My Vampire System - ตอนที่ 79
ภายนอกอาคารที่คล้ายกับโดมขนาดใหญ่ วอร์เด็นและเอียนกำลังเตรียมการให้พร้อมเพื่อจะเข้าไปข้างในนั้น โดยด้านหน้าของโดมเต็มไปด้วยเศษซากโลหะต่างๆ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเคยมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
พวกเขาเดินไปตามกองขยะและซากเครื่องจักรกลที่พังทลายอย่างระมัดระวัง รวมไปถึงพยายามเข้าที่กำบังในขณะที่เดินเข้าไปใกล้ทางเข้ามากขึ้นเรื่อยๆ
หลังจากที่มองไปทั้งซ้ายและขวาเพื่อสอดส่องหาสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่เห็นว่าจะมีตัวอะไรอยู่ พวกเขาจึงตัดสินใจรีบไปที่ประตูทันที
เมื่อวิ่งมาข้างหน้าตรงโถงทางเดินก่อนถึงประตูทางเข้า ทั้งคู่ก็หยุดชะงักเมื่อมีบางอย่างสะดุดตาชัดเจน เอียนทำการก้มลงเพื่อเช็คดูบางอย่างใกล้ๆ
“มีพวกหนูยักษ์ตายอีกแล้ว น่าจะเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง” เอียนใช้นิ้วแตะไปที่เลือดสีดำ แม้ว่ามันจะแห้งไปหน่อย แต่ก็ดูเหมือนมันยังใหม่อยู่ “อย่างกับว่าพวกมันเพิ่งตายได้ไม่นานและอาจจะมีใครบางคนอยู่ข้างใน”
วอร์เด็นไม่อยากพูดอะไรอีก แต่เขาก็หวังว่านั่นอาจจะเป็นควินน์ก็ได้ อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เขาเดินผ่านเหล่าซากของหนูจอมตะปบที่ตายไป ถ้ามันเป็นฝีมือของควินน์จริงๆ ดูเหมือนว่าความลับที่ควินน์เก็บซ่อนเอาไว้จากวอร์เด็นนั้นใหญ่หลวงก็ที่เขาคิด
“เครื่องป้อนรหัส?” วอร์เด็นพูดขึ้นเมื่อสังเกตเห็นมันอยู่ด้านข้างประตู “คุณรู้รหัสผ่านไหม?”
“นายล้อเล่นรึเปล่า ฉันจะไปรู้ได้ยังไง” เอียนจึงยื่นมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าขณะมองไปที่ประตูทั้งสองบาน
เขาเริ่มตั้งสมาธิ หลังจากนั้นสักพัก วอร์เด็นก็เห็นว่าเอียนมีเส้นเลือดปูดนูนขึ้นมาตรงขมับของเขา “เวรเอ้ย ไอ้ประตูนี่มันทนชะมัด”
เอียนยังคงใช้พลังพิเศษของตัวเองต่อไป แต่ประตูก็ยังคงปิดสนิทและไม่พังง่ายดายแน่ๆ แต่แล้วในตอนนั้น ประตูทั้งสองบานก็เริ่มสงเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดและตัวล็อคด้านหลังของมันก็เริ่มบิดงอช้าๆ
ทว่า เสียงของประตูเหล็กที่ถูกบังคับให้เปิดออก ได้ดึงดูดความสนใจจากอะไรบางอย่างที่ไม่ต้องการ หนูจอมตะปบจำนวนสามตัวที่วนเวียนอยู่แถวๆนั้น ได้ตามต้นตอเสียงมาจนกระทั่งเจอกับมนุษย์ทั้งสองคนตรงทางเข้า
“เอียน คุณต้องรีบหน่อยแล้ว!”
“แค่พวกหนูเอง จัดการให้หน่อยจะได้ไหม!” เอียนตะโกน
ในขณะที่เอียนออกแรงมากขึ้นเพื่อทำการพังประตู ส่วนหนึ่งของประตูก็เริ่มโค้งงอ แต่เมื่อมันบิดเบี้ยวมากขึ้นเท่าไหร่ก็ยิ่งส่งเสียงดังมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วในไม่ช้า ก็มีหนูจอมตะปบสี่ตัวมารวมกัน
“มีพวกมันเยอะเกิน!” วอร์เด็นจึงรีบหันหน้าไปที่ประตูพร้อมกับยื่นมือทั้งสองข้างออกไปข้างหน้าเหมือนกับชายวัยกลางคน
“นายจะทำอะไร? อย่างน้อย นายก็ควรระวังหลังให้ฉันหรืออะไรสักอย่างสิ?” เอียนพูด แต่ทันใดนั้น ประตูตรงหน้าก็ดูเหมือนว่าจะบิดงอได้มากขึ้น มันตอบสนองต่อพลังของเขาได้ดีกว่าเดิม
เมื่อเอียนหันไปมองวอร์เด็น เขาก็เห็นว่าเด็กหนุ่มมีเหงื่อออกเต็มไปหมดเช่นกัน “เป็นไปไม่ได้?”
