Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 316 สถานการณ์
บทที่ 316 สถานการณ์
บทที่ 316 สถานการณ์
เซียวเฟิงถอดหมวกเล่นเกมออกก่อนจะเผลอกระแทกกับอะไรบางอย่างที่อยู่ข้างขาตัวเอง เมื่อก้มลงไปมองก็พบใบหน้าที่สวยงามของเซียวหลิงโผล่ขึ้นมาจากผ้าห่มครึ่งหนึ่ง เธอเหมือนแมวเปอร์เซียตัวน้อยที่มีขนสีทองสยาย ยามที่เห็นเธอเข้ามานอนขดอยู่ในผ้าห่มเขาเช่นนี้ เซียวเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังคำเตือนหน้าห้องของตนด้วยความสงบ
“เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
เขาลุกออกจากเตียงก่อนจะคว้าเอาเสื้อคลุมมาใส่ระหว่างเอ่ยถาม
“ฉันมาดักจับยัยแมวยั่วสวาทหน้าไม่อายสองตัวนั้น!”
เซียวหลิงลืมตาตื่นช้า ๆ พร้อมกับพูดบ่นด้วยน้ำเสียงไม่เป็นมิตรขณะมองไปยังประตูที่ยังปิดสนิทอยู่
ชัดเจน เซียวหลิงตอนนี้เหมือนแมวทั้งภายนอกและภายในไปแล้ว
ด้วยความที่ไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืด เซียวเฟิงจึงเดินไปล้างหน้าล้างตาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเดินลงไปด้านล่างเพื่อรับประทานอาหารเช้า
ส่วนเซียวหลิงนั้นไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับไปเลย หลังจากที่เธอมาแอบซุ่มตั้งแต่เช้า เธอไม่พบทั้งหลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งเดินเข้ามาในห้องของเซียวเฟิงแม้แต่คนเดียว แถมตลอดช่วงรับประทานอาหารเช้าก็ยังไม่พบพวกเธออีก
“เคอเค่อ สองคนนั้นไม่อยู่ที่คฤหาสน์กันเหรอ?”
ความแปลกประหลาดนี้ แม้แต่เซียวเฟิงก็ยังอดสงสัยไม่ได้ เพราะงั้นเขาจึงหันไปถามหนิงเคอเค่อหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้ว
“นายท่าน…เอ่อ ทั้งสองคนยังอยู่ในห้องของตัวเองน่ะค่ะ…”
เพราะหนิงเคอเค่อเป็นคนทำอาหารเช้าเผื่อพวกเธอไว้ด้วย ดังนั้นจึงรู้ว่าทั้งสองคนยังอยู่ในห้อง ก่อนที่เธอจะตอบเซียวเฟิงกลับด้วยน้ำเสียงเคอะเขิน
“แสดงว่าพวกนั้นคงมีเรื่องที่ต้องทำในเกมแน่ ๆ”
เซียวเฟิงขมวดคิ้วช้า ๆ ไม่เพียงแต่หลิวเฉียงเหว่ยและซือเยี่ยจิ๋งเท่านั้น แต่เฉียนโตวโตวเองก็ยังไม่ออฟไลน์จากเกมมารับประทานอาหารเช้าเหมือนกัน
หลังจากที่ครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ครู่หนึ่งแล้ว เซียวเฟิงก็ตัดสินใจย้อนกลับไปยังห้องของตนเพื่อเข้าเกมต่ออย่างไม่ลังเล ระหว่างนั้นก็เปิดฟอรั่มเกมเพื่อตรวจสอบดูด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง
เพียงครู่เดียว ชายหนุ่มก็ได้รู้ว่าเขตฮัวเซียกำลังเจอกับกลียุคครั้งใหญ่ และสถานการณ์ที่ปั่นป่วนเช่นนี้ก็ทำให้เซียวเฟิงเกิดอาการงุนงงขึ้นมาด้วย
เมื่อคิดตามสถานการณ์อยู่พักหนึ่ง เซียวเฟิงก็ไม่มีอารมณ์จะกำจัดมอนสเตอร์ภายในมหาสุสานใต้พิภพต่อแล้ว เขาติดต่อไปถามหลิวเฉียงเหว่ยเพื่อถามว่าเธออยู่ที่ไหน ก่อนจะใช้คัมภีร์กลับเมืองพาตนเองไปยังเมืองแห่งความโศกเศร้าอย่างรวดเร็ว
