Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 308 นายเป็นคนดี
บทที่ 308 นายเป็นคนดี
บทที่ 308 นายเป็นคนดี
“โอเค งั้นก็เข้าไปดูบอสกันก่อน” เซียวเฟิงไม่อยากพูดอะไรกับพวกนี้ เพราะงั้นจึงขัดคอแล้วเปลี่ยนเรื่องทันที
“เข้าใจแล้วครับ ถ้างั้นพวกเขาจะเข้าไปด้านในดันเจี้ยนกันก่อน”
ไนฟพยักหน้าและเชิญเซียวเฟิงเข้าปาร์ตี้ น่าเสียดายที่สมาชิกวอร์สปิริตฮอลล์คนหนึ่งต้องออกจากปาร์ตี้แล้วกลับไปนั่งรอที่ม้านั่ง เพราะทุก ๆ คนในที่นี้ต่างก็อยากจะได้เห็นเจ้าแห่งฮีลเลอร์ต่อสู้เป็นขวัญตาเหมือนกันแท้ ๆ
โชคดีที่จำนวนรอบการเข้าดันเจี้ยนของเซียวเฟิงในวันนี้มันรีเซ็ตไปแล้ว และมันจึงถือว่าเขายังไม่ได้ใช้โอกาสแม้แต่ครั้งเดียว ชายหนุ่มเลยเดินตามกลุ่มคนเหล่านี้ไปยังปล่องภูเขาไฟจากปากถ้ำได้อย่างสบายใจ
หลังจากที่ซางกวน อาโอเชิน และหานเฟิงเข้าร่วมปาร์ตี้ วอร์สปิริตฮอลล์ก็สามารถกำจัดบอสตัวที่ 2 ได้เรียบร้อยแล้ว จะเหลือเพียงบอสตัวสุดท้ายของดันเจี้ยนเท่านั้น ดังนั้นระหว่างทางจึงไม่มีอุปสรรคอะไรให้กังวล
ดันเจี้ยนแห่งนี้ถูกเรียกว่า ถ้ำลาวา ตัวแม็ปเองค่อนข้างจะยาวมาก เซียวเฟิงเดินตามคนเหล่านี้มากว่าสิบนาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่ถึงปลายทางเสียที ยิ่งไปกว่านั้น ยิ่งลึกเข้าไปภายในถ้ำ อุณหภูมิโดยรอบก็ยิ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เซียวเฟิงนั้นมีพลังของชุดอาร์ติแฟกต์มังกรอยู่ เพราะงั้นแล้วจึงไม่ได้รับความเสียหายจากอุณหภูมิที่สูงขึ้นเช่นนี้ แต่กับคนอื่นนั้นไม่ใช่ พวกเขากำลังรู้สึกร้อนระอุกันสุด ๆ
โดยเฉพาะจืออี้ หน้าผากที่ขาวสว่างของเธอถูกปกคลุมไปด้วยหยาดเหงื่อมากมาย หยาดเหงื่อเหล่านั้นไหลลงมาตามโครงหน้าสวย มันทำให้เส้นผมที่ปรกลงมาข้างแก้มนั้นชื้นและติดอยู่ที่แก้มนวลขาวราวกับลวดลายที่ไม่ได้จงใจสร้างขึ้นมา ไม่เพียงเท่านั้น เม็ดเหงื่อตัวร้ายที่เคลื่อนมาถึงปลายทาง ก็หยดลงไปบนไหล่ก่อนจะไหลซึมลงมาที่ทรวงอกอย่างต่อเนื่อง
ชุดที่เธอสวมอยู่นั้นมันค่อนข้างล่อตาล่อใจและเย้ายวนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว เสื้อคลุมนักบวชยามที่อยู่บนเรือนร่างที่เร่าร้อนเช่นนี้ก็ไม่ได้ต่างอะไรกับเดรสราตรีนัก ด้วยปกเสื้อที่เปิดกว้าง มันทำให้ไหล่ที่ขาวเนียนและเนินอกที่นวลอมชมพูเผยให้เห็นอยู่บ่อยครั้งยามที่เธอไม่ทันได้ระวังตนเอง
ในตอนนี้เหงื่อลามกนั้นไม่เพียงแต่ชุ่มไปทั่วทั้งผิวที่ขาวสว่างของหญิงสาวเพียงอย่างเดียว แต่มันยังไหลย้อยเข้าไปยังช่องแคบระหว่างอกที่ชิดแน่นกันเรื่อย ๆ อีก ส่งผลให้หน้าอกที่เคยเป็นเหมือนอาวุธพิชิตใจชายหนุ่มของเธอ มันยิ่งทรงพลานุภาพในการเย้ายวนมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจืออี้จะเดินอยู่ด้านหน้าเซียวเฟิง แต่เอวที่บางและเว้าโค้งเข้ารูปนั้นก็ส่ายไปมาอยู่ตลอดเหมือนงูที่ค่อย ๆ เลื้อยไปด้านหน้า และความร้อนที่ระอุขึ้นเรื่อย ๆ นี้ก็ทำให้ร่างกายของเธอขับกลิ่นหอมของน้ำหอมจาง ๆ ออกมาและลอยเข้าจมูกเซียวเฟิงอยู่เป็นนิจ
“ยังไงก็เถอะ กิลด์ของพวกนายมีหินอวกาศกันบ้างหรือเปล่า?”
