My Vampire System - ตอนที่ 87
เวลาผ่านไปประมาณสักสิบนาทีกว่านับตั้งแต่ที่วอร์เด็นได้ยินเสียงของควินน์ครั้งสุดท้าย แต่เขาก็พอใจแบบนี้มากกว่าการได้ยินเสียงกรีดร้องของควินน์ เพราะก่อนหน้านั้น เขารู้สึกว่าไม่กีอึดใจควินน์ก็อาจจะอาละวาดขึ้นมาอีก ตอนนี้ เขาเลยรู้สึกผ่อนคลายลงและไม่ได้ใช้มือดันประตูอีกต่อไป
เขาเอนหลังพิงไปที่ประตู
‘เฮ้ เรามาทำอะไรตรงนี้หา?’ ราเทนถาม ‘แค่เสี้ยววิเจ้านั่นก็กินเราได้เลยนะ ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ’
‘แต่นั่นมันเขาไม่ใช่รึไง?’ วอร์เด็นตอบ ‘นายคิดเหรอว่าเขาจะกินเราไม่ได้น่ะ บอกตามตรง ฉันไม่คิดว่าจะปิดประตูไว้ได้ด้วยซ้ำ ทักษะของฉันไม่มากพอจะหยุดเขาหรอก’ จากนั้น วอร์เด็นก็ยกมือขึ้นทาบหน้าอก แผลของเขาเริ่มแห้งและกำลังจะกลายเป็นสะเก็ด
สักพัก เขาก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่งของประตู ขณะที่ควินน์เริ่มพยุงตัวเองขึ้นจากพื้น
“วอร์เด็น นายยังอยู่หรือเปล่า?” ควินน์ถาม
“อยู่สิ ฉันยังอยู่ นายดีขึ้นรึแล้วรึยัง?”
“อืม.. ฉันดีขึ้นแล้วล่ะ นายคงอยากรู้สินะว่ามันเกิดอะไรขึ้นใช่ไหม?”
“ก็นะ ฉันคงจะโกหกถ้าบอกว่าไม่”
จากนั้น ควินน์จึงหายใจเข้าลึกๆ เพราะเขาเตรียมพร้อมที่จะบอกกับวอร์เด็นถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่มี มันเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับเขา ไม่เหมือนกับเรย์ร่าที่ยอมรับเรื่องนี้ได้ง่ายๆ ไม่ใช่ทุกคนจะเป็นเหมือนกับเธอ เขากลัวปฏิกิริยาของวอร์เด็นที่ตอบสนองต่อเขา
เขาเริ่มต้นเล่าช้าๆ เกี่ยวกับวิธีการที่ได้รับตำราทักษะเล่มหนึ่งมา และหลังจากเปิดใช้งานมันได้ เขาก็รู้สึกว่าทั้งหมดนั้นแตกต่างออกอย่างสิ้นเชิง ควินน์อธิบายเหตุการณ์ทุกเรื่องที่เผชิญในโรงเรียน แม้แต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับเรย์ร่าก็ด้วย จนกระทั่งสุดท้าย เขาได้ถูกผลักเข้ามาในประตูมิติและกลายร่างเป็น ปีศาจกระหายเลือด
มีรายละเอียดบางอย่างที่เขาตัดสินใจละไว้ ไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องเปิดเผยว่าความสามารถพิเศษทั้งหมดของเขาคล้ายกับระบบในเกม แต่แค่บอกว่าเขามีพลังมากขึ้นเพราะเลือดเท่านั้น เขาปกปิดทุกอย่างเกี่ยวกับระบบรวมไปถึงชายผมบลอนด์ผู้มีความลึกลับนั่นด้วย
เรื่องเหล่านี้เป็นปัญหาที่ควินน์ต้องจัดการด้วยตัวเอง และมีแค่เขาเท่านั้นที่จำเป็นจะต้องบอกให้วอร์เด็นรู้ ว่าแท้จริงแล้วเขาต้องการอะไร
เกิดความเงียบงันระหว่างพวกเขาทั้งสองคนอยู่สักพัก แน่นอน วอร์เด็นค่อนข้างช็อคกับเรื่องราวทั้งหมด เพราะควินน์เป็นแวมไพร์ เขาไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่ามีเรื่องแบบนี้ด้วย ถ้าควินน์บอกเขาตั้งแต่ก่อนหน้านี้ เขาต้องคิดว่าควินน์เป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
แต่วอร์เด็นได้เห็นเข้าเต็มๆตา เขาเห็นควินน์ที่กลายร่างเป็นปีศาจตนนั้น และศพของเอียนในห้องก็ถือว่าเป็นหลักฐานที่เด่นชัด
“นายรู้ไหม? ฉันรู้อยู่แล้วว่านายไม่เหมือนใคร ตั้งแต่ฉันได้เจอกับนาย” วอร์เด็นกล่าว
“หมายความว่าไง?”