สิ่งนี้ถือเป็นไอเทมใช้งานที่ทรงคุณค่ามากที่สุดชิ้นหนึ่ง หลังจากที่จัดตั้งร้านค้าระบบไว้ภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าแล้ว ‘คัมภีร์กลับเมืองแบบพิเศษ’ ด้วยราคาที่ค่อนข้างจะแพง…แพงกว่าค่าเทเลพอร์ตมายังเมืองนี้ มันก็แลกมาด้วยความสามารถที่สูงกว่าคัมภีร์กลับเมืองทั่ว ๆ ไปมากมายอยู่ โดยคัมภีร์ชิ้นนี้ไม่เพียงแต่จะสามารถใช้ได้ทุกที่ในเขตฮัวเซีย มันยังสามารถใช้ตอนที่ยังต่อสู้ได้ด้วย ไม่ว่าใครก็ตามที่ใช้มัน เขาคนนั้นก็จะถูกส่งกลับมายังเมืองแห่งความโศกเศร้าโดยตรง
ราคาขาย ณ ปัจจุบันอยู่ที่ยี่สิบเหรียญทอง หรือเทียบเท่าเป็นเงินจริงราว ๆ สองพันหยวน ไม่แปลกใจหากจะโดนมองว่าแพงมาก เฉียนโตวโตวยืนยันว่าราคามันไม่ได้แพงเกินไป แถมมันจะยังกลายเป็นสิ่งที่ขาดตลาดแน่ ๆ หากเมืองแห่งความโศกเศร้าเปิดให้คนเข้าออกอย่างเป็นทางการ แม้จะไม่รู้ว่าจริงขนาดไหน แต่เซียวเฟิงก็ไม่รู้สึกสงสัยอะไรในสิ่งที่เธอพูดเลย
ในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองของเมืองแห่งความโศกเศร้า เซียวเฟิงจึงได้รับคัมภีร์กลับเมืองแบบพิเศษมาเป็นจำนวนมากฟรี ๆ เพราะงั้นชายหนุ่มจึงกล้าที่จะใช้ของฟุ่มเฟือยราคาแพงเช่นนี้อย่างไม่ลังเล ส่วนหนึ่งก็เพราะการใช้พลังของแหวนจักรวาลนั้นมีข้อจำกัดเรื่องจำนวนครั้ง ถ้าหากสามารถประหยัดครั้งการใช้งานได้ ชายหนุ่มก็เลือกที่จะประหยัดไว้ดีกว่า
เซียวเฟิงมุ่งหน้ามายังตัวปราสาททันทีเมื่อรู้ว่าหลิวเฉียงเหว่ยอยู่ที่นี่ ซึ่งไม่เพียงแค่เธอ แต่สมาชิกของวอร์สปิริตเองก็อยู่ที่นี่ด้วย ส่วนเฉียนโตวโตวนั้นยังไม่กลับมาจากเมืองจักรวรรดิ
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?”
ทันทีที่เข้ามาถึงตัวปราสาท เซียวเฟิงก็พบกับหลิวเฉียงเหว่ยที่สีหน้าไม่ดีนัก ซือเยี่ยจิ๋ง ลีฟและเหล่าผู้เล่นอาวุโสอย่างสกายที่สีหน้าอมทุกข์ไม่ต่างกัน แถมยังมีไนฟและจืออี้ที่กำลังคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
“ไม่ดีสักเท่าไหร่…”
พลันเมื่อเห็นเซียวเฟิง หลิวเฉียงเหว่ยก็ส่ายหน้าเบา ๆ “ตอนนี้มันกลายเป็นสงครามชิงอำนาจไปแล้ว ถึงแม้ว่าพวกเราจะรู้อยู่ก่อนหน้าแล้วว่าสักวันวันนี้ก็ต้องมาถึง แล้วก็ชิงเตรียมมาก่อนเนิ่นนาน แต่ก็ไม่คิดเลยว่ามันจะมาถึงเร็วขนาดนี้…พวกเรายังเตรียมตัวกันไม่ดีพอเลย”
ความทะเยอะทะยานของหลิวเฉียงเหว่ยมีมากขนาดไหน เรื่องนั้นเซียวเฟิงรู้อยู่แล้ว อีกหลาย ๆ คนในเขตฮัวเซียเองก็มีขุมกำลังขนาดใหญ่คอยหนุนหลังอยู่ และสิ่งที่ขุมกำลังเหล่านั้นต้องการ ก็คืออำนาจที่ยิ่งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นอันดับกิลด์ การเป็นยักษ์ใหญ่ประจำเขต สถานะทางสังคม ตำแหน่ง เกียรติยศ ทรัพยากร เป็นต้น
เพราะการมีอยู่ของสิ่งเหล่านี้ ยังไงเสียความไม่สงบก็ต้องบังเกิดอยู่ดี อยู่ที่ว่าจะช้าหรือเร็วก็เท่านั้น!
