My MCV and Doomsday - ตอนที่ 564
Chapter 564: รักษา
“เอ่อ…” เซียงซัวไฮ่โอดครวญออกมา ร่างกายของเธออ่อนนุ่มขึ้น เธอล้มลงไปบนตักของเจียงลู่ฉีทันที เธอรู้สึกโล่งอก หลังจากที่เห็นเจียงลู่ฉี มันจึงทําให้เธออ่อนล้าจนถึงจุดที่เธอไม่สามารถที่จะขยับนิ้วได้แม้แต่นิดเดียว
“เซียงซัวไฮ่?” เจียงลู่ฉียกหัวของเธอขึ้น
ผู้หญิงในอ้อมอกของเขาปิดตาของเธอลง แต่เธอยังคงดูสวยสดงดงามอยู่ หลอดเลือดของเธอที่อยู่ใต้ผิวหนัง กลายเป็นสีน้ําเงิน และแม้แต่การหายใจของเธอเบาจน เขาแทบจะไม่ได้ยิน
“เธอติดพิษงั้นเหรอ?” เจียงลู่ฉีขมวดคิ้ว เพื่อที่จะช่วยเขาแล้ว เซียงซัวไฮ่ได้ใช้พลังเกินตัวไปจนทําให้พิษมันไหลพล่านไปทั่วร่างของเธอ เธอนั้นเกือบที่จะเสียชีวิตลง
“พวกเราจะช่วยเธอไว้เองนะ เธอจะต้องไม่ตาย ยังไงเธอจะต้องรอด!” เจียงลู่ฉีพูดออกมา ในขณะที่อุ้มเธอกลับไปยังรถของเขา
“ยู่ซิน” เจียงลู่ฉีวางเซียงซัวไฮลงบนโซฟา และหลี่ยู่ซินเดินเข้ามาหาทันที เธอตรวจสอบเซียงซัวไฮ่อย่างระมัดระวัง และพูดตามมา “ให้ฉันลองดู”
“เธอจะปลอดภัยใช่ไหม?” เจียงลู่ฉีถาม
หลี่ยู่ซินไม่ได้ตอบกลับในทันที แต่เธอกลับส่ายหัวแทน “ฉันจะพยายามอย่างดีที่สุดค่ะ”
หลังจากนั้น เธอยึดมือของเธอออกมา ในขณะที่กุมมือของเซียงซัวไฮ่เอาไว้แน่น ในชั่วพริบตาต่อมา หลี่ยู่ซินดูเหมือนจะเข้าไปในห้องผ่าตัด ในขณะที่เซียงซัวไฮ่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดอย่างเงียบงัน หลี่ยู่ซินยืนอยู่พร้อมกับถือมีดผ่าตัดไปด้วย
ที่จริงแล้วมันเป็นโลกจิตวิญญาณของหลี่ยู่ซิน ในความเป็นจริง เธอเพียงแค่กุมมือของเซียงชั่วไฮ่เอาไว้ และความแข็งแกร่งทางจิตใจของเธอถูกเปลี่ยนไปเป็นมีดผ่าตัดที่ล่องหน ซึ่งมันได้ถูกเสียบลงไปในร่างกายของเซียงซัวไฮ่
เจียงลู่ฉีมองไปที่เธออย่างเงียบงัน ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าทําไมเซียงซัวไฮ่ถึงอยู่ที่นี่ เขารู้ดีว่า เซียงซัวไฮ่นั้นเจ็บปวดเพียงใด เพราะว่าเธอคอยช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้ ไม่อย่างงั้นแล้ว ซงหลิงเฉินคงไม่ถูกฆ่าไวขนาดนี้
ภายใต้การดูแลของหลี่ยู่ซิน ลมหายใจของเซียงซัวไฮ่ค่อยๆที่จะมั่นคงมากยิ่งขึ้น เจียงลู่ฉีสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ดังนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ในครั้งนี้ เสียงของจางไฮ่ดังขึ้นมาจากด้านนอก “พี่ชาย สมาชิกหลายต่อหลายคนของหน่วยพายุต้องการที่จะพบกับพี่ครับ”
เจียงลู่ฉีมองไปที่เซียงซัวไฮ่และหลังจากนั้นเขาเดินกลับไปยังประตูของ MCV ทหารหลายต่อหลายนายมองมาที่เจียงลู่ฉีด้วยท่าทางที่ซับซ้อน
