My MCV and Doomsday - ตอนที่ 508
Chapter 508: วันโลกาวินาศปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ไม่กี่วันก่อนที่ไวรัสจะระบาดออกมา เจียงลู่ฉีก็ค้นพบเกี่ยวกับตัวตนของเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวที่อยู่ในหัวของเขา หลังจากวันนั้น เขาก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะสร้าง MCV ของเขาออกมา ซึ่งมันผูกพันธุ์กับเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาว นี่คือเหตุผลหลักที่ว่าทำไมเขาถึงยังมีชีวิตรอดจนถึงวันนี้ ยังไงก็ตาม ในครั้งนี้ เขาจำเป็นต้องปกป้องเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวแทน
หลังจากที่ได้รับวัตถุดิบจากเฮลิคอปเตอร์ทั้งสองลำ เจียงลู่ฉีก็ขับตรงไปยังเมืองเฮยจิงอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
“มันพึ่งผ่านไปเพียงแค่สองวันเท่านั้นหลังจากที่พวกเราจากไป พี่คิดเหรอว่าเฮอจุนฮงจะหาวัตถุดิบที่เหลือพบ?”หลี่ยู่ซินถามออกมาอย่างกังวลใจ
“ฉันก็ได้วัตถุดิบที่หายากที่สุดมาแล้ว เฮอจุนฮงก็น่าจะพยายามอย่างดีที่สุดที่เขาจะทำได้ เมื่อชีวิตของเขาขึ้นอยู่กับภารกิจที่ฉันมอบให้เขาไป”เจียงลู่ฉีตอบกลับ
ถึงแม้ว่าเฮอจุนฮงจะกลายเป็นผู้นำของเมืองเฮยจิงอย่างสมบูรณ์แบบ มีดของเจียงลู่ฉีก็ยังคงพาดบนคอของเขาอยู่ดี ไม่เพียงแต่เจียงลู่ฉีจะสามารถแย่งตำแหน่งของเขาได้ เจียงลู่ฉียังสามารถที่จะฆ่าเขาทิ้งตอนไหนก็ได้ตามที่เขาต้องการ แต่เจียงลู่ฉีก็ยังคงให้โอกาสเขามีชีวิตรอดต่อไป ถ้าเขาไม่สามารถช่วยเจียงลู่ฉีหาวัตถุดิบได้แล้วละก็ ถ้างั้นเขาก็จะกลายเป็นคนไร้ประโยชน์อย่างมาก
รถมินิบัสและรถoff-road ก็มุ่งตรงไปยังเมืองเฮยจิงด้วยความเร็วสูงสุด เมืองนี้เป็นเมืองรอบนอกของเมืองเจียงหนิง ดังนั้นมันจึงไม่ได้ใช้เวลานานเท่าไหร่ที่จะขับไปถึงมัน
ยังไงก็ตาม เมื่อเจียงลู่ฉีมองเห็นเมือง เขาก็รู้สึกไม่ดีสักเท่าไหร่ เมื่อเหลือบตามองรอบแรก มันก็ไม่ได้ดูแตกต่างไปจากครั้งก่อนที่พวกเขาอยู่ แต่เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ ความรู้สึกอันเลวร้ายของเจียงลู่ฉีก็เป็นสิ่งที่ถูกต้อง
ตึกที่อยู่ในเมืองต่างถล่มลงมาทั่วทุกทิศทางและถนนก็พังทลาย พร้อมกับพื้นถนนที่แตกหัก มันเหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างทำลายมันลงไป เจียงลู่ฉีก็ลงจากรถและหลังจากนั้นก็มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง รถที่อยู่ด้านหน้าทางเข้าโดนไฟลุกท่วมคันจนเหลือทิ้งไว้แต่เศษซากโลหะสีดำด้านนอก สำหรับยามและผู้รอดชีวิตที่อาศัยอยู่ด้านนอกเมือง พวกเขาต่างหายกันไปทั้งหมด
เจียงลู่ฉีก็เดินต่อไปอีกนิดนึงและเขาก็สังเกตเห็นเศษซากกระดูกสีขาวที่อยู่ด้านในเศษซากปรักหักพัง เขาก็หน้าเสียทันที “มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่?”
