Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 161 กรงเล็บมังกร
ในสายของนักรบนั้น ถูกแบ่งย่อยออกเป็น 3 คลาส ประกอบด้วย นักรบเถื่อน นักรบโล่ และนักดาบ ท่ามกลางทั้ง 3 สายนี้ นักรบเถื่อนเป็นคลาสที่ถูกผู้เล่นเลือกเล่นมากที่สุด ถือเป็นคลาสยอดนิยมสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการโจมตีระยะใกล้เลยก็ว่าได้
อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีผู้เล่นอีกไม่น้อยที่เลือกเล่นนักรบโล่ หากแต่ผู้เล่นคลาสนี้ส่วนใหญ่จะอยู่กันกับปาร์ตี้เสียมากกว่า เพราะพวกเขามีพลังโจมตีที่ต่ำ จึงยากต่อการอัพเลเวล แถมนักรบโล่ที่แข็งแกร่งยังจำเป็นต้องมีอุปกรณ์ที่ดีอีกด้วย ดังนั้นนักรบโล่จึงมักพบมากในสมาชิกกิลด์ใหญ่ ๆ หรือกองกำลังที่แข็งแกร่ง ๆ แทนที่จะเจอผู้เล่นโซโล่ทั่วไป
ส่วนนักรบทั่ว ๆ ไปที่ไม่ใช่ทั้งนักรบเถื่อนและนักรบโล่นั้น พวกเขาไม่นิยมนำแต้มที่ได้มากระจายไปเพิ่มค่าสถานะแต่ละค่าให้บาลานซ์กันนัก แต่จะหนักไปทางเพิ่มความรุนแรงในการโจมตีกันเสียมากกว่า นอกจากนี้ นักรบพวกนี้ไม่เพียงสวมอุปกรณ์ป้องกันเท่านั้น แต่พวกเขายังเลือกที่จะสวมอุปกรณ์ทุกอย่างที่สามารถสวมได้เลยด้วย ด้วยเหตุนี้รูปลักษณ์ของพวกเขาและนักรบเถื่อนจึงไม่ต่างกันซักเท่าไหร่ หากจะบอกว่า นักรบธรรมดาคือนักรบเถื่อนที่เปลี่ยนจากดาบสองมือเป็นดาบมือหนึ่งโล่มือหนึ่ง มันก็คงจะไม่เกินไปนัก
และท้ายที่สุด ‘นักดาบ’ คลาสที่อยู่ตรงข้ามกับนักรบเถื่อนกันแบบสุดขั้วเพราะมีผู้เล่นน้อยที่สุด
นักดาบเป็นคลาสพิเศษที่จะสามารถพบได้ในเขตฮัวเซียเท่านั้น มีเพียงผู้เล่นในเขตฮัวเซียเพียงเขตเดียวที่จะสามารถเลือกคลาสนักดาบได้ เหมือนกับคลาสนินจาที่จะปรากฏอยู่ในเขตตงหยิงเพียงเขตเดียว ผู้ที่จะเป็นคลาสนินจาได้ก็ต้องเป็นผู้เล่นเขตตงหยิงเช่นเดียวกัน
อย่างที่ได้กล่าวไว้ ว่านักดาบถึงแม้จะเป็นคลาสพิเศษเฉพาะเขต แต่จำนวนผู้เล่นก็มีน้อยมาก เหตุผลก็คือ การเพิ่มค่าสถานะที่ค่อนข้างซับซ้อนกับการฝึกฝนที่ยุ่งยากนั่นเอง
ค่าสถานะที่คลาสนักดาบต้องมุ่งเน้นให้สูงก็คือ ความเร็ว พวกเขาจะเพิ่มค่าพลังโจมตีกันเพียงนิดหน่อยเท่านั้นเหมือนมือสังหารกับนักธนู เพราะฉะนั้นผู้เล่นส่วนใหญ่จึงมองว่าการเป็นนักดาบนั้นมันยากกว่าคลาสอื่นในสายนักรบเป็นไหน ๆ
