Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 386 แม่ชีรูธ
บทที่ 386 แม่ชีรูธ
บทที่ 386 แม่ชีรูธ
[เพื่อนของท่าน หลีเซียนหยุน ส่งคำขอโทรด้วยเสียง ยอมรับ หรือ ปฏิเสธ?]
บางทีอาจจะเป็นเพราะเห็นเซียวเฟิงออนไลน์ หลีเซียนหยุนจึงรีบกดโทรหาเขาในแทบจะทันทีหลังจากที่ล็อกอินมาได้ไม่นานนัก
“เกิดอะไรขึ้น?” เซียวเฟิงรับสายหลังจากครุ่นคิด เผื่อว่าหลีเซียนหยุนจะมีข่าวเกี่ยวกับวิหารแห่งแสงมาให้เขา
“นายท่านอยู่ไหนน่ะ?” หลีเซียนหยุนถามราวกับว่ามีเรื่องอยากจะพูด
“กำลังทำภารกิจ ยังไม่ว่าง” เขาพูดตัดบทเอาเสียดื้อ ๆ
“หัวหน้ากิลด์ของพวกเราอยากจะเจอหน้านายท่านล่ะ” ชัดเจนเลย เธอมีจุดประสงค์ที่โทรหาเขาอยู่แล้ว
“หัวหน้ากิลด์จักรวรรดิกาลาดูน่ะเหรอ?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็ถามกลับ ก่อนหน้านี้เขาได้ทำการสืบหามาแล้วและพบว่าจักรวรรดิกาลาดูนั้นเป็นกิลด์ที่ใหญ่ที่สุดในเขตฮันกึล แต่ถึงอย่างนั้นสมาชิกกิลด์ก็ยังน้อยกว่าวอร์สปิริตฮอลล์อยู่อีกหลายเท่านั้น มันเป็นผลอันเนื่องมาจากจำนวนผู้เล่นที่ต่างกันมากระหว่างเขตฮัวเซียและเขตฮันกึล
“ใช่แล้ว! ฉันแนะนำนายท่านให้ท่านหัวหน้ารู้จัก แล้วท่านหัวหน้าก็แสดงให้เห็นว่าเขาสนใจในตัวนายท่านมาก ๆ พวกเราอยากจะเชื้อเชิญนายท่านให้เข้าร่วมกับจักรวรรดิกาลาดูด้วยความจริงใจ แล้วก็จะแต่งตั้งให้เป็นรองผู้บัญชาการหน่วยนักบวชด้วยน้า” หลีเซียนหยุนพูดต่อ
“ไม่สนใจ” เซียวเฟิงไม่อยากจะเสียเวลาต่อแล้ว เขาตอบกลับและวางสายไปในทันที
ถึงแม้ว่าเซียวเฟิงจะแอบสนใจกิลด์ภายในเขตฮันกึลอยู่บ้าง แต่เพราะตำแหน่งที่เธอเสนอให้อย่าง รองหัวหน้าหน่วยนักบวช นั้นทำให้เซียวเฟิงรู้สึกไม่อยากจะสนใจต่อจริง ๆ นั่นเพราะเมื่อตอนที่กิลด์ใหญ่ในเขตฮัวเซียมาทาบทามเขา ตำแหน่งรองหัวหน้ากิลด์ คือตำแหน่งที่ต่ำที่สุดที่พวกเขานำมาเสนอ
[เพื่อนของท่าน หลีเซียนหยุน ส่งคำขอโทรด้วยเสียง ยอมรับ หรือ ปฏิเสธ?]
