My Vampire System - ตอนที่ 37
เมื่อควินน์กลับมาถึงห้องพักของตัวเอง เขาคิดว่าจะได้เจอกับวอร์เด็นหรือปีเตอร์ แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่อย่างที่คิด
‘เกือบถึงเวลาเคอร์ฟิวอยู่แล้ว ทำไมพวกนั้นถึงช้าขนาดนี้?’
มันช่างน่าเสียดาย เพราะควินน์ตั้งใจจะถามปีเตอร์และวอร์เด็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรย์ร่ากับพวกเขา แต่เมื่อสองคนนั้นมาถึงช้าและควินน์อ่อนล้าอย่างมาก เขาจึงตัดสินใจไปนอนพักก่อนคนอื่นๆ
ทันทีที่ร่างกายของเขาฟุบลงไปบนกับเตียง ควินน์ก็หลับไปอย่างฉับพลัน เขาไม่แม้แต่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าและยังคงสวมมันไว้เหมือนกับตาแก่ขี้เมา
ครู่ต่อมา ปีเตอร์เป็นคนแรกที่กลับมาถึงห้องพัก
เขาเดินเข้ามาในห้องและไม่รู้ว่าควินน์กลับมาแล้ว ปีเตอร์ค่อยๆเดินไปที่เตียงแล้วนอนคลุมโปงด้วยร่างกายสั่นเทา
ไม่นานนัก วอร์เด็นก็กลับเข้ามาในห้อง เขามองเห็นปีเตอร์คลุมโปงอยู่ใต้ผ้าห่ม จากนั้นเขาก็สังเกตเห็นว่าควินน์กำลังนอนอยู่
เมื่อวอร์เด็นมองใบหน้าของควินน์ที่หลับพักผ่อนอย่างสงบ เขาก็ยิ้มออกมา
“ดูเหมือนว่านายจะไม่เป็นไรแล้ว” วอร์เด็นกระซิบกับตัวเอง “ขอโทษนะ”
ต่างคนต่างกำลังเผชิญอยู่กับปัญหาของตัวเอง แต่ไม่มีใครรับรู้เกี่ยวกับปัญหาของคนอื่น ด้วยความคิดมากและไม่มีใครอยากจะเล่าสู่กันฟัง พวกเขาจึงต้องนอนด้วยความคิดที่ติดค้างอยู่ในหัวจนกว่าจะผ่านค่ำคืนนี้ไป
เมื่อควินน์ตื่นขึ้น เขาก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนตอนเช้าตามปกติ
[ ภารกิจรายวันเสร็จสิ้น หลีกเลี่ยงการถูกแสงแดดโดยตรงเป็นเวลา 8 ชั่วโมง ]
[ 135/400 Exp ]
ควินน์พึงพอใจกับความแข็งแกร่งที่พัฒนาขึ้นไป อย่างไรก็ตาม เขาไม่อยากพูดถึงเหมือนกันเกี่ยวกับความเร็วในการอัพเลเวลของเขา ในตอนนี้เขามีเลเวลสามและมีเพียงสองสกิลเท่านั้นที่สามารถใช้ได้ ซึ่งแตกต่างจากทักษะพิเศษอื่นๆ ที่ให้คุณควบคุณทักษะบางอย่างในการกระทำเพียงครั้งเดียว หากควินน์ต้องอยู่ในการประลองกับผู้ใช้งานทักษะต่างๆเลเวลสูง เขาจำเป็นต้องมีสกิลที่มากกว่าเดิม
หลังจากต่อสู้กับลูปเมื่อวานนี้ ควินน์ตะหนักได้ว่าเขาต้องการบางสิ่ง เรื่องแรกคือเขาอยากต่อสู้ให้ดียิ่งกว่านี้ แม้ว่าสกิลของเขาจะดีขึ้นแล้วเมื่อเอาชนะคนที่มีเลเวลต่ำกว่าในช่วงเวลาที่ผ่านมา แต่ควินน์ก็คิดไม่ออกเหมือนกันหากเจอศัตรูที่แข็งแกร่งกว่านี้
นั่นเป็นเพราะสกิลกักเก็บโลหิต เมื่อวานนี้เขาถึงสามารถเอาชนะได้ แต่ก็ต่อสู้ไปด้วยความประมาท หมายความว่าเขาจำเป็นต้องเรียนรู้สกิลการต่อสู้ด้วยมือเปล่ามากขึ้น เรื่องที่สองคือเขาไม่สามารถออกไปต่อสู้กับนักเรียนคนอื่นได้ทุกวัน