จากหลักในการอัพค่าสถานะเบื้องต้น ทำให้เห็นว่านักดาบนั้นไม่ใช่คลาสที่มีพลังโจมตีสูงนัก ถึงพวกเขาจะสามารถโจมตีได้อย่างรวดเร็ว แต่มันก็ไม่ได้รุนแรงเมื่อเทียบเท่ากับคลาสอื่น และในฐานะที่เป็นคลาสที่โจมตีระยะประชิด พวกเขาไม่มีแม้กระทั่งสกิลย่องเบาแบบมือสังหารแถมยังไม่สามารถใช้อาวุธที่โจมตีระยะไกลแบบนักธนูได้อีก สิ่งที่เชิดหน้าชูตาที่สุดในคลาสนักดาบนั้นคือ ทักษะการป้องกันที่สูงมาก ๆ และแน่นอน ผู้เล่นใหม่ย่อมไม่สามารถใช้มันได้อย่างเต็มที่ พวกเขาแทบจะไม่มีสมาธิหรือโอกาสที่จะมากระจายกำลังของตนเพื่อตั้งรับศัตรูเลย ด้วย และเพราะแบบนี้ บอสจึงสามารถฆ่าพวกเขาได้ด้วยการโจมตีเพียงครั้งเดียว
ต่อให้นักดาบจะเพิ่มค่าสถานะแบบที่มือสังหารและนักธนูเพิ่มก็ตาม ความสามารถในการเอาตัวรอดของนักดาบก็ยังต่ำกว่ามือสังหารอยู่ดี แถมพลังโจมตีก็ด้อยกว่านักธนูอีกด้วย ผู้เล่นที่อยากจะเล่นสายเคลื่อนไหวเร็ว ๆ โจมตีรัว ๆ ต่างก็พากันหนีไปเล่นมือสังหารหรือไม่ก็นักธนูกันหมด
ตามจริงแล้ว นักดาบก็มีดีที่ทักษะการป้องกันที่สูงเป็นพิเศษเท่านั้นจริง ๆ นอกจากนักรบโล่แล้ว มีเพียงนักดาบเท่านั้นที่สามารถเรียนรู้สกิลนี้ได้ สกิลป้องกันตนเองนี้ เมื่ออัพจนถึงเลเวล 15 แล้วมันจะสามารถป้องกันความเสียหายได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นความเสียหายจากการโจมตีระยะไกล เช่น ลูกศร รวมไปถึงการโจมตีด้วยเวทมนตร์และการโจมตีรูปแบบอื่นที่จะสรรหามาได้
ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสกิลที่ทรงพลังมากแค่ไหน แต่มันก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผู้เล่นอีกนับไม่ถ้วนที่อยากจะเลือกคลาสนักดาบต้องเปลี่ยนความคิด นั่นก็เพราะสกิลนี้มันใช้ยากเกินไป
ไม่ว่าสกิลป้องกันของนักดาบจะสามารถรับความเสียหายได้เหมือนสกิลของนักรบโล่ขนาดไหน มันก็ยังมีข้อแตกต่างกันในระดับมากอยู่ นักรบโล่สามารถยกโล่ขึ้นมาป้องกันความเสียหายได้อย่างง่ายดาย ในขณะที่นักดาบมีเพียงดาบในมือข้างหนึ่งเท่านั้น มันเป็นเรื่องยากหากจะใช้ป้องกันศรจำนวนมหาศาลที่พุ่งเข้ามา แค่คิดก็ทำให้ผู้เล่นหลายคนพากันหวาดกลัวหมดแล้ว ดังนั้นสาเหตุที่ผู้เล่นสายโจมตีระยะใกล้ส่วนใหญ่เลือกเล่นนักรบเถื่อนก็เพราะพวกเขาจะได้เพลิดเพลินไปกับการไล่ฟันมอนสเตอร์ได้โดยที่ไม่ต้องมาคิดมากอะไรเช่นนี้
สรุปแล้วนักดาบไม่ใช่คลาสที่อ่อนแอแต่อย่างใด มันแค่มีผู้เล่นที่สามารถเข้าถึงได้น้อยมาก ๆ ก็เท่านั้น
