My MCV and Doomsday - ตอนที่ 510
Chapter 510: เรื่องโกหกจะต้องถูกเปิดเผย
หลังจากที่กลับมายังพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิง เจียงลู่ฉีก็มุ่งตรงไปยังสำนักงานในทันที โชคร้ายที่เขาไม่สามารถที่จะพบกับนายพลจางได้ บุคลากรที่สำคัญของพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงนั้นกำลังวุ่นวายอยู่ในตอนนี้ ดังนั้นเจ้าหน้าที่ต้อนรับจึงปฏิเสธที่จะรายงานว่าเจียงลู่ฉีต้องการที่จะเข้าพบกับนายพลจาง
เจียงลู่ฉีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องจากสำนักงานไป หลังจากที่ออกไปจากตึก เขาก็พบกับคนคุ้นเคยหลายคน กัปตันกวนและไป๋เจียหยาน พวกเขากำลังพูดคุยกับคนบางคนอยู่ตรงด้านหน้าประตู
หลังจากที่หลบหนีมาจากกรงเล็บอันน่าหวาดหวั่นของนกกลายพันธุ์แล้ว พวกเขาก็รีบกลับมายังพื้นที่ปลอดภัยเจียงหนิงในทันที พวกเขามาถึงที่นี่ก่อนเจียงลู่ฉี เมื่อเจียงลู่ฉีนั้นอ้อมไปทางอื่นเสียก่อน มันเป็นเรื่องปกติที่พวกเขาจะอยู่ที่นี่ เพื่อที่จะรายงานเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นและสอบถามเกี่ยวกับภาพรวมของสถานการณ์ทั้งหมด พวกเขา รวมทั้งเจ้าหน้าที่คนอื่นต่างได้ยินเกี่ยวกับการปรากฏตัวขึ้นของรังผึ้ง แต่มีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงเท่านั้นที่จะรับรู้ถึงรายละเอียดของมัน ถึงแม้ว่าคนนับแสนคนจะอาศัยอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย พวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังไม่รับรู้ถึงมัน คนไม่กี่คนต่างได้ยินถึงข่าวลือของมัน แต่พวกเขาก็ไม่ได้ไปสืบเสาะต่อ เมื่อพวกเขารู้ดีว่ากองทัพจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง
เมื่อทีมของกัปตันกวนพึ่งจะกลับมายังจากส่วนกลางของเมือง คนมากมายจึงให้ความสนใจกับพวกเขา
“กัปตันไป๋ มันเป็นยังไงบ้าง?”
“คุณได้เห็นมันจากมุมใกล้ๆหรือเปล่า?”
“ผมได้ยินมาว่าคุณสูญเสียไปหนักมากเลยหนิ ผมได้ยินมาอีกว่ามันมีทีมหนึ่งโดนบดขยี้และเหลือสมาชิกเพียงคนเดียวที่หลบหนีออกมาได้ มันเป็นเรื่องริงหรือเปล่าครับ?”
ฝูงชนที่ล้อมรอบพวกเขาก็ต่างกระหน่ำถามคำถามมายังพวกเขา ด้วยคำถามที่คล้ายคลึงกัน
“ผมได้ยินมาว่าคุณออกไปพร้อกมับทีมผู้รอดชีวิตนี่นา ทีมนั้นหายไปไหนแล้วละ?”
“บางทีสมาชิกทั้งหมดของทีมนั้นคงถูกฆ่าโดย….”