“ปฏิเสธ”
[เพื่อนของท่าน หลีเซีย…]
หลีเซียนหยุนยังคงยืนกรานว่าจะโทรหาเขาให้ได้ กระนั้นเซียวเฟิงก็ตัดสายเธอไปในทันทีที่เห็นข้อความแจ้งเตือนจากระบบอยู่หลายต่อหลายครั้ง จนสุดท้าย หลีเซียนหยุนก็หยุดไปเอง บางทีเธออาจจะรู้แล้วว่าเซียวเฟิงไม่ได้สนใจที่จะเข้าร่วมกิลด์จักรวรรดิกาลาดูจริง ๆ
“ฉันมีข่าวเกี่ยวกับสิ่งที่นายกำลังตามหาอยู่ด้วยนะ มีสมาชิกกิลด์ของพวกเราบอกมาว่า พวกเขาได้รับภารกิจที่เกี่ยวกับวิหารแห่งแสงอะไรนั่นที่หุบเขาอาทิตย์ตกน่ะ” อย่างไรก็ตาม หลีเซียนหยุนผู้ยังไม่ละทิ้งความพยายามก็ตัดสินใจส่งข้อความไปหาเซียวเฟิง เธอยังไม่ลืมว่าตัวเธอนั้นตกลงอะไรกับเซียวเฟิงไว้
“โอเค เข้าใจแล้ว”
เซียวเฟิงตอบกลับ เขาจำชื่อของหุบเขาอาทิตย์ตกเอาไว้ แต่ก็ไม่ได้วางแผนว่าจะไปทันที เพราะเมืองเซียนรี่นี่เองก็มีข่าวคราวเรื่องของวิหารแห่งแสงเช่นกัน ชายหนุ่มตั้งใจจะสำรวจที่เมืองนี้ก่อน ถ้าหากไม่พบอะไรที่เกี่ยวข้อง ถึงจะไปยังหุบเขาอาทิตย์ตกอีกทีหนึ่ง
เมืองเซียนรี่นั้นไม่ใช่เมืองที่ใหญ่อะไรนัก น่าจะถือเป็นเมืองหลักที่มีเลเวลสัก 3 เห็นจะได้ แต่ที่นี่กลับมีผู้เล่นเยอะผิดคาด พวกเขาล้วนแต่เข้ามาเพื่อแวะเวียนร้านค้าอาวุธยุทโธปกรณ์และร้านยาเพื่อหาซื้อ ซ่อมแซมอาวุธ อุปกรณ์รวมถึงเติมเสบียงต่าง ๆ ด้วย
ฟังจากบทสนทนาที่ได้ยินไปทั่ว เซียวเฟิงก็รู้ว่าที่ด้านนอกเมืองนั้นมีดันเจี้ยนเลเวล 25 อยู่ ยิ่งไปกว่านั้นมันยังเป็นดันเจี้ยนระดับกลางที่จำกัดปาร์ตี้ไว้ ไม่เกินสิบคนต่อหนึ่งปาร์ตี้ด้วย ด้วยความที่มันไม่ได้ยากจนเกินไปและเหมาะกับผู้เล่นทั่วไปสุด ๆ มันจึงทำให้มีผู้เล่นมากมายสนใจที่จะพิชิตดันเจี้ยนนี้กัน
“เฮ้ นายน่ะ สนใจจะเข้าปาร์ตี้เพื่อไปพิชิตดันเจี้ยนไหม? พวกเรากำลังขาดนักบวชพอดีเลย” ขณะที่เซียวเฟิงกำลังเดินผ่านร้านขายยานั้น เขาก็ถูกผู้เล่นกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งเติมของในกระเป๋าเรียบร้อยแล้วเข้ามารั้งตัวไว้
“ไม่สนใจ” เซียวเฟิงส่ายหน้าและเดินต่อไป
“มาเถอะ ปล่อยไอ้คนอวดดีนั่นไปเถอะ คิดว่าตัวเองวิเศษวิโสมาจากที่ไหนกัน กับอีแค่มีชุดแฟชั่นใส่แค่นั้นน่ะ? ชุดแบบนั้นน่ะ ฉันคนเดียวก็หาได้ทั้งชุดแล้ว นี่หัวหน้าอุตส่าห์มีน้ำใจชวนพวกมือใหม่มาเข้าปาร์ตี้เพื่อจะไปพิชิตดันเจี้ยนเลยนะ ไอ้หมอนี่ดันกล้ามาทำเมินเราซะได้”
