My Vampire System - ตอนที่ 22
เมื่อภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับเรย์ร่า ได้แวบเข้ามาในความคิดของเธอ เธอก็เริ่มรู้สึกถึงความซาบซ่านทันทีทั่วทั้งร่างกาย เพราะเธอตอบสนองต่อความทรงจำที่ควินน์กำลังกัดคอของเธอ
มันไม่ใช่ความทรงจำที่เจ็บปวดเลย แต่เป็นความรู้สึกที่น่าหลงไหลรวมไปถึงความรู้สึกของเลือดที่วิ่งผ่านไปทั่วทั้งร่างกาย ใบหน้าของเธอเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเล็กน้อย จากนั้นเธอจึงยกมือของตัวเองขึ้นมาจับที่คอ
“หือ ฉันไม่รู้สึกถึงมันเลย”
“โอ้ เธอฟื้นแล้ว” เฮย์ลี่ย์พูดด้วยรอยยิ้ม “เธอหลับไปนานเลยจนฉันไม่รู้ว่าเธอจะฟื้นเมื่อไหร่”
“ฉันอยู่ที่นี่ได้ยังไงคะ?” เรย์ร่าถาม
“มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งพาเธอมาแล้วทิ้งเธอไว้ เขาบอกว่าเขาเป็นเพื่อนของเธอ ฉันจำไม่ได้หรอกนะว่าเขาชื่ออะไร แต่เขามีผมหยิกสั้นสีดำ” เฮย์ลีย์พูดด้วยรอยยิ้มพลางนึกถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่
สิ่งนี้ได้ยืนยันความคิดของเรย์ร่า ควินน์ต้องพาเธอมาที่นี่หลังจากที่กัดเธอแน่ๆ
เฮย์ลี่ย์จึงสังเกตเห็นว่า เรย์ร่ากำลังลูบที่ต้นคอของเธอ
“ฉันจัดการรอยแผลทั้งสองให้เธอแล้ว เธอจำได้ไหม ว่ามันเกิดอะไรขึ้น?”
เป็นอีกครั้งที่เธอนึกย้อนไปถึงความทรงจำที่ควินน์กำลังกัดเธอ และมันทำให้เธอขนลุกไปทั่วทั้งร่างกาย
“ฉันก็ไม่แน่ใจค่ะ บางที.. มันอาจจะเป็นสัตว์ร้าย” เรย์ร่าตอบ
“สัตว์ร้าย?”
“ใช่ค่ะ อยู่ที่นี่ บางครั้งสัตว์ร้ายมันก็หลงมาเจอพวกนักเรียน ขณะที่พวกเขากำลังฝึกซ้อมกันแถวๆประตูมิติ”
“อืม ไม่ว่ามันจะเป็นอะไร ฉันมั่นใจว่าใครสักคนจะจัดการกับมัน ดีแล้วที่ตอนนี้เธอปลอดภัย”
****
ควินน์กำลังวิ่งผ่านโถงทางเดินในโรงเรียนให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เขาต้องไปที่สถานพยาบาลก่อนที่เรย์ร่าจะฟื้นขึ้นมา เขาไม่รู้ว่าเรย์ร่าจะมีปฏิกิริยาตอบสนองยังไง ไม่เพียงแค่นั้น ผลลัพธ์ที่ตามมามันคืออะไรเมื่อกัดใครสักคน?