หลันซิหยู่ก็หลับตาของเธอ แล้วเธอก็ลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับอุทานออกมา “ฉันไม่พบสิ่งมีชีวิตในเมืองแม้แต่ตัวเดียวเลยค่ะ!”
เมืองที่เคยครึกครื้นก่อนหน้านี้ไม่มีสัญญาณของสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่นิดเดียวและมันก็เต็มไปด้วยเศษซากปรักหักพัง หลันซิหยู่ก็ไม่สามารถที่จะตรวจพบซอมบี้ที่อยู่บริเวณนี้ได้อีกเช่นกัน ในเวลาเดียวกัน พืชพรรณที่อยู่ติดถนนก็ไม่มีชีวิตอีกต่อไปและต่างเหี่ยวเฉา มันมีร่องรอยที่ถูกเหนี่ยวดึงไว้และหลังจากนั้นมันก็หายเข้าไปในรอยแตกบนพื้นดิน
สิ่งที่มันทำให้เมืองเฮยจิงเป็นแบบนี้ก็น่าจะจากเมืองไปผ่านรอยแตกนั่น
“สัตว์ป่ากลายพันธุ์บุกโจมตีงั้นเหรอ?”เจียงลู่ฉียืนอยู่บนถนนในเมือง เขาก็มองไปรอบๆอย่างกังวลใจพร้อมกับท่าทางที่ดูซึมเศร้า เขาคิดว่าร่องรอยที่เกิดขึ้นนี่มันไม่ได้ธรรมดาทั่วไปเลย
ถึงแม้ว่าเขาจะสามารถค้นพบถึงการต่อต้านของผู้รอดชีวิต เขาก็ไม่เข้าใจว่าทำไมมันถึงไม่มีเลือดหรือชิ้นส่วนที่เหลือทิ้งไว้เลย สัตว์ป่ากลายพันธุ์ไม่สามารถที่จะทำอะไรแบบนั้นได้ แม้ว่ามันจะมีเศษกระดูกที่เหลือไว้ที่นั่นและที่นี่ เจียงลู่ฉีก็ไม่พบร่องรอยของการโดนกัด พวกมันต่างยังสมบูรณ์ครบส่วนแทน
“ทุกคนตายกันหมดแล้วงั้นเหรอ?”เจียงลู่ฉีก็ตึงเครียด เขาก็มองไปรอบๆและไปยังที่พักที่เฮอจุนฮงจัดสรรให้พวกเขา ตอนที่พวกเขาอยู่ในเมืองเฮยจิง
ในที่พักของเว่ยเฟยเฟย เจียงลู่ฉีก็พบกระดาษโน้ต ซึ่งมันถูกวางไว้บนโต๊ะ
“กัปตันเจียง ฉันไม่รู้ว่าคุณจะหาสิ่งนี้พบหรือเปล่า สัตว์ป่ากลายพันธุ์จำนวนมากและสิ่งแปลกประหลาดมันปรากฏขึ้นมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ พวกเราจำเป็นต้องหลบหนีก่อนค่ะ!”
“เธอทิ้งกระดาษโน้ตไว้ก่อนที่เธอจะหนีไป โชคดีที่ฉันหามันพบ”เจียงลู่ฉีกระซิบออกมา มันเหมือนกับว่าทุกคนยังไม่ตาย ผู้รอดชีวิตจำนวนมากน่าจะหลบหนีไปได้
เจียงลู่ฉีรู้สึกสับสน มันเป็นเรื่องปกติที่สัตว์ป่ากลายพันธุ์จะบุกโจมตีพวกเขาเป็นกลุ่ม แต่ไอ้สิ่งแปลกประหลาดนั่นคืออะไรกัน? มันคืออะไรกันแน่? เขาอดที่จะคิดถึงกลุ่มนกกลายพันธุ์ที่ปรากฏตัวขึ้นก่อนหน้านี้เสียมิได้ ไอ้สิ่งแปลกประหลาดนั่นคือภัยคุกคามที่เมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวแจ้งเตือนเขาใช่ไหม?
