Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 317 ลิชเค่อเสวี่ย
บทที่ 317 ลิชเค่อเสวี่ย
บทที่ 317 ลิชเค่อเสวี่ย
เมื่อกลับมาถึงปราสาทใต้พิภพชั้นที่ 6 เซียวเฟิงก็เริ่มกำจัดมอนสเตอร์อีกครั้งอย่างไม่รีรอ ชายหนุ่มไม่พูดพร่ำทำเพลงใด ๆ และรีบทำสิ่งที่ต้องทำอย่างรวดเร็ว
แต่เพราะแบบนี้มันเลยทำให้ชายหนุ่มคำนวณพลาดไปครั้งถึงสองครั้ง เพราะดึงมอนสเตอร์เข้ามารวมกันไว้มากเกินไป โชคยังดีที่พลังป้องกันของตัวเองนั้นสูงพอจะรับการโจมตีจากมอนสเตอร์เหล่านี้ได้ มันเลยไม่ได้รับความเสียหายอะไรมากนัก
เซียวเฟิงรู้สึกได้ว่าตนต้องรีบทำนู่นทำนี่ให้เสร็จในเร็ว ๆ นี้แล้ว เพราะพอมาคิดดูดี ๆ เขามีหลายเรื่องที่จะต้องทำเหลือเกิน ครั้งนี้กลับมายังฮัวเซียก็เพื่อเป้าหมาย ทว่าที่ซ่อนของเขากลับถูกพวกเฮลค้นพบเสียก่อนที่จะได้เบาะแสของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเสียอีก และเมื่อไหร่ที่พวกเฮลยกคนกันมา เซียวเฟิงก็จะต้องรีบออกไป
ตามปกติแล้ว เซียวเฟิงจะอยู่ตัวคนเดียวเสมอ ทั้งนี้ก็เพื่อความสะดวกสบายของตนเองที่จะสามารถไปไหนมาไหนก็ได้ เขาไม่ค่อยอยากที่จะผูกมิตรกับใครนัก ไม่ว่าจะโดยธรรมชาติหรือใช้กำลัง แต่ตอนนี้มันกลายเป็นว่า เขามีเซียวหลิงที่ต้องดูแล เพราะแบบนี้เขาเลยต้องติดต่อกับเฉียนโตวโตวและหลิวเฉียงเหว่ยไปด้วย
เขาต้องการใครสักคนที่สามารถดูแลเซียวหลิงต่อได้เนื่องจากตัวเขาเองไม่สามารถอยู่ดูแลเธอได้ตลอดไปแน่ ๆ
การที่ได้มาติดต่อพบเจอนั่น หมายถึงเซียวเฟิงก็จะถูกบังคับให้มามีส่วนเกี่ยวข้องกับปัญหาที่พวกเธอต้องพบไปด้วย และมันเป็นเรื่องที่ชายหนุ่มต้องแก้ให้ได้เสียก่อน
ยิ่งไปกว่านั้น ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะแก้ปัญหาหมดไปแล้วเรื่องหนึ่ง แต่ก็ใช่ว่ามันจะไม่มีปัญหาอื่นต่อ ทั้งเฉียนโตวโตวและหลิวเฉียงเหว่ยต่างก็เป็นคนที่มีความทะเยอะทะยานสูง และเพราะแบบนี้มันจึงมีปัญหาต่าง ๆ ตามมานับไม่ถ้วน การแก้ปัญหาทั้งหมดนั้นถือเป็นสิ่งที่ชายหนุ่มสมควรทำอยู่แล้ว ทว่าตัวแปรสำคัญมันอยู่ที่ เวลาของเขาที่เหลือไม่มากนั่นต่างหาก
ไม่มีใครรู้ว่าเดอะเฮลจะหาตัวเซียวเฟิงเจอเมื่อไหร่ บางทีอาจจะเป็นในอีกหนึ่งนาทีข้างหน้าก็ได้ เวลาที่เขามีอยู่มันเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ในขณะที่สิ่งต่าง ๆ นั้นกลับยังไม่มั่นคงอย่างที่ควร
ตอนนี้ชายหนุ่มไม่มั่นใจเลยด้วยซ้ำว่าตนเองจะสามารถแก้ปัญหาทุกอย่างได้ก่อนที่จะถึงเวลาจากไปหรือเปล่า?
