My MCV and Doomsday - ตอนที่ 489
Chapter 489: ห้องวีไอพี
เจียงลู่ฉีเหลือบตามองไปที่ชายผิวดำ ในขณะที่เว่ยเฟยเฟยที่ยืนอยู่ข้างเขาก็จับไปที่ซองปืนตรงเอวของเธอ เธอดูกระวนกระวายใจอย่างมาก
อย่างไรก็ตามมันก็เหมือนกับวง่าชายผิวสีดำไม่ได้มาหาพวกเขา เมื่อการแสดงออกที่ดูหวาดหวั่นปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหลินเจียและเธอก็ซ่อนตัวอยู่ด้านหลังเจียงลู่ฉี
ชายผิวสีดำก็เดินเข้าหาหลินเจียและพูดด้วยน้ำเสียงต่ำ “เยี่ยม! ตามฉันมา”
หลินเจียก็พูดกับเจียงลู่ฉีอย่างนุ่มนวล “กัปตันเจียงคะ ฉันจำเป็นต้องจัดการบางอย่างก่อนค่ะ ได้โปรดรอฉันสักพักหนึ่งค่ะ ฉันจะไม่ไปนาน”และหลังจากนั้นเธอก็ตามชายคนนั้นไป
“ฉันไม่เห็นเธอทำภารกิจมาหลายวันแล้วนะ”ชายผิวสีดำพูด
หลินเจีบก็รีบตอบกลับ “ฉันไม่ได้มีลูกค้ามาหลายวันแล้วค่ะ…”
“มันไม่สำคัญหรอก เธอหาลูกค้าเจอวันนี้แล้วไงละ!”ชายผิวดำก็คำรามออกมาและมองไปทางเจียงลู่ฉี
“เอามา”ชายที่แข็งแกร่งพูด
หลินเจียก็มีท่าทางเศร้าสร้อยและเธอก็กุมกระเป๋าของเธอแน่น “พี่หยานคะ พี่ให้เวลาฉันอีกสองวันได้ไหม? น้องสาวฉันพึ่งจะมีอายุแค่ 12 ขวบเอง เธอยังจำเป็นต้องมีอะไรกินเพื่อที่จะเติบโต…”
“เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว เอามาเร็วๆ!”
พี่หยานก็ยื่นมือออกไปจับกระเป๋าของหลินเจียอย่างไม่รีรอ เมื่อเขาเปิดมองไปดูข้างใน ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มขึ้นมา “มีแค่นี้เองนี่นะ?”
หลินเจียนั้นหวาดกลัว เมื่อข้าวนั้นแทบจะตกลงไปบนพื้น จำนวนข้าวเท่านี้อาจจะไม่พอต่อพี่หยาน แต่มันจำเป็นสำหรับเธอมาก
“พี่หยานคะ พี่ให้ถุงข้าวนี้กับฉันก่อนได้ไหมคะ? ฉันจะหามันให้กับคุณในภายหลังค่ะ”หลินเจียอ้อนวอน
“ไสหัวไป ถ้าเธอต้องการที่จะอ้อนวอนใครสักคนแล้วละก็ ไปบอกพี่เฉียนซะ นอกจากนี้แล้วละก็ ถ้าเธอต้องการให้น้องสาวของเธอได้กินมากกว่านี้แล้วละก็เธอก็ควรที่จะไปเล่นกับเจ้านายที่รำรวยบางคนซะ เธอคิดว่าเธอจะหามันได้สักเท่าไหร่จากการขายข้อมูลพวกนี้?”
พี่หยานพูดต่อ “เธอสามารถที่จะเลือกมาเล่นกับฉันได้นะ เธอไม่ใช่เด็กสาวอีกแล้ว ดังนั้นเธอก็น่าจะรู้ว่าฉันหมายถึงอะไร”พี่หยานตรวจสอบร่างกายของหลินเจียตั้งแต่หัวจรดเท้า
ร่างกายของหลินเจียก็สั่นไปมา หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นและเธอก็ก้าวถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
พี่หยานก็ยิ้มออกมาอย่างเย็นชาและถามออกมา “แขกพวกนี้เธอเอามาจากที่ไหน? ฉันไม่เคยเห็นพวกเขามาก่อนเลย เธอควรที่จะแนะนำพวกเขาเพื่อธุรกิจนะ….”
