My Vampire System - ตอนที่ 89
วอร์เด็นและควินน์ยืนอยู่ตรงข้ามกัน ณ ใจกลางของสนามประลอง ในระยะที่ไม่ไกลกันมากจนได้ยินเสียงของทั้งคู่ได้โดยไม่ต้องร้องตะโกน
“เอาล่ะ สิ่งที่ฉันกำลังจะบอกนาย โรงเรียนก็อาจจะสอนเรื่องนี้เหมือนกันในภายหลัง แต่ฉันจะบอกนายตอนนี้เลย เพราะนายจะต้องเปิดใช้งานตำราแห่งทักษะเล่มนั้น”
วอร์เด็นจึงเริ่มใช้ทักษะในการดึงดูดโลหะที่เขาได้รับมาจากเอียน ดึงดูดชิ้นส่วนโลหะชิ้นเล็กๆ ให้ลอยเคว้งอยู่ในมือของเขา
“พวกเราทุกคนรู้อยู่แล้วว่าระดับพลังทั้งหมดมี 8 เลเวล ซึ่งเลเวลทั้งหมดจะถูกกำหนดด้วยเซลล์กลายพันธุ์ที่ถูกกระตุ้นในร่างกาย โดยไม่ได้กำหนดจากความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว ลองยกตัวอย่างผู้ใช้พลังธาตุดินที่มีจำนวนเซลล์กลายพันธุ์ในร่างกายน้อย เขาก็จะทำได้เพียงเปลี่ยนรูปร่างดินที่ถืออยู่ในมือเท่านั้น ในขณะที่ผู้ใช้ทักษะธาตุดินเลเวล 5 สามารถควบคุมดินขึ้นจากพื้นได้โดยไม่ต้องสัมผัสเลย โดยตำราแห่งทักษะเหล่านี้ จะมีข้อมูลเกี่ยวกับวิธีการกระตุ้นเซลล์กลายพันธุ์เพิ่มเติมให้ สำหรับทักษะประเภทเดียวกันกับนายโดยเฉพาะ”
“แต่ถ้าระดับพลังไม่ได้เป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่ง แล้วทำไมต้องทำการทดสอบเราในตอนที่เข้ามาเรียนแรกๆด้วยล่ะ?” ควินน์ถาม
“เป็นคำถามที่ดี” วอร์เด็นตอบ “การทดสอบของกองทัพน่ะ แค่จัดให้นายเข้าไปอยู่ในหมวดย่อย เช่น พวกเลเวล 1.1 , 1.2 เท่านั้นแหละ บางครั้งเรื่องแบบนี้มันก็กำหนดได้จากพลังที่นายมี”
ต่อมา วอร์เด็นก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นและโชว์ให้ควินน์ได้เห็น ซึ่งปัจจุบันหมายเลขได้ระบุว่าเขาคือ เลเวล 6 ควินน์จึงออกอาการสับสนขึ้นมาทันที เพราะเขามั่นใจว่าเขาเห็นหมายเลข 5 อยู่ก่อนหน้านั้น
“นาฬิกาพวกนี้คือคำตอบ เพราะนาฬิกาที่ทางกองทัพใส่ให้เรา สามารถบ่งบอกจำนวนเซลล์กลายพันธุ์ในร่างกายของเราได้ ซึ่งก่อนที่จะทำการทดสอบ พวกเขารู้อยู่แล้วว่าเราอยู่ในเลเวลไหน พวกเขาแค่ตั้งนาฬิกาให้อยู่ในโหมดปิดใช้งานไว้ ในตอนที่พวกเรามาถึงโรงเรียนในครั้งนั้น และเมื่อฉันทำการใช้พลังของตัวเอง ฉันยังสามารถก๊อปปี้เซลล์กลายพันธุ์ของพวกเขาได้ทั้งหมด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่นาฬิกาแสดงหมายเลข 6 อยู่ตอนนี้”
ดูเหมือนว่าควินน์จะได้รับความรู้มากมาย มันพิสูจน์แล้วว่าข้อมูลที่เปิดเผยกับ ผู้ใช้ทักษะโดยกำเนิด กับคนอื่นๆที่เหลือนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นอกจากนี้ยังยืนยันได้มากยิ่งขึ้น ว่าควินน์เป็นแวมไพร์ไม่ใช่ว่าเขามีทักษะพิเศษอะไร ตัวเลขบนนาฬิกาข้อมือของเขาไม่เคยเปลี่ยนไป หรือความเป็นจริง อาจเป็นเพราะเขาไม่ใช่มนุษย์อีกแล้ว
“ลองคิดดูสิ ไม่ใช่ทุกการทดสอบจะสามารถระบุความแข็งแกร่งของคนๆนั้นได้ ทักษะบางอย่างก็สามารถบอกได้ว่ามีใครพูดความจริงอยู่หรือเปล่า? หรือไม่ก็มีทักษะในการได้ยินขั้นสูง บางประเภทก็ช่วยให้มองเห็นอนาคตได้ ถึงแม้ว่าพลังเหล่านี้จะไม่ใช่พลังในการต่อสู้ที่แข็งแกร่ง แต่พวกเขาก็ต้องมีเซลล์กลายพันธุ์จำนวนมากที่กระตุ้นมันได้ตั้งแต่ต้น ซึ่งตอนนี้ฉันกำลังเข้าประเด็นถึงตำราแห่งทักษะของนายเล่มนั้น” วอร์เด็นพูดขณะที่ชี้ไปที่มัน
“ไม่ใช่ทุกคนจะสามารถกระตุ้นเซลล์กลายพันธุ์จำนวนมากได้ ตำราแห่งทักษะบางเล่มนั้นมีระดับสูงกว่าที่พวกเขาจะเรียนรู้มัน ซึ่งไม่ว่าพวกเขาจะพยายามสักกี่ครั้งก็มักจะพบแต่ความล้มเหลว พูดง่ายๆ โชคชะตาของพวกเขาถูกกำหนดมาตั้งแต่แรกเกิดแล้ว อาจจะต้องใช้เวลาสักพักถึงจะบอกได้ว่านายมีคุณสมบัติในการเรียนรู้มันหรือเปล่า”