เมื่อเห็นเจียงลู่ฉี หนึ่งในทหารถามขึ้นมาอย่างกระวนกระวายใจ “กัปตันเจียงครับ ตั้งแต่ที่ซงหลิงเฉินถูกฆ่าไปแล้ว คุณต้องการที่จะทํายังไงกับพวกเราต่อครับ?” ถ้าเจียงลู่ฉีไม่มีความตั้งใจที่จะปล่อยให้พวกเขารอด พวกเขาก็จะไม่รีรอให้หายนะตกมาถึงตัวของพวกเขา
เจียงลู่ฉีเยาะเย้ย “ไม่ว่าการต่อสู้นี้มันจะจบลงยังไง มันก็ขึ้นอยู่กับพวกนายนั่นแหละ”
ทหารอยู่อย่างเงียบงันไปสักพักหนึ่ง ก่อนที่จะพูดต่อ “พวกเราไม่ต้องที่จะสู้ต่อแล้วครับ”
สุดท้ายแล้ว พวกเขาไม่ใช่ทหารที่แท้จริง พวกเขาต่างเป็นพวกคนจากท้องถิ่นแถวนี้ แน่นอนว่ามันไม่ใช่ธุระกงการอะไรของพวกเขาเลยที่จะต้องสู้กับพวกเจียงลู่ฉีต่อ ทุกการตัดสินใจได้ถูกสร้างขึ้นมาจากเจ้าหน้าที่ระดับสูง ผู้คนมากมายต่างต้องการกลายเป็นทหาร เนื่องจากพวกเขาต้องการที่จะปกป้องบ้านของพวกเขา พวกเขาไม่ต้องการที่จะฆ่าคนบริสุทธิ์และเสียทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หลังจากที่เห็นนิสัยที่แท้จริงของซงหลิงเฉินแล้ว เขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับชีวิตของลูกน้องเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“เอาละ นายนําทางฉันไปหน่อยสิ ฉันต้องการไปยังเมืองชิงไห่และฆ่าเจ้าหลัวเจียเฟิงทิ้งซะ” เจียงลู่ฉีพูด ครั้งนี้เขากราดเกรี้ยวอย่างมาก รถMCV ของเขาได้รับความเสียหายมาระดับหนึ่ง ในขณะที่เซียงซัวไฮ่ยังติดพิษ ทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะว่าองค์กรลึกลับที่คอยสนับสนุนหลัวเจียเฟิงอยู่เบื้องหลัง เขาจะยอมทนกับเรื่องแบบนี้ได้ยังไงกัน?
ถ้าการฆ่าฮานหยวนมันไม่มากพอที่จะเตือนพวกเขาแล้ว ถ้างั้น หลัวเจียเฟิงจะต้องตายตามไปด้วย เจียงลู่ฉีตั้งใจที่จะลากองค์กรลึกลับออกมาจากรากเหง้า และเอาพวกมันออกมาจากความมืด
“คุณ…” ทหารมองไปยังเจียงลู่ฉีอย่างประหลาดใจ เขาไม่ได้คิดเลยว่าเจียงลู่นี้จะสามารถฆ่าหลัวเจียเฟิงได้เลย สุดท้ายแล้ว หลายต่อหลายทีมได้วิ่งหนีไป และพวกเขาคงจะกระจายข่าวอย่างละเอียดแล้ว ในความคิดของเขาแล้ว แม้ว่าเจียงลู่นี่จะตัดสินใจที่จะหลบหนีออกไป มันจะเป็นเรื่องที่แทบเป็นไปไม่ได้ที่จะหนีด้วยเช่นกัน ไม่ต้องพูดถึงฆ่าคนที่ทรงอํานาจเช่นนั้นเลย
อย่างไรก็ตาม มันยังคงเป็นทางเลือกของเจียงลู่ฉีอยู่ดี และพวกเขาจะสามารถกลับไปยังเมืองชิงไห่ได้เป็นๆด้วย ด้วยเหตุนี้ ทหารและสหายของเขาต่างมองหน้ากันและกัน และพยักหน้าตกลง
“เยี่ยม”
…
ถนนเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง หลังจากการต่อสู้ ทหารของหน่วยพายุต่างลากศพของสหาย พวกเขามาจากรถถังและรถติดเกราะ และรวมพวกเขาไว้ด้วยกันเพื่อที่จะเผา เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้ซอมบี้และสัตว์กลายพันธุ์กิน ในเวลาเดียวกัน ลูกน้องของเซียงซัวไฮต่างทําเช่นเดียวกัน พวกเขาเหลือกันเพียงแค่สามคนเท่านั้นเอง
“กัปตันเจียง” ทั้งสามคนเดินมาทางรถ MCV ด้วยท่าทางที่เศร้าสร้อย
หญิงสาวคนหนึ่งปาดน้ําตาของเธอและพูดออกมา “กัปตันเจียงคะ ฉันเคยเห็นคุณอยู่ครั้งหนึ่งค่ะ ตอนที่คุณสู้กับสัตว์ประหลาดน้ํานั่น ฉันกําลังติดตามพี่สาวเซียงอยู่ค่ะ ชื่อของฉันคือซูเยเย่ค่ะ”
“กัปตันเจียงครับ ขอบคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ใช่เพราะคุณแล้ว สัตว์ประหลาดน้ํา นั่นคงฆ่าน้องชายของผมไปแล้ว ในที่สุด ผมก็ได้โอกาสขอบคุณท่านจริงๆ ผม…” ชายแกร่งคนหนึ่งพูดออกมา แต่เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดจบประโยค เมื่อเขากลั้นน้ําตาของเขาเอาไว้ไม่ไหว
เจียงลู่ฉีสังเกตเห็นว่าเขากําลังนั่งอยู่ข้างร่างกายร่างหนึ่งมาสักพักหนึ่งแล้ว ศพนั้นน่าจะเป็นน้องชายของเขา…
“กัปตันเจียงคะ พี่สาวเซียงเป็นยังไงบ้างคะ?” ซูเยเย่รีบถามอย่างเร่งรีบ ชายอีกสองคนที่เหลือต่างถามอย่างกังวลใจ
เจียงลู่ฉีมองไปทางซูเยเย่และพูดต่อ “ตั้งแต่ที่เธอกังวลเกี่ยวกับเซียงซัวไฮ้แล้ว เธอก็ขึ้นไปอยู่กับเซียงซัวไฮ่ได้นะ”
“คะ? ขอบคุณมากเลยค่ะ กัปตันเจียง”
เจียงลู่ฉีพยักหน้า หลังจากนั้นซูเยเย่วิ่งขึ้นไปบนรถ MCV ของเขาอย่างรวดเร็ว สุดท้ายแล้วทีมของเซียงซัวไฮ่ได้รับการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง เป็นเพราะว่ามาช่วยทีมของพวกเขาเอาไว้ แน่นอนว่าเขาจะต้องช่วยพวกเขาเท่าที่พวกเขาทําได้
“แต่ทําไมเธอถึงมาที่นี่ละ? และทําไมเธอถึงอยู่กับทีมซงหลิงเฉินละ?” เจียงลู่ฉีถาม
“เรื่องมันยาวครับ คือว่า มันเกิดโรคระบาดขึ้น มันได้แพร่กระจายในบ้านเกิดของพวกเราครับ ผู้คนที่ติดเชื้อทั้งหมดต่างตายกันอย่างน่าสลด พวกเราต่างค้นหาไปรอบค่ายของพวกเราแล้วครับ แต่ไม่มีใครสามารถที่จะรักษาโรคนี้ได้เลย ด้วยเหตุนี้ พวกเราจึงมาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือละครับ” ชายอีกคนหนึ่งจากทีมเซียงซัวไฮ่พูดออกมา
“แต่ทําไมนายไม่ไปยังฐานทัพเมืองดวงดาวหรือพื้นที่ปลอดภัยเซียหยวนละ?” เจียงลู่ฉีถาม
“พวกเราไม่รู้รายละเอียดมากเท่าไหร่หรอกครับ แต่พี่สาวเซียงได้ยินมาว่าเมืองชิงไห่เชี่ยวชาญกับเรื่องแบบนี้ ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจมาที่นี่ละครับ” เขาเป็นแค่สมาชิกธรรมดาทั่วไปคนหนึ่ง ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องปกติที่เขาจะไม่รู้มากเท่าไหร่