อย่างไรก็ตาม หลิวเฉียงเหว่ยไม่คาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นเร็วขนาดนี้ มันเร็วเสียจนหญิงสาวยังตั้งตัวไม่ทัน ทุก ๆ กิลด์ในตอนนี้ก็เพิ่งจะอยู่ในขั้นเติบโตกันเท่านั้น พวกเขาไม่มีเวลาแม้กระทั่งเตรียมตัวรับแรงกระแทกใด ๆ ทั้งสิ้นเมื่อจู่ ๆ สงครามก็ขยายวงกว้างขนาดนี้!
การเตรียมตัวที่ว่าของหลิวเฉียงเหว่ยนั่นก็คือ การเตรียมไพ่เอซบนมือให้พร้อม และไพ่เอซใบนั้นก็หมายถึงเมืองแห่งความโศกเศร้าที่กำลังสร้างอยู่!
ความแข็งแกร่งของการป้องกันที่แต่ละแคมป์กิลด์มีนั้นจะขึ้นอยู่กับความยิ่งใหญ่ของกิลด์ และเมืองแห่งความโศกเศร้านั้นถือเป็นเมืองหลักระดับกลาง ซึ่งมันอยู่เหนือแคมป์กิลด์อื่น ๆ อยู่อีกมากในแง่ของการป้องกัน ถ้าหากเมื่อไหร่มันก่อสร้างจนเสร็จ เมืองแห่งความโศกเศร้านี้จะอยู่เหนือใครท่ามกลางสงครามทุกประเภท
ถึงอย่างนั้น มันก็ต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ๆ กว่าจะสร้างให้เสร็จสมบูรณ์ หากไม่ติดว่าสงครามมันเกิดขึ้นแล้ว มันก็คงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงอะไร
“ความวุ่นวายที่ปะทุขึ้นมาในคราวเดียวนี้ มันทำเอาเขตฮัวเซียของพวกเราเจอปัญหากันหมดเลย ทุกกิลด์ที่อยู่ในเขตต่างก็อยู่ไม่สงบกันหมด สงครามที่แพร่กระจายออกมา ทำให้พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ ตอนนี้มีเพียงฟากใต้และฟากเหนือเท่านั้นที่ยังสงบสุขอยู่ แต่มันก็แค่ชั่วคราว เพราะเมื่อไหร่ที่กิลด์ใหญ่จำเป็นต้องเข้าร่วมสงคราม แม้แต่ไดนัสตี้เองก็คงจะต้องเข้าร่วมด้วยเช่นกัน”
หลิวเฉียงเหว่ยส่ายหน้าอีกครั้งแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
หลังจากที่การต่อสู้กระจายไปทั่วในชั่วข้ามคืน ก็เหลือเพียงแต่ฝั่งเหนือและฝั่งใต้เท่านั้นที่ยังไม่เกิดความวุ่นวาย นั่นเพราะฝั่งเหนือมีกิลด์ไดนัสตี้เป็นหัวเรือใหญ่ ในขณะที่ฝั่งใต้ก็เป็นถิ่นของกิลด์มิดซัมเมอร์ ดังนั้นจึงไม่มีกิลด์ไหนที่จะกล้าแข็งข้อกับเธอมานานมากแล้ว
อย่างไรก็ตาม อย่างที่หลิวเฉียงเหว่ยพูดไว้ ความสงบสุขนี้อยู่ได้เพียงไม่นาน เพราะท่ามกลางความวุ่นวายนี้ ย่อมต้องมียักษ์ตัวใหม่เกิดขึ้นมาอย่างแน่นอน และด้วยความทะเยอะทะยานของมัน ยักษ์ตัวนั้นจะต้องหันเขี้ยวท้าทายใส่ยักษ์เจ้าถิ่นแน่ ๆ!