เมื่อวานนั้นเกือบไปแล้วจริงๆ และเขาก็ยังไม่รู้ว่าลูปรู้หรือไม่ว่าควินน์เป็นคนสู้กับเขา หากควินน์ยังต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เขาต้องทำเรื่องพวกนี้ในตอนกลางคืนน้อยลงหรือมีกำลังที่มากพอ ดังนั้นเขาไม่ต้องพึ่งพาถุงมืออสูร เพราะเป็นสิ่งของที่ทำให้ดูก็รู้เลยว่าเป็นใคร
นั่นทำให้เขามีจุดมุ่งหมาย เมื่อตรวจเช็คระบบ เขาจำได้ว่ามีฟังก์ชั่นร้านค้าที่เปิดได้เมื่อถึงเลเวล 10 ซึ่งตอนนี้เป็นเป้าหมายใหม่ของเขา เขาไม่รู้ว่าร้านค้าจะมีรายละเอียดมากแค่ไหน แต่ที่ผ่านมาระบบนี้ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวัง
จากนั้นวอร์เด็นก็ตื่น พลางทำตัวตามปกติเหมือนที่เคยทำกับควินน์
“เฮ้ หลับสบายดีไหม?” วอร์เด็นถาม “ตอนที่กลับมาเมื่อวาน นายก็หลับเป็นตายเลย”
“สบายดี เมื่อวานฉันเหนื่อยมากหลังจากคาบเรียนวิชาต่อสู้”
“ฉันได้ยินมาว่านายเกิดอุบัติเหตุ ทุกอย่างโอเคหรือเปล่า?”
“อย่างที่นายเห็น ฉันได้รับการรักษาแล้ว ไม่ต้องห่วงฉันนักหรอก”
“เฮ้ จริงจังนะควินน์ ถ้านายโดนรังแกหรือโดนทำร้ายให้บอกฉัน ฉันรู้ว่าเราไม่ควรจะช่วยเหลือกันเพื่อไม่ให้พวกชั้นปีที่สองเข้ามายุ่งวุ่นวาย แต่ฉันจัดการกับพวกเขาได้ไม่ต้องกังวลเลย”
ควินน์ยิ้มให้กับวอร์เด็น เขาไม่เข้าใจเลยว่าเรย์ร่าจะกังวลเกี่ยวกับเรื่องอะไร วอร์เด็นที่อยู่ตรงหน้าของเขาในตอนนี้ก็คือวอร์เด็นที่เขาค่อนข้างชอบ แน่นอน ดูเหมือนว่าวอร์เด็นจะมีปัญหาของตัวเองและตะคอกใส่บางเวลา แต่มีใครบ้างจะไม่เป็นแบบนั้น?
ด้วยความที่ไม่อยากทำลายบรรยากาศดีๆระหว่างเขากับวอร์เด็น ควินน์ตัดสินใจว่าจะถามปีเตอร์ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อพวกเขาสองคนอยู่กันตามลำพัง นอกจากนี้หากเขาถามวอร์เด็น มีโอกาสที่จะได้รับรู้เหตุการณ์อยู่ข้างเดียว
เมื่อปีเตอร์ตื่นขึ้นมาอีกคน วอร์เด็นก็ทักทายเขาเช่นกัน แต่ปีเตอร์ก็ตอบเพียงนิดๆหน่อยๆกลับมา ตอนนี้แม้แต่ควินน์ ปีเตอร์ก็ยังทำตัวแปลกๆด้วย
“ทุกอย่างโอเคนะปีเตอร์?” ควินน์ถาม
“หือ ใช่ ฉันสบายดี” ปีเตอร์ตอบขณะที่เขาเปลี่ยนเป็นชุดใหม่โดยเว้นระยะห่างออกไปเล็กน้อย
ทั้งสามคนมุ่งหน้าลงไปยังโรงอาหารและเมื่อพวกเขากำลังเดินผ่านโถงทางเดิน ควินน์เห็นใครสักคนที่เขาไม่ต้องการเจอเป็นรายแรกในตอนเช้า เขาคือลูป
แต่ในขณะที่ทั้งสองคนสบตากัน ลูปเริ่มเหงื่อออกทันทีและมือของเขาสั่นจนไม่สามารถควบคุมได้ ในตอนที่ทั้งคู่กำลังจะเดินผ่านกัน ลูปก็หยุดเดินและเรียกควินน์เอาไว้
“เฮ้ จะได้หรือเปล่าถ้าฉันจะขอคุยกับนายเป็นการส่วนตัว” ลูปถาม
