My Vampire System - ตอนที่ 82
นักเรียนทั้งหมดได้รับแจ้งว่าการสำรวจนอกประตูมิติที่กำหนดให้มีในวันนี้นั้นถูกยกเลิกไป แม้พวกเขาจะไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่พวกเขาก็พอเดาได้ว่ามันอาจจะมีบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับนักเรียนสองคนที่ไม่ได้มาร่วมคาบเรียนในวันนี้
แทบเป็นไปไม่ได้ที่เหล่านักเรียนจะมาไม่มาเรียนโดยไม่มีเหตุผล เมืองนี้คือทั้งชีวิตของพวกเขา โรงเรียนเตรียมทหารนี้ก็เป็นทั้งชีวิตของพวกเขาเช่นกัน ในช่วงเวลาสองปีนี้ สิ่งที่คุณได้ทำคือตัวกำหนดอนาคตทั้งหมดของคุณ
เรย์ร่าวางแผนที่จะเผชิญหน้ากับปีเตอร์ในสถานการณ์แบบนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขาทำตัวแปลกไป แต่ก่อนที่เธอจะถึงตัวเขา เขาก็วิ่งหนีเสียแล้ว
“เร็วเข้า เอริน ไปหาสิ่งที่เขาซ่อนไว้กันเถอะ” เรย์ร่าพูด แต่เมื่อเธอเดินนำไปไม่กี่ก้าว เธอก็ได้สังเกตเห็นว่าเอรินไม่ได้ตามเธอมา
“เอริน?”
“ฉันไม่จำเป็นต้องเข้าไปยุ่งเรื่องของเธอ ฉันไม่สนใจจริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับสองคนนั้น ฉันแทบไม่รู้จักพวกเขามาก่อนเลย ก่อนที่จะร่วมทีมกันด้วยซ้ำ” เอรินตอบ
“คิดดูให้ดีๆนะ เธออยากจะสร้างทีมที่แข็งแกร่งที่สุดในชั้นเรียนใช่ไหม? เห็นได้ชัดว่าเธอและวอร์เด็นแข็งแกร่งที่สุดในห้องเราและถ้าเธออยากจะเหนือกว่าคนอื่นๆในห้องเรียนอื่น เธอก็ต้องร่วมมือกับฉันสิ ทีมของเราลงทะเบียนไปแล้วนะ ซึ่งฉันไม่รู้เหมือนกันว่าจะหาใครมาแทนได้หรือเปล่า เพราะงั้น ทีมเราอาจจะไม่ได้รับอนุญาตให้ไปสำรวจนอกประตูมิติก็ได้”
หลังจากได้ยินคำพูดของเรย์ร่า ดวงตาของเอรินก็เบิกกว้างทันที
“แล้วจะมามัวพูดอะไรอยู่ ไปตามหาหนอนบ่อนไส้กันเถอะ”
ทั้งสองคนร่วมมือกันพร้อมกับเริ่มตามหารอบๆโรงเรียนเพื่อเช็คดูว่ามีร่อยรอยของปีเตอร์หรือไม่ แต่ทั้งคู่ก็ไม่พบเขา เด็กสาวทั้งสองคนไปเคาะประตูหอของเขาสักพัก ทว่าก็ไม่มีเสียงตอบรับเช่นกัน เพราะประตูห้องหอรวมในแต่ละห้องจะต้องสแกนเซนเซอร์ลายนิ้วมือตรงที่จับประตูถึงจะเข้าไปได้
แม้ว่าปีเตอร์จะอยู่ในห้องของตัวเอง ทั้งสองคนก็เข้าไปไม่ได้อยู่ดี และถึงแม้จะรอข้างนอกได้ แต่ยิ่งรอนานเท่าไหร่เรย์ร่าก็ยิ่งเป็นห่วงควินน์มากกว่าเดิม
ถ้าเขาไม่มีเลือดคอยสำรองไว้ เธอรู้ดีเลยว่าควินน์สามารถทำอะไรได้บ้าง
ในขณะที่เรย์ร่ากับเอรินตามหาปีเตอร์ต่อไป ทั้งสองคนก็ยังไม่พบ แต่สามารถไปเจอกลุ่มคนที่อาจจะรู้ได้ว่าเขาอยู่ที่ไหน นั่นคือเอิร์ลและเด็กผู้ชายคนอื่นรวมเขาเป็นห้าคน ซึ่งเป็นลิ่วล้อเขาเขา
‘ฉันเคยเห็นพวกเขาไปไหนด้วยกันสักพักในช่วงมื้อเช้าไม่ใช่เหรอ?’