อาจจะฟังดูรุนแรงแต่สิ่งที่วอร์เด็นพูดคือความจริง เขาเคยได้ยินตัวอย่างของ CEO คนหนึ่งผู้ร่ำรวยและซื้อตำราแห่งทักษะระดับสูงสำหรับคนเยาว์วัย แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อตัวเขาไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ในการเรียนรู้มัน
“เอาล่ะ เราไปสู่ปัญหาข้อที่สองกัน แม้ว่านายจะมีตำราแห่งทักษะแล้วก็เถอะ แล้วตำราสกิลล่ะ? หากไม่มีตำราสกิลอะไรเลย นายจะสามารถปลดล็อคพลังของมันได้เพียงแค่หนึ่งส่วนสิบเท่านั้น แต่อย่าปล่อยให้เรื่องแบบนั้นทำให้นายหมดหวังล่ะ ตำราแห่งทักษะและตำราสกิลเป็นเพียงทางลัดในการเรียนรู้พลังในช่วงแรก เมื่อผู้มีทักษะโดยกำเนิดค้นพบพลังของพวกเขา ไม่มีตำราเหล่านั้น พวกเขาก็เรียนรู้และค้นพบความสามารถของมันได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว”
ควินน์นึกถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่วอร์เด็นพูด เขายังคงอธิบายต่อไปว่าหนังสือแต่ละเล่มจะอธิบายเทคนิคที่สามารถใช้ได้สำหรับเซลล์กลายพันธุ์ประเภทนั้นๆ ยิ่งตำราสกิลสูงมากเท่าไหร่ ข้อมูลของมันก็จะเปิดเผยถึงวิธีการใช้งานมากขึ้น ซึ่งทักษะพิเศษบางประเภทก็ไม่ได้มีระดับต่ำ จึงต้องการผู้ใช้พลังที่มีเซลล์กลายพันธุ์จำนวนมากในร่างกาย
มีข้อมูลอีกเล็กน้อยที่วอร์เด็นเปิดเผย แต่ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกจนเกินไป นั่นคือความจริงที่ว่า อาวุธวิญญาณของคนบางคน ก็เกี่ยวข้องกับเซลล์กลายพันธุ์ในร่างกายเช่นกัน มันเป็นตัวกำหนดว่าอาวุธวิญญาณของคนๆนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด
ตัวอย่างที่วอร์เด็นยกขึ้นมาก็คือ โมโม่ แม้ทักษะพิเศษของโมโม่จะไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ในการต่อสู้ แต่อาวุธวิญญานของเขากลับทรงพลังอย่างน่าอัศจรรย์ใจในฐานะผู้ใช้พลังเลเวล 6
วอร์เด็นอธิบายต่อว่า การเรียนรู้ตำราแห่งทักษะระดับ 6 ต้องใช้เวลาศึกษามันหลายต่อหลายเดือนราวกับค้างคาว แต่ในตอนนี้พวกเขาสามารถเริ่มต้นได้เลย
ทว่าควินน์กลับคิดต่างออกไป มีอย่างหนึ่งที่วอร์เด็นไม่รู้ ว่าความสามารถด้านแวมไพร์ของเขา ทำงานคล้ายๆกับระบบเกม
เขาแตะหนังสืออีกรอบและข้อความจากระบบก็ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
[ คุณอยากจะเรียนรู้ทักษะแห่งเงา เลเวล 6 ใช่ไหมครับ? ]
โดยหลังจากนี้จะไม่มีการย้อนกลับไปอีกแล้ว
[ ใช่ ]
จากนั้น หนังสือเล่มนี้ก็ลอยขึ้นไปในอากาศและหน้าหนังสือก็เริ่มพลิกไปเรื่อยๆต่อหน้าต่อตาของเขา ทันใดนั้นความรู้สึกที่คุ้นเคยสุดๆก็ย้อนกลับมา โดยวอร์เด็นที่ยืนอยู่ตรงข้าม ได้ก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวเพราะเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
จนในที่สุดหน้าหนังสือทั้งหมดก็พลิกจนเสร็จสิ้น แล้วมันก็เริ่มเลือนลาง พร้อมกับจางหายไปในอากาศ
วอร์เด็นจึงรีบวิ่งไปหาควินน์ทันที และแตะหน้าเขาเบาๆด้วยมือตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น นายไหวหรือเปล่าเนี่ย?” วอร์เด็นถาม
“ไหว ฉันสบายดี”
ขณะที่ความเจ็บปวดในหัวของควินน์ค่อยๆหายไป เขาก็เงยหน้าขึ้นมองวอร์เด็น โดยเบื้องหน้าที่เขาได้เห็น กำลังถูกต้อนรับด้วยข้อความมากมายจากระบบ
[ ขอแสดงความยินดีครับ คุณได้เรียนรู้ทักษะพิเศษ พื้นฐานแห่งเงา เลเวล 6 ]
[ คุณได้ปลดล็อคแถบสกิลของทักษะเงามืด ]
[ คุณได้ปลดล็อคค่าสถานะของเซลล์กลายพันธุ์ ]
[ คุณได้รับแต้มสกิล 10 แต้ม ]
[ เปิดใช้งานช่องเก็บของใหม่ มิติแห่งเงา ]
[ ได้รับสกิลใหม่ : (Shadow control) ควบคุมเงา เลเวล 1 ]