ยินดีด้วย! ท่านเลเวล 37 แล้ว และได้รับค่าสถานะ 2 แต้ม!
ทันทีที่มอนสเตอร์ภายในชั้นที่ 6 ของปราสาทใต้พิภพถูกกำจัดจนหมด แสงสีขาวของการเลเวลอัปก็เปล่งออกมาจากร่างของเซียวเฟิงพร้อม ๆ กับเสียงประกาศ เพราะไม่มีสัตว์เลี้ยงมาคอยแบ่งค่าประสบการณ์ไปจากเขา ดังนั้นการกำจัดทั้งมอนสเตอร์และบอสจำนวนมากในที่แห่งนี้ มันจึงมอบค่าประสบการณ์ปริมาณมหาศาลให้เซียวเฟิงเพียงคนเดียว และค่าประสบการณ์เหล่านี้ก็มากพอที่จะทำให้อัปเลเวลด้วย
ภายในปราสาทใต้พิภพนี้มีผู้คุ้มกันอยู่ทั้งหมดหกตน ซึ่งห้าตนถูกเซียวเฟิงกำจัดไปยังชั้นก่อนหน้าแล้ว ในแต่ละชั้นก็จะเจอผู้คุ้มกันต่างประเภทกันไป ดังนั้น ณ ชั้นที่ 6 นี้ เซียวเฟิงจึงไม่สามารถเดาได้ว่าจะเป็นผู้คุ้มกันประเภทไหนปรากฏตัวออกมา เขาทำได้เพียงจ้องมองไปยังโถงกลางของชั้นนี้เท่านั้น
ระหว่างนั้น หมอกสีเทาก็ก่อตัวขึ้นเป็นร่างที่กำลังลอยไปมาอยู่ภายในโถง มันพูดด้วยเสียงแหบพร่าและน่าหวาดกลัว
“ใครกันที่กล้ามารบกวนข้า!”
เซียวเฟิงเผลอแสยะยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว เพราะหลังจากที่จัดการมอนสเตอร์ภายในชั้นนี้หมดแล้ว ผุ้คุ้มกันประจำชั้นที่ 6 ก็ปรากฏตัวออกมาจริง ๆ ด้วย และมันก็เป็นลิช อย่างที่เขาเดาไว้ มันหนีมาซ่อนตัวอยู่ตามที่หนี่อู๋บอกจริง ๆ
“นี่เจ้า! ไอ้หมารับใช้แห่งแสง! เจ้าอีกแล้วเรอะ!? สักแต่จะทำลายสิ่งที่ข้าทำมันทุกอย่างเลยหรือไง!!”
ไม่เพียงแต่เซียวเฟิงจะจำมันได้ ลิชเค่อเสวี่ยเองก็จำเขาได้อย่างรวดเร็วเช่นกัน มันไม่รอช้าที่จะจ้องเขม็งไปยังเขาพร้อมล็อกเป็นเป้าหมายโจมตีทันที
ทางเซียวเฟิงเองก็ไม่ได้พูดอะไรให้เป็นการเสียเวลา ชายหนุ่มมาที่นี่เพราะจะกำจัดมันอยู่แล้ว เพราะงั้นทันทีที่มันปรากฏตัว เขาก็ใช้ทักษะตรวจสอบอ่านค่าความสามารถเพื่อไม่ให้พลาดอะไรไป
ลิชเค่อเสวี่ย
เลเวล : 50
ระดับ : บอสเทพเจ้า
ธาตุ : อันเดด
พลังชีวิต : 320,000 / 320,000 หน่วย
พลังโจมตี : 3,250 – 3,500 หน่วย
พลังเวท : 3,600 – 3,800 หน่วย
พลังป้องกันกายภาพ : 2,900 – 3,000 หน่วย
พลังป้องกันเวทมนตร์ : 3,000 – 3,100 หน่วย
สกิล : คำสาป, นิ้วชี้ตาย, หวาดกลัว, ถ้อยคำแห่งอันเดด, เน่าเปื่อย, ระเบิดพลังจิต, ต่อต้านอันเดด, ประตูแห่งอันเดด, พันธสัญญาแห่งความตาย, พลังแห่งทวยเทพ, อมตะ, ฟื้นคืนชีพ
คำโปรย : ‘ในฐานะที่เป็นหนึ่งในผู้นำที่สำคัญ มันคือนายทหารลำดับ 1 ที่จงรักภักดีต่อลิชคิง ตัดสินใจที่จะทำทุกสิ่งอย่างเพื่อให้ลิชคิงสามารถคืนชีพได้ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของดินแดนแห่งพระเจ้าก็ตาม’
ค่าสถานะต่าง ๆ ของลิชเค่อเสวี่ยนี้ทำเอาเซียวเฟิงแอบประหลาดใจเล็กน้อย มันพัฒนาขึ้นเป็นบอสเลเวล 50 แล้ว ซึ่งแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มันยังมีธาตุเป็นอันเดด การกำจัดมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำไม่ได้อยู่แล้วสำหรับเซียวเฟิง ไม่สนใจด้วยว่ามันจะเลเวลเท่าไหร่!