ถ้าหากเหมือนกับแวมไพร์จากนิยายที่ควินน์อ่านในห้องสมุด แวมไพร์บางตนจะมีความสามารถที่เปลียนคนอื่นๆเป็นพวกเดียวกันได้ ซึ่งตอนนี้ ควินน์คิดว่านี่อาจจะเป็นสถานการณ์ที่ดี เมื่อทุกคนค้นพบทักษะและความสามารถของเขาแล้ว
ในที่สุด ควินน์ก็ได้มาถึงสถานพยาบาลและเมื่อเขาดึงประตูเปิดออกกว้างๆ
“โอ้ สวัสดีอีกครั้ง” เฮย์ลี่ย์กล่าว “ถ้าเธอกำลังมองหาเด็กผู้หญิงคนนั้น เธอพลาดแล้วล่ะ เด็กคนนั้นเพิ่งจะออกไปเมื่อครู่นี่เอง”
“จริงเหรอครับ? เธอได้บังเอิญพูดอะไรหรือเปล่า?” ควินน์เอ่ยถาม โดยตัดสินปฏิกิริยาของเฮย์ลี่ย์ ซึ่งดูเหมือนว่าเรย์ร่าจะไม่ได้พูดอะไรออกไป แต่เขาทำเช่นนั้นเพื่อให้แน่ใจ
“เธอหมายถึงบาดแผลสินะ เด็กผู้หญิงคนนั้นบอกว่าสัตว์ร้ายอาจจะโจมตีเธอ แม้ว่าฉันเองจะไม่มั่นใจมากๆ มันดูเหมือนรอยงูกัด ซึ่งฉันก็ไม่รู้ว่ามันทำยังไงถึงเข้ามาในโรงเรียนตลอดจนได้ไปอยู่ที่คอของเด็กผู้คนนั้น” เฮย์ลีย์ยังคงพูดไปเรื่อยๆ บ่อยครั้งที่หญิงสาวจะทำเช่นนี้เมื่อเธอถูกทิ้งให้อยู่โดยลำพัง ซึ่งตลอดเวลากับการเป็นหมอเพียงคนเดียวที่ประจำอยู่ในโรงเรียนแห่งนี้ มัน..เป็นงานที่โดดเดี่ยว
“ขอบคุณที่บอกให้รู้ครับ” ควินน์พูดขณะที่เขาปิดประตู
ทำไม เรย์ร่าถึงตัดสินใจที่จะเก็บความลับของควินน์เอาไว้ ทั้งที่เขาทำร้ายเด็กผู้หญิงธรรมดาที่น่าสงสาร มันคงจะดีหากเธอจำเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นไม่ได้เลย หรือบางทีเธอคงมีแผนการที่จะใช้เรื่องนี้ข่มขู่เขา แต่นั่นมันไม่สมเหตุสมผล เพราะเธอไม่ได้ประโยชน์อะไรจากมัน
ควินน์คิดเช่นนี้มาโดยตลอด เมื่อใครก็ตามคิดจะทำอะไรสักอย่างก็มักจะทำด้วยเหตุผลที่เห็นแก่ตัวเสมอ นั่นคือวิธีที่คนเหล่านี้ทำกัน ควินน์ไม่เชื่อเด็ดขาดว่าเรย์ร่าจะเก็บมันไว้เป็นความลับโดยที่ไม่มีเหตุผลใดๆ
ในตอนนั้นเอง ขณะที่ควินน์อยู่นอกสถานพยาบาลและกำลังคิดว่าจะทำยังไงต่อไป เขาก็รู้สึกได้ถึงมือบนไหล่ของเขา
“ฉันกับนาย เราต้องคุยกัน”เรย์ร่าพูดขึ้น
หากเธอรออยู่แถวนี้อยู่แล้ว นี่มันแย่มาก เธอแสดงให้เห็นอย่างเด่นชัดว่าเธอรู้บางสิ่งบางอย่าง ซึ่งการสูญเสียความทรงจำนั้นเป็นเหตุการณ์ที่ไม่น่าเป็นไปได้เลย
ทั้งสองคนมุ่งหน้ามายังห้องสมุดซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุ ควินน์รู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย เพราะการที่เธอพาเขามาที่นี่มันหมายความว่าเธอไม่คาดหวังกับการต่อสู้ ขณะที่มีนักเรียนคนอื่นๆอยู่ในห้อง