ใบหน้าของหลินเจียก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียด มันเป็นเรื่องธรรมชาติที่เธอรู้ว่าเขากำลังพูดถึงอะไร พี่หยานนั้นเป็นคนที่หาผลกำไรได้สูงและถ้าใครก็ตามที่ปฏิเสธที่จะร่วมมือกับเขาแล้ว เขาก็จะฆ่าพวกเขาทิ้งในทันที มันไม่ได้แตกต่างไปจากการปล้นเลย แน่นอนว่าเขานั้นจะปฏิบัติแตกต่างไปตามตัวบุคคล เขาไม่เคยพยายามที่จะยั่วยุคนที่แข็งแกร่งเลย แต่ไม่ว่าทีมต่างถิ่นทีมไหนก็ตามต่างเป็นเป้าหมายของเขา
“ฉันไม่ค่อยเก่งในการทำเรื่องแบบนี้”หลินเจียส่ายหัวรัวๆ
“ไม่เก่งงั้นเหรอ? ฉันเห็นแล้ว! เธอมันไอ้คนไร้ประโยชน์ เอาน้องสาวเธอมาแทนเป็นไง? ฉันพนันเลยว่าน้องสาวของเธอน่าจะโน้มน้าวพวกเขาได้ พวกเขาต่างชอบหญิงสาวที่เด็กและบอบบาง”พี่หยานยิ้มออกมาอย่างบ้ากาม
หลินเจียก็ก้มหัวลงและตัวสั่นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ น้องสาวของเธอพึ่งจะมีอายุแค่12ปีเท่านั้นเองนะ!”
“พี่หยาน พี่อย่าพูดแบบนั้นอีกเลย น้องสาวขงฉันยังเด็กมาก..”หลินเจียกระซิบ
“อะไร?”พี่หยานหงุดหงิด “เฮ้ เธอคิดว่าฉันไว้หน้าเธอไม่พองั้นเหรอ?”
พี่หยานก็ยกมือขึ้นและฟาดใส่หลินเจีย เธอตัวสั่นสะท้าน แต่ก็ไม่กล้าที่จะหลบมัน ถ้าเธอพยายามที่จะหลบมันแล้วละก็เธอก็จะได้รับบาดเจ็บหนักขึ้นกว่าเดิม เธอปิดตาลงและรอคอยฝ่ามือนั้นฟาดลงมาที่เธอ อย่างไรก็ตาม ฝ่ามือนั้นก็ไม่ได้ฟาดลงมาที่เธอ
หลินเจียก็เปิดตาขึ้นและสังเกตเห็นเจียงลู่ฉียืนอยู่ข้างเธอ เขานั้นจับแขนของพี่หยานแน่น นิ้วมือทั้งห้าของเขานั้นเหมือนกับคีมทีหนีบไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งมันเกือบที่จะทำให้แขนของพี่หยานหักลง
“นายต้องการทำอะไร?”การแสดงออกของพี่หยานก็เปลี่ยนไปในทันที โชคดีที่เจียงลู่ฉีก็รีบปล่อยแขนของเขาไป
“นายจัดการเรื่องของนายอย่างลับๆแทนได้ไหม? ฉันกำลังรีบอยู่”เจียงลู่ฉีพูดออกมาอย่างใจเย็น เขาเดาว่าพี่หยานน่าจะเป็นหัวหน้าของหลินเจียที่รับผิดชอบในการเฝ้าระวังพวกเขา
“โอ้ หลินเจีย เธอพาแขกไปยังห้องวีไอพีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ พวกเขาอาจจะสนใจสิ่งที่อยู่ด้านในนั้นก็ได้”พี่หยานยิ้มและพูดออกมาในทันที เขาก็จ้องไปที่หลินเจียและแสดงให้เธอรับรู้ถึงความตั้งใจของเขา
“แน่นอนว่าฉันสนใจมันนิดหน่อย ฉันมาไกลเพื่อที่จะตามหาทรัพยากร มันเป็นเรื่องที่ดีกว่าที่นายจะนำทางไป”เจียงลู่ฉียิ้มและพูดออกมา
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงลู่ฉี พี่หยานมึนงงไปชั่วขณะแต่เขาก็พยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม “โอเคครับ ไม่มีปัญหา คุณก็ไม่ได้ดูเหมือนคนธรรมดาทั่วไปเลย ทำไมถึงมีสาวงามตามคุณมามากขนาดนี้กัน?”พี่หยานพูด
