My Vampire System - ตอนที่ 4
เมื่อเผ่าพันธุ์มนุษย์ได้รับความรู้เกี่ยวกับทักษะพิเศษครั้งแรก พวกมนุษย์เรียนรู้มันได้อย่างรวดเร็ว ขณะที่บางคนนั้นสามารถเรียนรู้และมีทักษะมากกว่าคนอื่นๆ ด้วยเหตุนี้จึงเป็นการอธิบายได้ถึงระดับของทักษะ โดยเลเวลที่แตกต่างกันทั้งหมดจะมี 8 เลเวล 1 คือผู้ที่อ่อนแอที่สุด และ 8 คือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด โดยเลเวลเหล่านี้สามารถแบ่งย่อยออกเป็น 1.1, 1.2, 1.3 ไปจนถึง 1.9 และในแต่ละเลเวลก็มีการจำแนกออกเช่นนี้เหมือนกัน
มีอยู่สองวิธีการที่พวกเขาจะได้รับทักษะพิเศษนี้ เมื่อเกิดสงครามกับเผ่าพันธุ์ดัลกิ พวกเขาก็ได้แบ่งปันความสามารถเหล่านี้ให้กับโลกภายนอก คนเหล่านั้นได้เขียนวิธีการได้รับทักษะนี้และฝังมันไว้ในหนังสือที่เรียกว่า ‘ตำราแห่งทักษะ’
ตำราแห่งทักษะพวกนี้จะถูกนำไปขายให้กับสาธารณะ และกองทัพจะทำการเก็บไว้บางส่วน โดยปกติตำราเลเวล 1 ถึง 5 เท่านั้นที่จะวางขายให้กับคนทั่วไป ในขณะที่เลเวลสูงกว่านั้นจะถูกเก็บไว้โดยกองทัพและบริษัทยักษ์ใหญ่
วิธีที่สองที่จะได้รับพลัง คือเป็นผู้ที่มีทักษะโดยกำเนิด ผู้ที่มีทักษะโดยกำเนิดพวกเขาจะค้นพบความสามารถพิเศษของตัวเอง และตัดสินใจที่จะสืบทอดให้กับคนในครอบครัว
ไม่ใช่ว่าผู้ใช้ทักษะทุกคนเลือกที่จะแบ่งปันความสามารถพิเศษนี้ไปสู่โลกภายนอก พวกเขาเหล่านั้นตัดสินใจจะเก็บมันไว้ให้กับคนที่สายเลือดเดียวกันกับพวกเขา ผู้มีทักษะตั้งแต่กำเนิดมักจะมีความสามารถพิเศษที่แข็งแกร่งเกินกว่าเลเวล 8 และไม่มีวิธีที่ทางรัฐบาลจะวัดพลังได้ เพราะพวกเขาไม่มีความรู้ที่จะตรวจสอบมัน
และด้วยเหตุผลสองข้อนี้ ควินน์จึงอยู่เลเวล 1 มาเสมอ เขาไม่มีครอบครัวที่สนับสนุน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถซื้อ ‘ตำราแห่งทักษะ’ได้ รวมไปถึงครอบครัวของเขา ก็ไม่ใช่ผู้มีทักษะตั้งแต่กำเนิด
หลังจากควินน์ได้รับหนังสือมา ความคิดแรกของเขาคือหนังสือเล่มนี้ต้องมีความสามารถพิเศษอะไรบางอย่าง หลังจากผ่านมาหลายปี ก็ดูเหมือนเขาจะได้รับทักษะนั้น แต่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าตำราแห่งทักษะจะเป็นเช่นนี้และเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันให้ความสามารถพิเศษอะไรแก่เขา
ควินน์ยกมือขึ้นเพื่อดูนาฬิกาซึ่งบ่งบอกถึงเลเวลทักษะในปัจุบันของเขาคือ หนึ่ง เมื่อเขามองไปรอบๆ เขาสังเกตเห็นว่านาฬิกาของคนอื่นในตอนนี้ก็ระบุหมายเลขเดียวกัน
ขณะนี้กริฟฟ์ยืนอยู่ข้างหน้านักเรียนทุกคนและเรียกชื่อ 5 คนเพื่อจับกลุ่ม
นักเรียนพวกนั้นจะถูกส่งไปที่ไหนสักแห่งเพื่อทำการทดสอบ ควินน์เชื่อว่าตอนแรกเขาอาจจะสามารถเปลี่ยนเลเวลทักษะของเขาได้ซักครั้ง แต่แล้ว ความคิดของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วหลังจากได้รับการแจ้งเตือน
[คุณโดนแสงอาทิตย์โดยตรง]
[ค่่าสถานะทุกอย่างจะลดลงครึ่งหนึ่ง]
ควินน์ไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ความแข็งแกร่ง 10 ความเร็ว 10 พลังงาน 10 นี้ดียังไง แต่ถ้าวัดจากระยะการมองเห็นผ่านสายตาของเขา มันก็หมายความว่าอย่างน้อยมันก็เป็นระดับสูงสุดของมนุษย์ปกติ แต่ในตอนนี้ ควินน์รู้สึกอ่อนแอและปวกเปียกอย่างไม่น่าเชื่อ