พวกเขาทั้งคู่นั่งลงที่โต๊ะและเริ่มเปิดใช้งานลูกแก้วโดยให้ได้ยินแค่พวกเขาเท่านั้น ขณะที่ทั้งสองคนจ้องมองเข้าไปในดวงตาของกันและกัน ควินน์ก็เริ่มนึกถึงสถานการณ์ต่างๆน่าๆภายในความคิดของเขา ถ้ามันเลวร้ายไปจนถึงเลวร้ายขั้นสุด เขาอาจจะต้องปิดปากของเธอ
“เกิดอะไรขึ้นในห้องสมุด นายทำอะไรของนาย?” เรย์ร่าพูดและลูบไปที่คอของเธอ
“ทำไมถึงย้อนถาม ถ้าเธอรู้อยู่แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” ควินน์ถามกลับ “แค่บอกฉันมาว่าเธอต้องการอะไร”
“ฉันไม่รู้ว่านายรู้เรื่องนี้หรือเปล่า แต่ฉันจับตาดูนายมานานมากกว่าที่นายคิด หลังจากที่สังเกตนายมาซักพักฉันก็ได้ข้อสรุปแล้วด้วย นายน่ะ..เป็นแวมไพร์ใช่ไหม? ”
ควินน์เริ่มหัวเราะแห้งๆออกมา เขาคาดหวังที่จะจับเรย์ร่าโยนออกไปจากเรื่องนี้ ซึ่งที่จริง ควินน์เองก็รู้สึกประหลาดใจที่เธอสรุปผลออกมาได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เวลากับเขาไม่นาน แม้ว่าเธอจะเห็นทุกสิ่งทุกอย่าง แต่สิ่งที่เขาทำที่ผ่านมา เขาไม่คิดว่ามันคือข้อสรุปตามปกติที่คนอื่นๆจะนึกถึงมันได้
“แล้วอะไรที่ทำให้เธอถึงคิดแบบนั้น?”
“ฉันเห็นนายกำลังยก..คอของผู้ชายคนนั้นขึ้นมา ในตอนนั้นฉันคิดว่านายจะทำอะไรสักอย่างเพราะฉันก็เห็นไม่ชัด” เรย์ร่าพูดขณะที่ใบหูของเธอร้อนผ่าวขึ้นมาเล็กน้อย “แต่..หลังจากที่นายทำกับฉันแบบนั้น มันก็ยืนยันได้แล้ว”
ควินน์เหงื่อออกเล็กน้อยกับการประติดประต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน เขาไม่ได้กังวลเกี่ยวกับตัวเรย์ร่าเลย แต่เป็นปัญหาที่เกิดกับเขาในอนาคตต่างหาก ควินน์ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอีก เขาจึงรอให้เรย์ร่าร้องขอในสิ่งที่เธอต้องการ
เรย์ร่าสูดหายใจเข้าไปลึกๆก่อนที่เธอจะพูดประโยคต่อไป และนี่คือคำตอบของเธอที่ควินน์กำลังรออยู่
“ฉันอยากให้นายฟังฉันอธิบายก่อนนะ ฉันต้องการให้นายทำให้ฉันกลายเป็นแวมไพร์”
ควินน์ตกใจมากๆกับคำพูดที่ออกมาจากปากของเรย์ร่าจนแทบจะตกจากที่นั่ง
“ว่าไงนะ? เธอรู้ตัวไหมว่ากำลังพูดถึงอะไรอยู่ตอนนี้?”
“ได้โปรด” เรย์ร่าพูดราวกับกำลังอ้อนวอนเขา “มันเป็นความฝันในวัยเด็กของฉัน เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นเฉพาะในหนังสือพวกเทพนิยายเท่านั้น และตอนนี้ ฉันก็มีโอกาสสักทีที่มันจะเกิดขึ้นกับฉันแล้ว” เธอพูดด้วยดวงตาที่เป็นประกาย
ซึ่งตอนนี้ ควินน์ก็ได้เข้าใจแล้วเช่นกันว่าทำไมเรย์ร่าถึงไม่ยอมบอกใคร พูดง่ายๆ ผู้หญิงคนนี้บ้าไปแล้ว