ด้วยการใช้พลังของทั้งสองคน ในที่สุดพวกเขาก็ฉีกประตูเหล็กออกจากกันจนเกิดเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่พอที่จะมุดเข้าไปได้ ทั้งสองคนจึงรีบวิ่งไปข้างหน้าและลอดตัวเองผ่านช่องว่างเล็กๆนั่น
ในตอนนี้ เมื่ออยู่ภายในอาคาร พวกเขาก็หันหลังกลับและยกมือทั้งสองข้างอีกครั้ง ก่อนจะทำการเพ่งสมาธิไปที่พลังทั้งหมด
หนูจอมตะปบที่อยู่ใกล้สุด ได้กระโจนเข้ามาโดยหัวของมันเพิ่งจะมุดผ่านช่องว่างเล็กๆ
“ปิดสักทีสิ บ้าเอ้ย!” วอร์เด็นตะโกน ซึ่งในตอนนั้นเอง ประตูก็ทำการปิดหนึกช่องโหว่นั้น และทำการตัดส่วนหัวของหนูจอมตะปบให้ขาดออกจากกัน จนได้ยินเสียงครึกๆของหัวที่ดังกระทบพื้นและกลิ้งไปมา
ปัจจุบัน พวกเขาทั้งสองคนกำลังอยู่ข้างในอาคารโดยที่ประตูถูกปิดผนึกอยู่และได้สังเกตเห็นถึงอะไรบางอย่าง ภายในศูนย์ฝึกซ้อมแห่งนี้มืดมิดเป็นที่สุด มีเพียงไฟ LED สีขาวเล็กๆที่ติดตั้งไม่กี่ดวงตามกำแพง แต่นอกเหนือจากนั้น หลอดไฟด้านบนก็ดับสนิท
ขณะที่เอียนก้าวเดินไปข้างหน้า เขาก็ได้ยินเสียงกระจกที่แตกกระจัดกระจาย
“ในสถานการณ์แบบนี้ ทำไมถึงมีใครบางคนทำตัววุ่นวายถึงขนาดพังหลอดไฟทุกดวงด้วย?” เอียนพูด “สถานที่เช่นนี้ถูกสร้างให้มีอายุนับหลายร้อยปีจากพลังทั้งหมดของพวกเขา และข้างนอกนั่นก็ดูเหมือนจะไม่มีใครแตะต้องมันได้ด้วยซ้ำ”
“บางทีอาจจะเป็นคนที่เข้ามาก่อนหน้าเรา?”
“ก็อาจจะ เอ้า รับนี่ไป” เอียนพูด ขณะที่เขาถือสิ่งของที่มีลักษณะคล้ายกับก้อนกรวดออกมา วอร์เด็นจึงได้เห็นว่ามันเป็นของชิ้นเดียวกันกับที่ชายวัยกลางคนเคยนำออกมาใช้งานในห้องสมุด
เมื่อวอร์เด็นเคาะไปหนึ่งครั้ง แสงสีส้มจางๆก็เปล่งประกายออกมาจากหินและทอแสงรอบๆตัวเขาเอาไว้ “แล้วคุณล่ะครับ?”
เอียนนำหินอีกก้อนออกมาเคาะก่อนที่จะแนบมันไว้ที่เอว
“เอาล่ะ นายจะบอกฉันได้รึยัง เกี่ยวกับเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น หรือว่านายตั้งใจปกปิดเป็นความลับเอาไว้แบบนั้น?”