แต่นักดาบไม่ใช่คลาสที่ยากเกินไปสำหรับซางกวน อาโอเชินเลย เขาสามารถใช้ทักษะปัดป้องนี้ได้ก่อนตนเองเลเวล 15 เสียอีก ทุกครั้งที่เขาเข้าไปในดันเจี้ยนเมืองร้าง เขาก็สามารถใช้ทักษะนี้ป้องกันการโจมตีจากมอนสเตอร์ต่าง ๆ ได้ตลอด
และในขณะนี้ เด็กหนุ่มก็กำลังแสดงให้เห็นว่าเขาขัดเกลาฝีมือมามากขนาดไหน ตามปกตินักดาบจะใช้เพียงดาบมือเดียวเพื่อให้เกิดความคล่องตัวมากที่สุด แต่เขาในตอนนี้กำลังใช้ดาบทั้ง 2 มือสลับกันใช้ทักษะการป้องกันการโจมตีอันเป็นจุดเด่น เพื่อต่อกรกับผู้พิทักษ์ตัวที่หลบซ่อนซึ่งทวีความรุนแรงและรวดเร็วในการโจมตีมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วย
การโจมตีที่เกรี้ยวกราดของบอสตนนี้ ทำให้ซางกวน อาโอเชินต้องกัดฟันทุกครั้งเมื่อรับแรงปะทะ แต่นี่ก็ถือเป็นเครื่องยืนยันอีกอย่างหนึ่งได้…เพราะตลอดเวลาที่ทั้งสองสู้กัน ผู้พิทักษ์นักธนูไม่ได้ขยับไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว มันชัดเจนแล้วว่าบอสทั้งสองตนนี้ใช้ระยะระวังภัยคนละส่วนกัน ตอนนี้มีเพียงผู้พิทักษ์ตัวนี้เท่านั้นที่รับรู้ถึงภัยที่เข้ามาทางตน
ดีมาก! อดทนไว้แล้วลากมันออกไปทางอื่น!
เซียวเฟิงตื่นเต้นขึ้นมาจริง ๆ เขาเดินถอยให้ห่างจากซางกวน อาโอเชินเพื่อให้อยู่คนละทิศกัน เมื่อได้ตำแหน่งที่ดีแล้วชายหนุ่มก็เริ่มร่ายโฮลี่ไลท์ใส่ผู้พิทักษ์นักธนูแล้ววิ่งแยกออกไปให้ไกลขึ้นทันที
เขาไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนนั้นจะสามารถวิ่งไปได้อีกนานขนาดไหน เพราะงั้นเขาจึงเป็นฝ่ายช่วยพาบอสตนนี้ออกห่างจากบอสผู้พิทักษ์อีกตัวไปด้วยอีกแรง
เพราะกลไกของเกมถูกเขียนให้ทั้งสองมี ‘จุดร่วมระยะตรวจจับ’ ร่วมกัน วิธีเดียวที่จะแยกบอสทั้งสองตัวออกจากกันได้ก็คือ การที่มันถูกจับแยกไปคนละทางในเวลาเดียวกันเท่านั้น
ถ้าหากมีผู้เล่นเพียงคนเดียวในห้องนี้และทำเหมือนที่ซางกวน อาโอเชินทำ ผู้พิทักษ์ที่เป็นนักธนูก็คงเริ่มขยับและเล็งเป้าหมายไปยังผู้เล่นที่ล่อหลอกผู้พิทักษ์ซึ่งถนัดซ่อนเร้นด้วย หลังจากที่ผู้พิทักษ์ซ่อนเร้นขยับออกจากตำแหน่งไปซักระยะหนึ่ง
หากต้องการจะกำจัดผู้พิทักษ์ทั้งสองตนทีละตัว พวกเขาจำเป็นต้องล่อมันออกจากกัน ดังนั้นแล้วทันทีที่พวกมันถูกแยกออกจากกัน เซียวเฟิงจึงทำการโจมตีเพื่อไม่ให้ผู้พิทักษ์นักธนูตนนี้หันไปสนใจผู้พิทักษ์ซ่อนเร้นที่กำลังขยับออกไปไกลจากตน
-22,950!