“ไอ้หมารับใช้โชคร้าย! วันนี้แหละ ข้าจะจองจำวิญญาณของเจ้าตลอดไป! ข้าจะขังเจ้าไว้ในความมืดที่ไร้ซึ่งจุบจบ ไม่ให้เจ้ามีวันได้ผุดได้เกิดอีกเลย!”
แรงอาฆาตของลิชเค่อเสวี่ยนั้นแรงกล้ามาก ๆ ขนาดที่ว่าสามารถโจมตีได้แม้เซียวเฟิงจะยังไม่เข้าระยะโจมตีก็ตาม นิ้วมือที่เป็นกระดูกของมันยกขึ้นชี้เซียวเฟิง และทันใดนั้นที่ปลายนิ้วของมันก็ยิงลำแสงสีแดงออกมา
ทว่าเพราะเซียวเฟิงสามารถรับรู้ได้ผ่านทางสัญชาตญาณผนวกกับความอยากจบศึกนี้ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะงั้นจึงกระโดดหลบไปข้างหนึ่งเพื่อหลบลำแสงสีแดงนั้น ในขณะเดียวกันก็โบกคทาแห่งปราชญ์เพื่อร่ายโฮลี่ไลท์และถ้อยคำแห่งเงาออกไปด้วย
“อุ่ก!?”
ลิชเค่อเสวี่ยร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด การโดนโฮลี่ไลท์อาบร่างนั้น มันทำให้ร่างที่เป็นอันเดดนั้นมีกลุ่มควันสีเขียวพวยพุ่งออกมาเหมือนเลือด จากนั้นตัวเลขแสดงความเสียหายแบบคริติคอลก็ปรากฏขึ้นเหนือหัวของมัน
-72,000!
-2,880!
-2,880!
-2,880!
…
ด้วยความสามารถของชุดมังกรที่สวมอยู่ และโฮลี่ไลท์เลเวล 4 ที่สามารถเร่งพลังรักษาได้ถึง 25% ของพลังชีวิตเป้าหมาย เท่ากับว่าชายหนุ่มสามารถทำความเสียหายกับเป้าหมายมากถึง 25% ของพลังชีวิตเป้าหมาย ต่อให้ลิชเค่อเสวี่ยจะมีสกิลขุมพลังแห่งทวยเทพที่สามารถลดความเสียหายได้ 10% แต่ความเสียหายที่ได้รับจากโฮลี่ไลท์ก็ยังมากกว่า 20% ของพลังชีวิตทั้งหมดของมันอยู่ดี
ยิ่งไปกว่านั้น เซียวเฟิงเองก็ไม่ได้ร่ายเพียงสกิลเดียว เพราะเขาร่ายถ้อยคำแห่งเงาซ้อนไปติด ๆ ถึงแม้ว่าความเสียหายต่อครั้งของมันจะไม่ได้สูงเท่าโฮลี่ไลท์ แต่ด้วยการทำความเสียหายต่อเนื่องถึง 20 วินาที มันก็ทำให้ความเสียหายของสกิลนี้สูงกว่า 20% ของพลังชีวิตของลิชเค่อเสวี่ยด้วยเช่นกัน ดังนั้นแล้วยามที่ทั้งสองสกิลถูกใช้งานด้วยกัน มันก็ทำให้ลิชเค่อเสวี่ยเสียพลังชีวิตไปเกือบครึ่งเลยในคราเดียว!