“นายรู้หรือเปล่า? ว่าทักษะพิเศษทั้งหมดมันทำงานแบบไหน? มนุษย์ทุกคนมีเซลล์กลายพันธุ์ในร่างกายที่สามารถกระตุ้นได้ ยิ่งมีเซลล์มากเท่าไหร่ คนๆนั้นก็จะสามารถกระตุ้นระดับพลังได้มากยิ่งกว่าเดิม ทักษะของฉัน มันทำให้ฉันก๊อปปี้เซลล์จากคนๆหนึ่ง เข้าสู่ร่างกายของฉันโดยตรง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไม ใครก็ตามที่มีทักษะธาตุดินเพียงเลเวลหนึ่ง ฉันถึงก๊อปปี้เซลล์กลายพันธุ์ของคนพวกเขาได้ในจำนวนที่ไม่เท่ากันเลย แต่ในตอนที่ฉันจับมือนาย ฉันสัมผัสได้ถึงเซลล์ต่างๆในตัวนายนะควินน์ แต่ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ฉันไม่สามารถเลียนแบบมันได้ ฉันพยายามแล้วพยายามอีก เป็นรูปเป็นร่างแต่ก็พังทลาย มันล้มเหลวในทุกๆครั้ง นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น”
“นายกลัวฉันหรือเปล่า?” ควินน์ถาม
“กลัวสิ ควินน์.. ทุกคนก็มีความลับของตัวเองที่ไม่อยากให้คนอื่นรู้ทั้งนั้น บางคนก็มีความลับมากกว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำไป มันเป็นเรื่องที่เข้าใจได้แหละ ว่าทำไมนายถึงอยากซ่อนมันไว้ เพราะคนของรัฐ กองทัพทหารและพวกตระกูลใหญ่ๆคงจะร่วมมือกันและใช้พลังของนายเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเองแน่ๆ”
จากนั้น วอร์เด็นจึงหันหลังและย้ายประตูเหล็กทั้งบานออกไปยังทางเดิน หลังจากที่ประตูโลหะถูกทิ้งไว้ด้านข้าง เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น เขาก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ ควินน์ดูเหมือนคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ราวกับเปลี่ยนรูปลักษณ์ใหม่ไปทั่วทั้งตัว
ควินน์มีส่วนสูงเพิ่มขึ้นสักสองสามนิ้ว ผิวของเขาดูเรียบเนียนและซีดนิดหน่อย ในขณะที่ใบหน้าของเขาดูเป็นชายมากขึ้น
“เอ่อ ตอนนี้มันอาจยากที่จะอธิบาย?” วอร์เด็นกล่าว
****
ก่อนที่จะออกจากห้องนี้ วอร์เด็นไปเช็คร่างกายของเอียนอีกครั้ง เขาหาแล้วหาอีกก็ไม่เจอร่องรอยของคริสตัลระดับสูงเลย
‘เขาโกหกหรือเปล่านะ’
แต่สิ่งที่เขาได้เห็นคือรอยกัดสองจุดบนคอของเอียน ซึ่งปัจจุบันควินน์ก็ดูปกติดี แต่เมื่อมองไปที่รอยกัดของเอียนอีกที มันทำให้เขามั่นใจว่าทุกสิ่งที่ควินน์พูดคือความจริง
ทั้งสองคนมองไปรอบๆจนเจอห้องน้ำ ข้างในมีกระจกเพื่อให้ควินน์มองสภาพของตัวเองได้ การเปลี่ยนแปลงไม่ได้แย่ถึงขนาดไม่สามารถบอกได้ว่านี่คือควินน์ แต่ดูเหมือนเขาจะเพิ่งเข้าคอร์สฝึกฝนนายแบบมาแล้ว 12 สัปดาห์