“ดูที่อันดับกิลด์สิ” หลิวเฉียงเหว่ยหันไปพูดกับเซียวเฟิง
ภายในโถงปราสาทนี้ มีผู้เล่นไม่ถึงสิบคนและทุกคนที่อยู่ในโถงนี้ ต้องเป็นผู้ที่ไว้ใจได้เท่านั้น นอกจากนี้พวกเขายังรู้ด้วยว่าเมืองแห่งความโศกเศร้านี้เป็นของเซียวเฟิง และรู้ว่าเมืองนี้มีความหมายขนาดไหน
เซียวเฟิงฟังแล้วคิดตามก่อนจะเปิดอันดับกิลด์มาตรวจสอบ และสิ่งที่รออยู่ในนั้นก็ทำให้ชายหนุ่มต้องขมวดคิ้ว
ในอับดับกิลด์ อันดับ 1 ยังคงเป็นของไดนัสตี้ ส่วนอันดับ 2 ก็ยังคงเป็นของมิดซัมเมอร์ดังเดิม ทว่าอันดับ 3 นั้นกลับเป็นแอนติควิตี้ไปแล้ว! ก่อนหน้านี้แอนติควิตี้ยังไม่ได้ติด 1 ใน 100 เลยเสียด้วยซ้ำ! แต่ตอนนี้กลับพุ่งทะยานขึ้นมาเป็นอันดับ 3 ได้อย่างรวดเร็วเสียแล้ว!
“แอนติควิตี้ในตอนนี้ถือเป็นภัยระดับใหญ่หลวงของฟากใต้เลย แถมพวกเขายังเกรี้ยวกราดมากอีกด้วย คนเหล่านี้เริ่มต้นจากตะวันออกเฉียงใต้ของเขตฮัวเซีย ไล่ลงมาเรื่อย ๆ ค่อย ๆ กัดกินฟากใต้อย่างช้า ๆ เหมือนกับรังสี พวกนั้นไม่สนใจว่ากิลด์ที่ต้องเจอจะเล็กหรือใหญ่ เพราะยังไงก็ไม่ได้ตั้งใจจะปล่อยกิลด์ไหนหลุดรอดไปอยู่แล้ว กิลด์ผู้โชคร้ายจะต้องเลือกระหว่างยอมเป็นเบื้องล่างหรือจะถูกทำลาย หากกิลด์ไหนคิดสู้ นั่นหมายถึงเลือกแล้วว่าจะถูกทำลาย เพราะความแข็งแกร่งของแอนติควิตี้นั้นยังไม่เป็นสองรองใครเลยตั้งแต่เริ่มก่อสงครามมา และภายใต้แรงกดดันอันมหาศาลที่ส่งต่อกันจากกิลด์หนึ่งสู่กิลด์หนึ่ง มันทำให้พวกเขาเลือกที่จะยอมเป็นเบื้องล่างกันเสียก่อนที่จะถูกทำลาย ผลของการยินยอมเช่นนี้ทำให้แอนติควิตี้สามารถพัฒนาอำนาจของตนเองได้เร็วยิ่งขึ้นดั่งสโนว์บอลเอฟเฟกต์ แล้วถ้ามันยังเป็นแบบนี้ต่อไป เราทำได้เพียงแค่รอเวลาที่พวกนั้นจะมาบุกเทียนหลงหรือไม่ก็เมืองแห่งความโศกเศร้าเท่านั้น”
หลิวเฉียงเหว่ยดูเคร่งเครียด น้ำเสียงที่ฟังดูสูงส่งของเธอนั้นตอนนี้มันแฝงไปด้วยความกังวลและความเหนื่อยล้าไว้อยู่เล็กน้อย
“แอนติควิตี้เหรอ…” เซียวเฟิงพึมพำเบา ๆ ระหว่างที่คิดเขาก็คอยลูบคางตนเองไปด้วย
“เจ้าแห่งฮีลเลอร์ หัวหน้าโรส ตอนนี้วอร์สปิริตฮอลล์น่ะ เป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับมิดซัมเมอร์กิลด์มาก ๆ แล้ว พวกคุณทั้งสองคนต้องช่วยพวกเราแก้ปัญหานี้นะ แอนติควิตี้คงจะมาถึงเมืองเซิงสุ่ยเร็ว ๆ นี้แน่ และด้วยความแข็งแกร่งระดับนั้น พวกเราวอร์สปิริตฮอลล์ไม่สามารถรับการโจมตีไว้ได้แน่ ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม!”