ผู้พิทักษ์นักธนูนั้นสวมชุดเกราะเก่า ๆ อยู่ในขณะที่โดนโจมตีและมีตัวเลขค่าความเสียหายปรากฏขึ้นที่ด้านบนหัว ค่าพลังชีวิตของตัวมันนั้นลดฮวบไปเกือบ 1 ใน 8 ของพลังชีวิตทั้งหมด และนี่จึงเป็นตัวกระตุ้นให้มันล็อกเป้าหมายมาที่เซียวเฟิงพร้อมกับไล่ตามเขาทันที
ขณะเดียวกัน เสียงของศรที่ถูกยิงออกมาจากคันศรนับไม่ถ้วนก็ดังขึ้น เซียวเฟิงรู้ว่าเขาได้ไปยั่วโมโหบอสเข้าให้แล้ว แถมยังรู้อีกด้วยว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะจัดการกับบอสที่สามารถโจมตีระยะไกลได้
ชายหนุ่มไม่ได้หันกลับไปมอง ทันใดนั้นเจ้าตัวก็ก้มตัวและหลบลูกศรขนาดใหญ่ที่พุ่งมาทางด้านหลังทำให้ศรดอกนั้นพลาดและปักลงพื้นไป ก่อนที่เซียวเฟิงจะโล่งอกที่หลบได้ ลูกธนูที่ปักอยู่บนพื้นก็ระเบิดออกทำคลื่นความเสียหายกระจายออกไปโดยรอบ ซึ่งตัวชายหนุ่มเองก็ได้รับแรงกระแทกนั้นอย่างจัง ก่อนที่จะรู้ตัวไปด้วยเช่นกัน
-3,083!
ความเสียหายกว่า 3,000 หน่วยเข้าตัวเขาเต็ม ๆ ในพริบตาเดียว ไม่แปลกใจเลยที่เซียวเฟิงถูกฆ่าได้ในพริบตาเช่นนี้ แรงระเบิดนั้นซัดร่างที่เคยมีชีวิตของเซียวเฟิงให้กลายเป็นศพลงไปกองหมดสภาพอยู่บนพื้นอย่างง่ายดาย
[พลังชีวิตของคุณเหลือ 0 คุณตายแล้ว]
[กายาศักดิ์สิทธิ์ทำงาน! คุณถูกชุบชีวิต ดังนั้นคุณจะไม่ถูกนับว่าตายสำหรับการตายครั้งนี้ สกิลนี้สามารถใช้ได้ 1 ครั้งใน 1 วัน ดังนั้นเหลือคูลดาวน์อีก 24 ชั่วโมง]
สกิลกายาศักดิ์สิทธิ์ถูกใช้งานแล้ว! เซียวเฟิงกลับมามีชีวิตอีกครั้งในจุดที่เขาเพิ่งจะตายไป ชายหนุ่มจับไปตามใบหน้าตนเองด้วยความตกใจ
เมื่อกี้มันบ้าอะไรวะเนี่ย!? แกมันไม่ใช่นักธนูแต่เป็นพลแม่นปืนต่อต้านอากาศยานชัด ๆ!!
โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่ผู้พิทักษ์นักธนูตนนี้ไม่ได้มีอารมณ์มาต่อปากต่อคำกับเซียวเฟิง มันเริ่มทำการเล็งเป้าหมายที่เขาใหม่หลังจากที่ไล่ตามมาจนทันแล้ว
เวรเอ้ย!
เซียวเฟิงสละทิ้งความโกรธในทันที ชายหนุ่มมองไปยังรอบ ๆ ตัวเพื่อหาที่ซ่อน ทว่ามันกลับไม่มีที่เหล่านั้นอยู่เลย อีกทั้งศรแต่ละดอกที่พุ่งออกมาจากธนูนั้นก็ยังระเบิดหลังจากที่โดนสัมผัสจากอะไรก็ตามอีกด้วย ดังนั้นต่อให้หลบศรได้ การหลบแรงระเบิดต่อมันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ล้างคอรอดาบไว้ได้เลย! ฉันจะไปฆ่าแกเดี๋ยวนี้แหละ!
แววตาที่เกรี้ยวกราดของเซียวเฟิงจ้องมองไปยังศรกระดูกที่ถูกยิงออกมาโดยผู้พิทักษ์นักธนู เขาไม่ได้หลบมัน ทว่าเมื่อปลายแหลมของศรนั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ เซียวเฟิงก็ก้มหัวลงต่ำพร้อมกับใช้หัวของเขาโหม่งเข้ากับลูกธนูอย่างจังราวกับโหม่งลูกฟุตบอล
โจมตีไม่เข้า!