จู่ ๆ เซียวเฟิงก็ถามขึ้นมา เขาค่อนข้างกังวลกลัวว่าหินอวกาศที่นำพาเขามาที่นี่จะถูกใช้ไปก่อนแล้ว ชายหนุ่มจึงจำเป็นต้องรีบถามไปก่อน
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ นายคิดจะปล้นวอร์สปิริตฮอลล์ด้วยเหรอ?”
หลังจากที่ได้ยินเซียวเฟิงถาม ไนฟก็ถามกลับด้วยความหวาดหวั่นทันที
“ท่านเซียว พวกเราวอร์สปิริตไม่ยอมให้ปล้นหรอกนะ ถ้าหากนายล้มลงไปนอนกับพื้น ฉันจะลงไปนอนกับนายด้วย จากนั้นก็จะกอดนายไว้ แล้วถ้านายเรียก NPC มา ฉันก็จะเรียกระบบป้องกันการลวนลามผู้หญิงของระบบด้วยเหมือนกัน”
จืออี้หันกลับมาแล้วยิ้มให้เซียวเฟิงขณะที่จ้องมองเขา แววตาจิ้งจอกสาวนั้นมองเซียวเฟิงราวกับกำลังข่มขู่ สิ่งที่เธอพูดนั้นก็ทำเอาผู้เล่นคนอื่นของวอร์สปิริตฮอลล์เหงื่อแตกพลั่กกันยิ่งกว่าเดิมเสียอีก หากแต่ครั้งนี้เป็นเหงื่อที่เย็นเฉียบ
“พี่ชาย! นอนลงไปกับพื้นเลย! แต่นอนอย่างเดียวนะ ไม่ต้องเรียก NPC! เท่านี้พี่ก็จะไม่เสียอะไรแล้ว!” มีเพียงซางกวน อาโอเชินเท่านั้นที่แอบส่งข้อความหาเซียวเฟิงเพื่อถ่ายทอดความคิดชั่วร้ายของเขาให้เซียวเฟิง
“ฉันดูเหมือนคนที่จะปล้นเพื่อนของฉันเหรอ?” เซียวเฟิงถามกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังก่อนจะพูดต่อ “ฉันแค่อยากจะยืมหินอวกาศจากพวกนายสักสิบก้อน”
“หา? สิบก้อนเลยเหรอครับ!?…เอ่อ เจ้าแห่งฮีลเลอร์ เอาเป็นว่าพวกเรายอมให้ปล้นดีกว่า! สามก้อนสินะครับ?” ได้ยินเช่นนั้นไนฟก็สั่นสะท้านไปทั้งตัว เช่นเดียวกับน้ำเสียงที่เอ่ยยื่นข้อต่อรองด้วย
ขณะเดียวกันนั้นจืออี้ ก็ค่อย ๆ ชะลอฝีเท้าจนเธอแทบจะยืนชิดเซียวเฟิงไปแล้ว แววตาที่สวยงามนั้นยังคงจ้องมองเซียวเฟิงอยู่ตลอด ส่วนร่างกายที่ชุ่มเหงื่อก็ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมกระโจนใส่เซียวเฟิงทุกเมื่อด้วย
“ฉันจริงจังนะ ฉันต้องการหินอวกาศสิบก้อนจริง ๆ ถ้าหากพวกนายมี ได้โปรดให้ฉันยืมด้วย แล้วเดี๋ยวจะใช้คืนให้ทีหลัง” เซียวเฟิงพูดด้วยความอึดอัดจากสายตาของหญิงสาว
“โอ๊ะ เข้าใจแล้วครับ เมื่อกี้นายทำให้ผมกลัวมาก ๆ เลย! ถ้ายังไงรอก่อนนะครับ เดี๋ยวจะลองถามพี่ชายให้” ไนฟโล่งอก จากนั้นเขาจึงหันไปส่งข้อความถามสกายต่อ
“พวกเราพอมีหินอวกาศอยู่บ้างในคลัง เป็นส่วนที่เตรียมไว้อัปเกรดแท่นเทเลพอร์ตในกิลด์ พี่ชายของผมบอกว่า ถ้านายต้องการ พวกเราจะจัดเตรียมมันให้นายก่อนได้ เดี๋ยวหลังจากนี้เขาจะฝากคนมาส่งให้ที่หน้าทางเข้าดันเจี้ยนครับ” ไม่นานนัก ไนฟก็ได้รับข้อความตอบกลับมา เขาไม่รอช้าที่จะส่งต่อความความนั้นให้เซียวเฟิง