สกายที่หน้าอมทุกข์ตลอดเวลาเองก็ได้พูดขึ้นมาตอนนั้นด้วย เขาต้องการที่จะรู้ว่าเซียวเฟิงพอจะมีทางช่วยเขาอย่างไรบ้าง
เมืองเซิงสุ่ยเองก็เป็นหนึ่งในเมืองหลักที่อยู่ประจำฟากใต้เช่นกัน แต่เมืองนั้นไม่เหมือนกับเทียนหลงที่ตั้งอยู่ในกลางมากกว่า ตำแหน่งที่ตั้งของเมืองเซิงสุ่ยนั้นอยู่ใกล้กับตะวันออกเฉียงใต้ไปซะเยอะ วิเคราะห์จากภูเขาหิมะที่อยู่ด้านนอกเมือง ระยะห่างระหว่างเมืองเซิงสุ่ยและเมืองเทียนหลงนั้นก็ค่อนข้างจะมากเลยในแง่ของลักษณะภูมิประเทศ
โชคไม่ดีที่แอนติควิตี้เริ่มก่อสงครามมาจากทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ เพราะงั้นแล้วพวกนั้นน่าจะมาถึงเมืองเซิงสุ่ยในอีกวันสองวันแน่ ๆ
ในฐานะที่เป็นกิลด์ใหญ่ วอร์สปิริตฮอลล์ก็ไม่ได้ถือว่าไร้ความสามารถแต่อย่างใด ทว่าปัญหามันอยู่ที่แอนติควิตี้นั้นแข็งแกร่งเกินไปจนน่ากลัวต่างหาก!
ตั้งแต่เริ่มมีข่าวออกมา สกายก็คอยระแวดระวังการขยายอำนาจของแอนติควิตี้มาโดยตลอด สิ่งที่น่ากลัวที่สุดในการต่อสู้กับพวกนี้ก็คือการที่คนเหล่านี้พากันมายืนออกันที่หน้าประตูทางเข้าแคมป์กิลด์ก่อนจะโถมกำลังเข้ามาภายในแคมป์จนไม่มีใครต้านทานได้ จากนั้นพวกนั้นจะล้อมหอบัญชาการแคมป์เอาไว้และตะโกนเสียงดัง ‘ยอมจำนน หรือ ตาย’
แม้ว่าแอนติควิตี้นั้นจะไม่สามารถประกาศสงครามกับหลาย ๆ กิลด์พร้อมกันได้ก็จริง แต่ตอนนี้พวกเขามีกิลด์อื่น ๆ ที่อยู่ภายใต้บังคับบัญชามากมาย ดังนั้นแล้วกิลด์เหล่านี้จึงถูกส่งไปประกาศสงครามแทน และถึงแม้กิลด์เหล่านี้จะพ่ายแพ้ให้กับแอนติควิตี้มาก่อนและกลายเป็นกิลด์ที่อยู่เบื้องล่าง แต่ก็ใช่ว่ากิลด์เหล่านี้จะไม่มีฝีมือ พวกเขาแค่ไม่สามารถสู้แอนติควิตี้ได้เท่านั้น แต่ถ้าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับกิลด์อื่นแล้ว มันไม่ใช่เรื่องยากเลยที่จะเอาชนะและทำให้อำนาจของแอนติควิตี้ขยายตัวออกไปอีกได้
กิลด์ที่พ่ายแพ้จะต้องเลือกว่าจะมาเป็นเบื้องล่างให้แอนติควิตี้และช่วยพวกเขาขยายอำนาจ หรือจะไม่ยอมแพ้แล้วสู้ต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะไม่เหลืออะไรให้สู้
มันไม่เกินไปหากจะบอกว่าภายในเขตฮัวเซียที่กำลังเต็มไปด้วยความวุ่นวายในหลายพื้นที่นี้ ตะวันออกเฉียงใต้ถือว่าได้รับผลกระทบหนักที่สุด พวกเขาต้องรับมือกับสงครามที่โหดร้ายและทารุณ และมันทำให้กิลด์ที่อยู่ในโซนอื่นต่างพากันหวาดกลัวด้วย นั่นเพราะพวกเขาเห็นพ้องต้องกันแล้วว่ากิลด์แอนติควิตี้นี้โหดเหี้ยมเกินไป!