ในความคิดของพวกเขาแล้ว ความแข็งแกร่งของทีมผู้รอดชีวิตจะอ่อนแอกว่ากองทัพ แม้แต่ทีมเสือดำก็ยังสูญเสียอย่างหนัก ดังนั้นพวกเขาจึงพบว่ามันเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลที่ทีมผู้รอดชีวิตจะเอาตัวรอดกลับมาไม่ได้
“นายผิดแล้ว พวกเขาจากไปก่อนพวกเราเสียอีก ผมไม่รู้เกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบันของพวกเขา” กัปตันกวนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย
“จากไปก่อน? พวกเขาหนีไปงั้นเหรอครับ?” ชายที่สวมชุดทหารขมวดคิ้วแล้วก็ถามออกมา
เจ้าหน้าที่หญิงที่ยืนอยู่ข้างเขาก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เธอก็พูดขึ้นมาว่า “ทีมฉี่หยิงใช่ไหม? ฉันรู้ว่าพวกเขาจะทอดทิ้งคนอื่นไปแบบนี้! ฉันพนันเลยว่าเมื่อพวกเขาเผชิญหน้ากับนกกลายพันธุ์ พวกเขาก็คงหวาดกลัวแทบตาย” เจ้าหน้าที่หญิงคนนั้นก็คือหวันหลาน เธอถูกลงโทษ เพราะเจียงลู่ฉีมายังพื้นที่ปลอดภัย เธอจึงถูกจัดสรรไปยังตำแหน่งที่ต่ำต้อยกว่าเดิม ดังนั้นเธอจะไม่รู้สึกโกรธเคืองและเกลียดชังพวกเขาได้ยังไงกัน หลังจากที่เธอได้ยินชื่อของทีมเจียงลู่ฉี
“ขอโทษนะคะ ทีมฉี่หยิงขับรถมินิบัสใช่ไหมคะ?” เจ้าหน้าที่หญิงที่ดูอ่อนกว่าถามออกมา
“ใช่ เธอถามทำไมเหรอ?” หวันหลานหันกลับไปถามอย่างสงสัย
เจ้าหน้าที่คนนั้นก็ตกตะลึงกับคำถามของเธอ และหลังจากนั้นเธอก็อธิบายออกมา “ฉันรู้จักพวกเขา เมื่อฉันยังอยู่ในเกาะเชนไฮ่ ยังไงก็ตาม ฉันไม่ได้คิว่าพวกเขาจะรอดมาได้ พวกเขา…”
“เงียบไปซะ เธอรู้อะไรกัน? เธอคุ้นเคยกับพวกเขางั้นเหรอ? ความจริงมันดังยิ่งกว่าคำพูดอยู่แล้ว กัปตันเจียงลู่ฉีคนนั้น ไม่ใช่คนที่ใจกว้างสักหน่อย” หวันหลานยิ้มออกมาอย่างเย็นชาแล้ว เธอก็พูดขัดเจ้าหน้าที่สาวขึ้นมา
‘เกาะเชนไฮ่อีกแล้ว…’
หวันหลานไม่ได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องของเกาะเชนไฮ่เลยแม้แต่น้อย ในความเป็นจริง เธอเกลียดทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับมัน ถึงแม้ว่าเธอจะสามารถทำได้เพียงก้มหัวและฟังมันอย่างระมัดระวัง เมื่อไหร่ก็ตามที่นายพลจางพูดถึงมัน เจ้าหน้าที่หญิงคนนี้ก็ไม่ได้มีอำนาจเท่าเทียมกับเธอสักหน่อย แล้วเธอจะปล่อยให้เจ้าหน้าที่คนนี้พูดเกี่ยวกับมันได้ยังไงกัน?
เจ้าหน้าที่หญิงที่เด็กกว่าก็ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง เธอนั้นถูกประณามต่อหน้าคนจำนวนมาก หลังจากที่ลังเลอยู่สักพักหนึ่ง เธอก็ถามขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง “ขอโทษนะคะ ทีมฉี่หยิงอยู่ที่ไหนกันคะ?”