พวกเขายังคงเดินไปจนทั่ว และวนกลับมายังสนามประลองที่ทั้งสองคนต่อสู้กัน พวกเขามองไปยังความวุ่นวายที่สร้างเอาไว้ ควินน์นึกถึงตอนที่เป็น ปีศาจกระหายเลือด วอร์เด็นก็นึกถึงตอนที่เจ้าตัวเล็กออกมา
มีเศษโลหะเต็มไปหมดและเก้าอี้เหล็กที่พังอยู่หลายตัวรวมไปถึงเลือดที่นองอยู่ทั่วพื้น ตอนนี้ควินน์อิ่มจากมื้อาหารล่าสุดแล้ว ซึ่งเขาตั้งใจจะเติมไปในสกิลกักเก็บโลหิต
จากข้อมูลของเอียน ประตูมิติมีแนวโน้มจะอยู่ในอาคารแห่งนี้มากที่สุด โดยอาจจะมีสวิตซ์ฐานลับซ่อนอยู่ทีไหนสักแห่ง แต่ทั้งสองคนไม่มีคำใบ้อะไรเลยว่ามันจะอยู่ตรงไหน หลังจากค้นหาไปสักพักใหญ่และไม่ประสบความสำเร็จ พวกเขาทั้งสองคนก็มานั่งพักที่พื้นสนามประลอง
ควินน์ถามว่าทำไมวอร์เด็นถึงได้มาที่นี่ตั้งแต่แรก แล้วเขาก็ตอบกลับมาง่ายๆ “ฉันก็มาตามนายไง” แม้ว่าเขาจะไม่ได้อยู่ในหัวข้อสนทนานี้นานเท่าไหร่ แต่กูเหมือนว่าวอร์เด็นจะไม่สนใจมันเลย
ควินน์คิดว่ามันคงเกี่ยวข้องกับปีเตอร์ เพราะตอนนี้นั้น เขาคือคนสุดท้ายที่ทั้งสองคนอยากจะพูดถึง
ในตอนนั้นเอง เสียงท้องของวอร์เด็นก็ร้องขึ้น เป็นเวลานานแล้ว ในครั้งล่าสุดที่เขากินยาเม็ดนั่น
“นายหิวเหรอ?” ควินน์ถาม
“นายไม่หิวรึไง?” เสี้ยววินาทีนั้น ความเงียบที่น่าอึดอัดก็เกิดขึ้นท่ามกลางทั้งคู่
“ถ้านายต้องการ นายเอาเลือดฉันไปก็ได้นะ?” วอร์เด็นพูดขึ้นอีกครั้ง
“รู้ไหม ฉันก็กินอาหารปกติได้เหมือนกัน!”
ทั้งสองคนเริ่มหัวเราะด้วยกันและขำขันเกี่ยวกับบางสิ่งเมื่อเวลาผ่านไป
“น่าเสียดาย นายคงใช้ทักษะของนายในโรงเรียนไม่ได้ ถ้ามันเป็นทักษะพิเศษทั่วๆไป ตระกูลของฉันคงให้ความคุ้มครองกับนายได้ พวกกองทัพจะได้ไม่พยายามทำร้ายนาย”
แม้ว่าควินน์จะพยายามสื่อว่าทักษะเกี่ยวกับแวมไพร์นี้เป็นเรื่องปกติ แต่ก็มีปัญหาที่ว่ามันไม่มีสกิลเสริมอะไรเลย พวกเขาก็จะถือว่าควินน์เป็น ผู้ใช้ทักษะโดยกำเนิด ซึ่งตอนนี้ มีบางอย่างที่ทำให้เขากังวลมากกว่าเดิม
ในวีดีโอของระบบ ชายผมบลอนด์ระบุว่าตอนนี้ คนอื่นๆกำลังจับตามองเขาอยู่ ซึ่งคนอื่นที่เขาพูดถึงคือแวมไพร์ตนอื่นใช่หรือเปล่า? ถ้าเป็นแบบนั้น เขาต้องเหยียบเรื่องนี้ให้เป็นความลับที่สุด เพราะฟังจากน้ำเสียงในวีดีโอ ดูเหมือนแวมไพร์พวกนั้นจะไม่ญาติดีกับเขาสักเท่าไหร่
ต่อมา มีบางอย่างที่เข่านึกขึ้นมาได้ มีสกิลที่เขาเรียนรู้ได้ ซึ่งไม่ได้ต่างจากสกิลแวมไพร์ของเขา ตำราแห่งทักษะเลเวล 6 ตำราแห่งเงา