ถึงจะมีหลายกิลด์ที่ไม่กลัวตายที่ซึ่งพยายามจะรวมทีมแล้วกลับไปสู้ใหม่ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม พวกเขาหวังว่าจะมีสักทางที่ทำให้พวกเขาได้เปรียบอีกฝ่ายบ้าง ทว่าด้วยความห่างชั้นของความแข็งแกร่ง ความพยายามของทั้งหมดจึงไม่มีทางสำเร็จในท้ายที่สุด
ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากจะหากิลด์ใดในฟากใต้ที่จะไปหยุดยั้งการเติบใหญ่ของแอนติควิตี้ได้ เห็นทีก็คงจะมีแต่มิดซัมเมอร์กิลด์แล้วเท่านั้น
นี่เป็นเรื่องที่สกายรู้ตัวเองดีอยู่แล้ว เพราะแบบนี้เขาถึงได้รีบมาขอความช่วยเหลือในช่วงจังหวะสำคัญเช่นนี้ เขาเชื่อว่าถ้าหากวอร์สปิริตฮอลล์และมิดซัมเมอร์กิลด์ร่วมมือกันล่ะก็ พวกเขาจะต้องปกป้องเมืองเซิงสุ่ยไว้ได้อย่างแน่นอน!
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ความวุ่นวายในฟากใต้ขยับขึ้นไปเป็นระดับสูงสุด สกายก็ยังคงเชื่อว่าอำนาจบารมีของมิดซัมเมอร์ที่ยิ่งใหญ่ราวกับแสงสว่างของนักบุญจะต้องสามารถต้านทานความชั่วร้ายของแอนติควิตี้ที่เสมือนเงาร้ายที่กำลังกัดกินโลกของเกมได้แน่ ๆ มิดซัมเมอร์กิลด์จะต้องจัดทีมที่สามารถเอาชนะแอนติควิตี้ได้! และนี่คือเป้าหมายที่แท้จริงของสกาย!
“วางใจได้เลย มิดซัมเมอร์นั้นมองว่าวอร์สปิริตฮอลล์เป็นพันธมิตรที่ดีอยู่แล้ว แน่นอนว่าพวกเราจะไม่นิ่งดูดายและปล่อยพวกนายไว้เพียงลำพังแน่ ๆ ”
หลิวเฉียงเหว่ยลูบขมับตนเองเบา ๆ ก่อนจะพูดออกไป เห็นได้ชัดว่าเธอรู้เรื่องนี้อยู่แล้ว
“หัวหน้าคะ มีหัวหน้ากิลด์จำนวนหนึ่งมารอพบหัวหน้าที่หน้าทางเข้าแคมป์ค่ะ”
ลิลลี่ถอยออกไปครู่หนึ่งเพื่อรับโทรศัพท์ หลังจากนั้นเธอก็กลับมาอีกครั้งและกล่าวกับหลิวเฉียงเหว่ย
“ถ้างั้นเธอไปทำหน้าที่ของเธอเถอะ แค่บอกให้รู้ก็พอว่ามีอะไรจะให้ฉันช่วยบ้าง”
เซียวเฟิงที่เห็นดังนั้นก็ตระหนักได้ว่าเธอเองก็คงจะยุ่งสุด ๆ เหมือนกัน ดังนั้นจึงพูดทิ้งท้ายไว้ก่อนจะออกไป
ภายใต้สถานการณ์ที่รุนแรงเช่นนี้ มันมีอะไรไม่มากหรอกที่เซียวเฟิงสามารถทำได้ และสิ่งเดียวที่ชายหนุ่มมั่นใจว่าทำได้อย่างแน่นอน นั่นก็คือการโต้กลับในสงครามด้วยความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งของตัวเอง