“ดี ขอบคุณมาก”
เซียวเฟิงกล่าวขอบคุณในความช่วยเหลือของวอร์สปิริตฮอลล์ หินอวกาศนั้นถือเป็นวัตถุดิบที่สำคัญมาก ๆ หากแท่นเทเลพอร์ตของกิลด์ถูกอัปเกรดเป็นระดับสูงขึ้นแล้ว กิลด์จะต้องประหยัดเงินจำนวนมากเอาไว้เพื่อใช้สำหรับจ่ายค่าเช่าระบบเทเลพอร์ต ดังนั้นการที่วอร์สปิริตฮอลล์จะทำเช่นนี้ ถือเป็นเรื่องที่ถูกต้องแล้ว
“ไอ้เหมินกัง นั่นมันบ้าอะไรน่ะ? คนพวกนี้ส่งนายมาหรือไง?” เซียวเฟิงหันกลับไปมองหานเฟิงที่อยู่ด้านหลังแทนแล้วกล่าวถาม
สมาชิกในปาร์ตี้ยี่สิบคนตอนนี้ ส่วนใหญ่เป็นคนจากวอร์สปิริตฮอลล์ทั้งหมด จะมีก็แต่เซียวเฟิง ซางกวน อาโอเชิน และหานเฟิงเท่านั้นที่ไม่ใช่
ตัวเซียวเฟิงไม่ได้ขึ้นตรงกับกิลด์ไหน ๆ ในขณะที่ซางกวน อาโอเชินนั้นเป็นคนของกิลด์แอนติควิตี้ ซึ่งเรื่องนี้เซียวเฟิงรู้อยู่แล้ว เพราะงั้นเขาจึงสนใจกิลด์ที่หานเฟิงอยู่มาก ๆ
“เอ๊ะ? นี่ลูกพี่ยังไม่รู้เรื่องนี้เหรอ? กิลด์นี้น่ะคือกิลด์ที่สองพี่น้องนิโคลัสตั้งขึ้นมาโดยการชวนเพื่อนเก่ามาร่วมด้วย พวกเขาขอให้ฉันเข้าร่วมด้วยในช่วงที่เพิ่งก่อตั้งใหม่เพื่อจะได้เพิ่มค่าชื่อเสียงให้กิลด์ ถ้ากิลด์มีชื่อเสียงแล้ว จะได้มีคนสมัครเข้ามาเยอะ ๆ เพราะงั้นฉันก็เลยตอบตกลงไป” หานเฟิงรีบอธิบาย การที่สองพี่น้องนิโคลัสมาเชิญเขาเข้าร่วมกับเหมินกัง นั่นก็เพราะว่ายังไงเสียหานเฟิงเองก็เป็นอันดับ 10 ในอันดับตาราง ซึ่งสามารถสร้างชื่อเสียงให้กับกิลด์ได้อย่างมหาศาลเลย
“ยังไงก็เถอะ ฉันไม่เห็นพวกนั้นเลยพักนี้”
ทันใดนั้น เซียวเฟิงก็นึกขึ้นได้ว่าเมื่อครั้งสุดท้ายที่เจอสองพี่น้องนิโคลัสนั้นก็คือโลกแห่งความจริง เมื่อครั้งที่ไปกินกระทะร้อนกับซือเยี่ยจิ๋ง เขาเจอทั้งสองคนนั้นที่มหาลัยเซี่ย จากนั้นมาเซียวเฟิงก็ไม่ได้ยินเรื่องของอีกฝ่ายเลย แถมในเกมเองก็ไม่ได้เจอกันด้วย
“โอ๊ะ เรื่องนี้ลูกพี่ก็ยังไม่รู้จริง ๆ เหรอ?” หานเฟิงถามต่อด้วยความกระอักกระอ่วนใจ
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?” เซียวเฟิงขมวดคิ้วกับคำถามนั้น
“ก็เมื่อไม่กี่วันก่อน เจ๋าซือเพิ่งจะไปสารภาพรักกับเฉียนโตวโตวมาแล้วก็โดนปฏิเสธ เพราะงั้นเขาเลยตัดสินใจตั้งกิลด์นี้ขึ้นมาแล้วก็ปณิธานไว้ว่าจะทำอะไรบางอย่างให้สำเร็จ”
หานเฟิงพูดอย่างระมัดระวัง กระนั้นน้ำเสียงของเขาที่เหมือนจะกระซิบนั้นก็ไม่ได้เบาจนไม่สามารถได้ยินได้
“อะไรนะ? นายหมายถึงเฉียนโตวโตวน่ะเหรอ?” เซียวเฟิงตกใจอีกครั้งแล้วถามกลับ