วอร์เด็นหัวเราะด้วยความประหม่าเล็กน้อย
“ไม่มีความลับอะไรหรอกครับ ทักษะพิเศษของผมสามารถคัดลอกทักษะอื่นๆได้ ผมคัดลอกมันมาในตอนที่เห็นคุณใช้มันในห้องสมุด” วอร์เด็นไม่มีเหตุผลที่จะโกหกชายวัยกลางคน เขารู้แล้วว่าเขาสามารถใช้ทักษะพิเศษแบบเดียวกันได้ ซึ่งจะมีโอกาสมากเพียงใด ที่วอร์เด็นจะมีพลังพิเศษที่หายากได้เทียบเท่ากับชายคนนี้
ถึงกระนั้น วอร์เด็นก็ไม่ได้บอกความจริงที่ว่าเขาต้องทำการสัมผัสชายวัยกลางคนเพื่อคัดลอก(Copy)พลังของอีกฝ่ายมา โดยเรื่องนี้เขาจะเก็บมันเป็นความลับไว้กับตัว
“นั่นมันเจ๋งสุดๆ ฉันก็หวังว่าจะทำแบบนั้นได้บ้าง” เอียนกล่าว “เร็วเข้า ไปกันต่อเถอะ”
วอร์เด็นรู้สึกประหลาดใจกับการกระทำของชายคนดังกล่าว เขานึกว่าอีกฝ่ายจะตะคอกหรือแสดงความไม่พอใจที่วอร์เด็นทำอะไรบางอย่างไปโดยไม่ได้รับอนุญาต ทว่า นี่เป็นสิ่งที่เด็กหนุ่มไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยจริงๆ
พวกเขาทั้งสองคนเดินไปเรื่อยๆตามโถงมืดๆ ซึ่งในตอนนี้ มีเพียงทิศทางเดียวเท่านั้นที่พวกเขาสามารถเดินไปได้และไฟ LED เป็นตัวช่วยนำทางให้พวกเขาเดินไปในทางที่ถูกต้อง
‘ชู่ว.. เฮ้ วอร์เด็น นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของแกแล้วนะ สลับกับฉันตอนนี้เร็ว’ ราเทนพูด ‘ถ้าประตูมิติอยู่ที่นี่ ฉันช่วยแกทำเรื่องยากๆและฆ่าเขาทันทีเลย’
‘ไปให้พ้นได้ไหม’
‘ก็ได้ แต่นี่ถือเป็นโอกาสสุดท้ายของแกแล้วจริงๆ’
ในที่สุด พวกเขาทั้งคู่ก็มาถึงห้องรับรอง ซึ่งยังคงมีไฟ LED ประดับตามพนังอยู่ทั่วๆไป ดังนั้น อย่างน้อยพวกเขาก็รู้สึกได้ถึงขนาดของห้องที่เเปรเปลี่ยน แต่ก็ยังเหมือนบริเวณก่อนหน้านี้ที่ไฟทุกดวงถูกทำลาย
ไฟแต่ละดวงจากด้านบนถูกทุบจนแตกกระจายตั้งแต่ทางเข้ามา
“มันต้องเป็นสัตว์อสูรแน่ๆ” เอียนพูด
“อะไรทำให้คุณพูดแบบนั้น?”
“คือว่า สัตว์อสูรทุกประเภทบนดาวเคราะห์ที่มีวงโคจรแบบนี้ ช่วงเวลานับปีสำหรับความมืดพวกมันจะทำการออกล่าหาอาหาร แต่เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นพวกมันจะจำศีลตลอดทั้งปี ฉันเดาว่าสัตว์อสูรบางตัวที่มีความไวต่อแสงคงเข้ามาข้างในและทำลายหลอดไฟที่มีอยู่ เพราะถ้าเป็นฝีมือมนุษย์ พวกเขาคงจะพบแหล่งพลังงานและปิดมันทั้งหมดในครั้งเดียว หรือก็แค่กดสวิตช์ปิดเฉยๆ”
พวกเขายังคงเดินหน้าต่อไป จนกระทั่งในที่สุดก็มาถึงแผนกต้อนรับ ซึ่งตอนนี้ ทางที่เหลืออยู่ ก็คือหนทางเข้าสู่สนามประลองและพวกเขาก็เข้าไปในนั้น โดยเดินไปอีกทางเข้าหนึ่ง เมื่อพวกเขาออกมา ทั้งคู่ก็ปรากฏตัวที่หน้าอัฒจันทร์
“กรร!” ทันทีที่พวกเขามาถึง เสียงคำรามที่ดุร้ายก็ค่อยๆดังมาจากโถงอันโล่งกว้าง
“เร็วเข้า ดับหินของนายด่วน!” เอียนกระซิบอย่างทันควัน
อย่างไรก็ตาม มันไม่มีประโยชน์อีกแล้ว พวกเขาได้ยินเสียงกระหน่ำฝีเท้าจากหน้าลานประลองซึ่งกำลังตรงดิ่งขึ้นมาบนอัฒจันทร์นี้
“กรรรรรรรรรร!!” เสียงคำรามดังก้องไปทั่งทั้งสนามประลองขณะที่สิ่งมีชีวิตตัวหนึ่งได้มองเห็นเหยื่ออันโอชะของมันและพุ่งตรงเข้ามาหาพวกเขาด้วยพละกำลังที่เต็มเปี่ยม