“ผมไม่รู้ครับ” กัปตันกวนตอบคำถาม ในขณะที่เขาก็ส่ายหัวไปมา
“ทำไมเธอยังคงถามคำถามไร้สาระแบบนั้นอยู่อีกกัน? บางทีพวกเขาคงไม่ได้กลับมาอีกแล้วละ” หวันหลานพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มกว้าง เธอหวังว่าเจียงลู่ฉีและทีมของเขาจะไม่มีชีวิตรอดอีกแล้ว
อย่างไรก็ตาม ในเวลานั้นเธอก็รู้สึกว่าแผ่นหลังของเธอเย็นยะเยียบ เธอตื่นตระหนกมากและหันกลับไปมอง เธอหันกลับไปและตกตะลึงกับภาพที่เธอเห็น เจียงลู่ฉีนั้นกำลังยืนอยู่ที่ด้านหน้าของเธอ!
“พูดมันอีกทีสิ” เจียงลู่ฉีพูด
หวันหลานไม่รู้ว่าจะทำอะไรต่อดี เธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าเจียงลู่ฉีจะยืนอยู่ที่นี่ ดวงตาของเจียงลู่ฉีที่จดจ้องมาอย่างดุร้ายก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัว แต่เธอก็ตั้งสติได้ เมื่อเธอคิดว่าเธอจะปลอดภัยดี ตั้งแต่ที่พวกเธอยืนอยู่ด้านหน้าทางเข้าของสำนักงาน
ถึงแม้ว่านายพลจางจะเป็นผู้สนับสนุนเจียงลู่ฉี หวันหลานก็เชื่อว่ากองทัพจะลงโทษคนที่ละทิ้งทัพอย่างรุนแรง ไม่สำคัญว่าพวกเขาเป็นใครก็ตาม ในความคิดของเธอ ตราบเท่าที่กัปตันกวนรายงานเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็รู้ดีว่าพวกเขาก็จะถูกไล่ออกไปจากพื้นที่ปลอดภัย ในเวลาเดียวกัน หวานหลานก็ค่อนข้างมีความสุข เมื่อเธอนั้นคิดว่าเธอนั้นได้ตัดสินใจได้ถูกต้อง ทีมที่โอหังเช่นนี้เป็นอันตรายต่อคนอื่น
“ทำไมปากของเธอถึงได้เหม็นขนาดนี้กัน? นานเท่าไหร่แล้ว ตั้งแต่ที่เธอแปรงฟันครั้งสุดท้าย?” เจียงจู้อิงขมวดคิ้วแล้วก็ถามออกมา เธอรู้สึกหงุดหงิดอย่างมากกับคำพูดของหวันหลาน ด้วยเหตุนี้นี่เอง เธอจึงเดินเข้าหาหวันหลานเร็วกว่าพี่ชายของเธอ
หวันหลานตื่นตระหนกกับคำถามที่หยาบคายนั้น แต่เธอก็ยังคงยิ้มออกมา “โอ้? พวกนายกลับมาทำไมกัน? นายมันอยู่ภายใต้การคุ้มครองของทหารของพวกเรา แต่พวกนายก็ยังเลือกที่จะหนีไป หลังจากที่พบอันตราย!? ถ้าฉันเป็นนายแล้วละก็ ฉันก็คงจะหาที่ซ่อนแล้วละ โคตรหน้าด้านเลย!”