“ใช่แล้วลูกพี่! หมายถึงเฉียนโตวโตวนั่นแหละ” หานเฟิงพยักหน้า ด้วยสถานะของเฉียนโตวโตว เธอน่ะสมควรแล้วที่จะถูกเรียกว่าเศรษฐีนี
เซียวเฟิงพูดอะไรไม่ออกเลยหลังจากได้ยินเช่นนั้น คนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกแตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครที่รู้สึกว่ามันแปลก เฉียนโตวโตวเป็นถึงเจ้าของหอการค้าอันดับหนึ่งของเขตฮัวเซีย มันสามารถพูดได้ว่าเธอคือผู้เล่นที่ร่ำรวยที่สุดในบรรดาผู้เล่นด้วยกันเองก็ยังได้ ยิ่งไปกว่านั้น ความสวยงามของเฉียนโตวโตวยังติดอยู่ในอันดับเทพธิดาแห่งฮัวเซียอีก ด้วยสถานะของเธอเองในตอนนี้ คำพูดของเธอยังมีความน่าเชื่อถือกว่าหัวหน้ากิลด์ใหญ่ ๆ บางกิลด์ด้วยซ้ำในบางเวลา
สารภาพรักกับเฉียนโตวโตวเหรอ? ถ้าหากคนคนนั้นไม่ใช่คนดังในเขตฮัวเซียล่ะก็ เขาคงจะต้องเป็นพวกที่สมองพิการแน่ ๆ!
อันที่จริง เมื่อช่วงเวลานั้นมันก็เป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อยเลยเหมือนกัน ย้อนกลับไปช่วงหนึ่งอาทิตย์ก่อนสองวันหลังจากที่สองพี่น้องนิโคลัสได้เจอเซียวเฟิงที่ร้านกระทะร้อน
พี่น้องนิโคลัสนั้นคุ้นเคยกับผู้เล่นในร้านค้ามหาสมบัติมานานมากแล้ว และในวันนั้น พวกเขาก็เดินทางไปยังสาขาหลักภายในเมืองเตียนหลงเพื่อที่จะขายของหายาก ทั้งนี้มันคือการซื้อโอกาสให้นิโคลัสเจ๋าซือสามารถย่องเข้าไปยังออฟฟิศของเฉียนโตวโตวได้ การที่ได้เห็นเฉียนโตวโตวผู้งดงามและมีชีวิตชีวานั้นมันทำเอาเขาสติหลุดไปได้ชั่วขณะเลย และด้วยสติที่ไม่อยู่กับเนื้อกับตัว มันเลยทำให้เขาสารภาพรักกับเฉียนโตวโตวโดยที่พูดถูกบ้างผิดบ้างอย่างไม่เป็นธรรมชาติ
“เมื่อกี้นายพูดว่าอะไรนะ?” ตอนนั้นเฉียนโตวโตวกำลังดูบัญชีที่ถูกอัปเดตจากสาขาย่อย เมื่อเธอได้ยินที่อีกฝ่ายพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นมาและมองนิโคลัสเจ๋าซือที่ยืนอยู่ตรงประตูทันที
“ฉะ…ฉันรักเธอ!” นิโคลัสเจ๋าซือผู้ที่ตามปกติก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับชีวิตอยู่แล้ว ครั้งนี้เขาแทบจะไม่สามารถเก็บอาการหน้าแดงไว้ได้เลย
“โอ้ นายเองก็เป็นคนดีนะ แต่ฉันสวยเกินไปสำหรับนายน่ะ” เฉียนโตวโตวไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาเลย เธอก้มหน้าก้มตากลับไปดังเดิมแล้วพูดด้วยเสียงเอื่อยเฉื่อย
นิโคลัสเจ๋าซือที่ตกอยู่ในสภาวะที่โดนความตึงเครียดรุมล้อม เขาเกือบจะเผลอกลั้นหายใจตายไปแล้ว ก่อนจะรีบพูดต่อ “ฉะ…ฉันจริงใจกับเธอนะ! ตั้งแต่ที่ฉันได้เจอเธอที่หมู่บ้านเริ่มต้นเลย ตั้งแต่ตอนนั้น ฉันก็ตกหลุมรักเธอมาตลอด!”