ควินน์มองไปรอบๆทันที เพื่อดูว่าเพื่อนของลูปอยู่ในบริเวณใกล้ๆนี้หรือเปล่า หากลูปเรียกเขาไปคุยเช่นนี้ อาจเป็นเพราะรู้ว่าควินน์คือคนที่ทำการโจมตีตัวเองกับเฟยแล้ว
ควินน์คาดการณ์เอาไว้ ว่าพวกเขาอาจจะมาเป็นกลุ่มกันเพื่อเอาคืน แต่เขาไม่ได้คิดว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกะทันหันเช่นนี้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองไปทั่วแล้ว กลับไม่มีแบรนดอนหรือแม้แต้เฟยอยู่ใกล้ๆเลย
“ทุกอย่างยังดีอยู่ไหม?” วอร์เด็นพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวโดยไม่สบตากับลูป
“ใช่ ไม่เป็นไรหรอก พวกนายสองคนนำไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไป”
เมื่อวอร์เด็นและปีเตอร์เดินห่างออกไป วอร์เด็นอดไม่ได้ ที่จะหันกลับไปมองตรงที่ๆควินน์อยู่
ควินน์และลูปเดินเข้าไปในห้องเรียนใกล้ๆโถงทางเดินที่มุ่งตรงไปสู่โรงอาหาร มันเป็นเวลาของมื้อเช้า ดังนั้นคาบเรียนจะยังไม่เริ่มและห้องเรียนก็ว่างเปล่าไร้ผู้คน แน่นอน ควินน์มั่นใจว่าจะอยู่ใกล้ประตูในกรณีที่ลูปเริ่มโจมตีเขาก่อน ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถวิ่งออกไปยังโถงทางเดินซึ่งมีนักเรียนคนอื่นๆเดินประปรายอยู่ได้
ลูปยืนอยู่ตรงหน้าด้วยความกระวนกระวายใจ และดูเหมือนว่าเขาจะพยายามเอ่ยคำพูดออกไป จนในที่สุดเขาก็ยอมปริปาก
“ฉันขอโทษเกี่ยวกับเรื่องเมื่อวาน” ลูปพูดก่อนโค้งคำนับให้ “ฉันรู้ว่าพวกเราทำร้ายนายในการฝึกซ้อมต่อสู้ แล้วนายอาจจะกลับมาแก้แค้นเรา แต่ได้โปรด ยกโทษให้ฉันด้วยเถอะ”
ควินน์พูดไม่ออก นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงและเขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“ฉันสัญญา ว่าฉันจะไม่บอกใครเกี่ยวกับความลับของนายไม่ว่านายจะทำอะไร แค่ปล่อยฉันไป ฉันจะไม่มายุ่งวุ่นวายกับนายอีก จะไม่มีใครรู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น”
แม้ว่าควินน์จะมีความสงสัยว่านี่ใช่การกระทำทั้งหมดของเขางั้นเหรอ แต่ดูเหมือนสิ่งที่ลูปพูดเป็นความจริงไม่ก็คงเป็นนักแสดงที่ดีเลิศที่สุดในโลก ทว่าสิ่งที่ควินน์ไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้นลูปถึงได้ทำตัวแปลกไป
“ขอบใจที่ช่วยเก็บความลับของฉัน นอกจากนี้ ฉันก็ไม่ได้มีความแค้นกับนาย แม้ว่าเพื่อนของนายจะทำเรื่องแบบนั้นกับฉัน แต่นายเปล่าทำ นายก็แค่พยายามจะช่วยเพื่อน”
“ขอบคุณมาก ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน” ลูปพูด “ฉันสัญญาถ้านายต้องการอะไร ฉันจะช่วยนายทุกอย่าง ฉันไม่อยากให้เรื่องที่เกิดขึ้นกับแบรนดอน มันเกิดขึ้นกับฉัน”
“แบรนดอน?” ควินน์พูดด้วยความไม่เข้าใจ “เกิดอะไรขึ้นกับแบรนดอน?”