“โอ้ กัปตันกวน นั่นเป็นสิ่งที่คุณบอกกับพวกเขาอย่างงั้นเหรอ?” เจียงลู่ฉีถามออกมาและจ้องไปยังกัปตันกวนและไป๋เจียหยาน
กัปตันกวนก็เปิดปากของเขา แต่เขาก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี เขาไม่ได้คาดคิดเลยว่าทีมฉี่หยิงจะกลับมาเร็วขนาดนี้
“คุณกลับมาแล้ว…” เมื่อเขาเห็นเจียงลู่ฉี กัปตันกวนก็รู้สึกตื่นตระหนกและพยายามอย่างดีที่สุดที่จะอธิบาย ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้พูดว่าเจียงลู่ฉีและทีมของเขาหลบหนีออกไป แต่เขาก็ไม่ได้คาดการณ์ว่าสถานการณ์มันจะกลายเป็นแบบนี้ เขารู้ดีว่า ถ้าเขาพูดเรื่องจริง ทีมของเขาจะกลายเป็นตัวตลกต่อหน้าคนอื่น
“ที่จริงแล้ว ทีมฉี่หยิงไม่ได้หลบหนีไป พวกเขาแค่ลงมือแยกกับพวกเราแค่นั้นเอง” กัปตันกวนก็รีบอธิบายออกมาอย่างเร่งรีบ
“ในตอนนั้น กัปตันเจียงสัมผัสได้ถึงอันตรายก่อนคนอื่น และเขาก็แนะนำพวกเราให้หลบหนีไปให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ แต่ผมไม่ได้ทำตามคำแนะนำของเขา ด้วยเหตุนี้นี่เอง กัปตันเจียงจึงตัดสินที่จะจากไปพร้อมกับทีมของเขา แต่เพียงเวลาไม่นานที่พวกเขาจากไป ภัยพิบัติก็ตามมา…. ผมควรที่จะเป็นคนรับผิดชอบทุกอย่างกับความสูญเสียที่เกิดขึ้น” กัปตันกวนพูดเพิ่มเติมออกมาอย่างเศร้าสร้อย
ทุกคนต่างประหลาดใจกับสิ่งที่พวกเขาได้ยิน หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มกระซิบกันไปมา หวันหลานก็รู้สึกว่ามันไม่น่าเชื่อ หลังจากมึนงงไปชั่วขณะ เธอก็คิดบางอย่างออกและรีบถามออกมา “ตั้งแต่ที่พวกนายสัมผัสได้ถึงอันตรายและโดนโจมตีของนกกลายพันธุ์ ทำไมสมาชิกทั้งหมดของนายยังปลอดภัยดีอยู่อีกละ? ทำไมรถมินิบัสถึงยังสภาพดีอีกกัน? นายควรที่จะได้รับความสูญเสียมากกว่าพวกเขาเสียอีก”
ผู้รอดชีวิตจำนวนมากก็รู้สึกสับสน หลังจากที่ได้ยินคำถามของเธอ
ในเวลาเดียวกัน ไป๋เจียหยานก็ถอนหายใจออกมา “นั่นเพราะว่ารถมินิบัสของกัปตันเจียงทั้งยอดเยี่ยมและทรงพลังยังไงละ” ไป๋เจียหยานตอบคำถามของหวันหลานตรงๆ มันเป็นความแข็งแกร่งที่ห่างชั้นกันอย่างมากระหว่าง รถมินิบัสของเจียงลู่ฉีและรถของเขา!
หวันหลานไม่ใช่แค่ตกตะลึง แต่เธอก็รู้สึกว่าเธอแทบจะสติแตกอีกด้วย พลังของเจียงลู่ฉีไม่เพียงแต่ทำให้กัปตันกวนประทับใจ แต่ยังไป๋เจียหยานที่มาจากภูมิภาคฮัวเซียอีกด้วย!
กัปตันกวนก็ยอมรับผิดชอบทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งหมายความว่าเจียงลู่ฉีจะไม่โดนลงโทษเลยแม้แต่นิดเดียว พวกเขาควรที่จะขอโทษกับสิ่งที่เกิดขึ้นทุกสิ่งทุกอย่างกับเจียงลู่ฉีแทนอีกด้วย!
กัปตันกวนก็ก้มหัวของเขาให้กับเจียงลู่ฉีตามคาด และเขาก็พูดออกมาอย่างเศร้าสร้อย “ผมขอโทษจริงๆครับ ผมควรที่จะขอโทษกับเพื่อนร่วมทีมทุกคนของผม รวมทั้งทีมฉี่หยิง แต่ในตอนนี้ พวกเราจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ก่อน” หลังจากนั้น กัปตันกวนและไป๋เจียหยานก็เดินจากไป พวกเขาก็เข้าไปข้างในสำนักงาน
ฝูงชนก็เริ่มที่จะกระซิบกันต่อไป หลังจากที่พวกเขาเข้าไปแล้ว
ในเวลาเดียวกัน เจียงลู่ฉีก็จ้องไปที่หวันหลานและพูดออกมา “ไม่ใช่ว่าเธอก็มีเรื่องที่จะต้องบอกฉันงั้นเหรอ?”