ลิชเค่อเสวี่ยโกรธเป็นอย่างมาก ซึ่งมันทำให้คทาที่ทรงเหมือนกระดูกของมันเปล่งแสงสว่างมากขึ้นกว่าเดิมอีก ทันใดนั้นคลื่นระเบิดถูกสร้างขึ้นมาและเข้าโจมตีเซียวเฟิงอย่างรวดเร็ว
โล่มังกร!
ไม่มีการลังเล เซียวเฟิงยกโล่มังกรขึ้นมาจากมือซ้ายเพื่อป้องกันการโจมของคลื่นระเบิดที่เข้ามาตรงหน้าไว้ จากนั้นบนหัวของเขาก็ปรากฏอักษรขึ้นมาชัดเจนว่า ‘บล็อก!’
“ปรากฏตัวออกมา! ลูกสมุนของข้า!”
คทากระดูกถูกโบกไปมาอีกครั้ง จากนั้นวงเวทที่ดูน่าพิศวงก็ปรากฏขึ้นมาบนพื้น ทันใดนั้นเองร่างของราชาโครงกระดูกสูงใหญ่ทั้งสามตัวก็ปรากฏขึ้นมาจากวงเวทนั้น และมันไม่รอช้าที่จะโถมเข้าหาเซียวเฟิงพร้อมกับคำรามออกมาเสียงดัง พวกมันทั้งหมดนี้ถือเป็นบอสระดับเล็กที่มีพลังชีวิตอยู่ที่ 20,000 หน่วย
อวยพรอาวุธ!
อวยพรความกล้า!
อวยพรการป้องกัน!
อวยพรชีวิต!
เซียวเฟิงเองก็โบกคทาแห่งปราชญ์เพื่อร่ายบัฟด้วยเช่นกัน ทว่าครั้งนี้ บัฟเหล่านั้นไม่ได้ถูกมอบให้ตนเองเนื่องจากผลจากบัฟครั้งก่อนยังไม่หมด เป้าหมายของบัฟเหล่านั้นจึงไปอยู่กับลิชเค่อเสวี่ยและราชาโครงกระดูกที่ถูกอัญเชิญออกมาทั้งสามตนแทน
มันเป็นสิ่งที่เซียวเฟิงเพิ่งค้นพบเกี่ยวกับพลังแห่งเทพเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อไหร่ที่บัฟซึ่งเป็นประโยชน์ถูกร่ายให้กับมอนสเตอร์เผ่าพันธุ์อันเดด ผลของมันจะกลายเป็นดีบัฟทันที
อย่างเช่น เมื่อร่ายอวยพรอาวุธที่มีผลเพิ่มพลังโจมตีให้กับลิชเค่อเสวี่ยและราชาโครงกระดูกทั้งสาม ผลของมันจะกลายเป็นลดพลังโจมตีของเป้าหมายลง 25% หรือถ้าหากเป็นอวยพรความกล้า ก็จะลดพลังโจมตีเวทของเป้าหมายลงไปแทน
ถึงอย่างนั้นอวยพรชีวิตกลับให้ผลในการลดพลังชีวิตสูงสุดของอีกฝ่ายลงไปเพียงไม่กี่ร้อยเท่านั้น ด้วยปริมาณเพียงเท่านี้ มันจึงไม่ได้กระทบอะไรกับบอสที่มีพลังชีวิตระดับแสนอะไรมากนัก
บัฟที่ร่ายแล้วเห็นผลมากที่สุดคงจะเป็นอวยพรการป้องกัน ที่สามารถลดพลังป้องกันของเป้าหมายได้ถึง 25% เลยทีเดียว!
มังกรคำราม!
“กรรร!!”
ในขณะที่ลิชเค่อเสวี่ยและราชาโครงกระดูกทั้งสามคนกำลังวิ่งเข้าใส่เซียวเฟิง เขาก็ไม่ได้ถอยกลับแต่อย่างใด โล่มังกรของเขายังมีระยะเวลาให้ใช้งานได้เหลืออยู่ เซียวเฟิงละโล่ลงมาเพื่อวิ่งเข้าหาบอสทั้งสี่ตน จากนั้นภาพของกระโหลกมังกรขนาดใหญ่ก็ปรากฏขึ้นด้านหลังเซียวเฟิง มันอ้าปากกว้างและคำรามออกมาจนบอสทั้งสี่ชะงักไป
คมเขี้ยวมังกร!