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนการปฏิเสธของเซียวเฟิงจะทำให้คนเหล่านี้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา และท่ามกลางคนเหล่านี้ ผู้เล่นคนหนึ่งที่สวมชุดนักธนูก็พูดดูถูกเซียวเฟิงขึ้นมา
ผู้เป็นหัวหน้าปาร์ตี้เองก็ดูจะไม่พอใจเหมือนกัน ราวกับว่าเซียวเฟิงเพิ่งจะหักหน้าเขาไป
เซียวเฟิงชะงักไปครู่หนึ่งหากแต่ไม่ได้หันกลับไปมองด้านหลัง เขาไม่ได้อยากจะไปพัวพันกับผู้เล่นทั่ว ๆ ไปที่จะไปพิชิตดันเจี้ยนระดับกลางกันอยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้เขาหยุดชะงักก็คือ พลังอันแรงกล้าของวิหารแห่งแสงที่เห็นได้จากไกล ๆ ซึ่งเซียวเฟิงตอบสนองต่อพลังนี้เป็นอย่างดี เขารีบเดินตามถนนที่ทอดยาวออกไปจากเมืองเซียนรี่โดยยึดเอาตามความรู้สึกเป็นหลัก และที่ปลายทางแห่งนั้น เขาก็พบโบสถ์ขนาดเล็กแห่งหนึ่งที่รอเขาอยู่
“ท่านนักผจญภัยผู้หลงทางเอ๋ย จงมาภาวนากับข้าเถิด แล้วพระเจ้าจะนำทางท่านไปสู่แสงสว่าง”
ที่นั่นมีเพียงแม่ชีคนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าภาวนาอยู่ ไม่มีผู้เล่นคนอื่นหรือ NPC คนอื่นเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อเซียวเฟิงเดินเข้าไปด้านใน แม่ชีผู้นั้นก็ลุกขึ้นพร้อมหันมาพูดกับเซียวเฟิงทันที
เขาหันมองไปรอบ ๆ ก็เห็นได้ว่าโบสถ์แห่งนี้ไม่ได้ใหญ่เลย แต่ถึงอย่างนั้นรูปปั้นที่อยู่ตรงกลางโบสถ์นั้นก็ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคยได้เป็นอย่างดี มันคือเทพเจ้าแห่งแสง นอกจากนี้เขายังรู้สึกได้ถึงแสงสว่างอันศักดิ์สิทธิ์ที่แผ่กระจายอยู่ ณ ที่แห่งนี้ด้วย ไม่ผิดแน่ เขาถูกที่นี่เรียกตัวมา
ทว่าเมื่อวิเคราะห์จากขนาดของโบสถ์ สถานที่ตั้งอันห่างไกลและไร้ซึ่งผู้คนระดับที่ไม่มีผู้เล่นแวะเวียนมาเลย ทำให้เซียวเฟิงมั่นใจมาก ๆ ว่าวิหารแห่งแสงที่นี่กำลังตกที่นั่งลำบากเสียแล้ว
“ท่านนักผจญภัยผู้หลงทาง ตราบใดก็ตามที่ท่านภาวนาด้วยศรัทธาอันแรงกล้า พระเจ้าจะต้องตอบสนองต่อโชคชะตาของท่านอย่างแน่นอน”
เมื่อเห็นว่าเซียวเฟิงไม่ได้ตอบสนองแต่อย่างใด แม่ชีวัยกลางคนก็พูดขึ้นอีกครั้ง ทำให้เซียวเฟิงพอจะเดาได้ว่าเธอน่าจะมีภารกิจอะไรแน่ ๆ และผู้ที่จะรับภารกิจนั้นได้ก็ต้องเป็นผู้ที่ร่วมภาวนากับเธอเท่านั้น แต่เพราะเซียวเฟิงไม่อยากจะเสียเวลาไปกับเธอ ดังนั้นเขาจึงนำฉายาอาร์คบิชอปขึ้นมาแสดงทันที
“พระเจ้า! โอ้ ขอบคุณพระผู้เป็นเจ้า! ท่านอาร์คบิชอปอยู่ที่นี่แล้ว! นี่จะต้องเป็นผู้นำทางแห่งพระเจ้าแน่ ๆ!”