หวันหลานก็หวาดกลัวมาก แต่เธอก็รู้สึกโกรธเคืองมากด้วยเช่นกัน “พูดอะไร? ตั้งแต่ที่นายทรงพลังมากพอแล้ว ทำไมนายถึงไม่ช่วยพวกเขากัน? พวกเขาตายก็เพราะนาย….”
“เธอต้องการทำอะไรกันแน่?” เจ้าหน้าที่ชายถามออกมา หลังจากที่เห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้น “ที่นี่คือพื้นที่ปลอดภัยนะ เธอต้องการที่จะสู้กันงั้นเหรอ?”
“หลินหยวน…” หวันหลานก้าวถอยหลังและหลบอยู่ด้านหลังของหลินหยวนอย่างรวดเร็ว
“มันเป็นแค่การเข้าใจผิดเล็กน้อยเท่านั้นครับ ได้โปรดอย่าถือสาเลยนะครับ” หลินหยวนพูดอย่างเคร่งครัด
เจียงลู่ฉีแค่มองไปยังพวกเขาอย่างเฉยเมยและหลังจากนั้นเขาก็ยิ้ม “จู้อิง ไปกันเถอะ”
หลินหยวนจ้องไปที่แผ่นหลังของพวกเขายังไม่ละสายตา จนกระทั่งพวกเขาเดินไปไกลแล้ว เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเจียงลู่ฉีมันชั่วร้ายมาก
แต่สุดท้ายแล้ว นี่มันก็เป็นพื้นที่ปลอดภัย เจียงลู่ฉีก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ นอกจากนี้ การทะเลาะเบาะแว้งก็ไม่ได้เป็นปัญหาที่หนักหน่วงจนต้องทำให้พวกเขาต้องสู้กัน
หลินหยวนหันกลับไปพูดกับหวันหลาน “ไม่ต้องกังวลไป แต่จำไว้ว่าอย่าไปยุ่งกับเขาอีกละ”
หวันหลานโต้กลับ “ฉันจะกลัวเขาไปทำไมกัน ในเมื่อฉันอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย? แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ที่นี่ นอกจากนี้แล้ว ฉันต้องขอบคุณนายมากจริงๆเลยนะ หลินหยวน”
“เธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ฉันแค่ช่วยเธอ เพราะน้อง*ของเธอต่างหาก ถ้าน้องของเธอรู้ว่าเธอสร้างปัญหาแล้วละก็ เธอก็คงจะดุด่าเธอเป็นแน่” หลินหยวนพูด
“ทำไม? ฉันผิดงั้นเหรอ? แม้ว่าฉันจะเข้าใจเขาผิด เขาก็ไม่ได้ช่วยพวกเขาจริงๆนี่นา” หวันหลานตะโกนออกมา
หลินหยวนถอนหายใจ เขาก็ไม่มีวิธีที่จะเปลี่ยนความคิดของเธอและเขาก็กังวลเกี่ยวกับอนาคตของหวันหลานมาก หวันหลานนั้นเอาแต่หลงตัวเอง แต่เธอก็ไม่ได้มีพลังที่จะช่วยมันเลย อีกไม่นาน เธอก็คงจะทำอะไรบางอย่างที่มุทะลุเป็นแน่
เจียงลู่ฉีและเจียงจู้อิงที่กำลังเดินอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังขึ้นมาจากด้านหลัง เจียงลู่ฉีก็หยุดเดินและหันกลับไปถามขึ้น “ใครกัน” โดยที่ไม่รอให้อีกฝ่ายเรียก