ค้อนแห่งการพิพากษา!
พลันเมื่อร่ายสกิลเพิ่มอัตราคริติคอลเป็น 100% ภายใน 10 วินาทีไปแล้ว ค้อนสีทองขนาดใหญ่ก็ถูกหวดใส่บอสราชาโครงกระดูกทั้งสามพร้อม ๆ กัน น่าเสียดายที่ลิชเค่อเสวี่ยนั้นอยู่ด้านหลัง และมันไกลเกินระยะ ค้อนแห่งการพิพากษาจึงโจมตีมันไม่ถึง
-5,866! คริติคอล!
-5,900! คริติคอล!
-5,892! คริติคอล!
ความเสียหายรุนแรงสามค่าปรากฏขึ้นเหนือหัวของราชาโครงกระดูกทั้งสามตัว พลังชีวิตของมันลดฮวบไปในทันที แต่เรื่องมันยังไม่จบ
มังกรย่ำบาทา!
พลันเมื่อเซียวเฟิงกระทืบเท้ารุนแรง คลื่นสั่นสะเทือนก็กระจายออกไปรอบตัวซึ่งระยะของมันก็ครอบคลุมจุดที่บอสทั้งสี่ตนยืนอยู่ด้วย!
-800! คริติคอล!
-798! คริติคอล!
-808! คริติคอล!
-2! คริติคอล!
-810! คริติคอล!
-796! คริติคอล!
-2! คริติคอล!
-790! คริติคอล!
-808! คริติคอล!
-812! คริติคอล!
-2! คริติคอล!
คลื่นสั่นสะเทือนทั้งสามระลอกสร้างความเสียหายระดับหนึ่งกับบอสทั้งสี่ตน เพราะเซียวเฟิงไม่ได้ร่ายบัพเพิ่มพลังเวทให้ตน มันเลยทำให้ความเสียหายเวทไม่ได้รุนแรงมากนัก และเพราะแบบนี้มังกรย่ำบาทาจึงไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับลิชเค่อเสวี่ยได้เยอะ
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังทำให้ราชาโครงกระดูกทั้งสามตนเจ็บหนักอยู่ การโจมตีอย่างต่อเนื่องเช่นนี้ทำให้หลอดพลังชีวิตของมันลดลงมาเหลือเพียงครึ่งเดียวเฉกเช่นลิชเค่อเสวี่ยแล้ว
เอฟเฟกต์งุนงงของมังกรคำรามยังมีผลอยู่อีกสองวินาทีสุดท้าย ดังนั้นเซียวเฟิงจึงรีบปลีกตัวออกมาก่อนเพื่อถ่วงเวลาไว้จนกว่าสกิลโจมตีหลักจะคูลดาวน์เสร็จ
“กรรร!!”
ขณะที่วิ่งออกมาแล้ว บอสทั้งสี่ที่หลุดจากการงุนงงก็เริ่มไล่ล่าเซียวเฟิงอีกครั้ง ไม่นานนัก คูลดาวน์ 27 วินาทีของโฮลี่ไลท์ก็หมดไป เซียวเฟิงหันกลับมาหาบอสเหล่านั้นแล้วร่ายโฮลี่ไลท์ใส่ทันที
-72,000!
-5,836!
-5,836!
-5,836!
ความเสียหายที่รุนแรงของโฮลี่ไลท์นั้นยังคงน่าชื่นชมดังเดิม ระหว่างที่กำลังดูผลลัพธ์จากการโจมตีครั้งล่าสุดผ่านค่าตัวเลขที่ลอยขึ้นมานั้น เซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนที่ทำเอาตัวเขาต้องตกใจไปด้วย
เงื่อนไขของ ‘การตื่นของความรอบรู้’ สำเร็จ! คูลดาวน์ของถ้อยคำแห่งเงาถูกรีเซ็ตแล้ว!
