My Vampire System - ตอนที่ 3
เนื่องจากสงครามระหว่างมนุษย์และดัลกิ เมื่อทุกคนอายุ 16 ปี จะต้องไปศึกษายังโรงเรียนเตรียมทหารเป็นเวลา 2 ปี แม้ว่าระหว่างสองเผ่าพันธ์กำลังอยู่ในช่วงเวลาสงบศึก แต่ทุกคนก็รู้ว่ามันคงไม่ยั่งยืนตลอดไป
ในทุกวันมีข่าวคราวของแต่ละเผ่าพันธุ์ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นศัตรูกัน และนั่นทำให้สงครามรู้สึกว่ามันจะเริ่มได้ตลอดเวลา
ควินน์รีบเร่งจัดการร่างกายตัวเองในห้องน้ำก่อนเดินทางออกไปกับจ่ากริฟฟ์ เพราะเขารู้สึกราวกับว่ากระเพราะปัสสาวะจะระเบิดได้ภายในเสี้ยววินาที จากการที่ดื่มน้ำเข้าไปเยอะมาก
เมื่อควินน์ก้าวออกจากห้องสู่โลกภายนอกนั้น มีบางอย่างที่น่าแปลกใจปรากฏขึ้นมา หน้าต่างการแจ้งเตือนใหม่ได้ปรากฏขึ้น
[ร่างกายของคุณกำลังโดนแสงอาทิตย์โดยตรง]
[คุณได้รับผลกระทบจากแสงอาทิตย์]
[ค่าสถานะทั้งหมดจะถูกลดลงไปครึ่งหนึ่งขณะกำลังโดนแสงอาทิตย์]
ทันใดนั้น ร่างกายของควินน์ก็รู้สึกเอื่อยเฉื่อยลงอย่างมาก เขารู้สึกเหมือนตัวเองวิ่งไปกลับมาแล้วประมาณ 5 กิโล แขนและขาของเขาหนักอึ้งและเขาไม่สามารถที่จะทำอะไรกับมันได้เลย
ควินน์จึงได้ตรวจเช็คสถานะของเขา และพบว่าค่าสถานะต่างๆนั้นลดไปครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่เพียงค่าสถานะเท่านั้น แต่เป็น Hp ที่ลดลงไปด้วยเช่นกัน
[ HP (พลังชีวีต) : 5/5]
[ความแข็งแกร่ง : 5/5]
[พลังงาน : 5/5]
[ความเร็ว : 5/5]
‘นี่มันข้อเสียอะไรกันเนี่ย!’ ควินน์คิด
จากนั้นการแจ้งเตือนใหม่ก็ปรากฏขึ้นอีก
[คุณได้รับภารกิจประจำวันใหม่ : หลีกเลี่ยงการถูกแสงอาทิตย์โดยตรงเป็นระยะเวลา 8 ชั่วโมง]
[รางวัล 5 Exp]
อารมณ์ของควินน์เปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อเห็นภารกิจใหม่ของวัน ดีที่มันไม่เหมือนที่ต้องดื่มน้ำนั่น เขาสามารถทำภารกิจนี้ได้อย่างธรรมชาติเพียงแค่นอนหลับ ถ้าหากระบบทำงานเหมือนกับภายในเกม นั่นหมายความว่าหากควินน์ได้รับค่าประสบการณ์ 100 เขาจะสามารถอัพเลเวลขึ้นไปรวมถึงค่าสถานะต่างๆด้วย
ดังนั้นเมื่อมีภารกิจรายวันให้ควินน์มากเท่าไหร่ ก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขา
“ทำไมถึงอืดอาดนักล่ะ ! โรงเรียนจะกลืนนายทั้งเป็นแน่ ถ้านายขืนทำตัวแบบนี้!!”
ในที่สุดควินน์ก็เดินมาถึงรถบัสคันใหญ่ที่จอดอยู่ด้านนอกที่พัก และเมื่อเขาขึ้นมายังรถบัส เขาสังเกตว่ามันเต็มไปด้วยนักเรียนที่อายุเท่ากันกับเขา
เขาไม่รู้จักนักเรียนคนไหนแม้ซักคน ซึ่งหมายความว่าพวกเขามาจากโรงเรียนที่แตกต่างกัน จากนั้นควินน์จึงเดินไปนั่งที่ด้านหน้าของรถบัสซึ่งเป็นที่ว่างเดียวที่เหลืออยู่
[ค่าสถานะกลับสู่สภาวะปกติ]
ทันทีที่ควินน์ขึ้นมายังรถบัสและไม่โดนแสงแดดโดยตรง ค่าสถานะของเขาก็กลับมาปกติ รวมทั้งร่างกายก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“เอาเถอะ อย่างน้อยก็แค่แสงแดดตรงๆ”
ขณะที่พวกนักเรียนกำลังจับกลุ่มคุยกันอย่างตื่นเต้น แต่แล้วทุกอย่างก็หยุดทันที เมื่อจ่ากริฟฟ์นั้นขึ้นมา
“เอาล่ะ! ถึงเวลาไปโรงเรียนเตรียมทหารกันแล้ว”
จากนั้นรถบัสจึงเริ่มขยับ ในที่สุดพวกนักเรียนก็เริ่มออกเดินทาง ขณะที่เดินทางรถบัสคงเหลือเพียงความเงียบ เมื่อไหร่ก็ตามที่นักเรียนเริ่มคุยกัน กริฟฟ์จะหันมองไปยังทิศทางนั้นทันที และนักเรียนจะต้องหุบปากเอาไว้