ศรกระดูกนั้นแตกกระจายเพราะงั้นมันจึงไม่ระเบิดต่อ แถมตัวเซียวเฟิงก็ไม่ได้รับความเสียหายอะไรด้วย มีแค่ถูกแรงปะทะนั้นดีดตนให้กระเด็นไปเฉย ๆ ต้องขอบคุณสกิลคงกระพันจริง ๆ ที่ทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บ
เซียวเฟิงรู้ว่าการโจมตีของผู้พิทักษ์นักธนูนั้นรุนแรงมาก ๆ ดังนั้นมันจึงเป็นเรื่องยากที่จะหลบพ้น เพราะอย่างนั้นเขาจึงเดิมพันกับมัน เดินพันกับสกิลคงกระพันของกระโหลกมังกรที่สวมอยู่ เจ้าตัวเชื่อว่ามันจะสามารถปกป้องเขาได้ และมันก็ได้ผล! สมแล้วที่เป็นพลังของอาร์ติแฟคท์ ต่อให้เขาจะได้เจ้าสิ่งนี้มาจากชั้นที่ 1 แต่ดูเหมือนว่ามันจะยังใช้ต่อสู้กับบอสชั้นที่ 2 นี้ได้
อันที่จริง ตอนที่เซียวเฟิงกระโจนเข้าโหม่งศรนั้นมันก็ไม่ได้ดูดีซะทีเดียว แถมยังดูโง่อยู่นิดหน่อยด้วยกับความคิดที่จะเอาหัวโหม่งศรเช่นนั้น
ก็เอาสิวะ! วันนี้ฉันจะเป็นไอ้หัวเหล็กเอง!
ยังไงเสียสถานการณ์ตอนนี้ก็ไม่มีใครคอยดูอยู่แล้ว ดังนั้นชายหนุ่มจึงไม่ต้องอายอะไรทั้งสิ้น สิ่งที่เขาควรคิดตอนนี้ก็คือ จะทำยังไงให้สามารถกำจัดบอสและได้อาร์ติแฟคท์ชิ้นอื่น ๆ ก็พอ เช่นนั้นแล้ว เซียวเฟิงจึงก้มหน้าก้มตาใช้หัวโหม่งลูกศรอย่างต่อเนื่องระหว่างที่หาวิธีกำจัดบอสไปด้วย
ซางกวน อาโอเชินล่อผู้พิทักษ์ซ่อนเร้นไปไกลมากแล้ว ไกลจนมันไม่กลับมาสนใจเซียวเฟิงอีก เพราะงั้นเซียวเฟิงจึงไม่ต้องมาคอยกังวลว่าบอสตนนั้นจะวกกลับมาหาตนเมื่อไหร่ เพราะการปะทะกับผู้พิทักษ์นักธนูมันยุ่งยากเสียจนเขาไม่มีเวลาตรวจสอบข้อมูลของเพื่อนร่วมปาร์ตี้ ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าตอนนี้ซางกวน อาโอเชินจะเป็นหรือตายอย่างไรบ้าง
ผู้พิทักษ์นักธนูเร่งความเร็วในการโจมตีให้ถี่มากขึ้น จนเซียวเฟิงเริ่มรู้สึกถึงความยากลำบากในการป้องกัน ผู้พิทักษ์ตนนี้สามารถใช้ทุกสกิลที่นักธนูใช้ได้ ไม่ว่าจะเป็นยิงกระจายหรือจะเป็นศรพันดอก การรัวสกิลของอีกฝ่ายมันทำให้เซียวเฟิงจำเป็นต้องถอยออกไปอีกครั้ง
โชคยังดีที่ไม่ใช่ทุกสกิลที่ยิงแล้วศรระเบิดได้ เมื่อไหร่ที่เห็นว่าหลบไม่พ้น ชายหนุ่มก็เพียงแค่หันเอาหัวไปรับการโจมตีนั้น ระหว่างนั้นก็พยายามกับการวิ่งหนีไปแทน
ถึงแม้ว่าผู้พิทักษ์นักธนูนี้จะโจมตีได้เกรี้ยวกราดขนาดไหน เซียวเฟิงก็ยังคงสามารถรับความเสียหายหายนั้นไว้ได้เรื่อย ๆ จนตอนนี้ความเสียหายที่ได้รับ มันมากกว่าความเสียหายที่เขาได้ทำเสียอีก เซียวเฟิงร่ายสกิลโฮลี่ไลท์อยู่ตลอดทุก ๆ 27 วินาที และทุก ๆ ครั้งที่สกิลนั้นถูกร่าย ชายหนุ่มก็ทำสร้างความเสียหายได้ไม่ต่ำกว่า 10% ของพลังชีวิตของบอสนักธนูนั้นเลย ซึ่งมันทำให้ภายใน 5 นาที ท้ายที่สุดผู้พิทักษ์นักธนูก็ไม่เหลือพลังชีวิตอีกต่อไป
[คุณได้ทำการสังหาร ผู้พิทักษ์ (ฝั่งซ้าย) ชั้นที่ 2 แห่งดันเจี้ยนสุสานใต้ดิน เลเวล 30 ระดับเทพ คุณได้รับค่าประสบการณ์ 4,500,000 หน่วย!]