ตั้งแต่ที่เว่ยเฟยเฟยอธิบายถึงสิ่งแปลกประหลาดนั่นในกระดาษ มันก็หมายความว่ามันไม่ใช่สัตว์ป่ากลายพันธุ์ อย่างน้อย มันก็ไม่น่าจะเป็นสัตว์ป่ากลายพันธุ์ธรรมดาทั่วไป
หลัวหลัวก็เหมือนกับสัมผัสได้ถึงบางสิ่งบางอย่างที่อยู่ในเมือง มันก็สั่นกลัวอย่างควบคุมไม่ได้และก็ส่งเสียงร้องออกมา
“ฉันหาวัตถุดิบไม่พบ”หลังจากเดินไปรอบๆเมือง เจียงลู่ฉีก็รู้สึกเศร้าอย่างมาก เขาไม่รู้ว่าเฮอจุนฮงเอาวัตถุดิบไปเก็บไว้ที่ไหนและตึกที่อยู่ในเมืองจำนวนมากต่างถูกทำลาย ถ้าเขาขับรถมินิบัสและใช้งานฟังก์ชั่นการดูดซึมอัตโนมัติ เขาก็สามารถที่จะค้นหามันได้อย่างช้าๆ โชคร้ายมันเป็นเรื่องที่แย่เกินไปที่จะขับบนถนน นอกจากนี้แล้ว เจียงลู่ฉีก็เชื่อว่าพวกเขาไม่ควรที่จะอยู่ที่นี่นานสักเท่าไหร่ เขากลัวว่าภัยคุกคามนั่นอาจจะกลับมาตอนไหนก็ได้
สิ่งที่เจียงลู่ฉีไม่เข้าใจก็คือว่าทำไมมันถึงไม่ออกมาหาเขาและเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวตรงๆกัน
‘ตั้งแต่ที่มันไล่ตามเมล็ดพันธุ์แห่งดวงดาวมา ทำไมมันถึงโจมตีเมืองเฮยจิงแทนกัน?’เจียงลู่ฉีสับสน
จางไฮ่ก็ลงจากรถและถามออกมา “พี่เจียง พวกเราควรที่จะทำอะไรต่อดีครับ?”หลังจากที่ตรวจสถานการณ์รอบๆพวกเขาแล้ว เขาก็เดาว่ามันคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ที่จะหาวัตถุดิบที่เจียงลู่ฉีต้องการได้พบ
“พวกเราจะกลับไปยังพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงก่อนเป็นอันดับแรก”เจียงลู่ฉีตอบ “พวกเราควรที่จะขอความช่วยเหลือของนายพลจาง”
…
ในอีกด้านหนึ่ง เสียงก็ดังขึ้นมาจากบนผืนดิน มันเหมือนกับมีรถไฟที่วิ่งอยู่ใต้ผืนดินและหลังจากนั้นรอยแตกก็ปรากฏขึ้นบนผินดิน จากร่องรอยแตกเหล่านั้น วัตถุบางอย่างสีดำนับไม่ถ้วนก็ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำก็เจาะทะลุผืนดินออกมา มันก็กลับมารวมตัวเข้าด้วยกัน ด้านหน้าของสิ่งสีดำนั้น วัตถุบางอย่างสีดำอีกกลุ่มหนึ่งก็เจาะทะลุออกมาจากเศษซากปรักหักพัง สิ่งสีดำและวัตถุสีดำก็หลอมรวมเข้าด้วยกันและมันก็รวมกันจนมีขนาดเท่ากับตึกขนาดสองชั้น สิ่งที่เหมือนกับตึกสีดำก็ปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำ และก็มีปากอยู่บนพวกมัน แต่พวกมันก็ไม่ได้มีเนื้อและเลือดเปรอะอยู่เลย หลังจากที่หลอมรวมกันเสร็จ สิ่งสีดำที่เหมือนตึกก็เคลื่อนที่ไปด้านหน้า