“โอ้ งั้นเหรอ นายเองก็เป็นคนดีนะ แต่ฉันรวยเกินไปสำหรับนายน่ะ” เฉียนโตวโตวยังคงไม่เงยหน้าเช่นเดิม และเธอก็ยังพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ได้รู้สึกอะไรด้วย
“ฉะ…ฉัน…” มันน่าจะเป็นฉากความล้มเหลวที่ทำร้ายจิตใจเขาเอาเสียมาก ๆ เลยแท้ ๆ แต่มันกลับกลายเป็นภาพของความเศร้าและความโกรธฝังอยู่ในใจเขาแทนเสียอย่างนั้น สิ่งนี้น่ะมันรุนแรงกับนิโคลัสเจ๋าซือมากกว่าการโดนปฏิเสธเสียอีก
“ฉันมั่นใจว่าฉันจะต้องทำให้เธอประทับใจให้ได้!”
หลังพูดประโยคนั้นจบ นิโคลัสเจ๋าซือก็รีบวิ่งออกไปจากที่แห่งนั้นขณะที่ยังกัดฟันแน่นทันที และตั้งแต่นั้นมาเขาก็ไม่ได้ปรากฏตัวอีกเลย
เซียวเฟิงที่พูดอะไรไม่ออก แล้วก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่ม ตัวเขาไม่ได้อยากจะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้อยู่แล้ว เพราะงั้นจึงหันไปเร่งฝีเท้าและเดินเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของดันเจี้ยนให้เร็วที่สุดแทน
และในตอนที่ทุกคนร้อนประดุจถูกดึงลงไปในบ่อน้ำร้อนเกือบร้อยองศา ยามที่ทั้งเนื้อตัวถูกชโลมไปด้วยเหงื่อโดยเฉพาะจืออี้ ที่ชุดคลุมนักบวชของเธอในตอนนี้กลายเป็นสิ่งที่ทำให้ร่างกายเธอเซ็กซี่ไปอีกขั้นหลายร้อยเท่า มันรัดแนบแน่นไปกับสัดส่วนที่เย้ายวนราวกับปีศาจสาว ไม่ว่าชายใดก็ตามที่เผลอหันไปมองเธอต่างก็หายใจไม่ทั่วท้องกันทั้งนั้น และมันทำให้พวกเขาจำเป็นต้องรีบหลบสายตาไปตาม ๆ กัน
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงโถงของบอสตัวสุดท้ายกันแล้ว!