เสียงของระบบดังขึ้นก่อนที่แถบค่าประสบการณ์ของเซียวเฟิงจะเพิ่มมาถึงครึ่งหลอด
ในขณะเดียวกันนั้นเอง ร่างของผู้พิทักษ์นักธนูเองก็ค่อย ๆ จางหายกลายเป็นหมอกสีเทาไปด้วย มันเหลือทิ้งไว้เพียงกลุ่มแสงสว่างสีม่วงที่ส่องประกายอยู่ ณ จุดที่มันเคยอยู่เท่านั้น!
เซียวเฟิงรีบสูดหายใจเข้าลึก ๆ ขณะที่กำลังจ้องมองไปยังแสงสีม่วงที่ส่องประกายอยู่บนพื้นไปด้วย ใจของชายหนุ่มมันเต้นแรงอีกครั้งแล้ว
นี่มัน…อาร์ติแฟคท์!
อาร์ติแฟคท์ดร็อปลงมาอีกแล้ว!
ชายหนุ่มพยายามสงบจิตสงบใจเอาไว้แล้วก้มลงไปหยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดู ซึ่งมันน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่เอาไว้ใช้ป้องกันส่วนแขน และอย่างที่คิด มันเป็นหนึ่งในชุดของมังกรปีศาจ
กรงเล็บมังกร
ระดับ : ตำนาน
ประเภทอุปกรณ์ : สวมใส่มือ
เลเวลอุปกรณ์ : ไม่ปรากฏ
เลเวลที่สามารถสวมใส่อุปกรณ์ได้ : ไม่ปรากฏ
ความสามารถ :
ค่าความแข็งแกร่ง + (เลเวลของผู้เล่น x2)
ค่าความทนทาน + (เลเวลของผู้เล่น x2)
ค่าความว่องไว + (เลเวลผู้เล่น x2)
ค่าจิตวิญญาณ + (เลเวลผู้เล่น x2)
สกิล :
มังกรปีศาจสะบั้น : สกิลติดตัว : เมื่อผู้สวมใส่ทำความเสียหายให้กับเป้าหมาย หากเป้าหมายมีสกิลในการฟื้นคืนชีพ เป้าหมายจะไม่สามารถใช้สกิลนั้นได้จนกว่าจะจบการต่อสู้
มังกรอำมหิต : สกิลติดตัว : ความเสียหายใดก็ตามที่ถูกกระทำโดยผู้สวมใส่ จะฟื้นฟูพลังชีวิตของผู้สวมใส่ 10%
คมเขี้ยวมังกรขย้ำ : สกิลกดใช้ : แสดงพลังแห่งเขี้ยวมังกรปีศาจ มันจะทำให้ทุกความเสียหายที่ผู้สวมได้สร้างไว้กลายเป็นความเสียหายแบบคริติคอลทั้งหมด คูลดาวน์ 10 นาที
ข้อควรระวัง : ‘นี่เป็นส่วนหนึ่งในชุดมังกรปีศาจ ความสามารถพิเศษของมันจะไม่สามารถใช้งานได้จนกว่าจะเก็บครบทุกส่วนของมัน’
เขาได้ชิ้นส่วนของมังกรปีศาจมาเพิ่มแล้ว ตอนนี้เซียวเฟิงมั่นใจมากว่าเหล่าผู้พิทักษ์ทุกชั้นที่ประจำอยู่ที่ดันเจี้ยนสุสานใต้ดินแห่งนี้ จะต้องถือครองชิ้นส่วนมังกรปีศาจอยู่แน่ และทุก ๆ ครั้งที่โค่นพวกมันลงได้ พวกเขาถึงจะได้ชิ้นส่วนของมังกรปีศาจแต่ละชิ้นมา