เจียงลู่ฉีรู้สึกว่ามันแปลก สุดท้ายแล้วเมืองชิงไห่มันอยู่ค่อนข้างไกลจากฐานทัพและพื้นที่ปลอดภัยแห่งอื่น มีเพียงคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถหาเมืองชิงไห่เจอ แล้วเซียงซัวไฮหาทางเจอได้ยังไงกัน? มันแย่ที่เซียงซัวไฮยังคงตกอยู่ในสภาพโคม่า แม้ว่าเจียงลู่ฉีจะสงสัยมากก็ตาม เขาก็ทําได้แค่รอเพียงอย่างเดียว
ในเวลาเดียวกัน เสียงเคลื่อนรถก็ดังขึ้น รถถังคันหนึ่งได้ขับมาหาพวกเขา รถถังคันนี้ไม่ได้หยุดจนกระทั่งมาอยู่ที่เบื้องหน้าของพวกเขา หลังจากนั้น จางไฮ้ก็กระโดดลงมาจากรถถังและพูดอย่างตื่นเต้น “พี่เจียงครับ รถใหม่ของเฒ่าจางเป็นไงมั่งครับ?” จางไฮ่และซุนคุนไม่เพียงแต่จะยึดรถถังมาได้ แต่ยังรวบรวมกระสุนมาได้อีกจํานวนมากด้วยเช่นกัน
ถึงแม้ว่าหน่วยพายุจะยังคงอยู่ก็ตาม พวกเขาก็ทําได้เพียงแค่ยอมรับกับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น
เจียงลู่ฉีมองไปทางรถถังและยิ้ม “ดีนะ แต่มันช้าไปนิดนึ่ง”
เมื่อได้ยินคําพูดของเจียงลู่ฉีแล้ว สมาชิกมากมายของหน่วยพายุต้องการที่จะเถียงกับเขา ความเร็วของรถถังประเภทนี้สามารถขับได้ถึง 75 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งมันค่อนข้างเยี่ยมแล้ว สําหรับรถถัง แต่พวกเขาตระหนักได้ว่า เมื่อเทียบกันกับ MCV ของเจียงลู่ฉีแล้ว ความเร็วของมันช้ามาก นอกจากนี้แล้ว น้ําหนักของ MCV ก็ยังมากกว่า 50 ตันเสียอีก! ในสายตาของคนทุกคน แล้ว MCV เป็นดั่งสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา
ในตอนสุดท้ายแล้ว ทหารอดที่จะบ่นออกมาไม่ได้ “รถถังต่อสู้หลักมีพลังที่น่าเหลือเชื่ออย่างมาก ถ้าพวกเราไม่ได้ถูกสั่งมาให้ไม่ให้ทําความเสียหายกับรถนั่นแล้ว พวกเขาจะจัดการกับพวกเราง่ายๆแบบนี้ได้ไง?”
“นายเอาชนะพวกเขาได้เรอะ? ถ้าฉันจําไม่ผิด รถถังของนายยังพลิกคว่ําด้วยซ้ํา!” ทหารอีกนายหนึ่งตอกกลับ เขาอดที่จะด่าคนที่ทําตัวโอ้อวด หลังจากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ไปได้
“เชี่ยเอ้ย! พวกเขาขโมยรถถังฉันละ!” ทหารอีกนายหนึ่งด่าออกมา
“เอาละ พวกนายสองคนเลิกอวดได้แล้ว” เจียงลู่ฉีพูดกับจางไฮ่และซุนคุนที่ค่อนข้างตื่นเต้น
จางไฮ่และซุนคุนพึ่งมาคิดได้ ทุกครั้งที่พวกเขาได้รถคันใหม่ พวกเขาก็จะตื่นเต้นมาก แต่ว่ามันก็ไม่มีรถคันใหม่คันไหนของพวกเขาเลยที่อยู่ได้นาน ในขณะที่รถของเจียงลู่ฉีมันค่อยๆดีมากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเทียบกับรถของเจียงลู่ฉีแล้ว รถถังของพวกเขาก็ไม่ได้มีค่าอะไรเลย
“ไปกันเถอะ!” เจียงลู่ฉีสั่งและกลับรถ MCV