ในระยะที่ห่างไกลออกไป กลุ่มนกกลายพันธุ์ก็บินอยู่บนอากาศ ด้านล่างของพวกมันก็มีรังผึ้งสีดำขนาดใหญ่เท่ากับบ้านอยู่ ด้านบนรังผึ้งก็เป็นรอยแตกสีดำนับไม่ถ้วนที่ปกคลุมไปด้วยความมืดมิดที่ไร้ที่สิ้นสุด รังผึ้งและสิ่งที่เหมือนกับตึกสีดำก็เข้าหากันและกัน มันก็ชนเข้ากับรถที่ขวางทางพวกมันอยู่และกลืนกินพวกมันเข้าไปในร่างกายของพวกมัน ร่างกายของพวกมันก็ขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ จนมันสัมผัสกันและกัน หลังจากนั้น รังผึ้งก็ดูดซึมสิ่งที่เหมือนตึกนั่นเข้าไปและมันก็ใหญ่โตขึ้นไปอีก รังผึ้งสีดำขนาดใหญ่นั่นก็เคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างไม่มีความรีรอ
“มันคืออะไรวะนั่น!?”
ในทิศทางที่ไปยังเมืองเจียงหนิง กลุ่มคนก็มองพวกมันจากที่ที่ห่างไกลออกไป ท่ามกลางพวกเขาก็คือเว่ยเฟยเฟย คนกลุ่มนี้ก็คือกลุ่มคนผู้รอดชีวิตจากเมืองเฮยจิง ที่หลบหนีออกมาได้ พวกเขาต่างมองไปยังเงาสีดำด้วยความหวาดกลัว
“มันเป็นสิ่งมีชีวิตจริงๆเหรอวะนั่น?”
พวกเขายิงพวกมันอย่างบ้าคลั่ง แต่มันก็ไร้ประโยชน์ เงาสีดำก็ยังเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องแทน มันก็กลืนกินทุกาสิ่งทุกอย่างที่ขวางทางมัน นอกจากนี้แล้ว มันก็ยังดึงดูดกลุ่มสัตว์ป่ากลายพันธุ์จำนวนมากมาอีก สัตว์ป่ากลายพันธุ์เหล่านั้นอยู่ภายใต้การควบคุมของมัน ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์อะไรก็ตาม ซึ่งมันเหมือนกับกองทัพอย่างมาก รังผึ้งก็น่าหวาดกลัวยิ่งกว่าแม่สัตว์ป่าเสียอีก เมื่อแม่สัตว์ป่าสามารถที่จะทำได้เพียงแค่ออกคำสั่งไม่กี่อย่างกับสัตว์ป่ากลายพันธุ์ตัวอื่นและไม่สามารถที่จะควบคุมพวกมันได้อย่างสมบูรณ์
สัตว์ป่ากลายพันธุ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของรังผึ้งไม่เพียงแต่จะถวายเหยื่อของพวกมันให้แล้ว แต่พวกมันยังยอมที่จะสละชีวิตตัวเองให้รังผึ้งกลืนกินอีกด้วย
“มีแค่ปืนใหญ่ของพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงเท่านั้นแหละที่ทำลายมันได้!”
“รีบไปยังพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงกัน! มันเหมือนกับว่าวันโลกาวินาศกำลังจะปรากฏขึ้นมาอีกแล้ว! พวกเราไม่สามารถที่จะอาศัยอยู่ที่นี่ได้อีกแล้ว”เว่ยเฟยเฟยพูด
เว่ยเฟยเฟย พีชรวมทั้งสมาชิกอีกสองคนนั้นหลบหนีออกมาได้ แต่สมาชิกของพวกเธอที่เหลือต่างหลบหนีกันไม่ทัน ซึ่งมันต้องขอบคุณพีช ซึ่งเธอเป็นผู้มีพลังเหนือธรรมชาติด้านพลังจิต แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น เพื่อนร่วมทีมที่เหลือของเธอต่างตายกันไปหมดแล้ว รังผึ้งนั้นน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าสัตว์ป่ากลายพันธุ์และซอมบี้กลายพันธุ์ ตัวตนของมันสามารถที่จะทำลายเส้นทางรอดชีวิตสุดท้ายของมนุษยชาติในโลกที่ล่มสลายเช่นนี้ได้เลย
“ใช่ พวกเราสามารถจะต้องหนีไปยังพื้นที่ปลอดภัย!”