กลุ่มนี้ มักจะขลุกอยู่ในศูนย์ฝึกซ้อมสักแห่งหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานที่ๆมีอุปกรณ์ทดสอบสำหรับนักเรียนใหม่และยังเป็นพื้นที่ๆนักเรียนสามารถฝึกฝนกับอุปกรณ์ต่างๆได้ทั้งหมด
หากพวกเขาเลเวลอัพและได้รับสกิลใหม่ๆ พวกเขาจะสามารถทดสอบตัวเองบนเครื่องวัดความสามารถต่างๆได้ โดยทำการบันทึกสถิติและแจ้งให้เจ้าหน้าที่ทหารทราบเพื่ออัพเกรดค่าสถานะบนนาฬิกาข้อมือ
ถ้าเรย์ร่าอยู่คนเดียว เธอคงไม่มีทางเข้าหากลุ่มของเอิร์ลได้แน่ๆ แต่ตอนนี้เธอมีเอรินอยู่ข้างๆเธอ
“เฮ้ พวกนาย” เรย์ร่าทักทายด้วยรอยยิ้มในขณะที่เธอเดินเข้าไปใกล้กลุ่มของเด็กผู้ชาย
ก่อนเอ่ยตอบ เอิร์ลเหลือบไปเห็นนาฬิกาข้อมือของเธอและเห็นว่าเรย์ร่ามีระดับพลังแค่เลเวล 2 เท่านั้น
“เธอต้องการอะไร?” เอิรล์ตอบ
คิ้วของเรย์ร่าเริ่มกระตุกเมื่อได้เห็นท่าทีและน้ำเสียงดูที่รำคาญของเอิรล์ แต่เธอเคยชินกับเรื่องแบบนี้แล้ว เธอได้รับการปฏิบัติแย่ๆในโรงเรียนเดิมมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
“เราไม่ได้มาที่นี่เพราะอยากมีปัญหาด้วยหรอกนะ แค่สงสัยว่านายรู้หรือเปล่าว่าปีเตอร์อยู่ที่ไหน?” เธอพูดด้วยรอยยิ้มที่ดูจอมปลอม
ทั้งกลุ่มมองหน้ากันและเริ่มหัวเราะออกมา
‘ดูเหมือนจะไม่ใช่เพื่อนแท้ของเขาจริงๆ ฉันสัมผัสได้เลยว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น’ เรย์ร่าคิด
“ปีเตอร์งั้นเหรอ?” เอิรล์พูด “ฉันไม่แปลกใจเลยที่ตอนนี้เจ้าเด็กนั่นจะพยายามวิ่งหนีออกจากเมือง”
“เห็นด้วยเลยเอิร์ล ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ ถ้าฉันทำแบบนั้นนะ ฉันรู้เลยว่าฉันคงเอาตัวเองไม่รอดแน่ๆ” ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้างหลังเอิร์ลสมทบขึ้นมา
เอิร์ลจึงหันหน้าไปทางเขาทันทีและมองจิกไปด้วยสายตาที่เหยียดหยาม
“โทษที เอิร์ล..”
“ยังไงก็ตาม เธอสองคนไสหัวไปได้เลย พวกเราจะไม่ยอมบอกอะไรสักคำเดียว ถ้าอยากตามหาปีเตอร์ก็ไปตามหาเอาเองเถอะ”
แม้ว่าเรย์ร่าจะรู้สึกขุ่นเคืองใจ แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้ เธอต้องการยืนหยัดและเอาข้อมูลมาจากพวกเขา แต่เอิร์ลคือผู้มีระดับพลังถึงเลเวลสี่ ในขณะที่เหลือก็เป็นผู้ใช้พลังเลเวลไล่เรี่ยกันกับตัวเธอ
เธอไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันหลังกลับเพื่อไปตามหาปีเตอร์ และเมื่อเธอเดินออกไปทั้งกลุ่มของเอิร์ลก็หัวเราะเสียงดังลั่น แต่ทันทีที่เธอเดินผ่านเอริน เธอก็เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสาวของเธอไม่ได้เดินตามมาด้วย
“เธอกำลังจะไปไหน?” เอรินถาม
“ไปหาปีเตอร์น่ะสิ เจ้าพวกนั้นมันไม่ยอมบอกเรา”
“ฉันไม่เห็นถึงเหตุผลที่จะไปตามหาปีเตอร์ด้วยตัวเองอีก” เอรินตอบ
“เธอหมายความว่ายังไง”
“ก็นะ เห็นได้ชัดว่าบทสนทนาของคนแบบนั้น พวกเขารู้ตั้งแต่แรกว่าปีเตอร์ลงมือทำอะไร หรือก็อาจจะรู้ว่าวอร์เด็นกับควินน์อยู่ที่ไหน” เอรินเริ่มเดินเข้าไปพวกเขาทั้งห้าคน “ฉันไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้อีกแล้ว”
ไอหมอกและน้ำค้างแข็งเริ่มก่อตัวขึ้นเหนือฝ่ามือของเธอ ทันใดนั้น หอกน้ำแข็งที่มีรูปร่างสมบูรณ์ก็ได้ปรากฏ ก่อนที่นักเรียนพวกนั้นจะได้ทันโต้ตอบ เธอก็ขว้างหอกน้ำแข็งของเธอแทงเข้าที่ไหล่ของเอิรล์ทันที ส่งผลให้อีกฝ่ายถูกแรงปะทะจนตรึงไปกับเครื่องวัดพละกำลังของเหล่านักเรียนเครื่องหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกลอง
เมื่อร่างของเอิร์ลกระแทกเข้ากับกลอง ตัวเลขบนหน้าจอแสดงผลก็เริ่มสูงขึ้นเรื่อยๆจนหยุดที่หมายเลขยี่สิบ ทั้งกลุ่มที่ได้เห็นรู้ดีว่าเธอแข็งแกร่งเพียงใด แต่เครื่องวัดพละกำลังได้พิสูจน์ความกลัวของพวกเขาให้มากขึ้นไปอีก
ลิ่วล้อของเอิรล์ทั้งหมด ไม่มีความตั้งใจที่จะตอบโต้กลับไปหลังจากที่เห็นพลังของเอริน พวกเขารู้ซึ้งแล้ว ว่าพวกเขาเป็นเบี้ยล่างเธอมากแค่ไหน
อย่างไรก็ตาม เด็กสาวไม่สนอะไรทั้งสิ้น เธอค่อยๆทาบมือทั้งสองข้างลงบนพื้นและสร้างธารน้ำแข็งเป็นเส้นทางเชื่อมไปถึงขาของลิ่วล้อเอิร์ลทั้งหมดเพื่อทำการแช่แข็งพวกเขาเอาไว้ ไม่ให้ขยับไปไหนได้สักคนเดียว
“เอาล่ะ พวกนายคนไหนจะบอกในสิ่งที่ฉันอยากรู้ได้บ้าง” เอรินกล่าว