เงื่อนไขของการตื่นของความรอบรู้ทำงานแล้ว! แถมสกิลที่สุ่มได้ยังเป็นถ้อยคำแห่งเงาอีก! นี่มันเรื่องบังเอิญมากเลยจริง ๆ!
ไม่มีการลังเล เซียวเฟิงหันกลับไปหาบอสเหล่านั้นอีกครั้งพร้อมกับร่ายถ้อยคำแห่งเงาใส่บอสทั้งสี่ทันที
-2,880!
-200!
-200!
-200!
…
ตัวเลขแสดงความเสียหายปรากฏขึ้นอย่างต่อเนื่องเหนือหัวของบอสทั้งสี่ตน เช่นเดียวกับพลังชีวิตของพวกมันที่พากันลดลงอย่างต่อเนื่องจนเหลืออยู่ในระดับที่โดนการโจมตีชุดใหญ่อีกชุดหนึ่งก็น่าจะตายหมดเลย
เซียวเฟิงหันมองรอบ ๆ ตัวเพื่อตรวจสอบบริเวณทั้งหมดของชั้นที่ 6 ของปราสาทใต้พิภพแห่งนี้ นั่นเพราะลิชเค่อเสวี่ยและราชาโครงกระดูกทั้งสามตนโกรธและดุร้ายขึ้นมาเสียแล้ว พวกมันเริ่มจะร่ายสกิลหนัก ๆ ใส่เขา และมันจำเป็นที่เซียวเฟิงจะต้องรีบหลบสกิลเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ราชาโครงกระดูกทั้งสามตนนั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่อยู่แล้ว ปัญหามันอยู่ที่สกิลของลิชเค่อเสวี่ยต่างหาก ที่ถ้าหากเซียวเฟิงพลาดโดนไปล่ะก็ สกิลเกิดใหม่ได้ทำงานแน่ ๆ
คูลดาวน์ 27 วินาทีผ่านไปไวเหมือนโกหก และเมื่อสกิลโฮลี่ไลท์พร้อมใช้งานอีกครั้ง เซียวเฟิงก็หยุดวิ่งแล้วหันกลับไปเผชิญหน้ากับบอสพร้อมกับโบกคทาแห่งปราชญ์ในมือเพื่อร่ายสกิลด้วย!
“อ๊ากกกกกก!!”
-72,000!
-5,836!
-5,836!
-5,836!
หลอดพลังชีวิตของลิชเค่อเสวี่ยและราชาโครงกระดูกทั้งสามหายเกลี้ยงไปพร้อม ๆ กัน เสียงคำรามของโครงกระดูกตัวใหญ่ทั้งสามร่างดังกังวานไปทั่วก่อนมันจะแตกสลายกลายเป็นกองกระดูก ส่วนลิชเค่อเสวี่ยที่เป็นร่างลอยไปลอยมาในอากาศเองก็หยุดนิ่งไปแล้วค่อย ๆ จางลงไป
“ความมืดมิดจะสาปแช่งเจ้า! มันจะอยู่กับเจ้าตลอดไป! และมันจะกลายเป็นฝันร้ายที่คอยหลอกหลอนเจ้าในขณะที่เจ้าไม่สามารถหนีมันไปไหนได้ด้วย!”
หลังจากที่ทิ้งคำสาปไว้ให้เซียวเฟิงแล้ว ร่างของลิชเค่อเสวี่ยก็หายวับไปกับตา เหลือไว้เพียงเซียวเฟิงที่ยังคงตกใจอยู่
“เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”
เซียวเฟิงขมวดคิ้วเพราะมันยังไม่มีการแจ้งเตือนว่าชายหนุ่มสามารถปราบบอสได้ดังขึ้นทั้ง ๆ ที่เขาปราบบอสได้แล้วแท้ ๆ ไหนจะการที่เขาไม่ได้รับค่าประสบการณ์และรางวัลใด ๆ ตอบแทนเลยอีก
“มีอะไรผิดปกติแน่ ๆ ! ฟื้นคืนชีพงั้นเหรอ!?”
ทันใดนั้นเซียวเฟิงก็นึกขึ้นได้ว่าในข้อมูลของลิชเค่อเสวี่ย มันมีระบุไว้ด้วยว่าบอสตนนี้มีสกิลฟื้นคืนชีพ!