มันมีกองทัพในพื้นที่ปลอดภัยและอาวุธร้อนจำนวนมาก มีเพียงปืนและกระสุนเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาปลอดภัย
ในอดีต พื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงจะไม่รับผู้รอดชีวิตอย่างง่ายดาย แต่ในตอนนี้ ภัยพิบัติกำลังเข้ามาใกล้ ดังนั้นพื้นที่ปลอดภัยจึงไม่สามารถที่จะกันพวกเขาออกไปได้อีกแล้ว สำหรับการหลบหนีออกไปจากเจียงหนิง? มันแทบจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้
“ฉันไม่รู้ว่ากัปตันเจียงจะยังปลอดภัยอยู่หรือเปล่าเนี่ยสิ”เว่ยเฟยก็มองไปที่เงาไกลๆนั่นอย่างกังวลใจ
…
ในพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิง ด้านในสำนักงาน มันก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมา ทหารหญิงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการตอบโทรศัพท์ก็หยิบมันขึ้นมาในทันที “นี่คือศูนย์กลางออกคำสั่งของนายพล ได้โปรดพูดออกมาค่ะ”
“ส่งฉันไปหาผู้บังคับบัญชาเจียงที…ไม่สิ ไปหากรรมการกองทัพดีกว่า! โอ้ หัวหน้าผู้บังคับบัญชาตรงๆเลยดีกว่า”
“บอกเลขตัวตนทางกองทัพและตำแหน่งของท่านมาด้วยค่ะ”ทหารหญิงถามออกมาพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ฉันเป็นสมาชิกของทีมมังกรและเสือ! ฉันพึ่งจะหลบหนีออกมาได้…ฉันมีสิ่งที่สำคัญมากๆจะต้องรายงาน!”ชายคนนั้นตะคอกออกมา
“ค่ะ”ทหารหญิงก็ส่งสายไปยังอีกหมายเลขหนึ่ง เธอก็รู้สึกได้ลางๆว่ามันมีบางสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น
ทหารที่ปกคลุมไปด้วยเลือดที่พึ่งโทรศัพท์ไปเมื่อกี้ยืนอยู่ด้านในประตูของพื้นที่ปลอดภัย ใบหน้าของเขานั้นซีดขาวและดูเหมือนกับว่าเลือดของเขานั้นหมดลง
ทหารที่อยู่ในประตูมองไปที่เขาอย่างประหลาดใจและถามออกมา “สหาย พวกเราควรที่จะส่งนายไปยังโรงพยาบาลก่อนไหม?”
“ไม่ ได้โปรดหารถให้ฉันที ฉันจะต้องไปยังสำนักงาน”ทหารพูด
“สหายและกัปตันของนายอยู่ไหนกัน?”ยามถาม
ทหารคนนั้นส่ายหัวออกมาและร่องรอยของความตื่นตระหนกก็ปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา “พวกเขาตายกันหมดแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้นกัน?! นายเผชิญหน้ากับซอมบี้กลายพันธุ์งั้นเหรอ? หรือ…แม่สัตว์ป่า? หรือฝูงสัตว์ป่ากลายพันธุ์?”ยามถามออกมาอย่างตกตะลึง
ยังไงก็ตาม ทหารคนนั้นก็ยังส่ายหัว “ไม่ใช่พวกนั้น…มันเป็นบางสิ่งบางอย่างที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นเสียอีก!”