พี่หยานก็เดินไปด้านหน้าพวกเขาอย่างเอางานเอาการ หลินเจียก็พาเจียงลู่ฉีและคนอื่นก็ตามไป ใบหน้าของหลินเจียก็ซีดขาว เธอต้องการที่จะเตือนเจียงลู่ฉี แต่พี่หยานก็อยู่ด้านหน้าพวกเขา ดังนั้นเธอจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
“เว่ยเฟยเฟย เธอมีประสบการณ์อะไรเกี่ยวกับสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้านั่นไหม?”เจียงลู่ฉีถาม
“พวกเรารู้มันแค่เพียงเล็กน้อยค่ะ พวกเรายังเด็ก ดังนั้นมันจึงมีคนจำนวนมากต้องการที่จะเอาเปรียบพวกเรา ด้วยเหตุนี้พวกเราจึงไม่ค่อยทำการค้าเท่าไหร่”เว่ยเฟยเฟยพูด
ในความเป็นจริงแล้ว ทีมของเธอก็มั่นใจว่าพวกเธอนั้นมีสิ่งจำเป็นต้องใช้เป็นเรื่องปกติ สิ่งพิเศษไม่สามารถที่จะใช้มันในการค้าขายเลยแม้แต่นิดเดียว แม้ว่าพวกเธอจะทำการแลกเปลี่ยนก็ตามที ร้านค้าแผงลอยที่ตั้งอยู่ด้านนอกก็พอแล้วสำหรับพวกเธอ
“โอ้ งั้น เธอก็น่าจะได้เห็นสิ่งที่น่าสนใจแล้วละ”เจียงลู่ฉีพูด เว่ยเฟยเฟยไม่เข้าใจว่าเจียงลู่ฉีหมายถึงอะไร แต่เธอก็สังเกตเห็นว่าเจียงลู่ฉีใจเย็นอย่างมาก
หลังจากผ่านไปสักพักหนึ่ง พวกเขาก็เข้าไปในสถานที่แลกเปลี่ยนสินค้าโดยการนำทางของพี่หยาน ชั้นแรกนั้นเป็นเหมือนกับตลาดขนาดใหญ่ มันไม่มีร้านตั้งอยู่ แต่มันมีโต๊ะมากมายที่มีปืนและกระสุนวางไว้บนโต๊ะแทน ผู้รอดชีวิตสามหรือห้าคนก็รวมตัวกันเป็นกลุ่ม มันเห็นได้เด่นชัดเลยว่าพวกเขานั้นรู้จักกัน เมื่อพวกเขาเห็นพี่หยานพากลุ่มคนมา พวกเขาก็รู้ว่าต้องทำอะไรต่อ
“มานี่ครับ ได้โปรดวางใจได้เลยครับ คุณจะต้องพอใจกับสิ่งของในห้องโถงวีไอพีอย่างแน่นอนครับ”พี่หยานพูด
“โอ้? ยอดเยี่ยม!”เจียงลู่ฉียิ้มออกมา
ผู้รอดชีวิตที่มารวมตัวกันก็ส่ายหัว เมื่อพวกเขาเห็นกลุ่มคนที่โชคร้ายกำลังขึ้นบันไดไปกับพี่หยาน คนบางคนก็มองไปอย่างพึงพอใจกับความโชคร้ายของเจียงลู่ฉีและคนของเขา
มันมีห้องโถงวีไอพีหลายห้องในสถานที่แลกเปลี่ยนแห่งนี้และห้องโถงวีไอพีห้องแรกก็เป็นแพ็คเกจระยะยาวของหยานเลาหลิว ห้องวีไอพีไม่ได้ใช้สำหรับการทำธุรกิจมืดและบางครั้งก็มีการทำธุรกิจที่ตึงเครียดที่นี่ด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กลุ่มคนของเจียงลู่ฉีก็ถูกพามาโดยพี่หยาน เมื่อพวกเขามาถึงประตู หยานเลาหลิวก็สบสายตากับบอดี้การ์ดที่ยืนเฝ้าประตู
ชายคนนั้นก็เข้าใจในทันทีและเปิดประตูให้กับเจียงลู่ฉี และหลังจากนั้นเจียงลู่ฉีและคนอื่นก็นั่งลงไปบนโซฟาอย่างสบายๆ
“แขกที่ทรงคุณค่าครับ คุณควรที่จะรอก่อนสักพักหนึ่งครับ”หยานเลาหลิวก็นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามพวกเขาและพูดออกมา
“พวกเราไม่รีบ”เจียงลู่ฉีพูด
หยิงก็ส่งโค้กให้กับเจียงลู่ฉี เขาก็เปิดโค้กกิน
เมื่อเห็นภาพที่เกิดขึ้น พี่หยานก็ตื่นเต้นอย่างมาก เขามั่นใจมากเลยว่าเจียงลู่ฉีนั้นเป็นแกะตัวอ้วน ดังนั้นพวกเขาจะได้รับผลประโยชน์จำนวนมากอย่างแน่นอน
เพียงเวลาไม่นานหลังจากนั้น เสียงเท้าก็ดังมาจากด้านนอก บอดี้การ์ดคนนั้นก็เปิดประตูและหลังจากนั้นก็ก้มหัวลงอย่างเคารพ ชายคนหนึ่งพร้อมกับใบหน้าที่ดุร้ายก็เข้ามาพร้อมกับกลุ่มคน
เจียงลู่ฉีก็สัมผัสได้ถึงการไหลเวียนพลังงานที่แข็งแกร่งมาจากร่างกายของพวกเขาและพวกเขาก็ดูอ้วนอย่างไม่สมสัดส่วน มันเห็นได้เด่นชัดว่าพวกเขานั้นแบกปืนและอาวุธจำนวนมากซึ่งมันเป็นภาพที่เห็นได้ปกติทั่วไปหลังจากวันโลกาวินาศ
ชายที่หน้าดุร้ายคนนั้นก็มองไปที่เจียงลู่ฉีตรงๆหลังจากเข้าไปในห้องและหลังจากนั้นตาของเขาก็จดจ้องไปที่เจียงจู้อิงและหญิงสาวคนอื่น เนื่องจากว่าเขาไม่สามารถที่จะสัมผัสการไหลเวียนพลังงานจากเจียงลู่ฉี
หยานเลาหลิวก็รีบพูดอะไรบางอย่างกับเขาทันทีที่เขาเข้ามาในห้อง
“ดี!”ชายที่ดุร้ายคนนั้นพูดออกมาและนั่งตรงข้ามกับเจียงลู่ฉี “ฉันชื่อเสือเว่ย นายมีอะไรต้องการที่จะซื้อและขายหรือเปล่า?”เสือเว่ยนั่งลง ดวงตาของเขานั้นเหมือนกับเสือและเปิดเผยร่องรอยอันเย็นชาออกมา
“ฉันต้องการที่จะซื้อของจำนวนมากเลย แต่พวกมันทั้งหมดต่างเป็นโลหะหายาก นายมีหรือเปล่า? นอกจากนี้แล้วฉันก็ต้องการนิวเคลียสเลือดระดับ 2 ซึ่งมันอยู่ตรงหัวใจของซอมบี้กลายพันธุ์ระดับ 2”เจียงลู่ฉีพูดช้าๆ
“ถ้านายต้องการมันแล้วละก็นายก็จะสามารถซื้อมันได้ แต่นายจะจ่ายด้วยอะไร?”เสือเว่ยถาม
“นายรู้ถึงความยากในการได้รับนิวเคลียสเลือดระดับ 2 มาไหม? ทำไมนายถึงตอบคำถามฉันได้เร็วขนาดนี้กัน?”
“แน่นอน ฉันรู้ ตราบเท่าที่นายจ่ายฉันพอแล้วละก็พวกเราก็จะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ พวกเราไม่ขอให้นายจ่ายมาก่อน แต่นายจะต้องส่งสมบัติบางอย่างมาให้เป็นค่ามัดจำเพื่อการทำธุรกิจ”เสือเว่ยพูด
เสือเว่ยพูดออกมา เนื่องจากว่าเขาต้องการที่จะประเมินความร่ำรวยของเจียงลู่ฉี เขาไม่สามารถที่จะฆ่าใครก็ตามในตลาดแลกเปลี่ยนนี้ได้ ถ้าเจียงลู่ฉีให้ราคาที่พึงพอใจกับเขามาแล้วละก็ทุกสิ่งทุกอย่างมันก็จะโอเคดี แต่ถ้าไม่แล้วละก็เขาก็ต้องการที่จะรับรู้ว่าศัตรูของเขามีระดับไหน ถ้าเจียงลู่ฉีเสนอที่จะให้ของที่มากพอแล้วละก็ ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นไปอย่างดี แน่นอนว่าสิ่งของที่มัดจำนั้นก็จะไม่ถูกส่งคืน พวกเขานั้นเป็นคนที่ตั้งกฏนี้ขึ้นมา!