ขณะนี้ร่างกายของเขากำลังร้อนจัด และเหงื่อออกราวกับเป็นถังน้ำ ควินน์คิดว่ามันเป็นเรื่องที่ดีที่เขาดื่มน้ำไว้ก่อนมิฉะนั้นเขาจะขาดน้ำอย่างมาก
“เฮ้ คุณเป็นอะไรมั้ย?” ชายแปลกหน้าที่ยืนอยู่ข้างๆได้เอ่ยถาม
ชายแปลกหน้าคนนี้คือ วอร์เด็น เขามีผมเรือนผมสีบลอนด์และดวงตาสีเขียวอมน้ำตาล รวมทั้งกรอบใบหน้าคมและกรามที่ชัดเจน นอกจากนี้เขายังมีความสูงถึง 6 ฟุต 2 นิ้ว ขณะที่ควินน์เพียง 5 ฟุต 11 นิ้ว นี่คือประเภทของคนที่ควินน์จะหลีกเลี่ยงมาตลอดจนวันสุดท้ายในโรงเรียน เพราะทุกคนจะให้ความสนใจพวกเขา และควินน์เกลียดการเป็นที่สนใจ
“ถ้านายต้องการ? ฉันจะเรียกใครซักคนมาช่วยได้นะ” วอร์เด็นพูด
“ไม่เป็นไร ฉันแค่รู้สึกประหม่ากับการทดสอบ” ควินน์ตอบพลางไม่ได้ใส่ใจร่างกายที่ดูเหนื่อยอ่อนและพยายามยืนขึ้นมา
หลังจากนั้นวอร์เด็นได้มองควินน์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ควินน์ดูค่อนข้างซูบผอมและเขามีกล้ามเนื้อที่น้อยมาก รวมทั้งตอนนี้เขาก็ดูเหนื่อยอ่อนอย่างไม่น่าเชื่อ วอร์เด็นคิดว่า ควินน์เป็นเด็กผู้ชายประเภทที่ถูกรังแกเสมอๆภายในโลกเรียน นั่นน่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงได้ดูกังวล
เขาน่าจะได้รับเลเวลแรกเท่านั้น และครั้งนี้ก็น่าจะมีแนวโน้มเกิดขึ้น
“อย่ากังวลไปเลย ฉันแข็งแกร่งมากกว่าที่นายรู้ ถ้ามีใครมายุ่งกับนายละก็ นายขอให้ฉันช่วยได้เลย”วอร์เด็นยิ้ม
ควินน์มักไม่ได้เป็นมิตรกับคนประเภทที่มีพลังบวก แต่มันเป็นเรื่องยากที่ควินน์นั้นจะไม่ชอบวอร์เด็น เมื่อควินน์นึกย้อนกลับไปเกี่ยวกับเรื่องที่โรงเรียน เขาก็ตระหนักได้ว่าจริงๆ เขาไม่ได้สนิทกับใครเลย
“ฉันชื่อ วอร์เด็น” วอร์เด็นเอ่ยขณะที่ยืนมือไปข้างหน้า
ควินน์มองไปยังมือของวอร์เด็น แท้จริงแล้วนี่เป็นครั้งแรกของเขาที่มีคนปฏิบัติกับเขาเช่นนี้ แต่ควินน์คิดว่ามันคงจะเปลี่ยนไปทันที เมื่อพวกเขารู้ถึงระดับพลังของตัวเองแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอยากจะลืมเกี่ยวกับทุกสิ่งทุกอย่าง
“ฉันชื่อควินน์” ควินน์พูดขึ้นหลังจากที่เขย่ามือวอร์เด็น
[ตรวจพบการใช้งานทักษะ]
[ทักษะดังกล่าวถูกปฏิเสธ]
ข้อความจากระบบปรากฏขึ้น ควินน์หันมองคนอื่นๆด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ในเวลาเดียวกัน เขาก็กำลังจับมือกับวอร์เด็นอยู่ข้อความมันก็ปรากฏขึ้นทันใด เขาได้สังเกตว่าวอร์เด็นยังไม่ปล่อยมือจากเขา แล้วข้อความก็แจ้งเตือนซ้ำอีกครั้ง
[ตรวจพบการใช้งานทักษะ]
[ทักษะดังกล่าวถูกปฏิเสธ]
ขณะนั้น ควินน์ได้ปล่อยมือจากวอร์เด็นทันที ระบบได้บอกเขาอย่างกระจ่าง ว่าวอร์เด็นพยายามที่ใช้ทักษะบางอย่างกับเขา ตัววอร์เด็นเองก็เกิดความงุนงงขึ้นบนใบหน้าของเขาในขณะที่เขายืนอยู่นิ่งๆ
“นาย” วอร์เด็นพูด “ทักษะของนายคืออะไร?”
“ฉัน….” ควินน์หยุดคิดขณะที่เขาควรจะตอบหรือไม่ตอบดี ไม่ว่าเขาจะตอบหรือไม่ จนท้ายที่สุด เขาก็ต้องการเห็นปฏิกิริยาที่แท้จริงของวอร์เด็น “ฉันไม่มีหรอกทักษะอะไรนั่น”
ความงุนงงบนใบหน้าของเขาหายไป ราวกับว่าคำตอบนั้นตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของเขาแล้ว แต่ก่อนที่วอร์เด็นจะพูดอะไรกริฟฟ์ได้ประกาศขึ้น
“นักเรียน ทาเลนท์ ควินน์,วอร์เด็น เบรด,ปีเตอร์ ชัค,เรย์ร่า มัลโรล,และเอริน เฮลีย์ โปรดเดินมาข้างหน้าเพื่อทำการทำสอบ”