ที่นี่ดูเหมือนจะเป็นใจกลางภูเขาไฟ นั่นเพราะที่ด้านหน้านั้นมีทะเลสาบลาวาขนาดใหญ่ตระหง่านตาอยู่ ความร้อนของมันรุนแรงขนาดที่ไม่สามารถเดินเข้าไปเฉียดกรายได้เลย ผู้เล่นทุกคนทำได้เพียงเดินไปรอบ ๆ กำแพงหินสีแดงรอบนอกเท่านั้น และทันใดนั้นเองพวกเขาก็พบร่างขนาดใหญ่ของบอสตัวสุดท้ายกำลังหลับใหลอยู่กลางทะเลสาบลาวาแห่งนี้
มังกรแม็กม่า
เลเวล : 25
ระดับ : บอสระดับเทพเจ้า
ธาตุ : มังกรธาตุ
พลังชีวิต : 150,000 / 150,000 หน่วย
พลังโจมตีกายภาพ : 2,000 / 2,000 หน่วย
พลังเวท : 2,200 / 2,200 หน่วย
พลังป้องกันกายภาพ : 1,800 – 2,000 หน่วย
พลังป้องกันเวทมนตร์ : 2,000 – 2,2000 หน่วย
สกิล : ระเบิดแม็กม่า, พายุแม็กม่า, ลมหายใจแผดเผา, การกระตุ้นธาตุระดับสูง, คลื่นไอร้อนสั่นสะเทือน, ร่างแห่งธาตุ, พลุ, ระเบิด, ขุมพลังแห่งทวยเทพ
คำโปรย : ‘มังกรแม็กม่า เป็นมังกรธาตุที่ติดเชื้อจากพลังที่ไม่รู้จัก มันอาศัยอยู่ในทะเลสาบแม็กม่า เพราะงั้นพลังโจมตีของมันจึงรุนแรงมาก ๆ รวมถึงมีลักษณะเฉพาะตัวที่ร้ายกาจมากด้วย’
ลักษณะจำเพาะ : ร่างกายแห่งธาตุนั้นจะเปลี่ยนไปตามสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี การที่ตัวมันอยู่ในทะเลสาบลาวา มันจะไม่เพียงแต่มีเกราะป้องกันจากธรรมชาติเท่านั้น แต่ยังได้รับค่าฟื้นฟูพลังชีวิตและพลังเวทเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากด้วย
มองไปยังมังกรไฟที่ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยลาวาสีแดงที่กำลังหลับใหลอยู่ เซียวเฟิงก็เข้าใจได้ทันทีถึงเหตุผลที่ทำให้ดันเจี้ยนแห่งนี้ยากเกินกว่าจะชนะได้
นี่พวกเราต้องกระโดดเอาหัวโหม่งบอสตัวนี้กันจริง ๆ เหรอ?
บนพื้นลาวานี้ไม่มีแม้กระทั่งที่ให้ยืนเสียด้วยซ้ำ ผู้เล่นต้องทำยังไงน่ะ? ว่ายไปหามัน?
“พวกเราได้ลองทำหลายวิธีแล้วก่อนที่ลูกพี่จะมา แต่ไม่ว่าจะลองแบบไหน มันก็มีปัญหาตลอดเลย อันดับแรกคือปัญหาที่เกราะป้องกันของเจ้าบอสระดับเทพเจ้านี่ การโจมตีธรรมดาทะลวงเกราะมันเข้าไปไม่ได้ ต่อให้มีสกิลในการลดพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ลดไม่ทันอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตของมันอีก ส่วนอันดับที่สองคือพื้นที่การต่อสู้ที่มีจำกัด อย่างที่ลูกพี่เห็นว่ามันไม่มีพื้นที่ให้คลาสที่โจมตีระยะใกล้สามารถเข้าปะทะได้เลย ดังนั้นเรียกได้ว่าการโจมตีระยะประชิดไร้ประโยชน์ก็ได้ ซึ่งในขณะเดียวกัน การโจมตีระยะไกลก็ไม่มีที่ให้ไคท์*[1] เยอะแยะนัก นั่นก็แทบจะไร้ประโยชน์ด้วยเช่นกัน”
หานเฟิงพูดก่อนจะส่ายหน้า แม้เขาจะได้เปรียบตรงที่เป็นสายโจมตีระยะไกล แต่ด้วยพื้นที่แคบ ๆ นี้ มันเป็นเสมือนดาบสองคมสำหรับเขามาก ๆ ในจังหวะที่เขากำลังจะไคท์*[1] โชคร้ายก็มาเยือนทำให้เขาพลาดและกลายเป็นฝ่ายโดนฆ่าเสียเอง ผู้เล่นสามารถทำได้แค่ยืนอยู่บนกำแพงหินที่ห้อมล้อมทะเลสาบลาวานี้เอาไว้เท่านั้น ภูมิประเทศเช่นนี้เป็นภัยกับทั้งสายโจมตีระยะใกล้และระยะไกลกันอย่างถ้วนหน้าเลย
[1] ไคท์ คือ การถอยแล้วยิงไปเรื่อย ๆ ของสายโจมตีระยะไกล เหมือนกับการเล่นว่าวที่จะคอยกระตุกว่าวเรื่อย ๆ