แม้กริฟฟ์จะไม่ได้พูดอะไร แต่ทุกคนก็รู้ถึงสิ่งที่เขาต้องการได้ เพียงแค่สบตาเขา
หลังจากออกเดินทางมาได้ประมาณ 10 นาที ควินน์ได้รับข้อความแจ้งเตือนอีกครั้ง
[ตรวจพบสารพิษในอากาศ]
[คุณจะรู้สึกง่วงนอน]
[ความต้านทาน : +1]
ควินน์พบว่าข้อความนั้นค่อนข้างแปลก จากนั้นเขาจึงหันมองไปรอบๆรถบัส เขาสังเกตว่านักเรียนทั้งหมดหลับไปแล้ว
ทันใดนั้น เปลือกตาของเขาก็รู้สึกหนัก
[ความต้านทานต่อสารพิษของคุณเพิ่มขึ้น]
[ความต้านทาน : +1]
จากนั้นเสียงฝีเท้าที่หนักหน่วงก็ดังขึ้นตรงหน้าของเขา ขณะที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาสังเกตเห็นว่า จ่ากริฟฟ์ได้ยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ดูเหมือนพวกเธอบางคนจะต้านทานก๊าซยาสลบได้ เห็นทีว่าต้องรวบตัวเธอไว้แล้ว”
และแล้วถุงขนาดใหญ่สีดำก็คลุมศีรษะของควินน์เอาไว้ รวมไปถึงการมองเห็นก็ถูกปกปิดไปอย่างสมบูรณ์ ก๊าซเริ่มซึมซาบช้าๆ และความง่วงทำให้ควินน์หลับสนิท
ในเวลาต่อมา ควินน์รู้สึกว่ามีน้ำที่เย็นเฉียบสาดเข้าที่ใบหน้าของเขา เขาลืมตาขึ้นทันที และทุกอย่างที่เขาเห็นคือสนามหญ้าสีเขียวขจี
เขาและนักเรียนคนอื่นๆเริ่มเงยหน้าขึ้นและมองไปรอบตัว ปัจจุบันมีนักเรียนประมาณ 200 คนกำลังอยู่ในทุ่งหญ้า แต่เมื่อพวกเขามองไปโดยรอบ พวกเขานั้นอยู่ในสถานที่ต่างถิ่นอย่างสิ้นเชิง
“ที่นี่ คือที่ๆพวกเธอต้องใช้ชีวิตไปอีก 2 ปี”
เหล่านักเรียนประหลาดใจกับสิ่งที่พวกเขาได้เห็น ขณะนี้พวกเขาอยู่ในเมืองที่ไม่เคยพบมาก่อน ทุกคนต่างแต่งตัวในเครื่องแบบทหารและมีเทคโนโลยีระบบวิศวกรรมต่างๆ รอบตัวของพวกเขานั้นสร้างความตื่นเต้นให้กับพวกเขาอย่างมากในตอนนี้ หุ่นยนต์ขนาดยักษ์กำลังเคลื่อนที่และก่อสร้างสิ่งต่างๆ
เรือที่เหาะได้และรถไฟที่ลอยฟ้า ล้วนแต่เป็นเทคโนโลยีที่ไม่ได้มอบให้กับโลกภายนอก และมันถูกเก็บรักษาไว้สำหรับกองทัพเท่านั้น
หลังจากเกิดสงครามครั้งแรกกับเผ่าพันธุ์ดัลกิ มนุษย์ได้มีความล้ำหน้าทางเทคโนโลยี นั่นเป็นเพราะพวกเขาพยายามที่จะพัฒนาอุปกรณ์ของพวกเขาหลังจากเกิดสงคราม แต่แน่นอนว่าพวกกองทัพตัดสินใจ ที่จะเก็บมันครอบครองไว้เป็นของตนเอง
ในที่สุดควินน์ก็เลิกประหลาดใจกับสภาพแวดล้อมของเขา และเขาสังเกตว่ามีบางสิ่งบางอยางที่ข้อมือ มันดูคล้ายกับนาฬิกาดิจิตอล แต่ไม่มีอะไรปรากฏบนหน้าจอ
“สิ่งที่อยู่ข้อมือของพวกเธอ นั่นคือชีวิตของพวกเธอ มันจะช่วยระบุว่าเธอเป็นนักเรียนในฐานทัพนี้ ทั้งยังช่วยให้พวกเธอเข้าถึงในบางพื้นที่ จ่ายค่าอาหารและอื่นๆทุกประเภท มันคือทั้งชีวิตของเธอที่สถาบันแห่งนี้ แต่นั่นไม่ใช่ประโยชน์เพียงสิ่งเดียวของมัน เมื่อสายรัดข้อมือไม่ถูกใช้งาน มันจะแสดงหมายเลขขึ้นมา และหมายเลขนั้นคือเลเวลทักษะของเธอ”
ทันทีที่ควินน์ได้ยินคำพูดเหล่านั้นเขาก็กัดฟันและกำหมัดของเขาแน่น เขาคิดว่าชีวิตของเขาอาจเปลี่ยนไปที่โรงเรียนเตรียมทหาร แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังคงเหมือนเดิมแม้อยู่ที่นี่
“เพราะงั้น เราจะเริ่มต้นทดสอบระดับพลังของพวกเธอ ขอให้ทุกคนโชคดี!”กริฟฟ์กล่าวด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า