอขยับตัว เธอก็รู้สึกปวดหัวเล็กน้อย
“อย่าจับของพวกนี้!”หลันซิหยู่สั่งออกมา หญิงสาวคนนั้นก็พยักหน้าและก้าวถอยหลังออกไปหลายก้าวอย่างรวดเร็วและเธอก็ยืนอยู่ตรงนั้นเหมือนกับทหารที่มีระเบียบ ในขณะที่พูดทวนออกมา “ฉันจะไม่จับพวกมัน ฉันจะไม่จับ…”
จางเฮาจิงตกตะลึง เขาไม่เคยจินตนาการเลยว่าหลันซิหยู่จะกลายเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิตที่ทรงพลังเช่นนี้
“ซิหยู่ เธอทำอะไรกัน?”จางเฮาจิงถาม
หลันซิหยู่ก็ทำใบหน้าจริงจัง เธอจ้องไปที่จางเฮาจิงและพูดออกมา “ฉันต้องการให้นายฝังความคิดนี้ไว้ในหัวนะว่าของเหล่านี้เป็นของสำหรับเซี่ยวฉู่และครอบครัวของเธอเท่านั้น ถ้านายกล้าที่จะแตะพวกมัน ฉันจะทำให้นายเสียใจ อีกอย่าง ถ้านายปฏิบัติกับพวกเขาไม่ดีแล้วละก็ฉันจะลงโทษนาย โอ้และอีกอย่าง อย่ามาเรียกฉันว่าซิหยู่อีก! พวกเราไม่ได้สนิทกัน!”หลันซิหยู่พูดออกมาอย่างโกรธเคือง เมื่อไหร่ก็ตามที่จางเฮาจิงเรียกเธอว่าซิหยู่ เธอก็รู้สึกแย่อย่างมาก
จางเฮาจิงพูดไม่ออก ทันทีที่หลันซิหยู่จ้องมาที่เขา เขาก็สูญเสียการควบคุมร่างกายของเขาไป!
อย่างไรก็ตาม เขาก็ฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นานและหลังจากนั้นเขาก็ตอกกลับ “หลันซิหยู่! เธอยังมัวแต่คิดว่าเธอยังเป็นเจ้าหญิงของกลุ่มหลันเค่ออีกงั้นเรอะ? เลิกฝันได้แล้ว! เวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว! ต่อหน้าฉัน เธอมันก็เป็นแค่..”
ก่อนที่จางเฮาจิงจะพูดจบ เจียงลู่ฉีก็ชักปืนออกมาเล็งใส่เขาแล้ว!
มันเร็วจนเขาตั้งตัวไม่ถูก เขายังไม่เห็นด้วยซ้ำว่าเจียงลู่ฉีชักปืนออกมาตอนไหน
“นาย! นายทำบ้าอะไรกัน! ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้ฆ่าในพื้นที่นี้นะ!”จางเฮาจิงพูด
“ฉันไม่สน”เจียงลู่ฉีพูดอย่างเฉยเมย
ถึงแม้ว่าเจียงลู่ฉีจะดูไม่สนใจอะไร จางเฮาจิงก็สามารถที่จะบอกได้ว่าเขาจริงจังขนาดไหน เจียงลู่ฉีตั้งใจที่จะลั่นไกปืนจริงๆ!
‘เหี้*เอ้ย! ใครมันกล้ายิงกันในพื้นที่ปลอดภัยและไม่สนใจกองทัพกัน?’จางเฮาจิงคิด
“หลันซิหยู่… ไม่สิ คุณหลันครับ ผมจะทำตามสิ่งที่คุณพูด ได้โปรดบอกให้เพื่อนของคุณใจเย็นลงก่อน”จางเฮาจิงพูดออกมาในทันที เขารู้สึกว่าเจียงลู่ฉีจะฆ่าเขาในเวลาไหนก็ได้
หลันซิหยู่ก็มองไปที่เขาอย่างเย็นชาและหลังจากนั้นเธอก็พูดกับเจียงลู่ฉี “พี่เจียง ปล่อยเขาไป”
“จางเฮาจิง นายพูดถูก เวลาได้เปลี่ยนไปแล้ว ฉันแค่ไม่ชอบนายในอดีต แต่ฉันก็ไม่สามารถกำจัดนายทิ้งไปได้ อย่างไรก็ตามฉันได้เปลี่ยนไปแล้ว จำคำพูดของฉันไว้ ถ้านายมีความคิดตลกๆแล้วละก็ฉันจะฆ่านายด้วยตัวของฉันเอง!”หลันซิหยู่พูดออกมาอย่างเย็นชา
“เซี่ยวฉู่ พวกเราจะไปก่อนแล้วนะ ถ้าเธอต้องการความช่วยเหลืออะไรแล้วละก็เธอสามารถที่จะมาหาพวกเราได้จากที่อยู่ที่นี่นะ…”หลันซิหยู่ก็ส่งที่อยู่ให้กับเจียงเซี่ยวฉู่
เมื่อจางเฮาจิงได้ยินที่อยู่ เขาก็ประหลาดใจมาก พื้นที่แห่งนั้นมันเป็นพื้นที่ที่หัวกระทิต่างอาศัยอยู่ ในตอนแรกเขาก็ตกอยู่ในความคิดว่าเขาแข็งแกร่งยิ่งกว่าหลันซิหยู่ หลังจากวันโลกาวินาศ อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงแต่เขาจะไม่แข็งแกร่งกว่าเธอแล้ว แต่สถานะของเธอก็ยังสูงกว่าเขาอีกด้วย