ทันทีทันใด แม่ชีผู้นี้ก็อุทานออกมา เธอคุกเข่าลงอีกครั้งแล้วกราบไหว้บูชาเซียวเฟิง เป็นที่แน่นอนแล้วว่าเธอคนนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกของวิหารแห่งแสง
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” เซียวเฟิงหยุดการกระทำของเธอไว้ด้วยความใจร้อน เขากำลังรู้สึกเหมือนว่า NPC คนนี้ถูกล้างสมองเอาไว้เลย
“ท่านอาร์คบิชอป! ท่านมีอะไรให้ข้าช่วยหรือเปล่า? แล้วท่านนำโอราเคิลมาด้วยหรือเปล่า?” ชีวัยกลางคนรีบลุกขึ้นยืนและถามกับเซียวเฟิงด้วยความเคารพ
“พาฉันไปที่กองบัญชาการของเธอหน่อย อย่าพูดเชียวว่าในจักรวรรดิแห่งนี้มีเพียงโบสถ์แห่งวิหารแห่งแสงเพียงที่เดียว” เซียวเฟิงพูดไปตรง ๆ เนื่องจากภายในหัวของ NPC ไม่มีเรื่องการแบ่งเขตแดนหรือพื้นที่โซนอื่น ๆ เอาไว้ ดังนั้นเขาจึงต้องใช้คำว่า ‘จักรวรรดิ’ แทนที่จะเป็น ‘เขตฮันกึล’
“รับทราบค่ะ ท่านอาร์คบิชอป ได้โปรดมากับข้า พวกเรามีวิหารอยู่ที่ด้านนอกเมืองอีกแห่งหนึ่งที่ซึ่งถือเป็นกองบัญชาการหลักของพวกเราด้วย”
เธอตอบรับด้วยความเคารพก่อนจะผายมือและเดินนำเซียวเฟิงไป ทันใดนั้นใต้เท้าของเธอก็ปรากฏวงเวทสำหรับเคลื่อนย้ายขึ้นมา
เซียวเฟิงพยักหน้าและก้าวตามเธอไปติด ๆ และเมื่อแม่ชีกุมมือตนไว้ด้วยกัน วงเวทนี้ก็เกิดการสั่นสะเทือนและส่งผู้ที่อยู่เหนือมันทั้งสองร่างไปยังปลายทาง เพียงพริบตาเดียว ทั้งสองคนก็ไม่ได้อยู่ที่หน้าโบสถ์เล็ก ๆ ดังเดิมแล้ว
[ท่านได้ค้นพบ ‘หุบเขาอาทิตย์ตก’ ได้รับค่าชื่อเสียง +50 แต้ม!]
เมื่อเขาปรากฏตัวอีกที ภาพตรงหน้าก็กลายเป็นป่าไปเสียแล้ว แต่จากเสียงของระบบที่ดังเตือน เซียวเฟิงก็ไม่คาดคิดเลยว่ามันจะเป็นหุบเขาอาทิตย์ตกที่หลีเซียนหยุนได้บอกเขาไว้ นี่มันเป็นการมาอย่างที่ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ และหลีเซียนหยุนก็ไม่ได้ช่วยอะไรเขาทั้งสิ้น เพราะชายหนุ่มเจอที่แห่งนี้ด้วยตนเอง
หุบเขาอาทิตย์ตก นั้นเป็นชื่อของแผนที่ สภาพแวดล้อมของบริเวณนี้ก็คือหุบเขาที่อยู่กึ่งกลางระหว่างยอดเขาทั้งสองยอด มันมีพื้นที่เป็นเหมือนเส้นทางที่ตัดตรงผ่านภูเขา และด้วยความที่ภูเขาทั้งสองลูกที่แม้จะเป็นส่วนยอดเขาแล้ว มันก็ยังมีระยะทางที่ค่อนข้างยาวไกลอยู่ดี
สิ่งที่น่าแปลกคือผนังทางเดินที่เป็นส่วนหนึ่งของภูเขาทั้งสองฝั่งนั้นเรียบสนิทและตั้งตรงเสมอกันราวกับมันโดนมีดผ่าออกเสียอย่างนั้น ซึ่งมันทำให้เซียวเฟิงอดไม่ได้ที่จะหันมองตลอดทาง
“ช่องเขาแห่งนี้ถูกผ่าขึ้นมาโดยพลังแห่งเทพของท่านทูตสวรรค์น่ะค่ะ และพลังแห่งทวยเทพที่ท่านทูตสวรรค์เหลือไว้ยังที่แห่งนี้เองก็อยู่ในส่วนที่ลึกสุดของหุบเขาด้วย ดังนั้นพวกเราจึงใช้ที่นั่นเป็นที่ตั้งของวิหารของพวกเรา”
บางทีอาจจะเป็นเพราะแม่ชีผู้นี้สังเกตเห็นสายตาของเซียวเฟิงที่มองไปรอบ ๆ เธอจึงอธิบายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความภาคภูมิใจและความซื่อตรง
“ทูตสวรรค์งั้นเหรอ?” เซียวเฟิงประหลาดใจขึ้นมาทันที มันจะใช่ทูตสวรรค์ที่เขาลงมือฆ่าไปหรือเปล่านะ? ทูตสวรรค์ที่ถูกทิ้งไว้ ณ ใต้ทะเลสาบมู่กวางที่เซียวเฟิงชุบชีวิตขึ้นมาหลังจากที่คลายผนึกได้
จากประสบการณ์ที่ได้รับรู้ถึงความแข็งแกร่งในระดับมหาศาลของทูตสวรรค์ตนนั้น การผ่าภูเขาได้แบบนี้มันไม่ใช่เรื่องแปลกเลย เมื่อครั้งที่สู้กับเซียวเฟิงนั้น ไม่ว่าจะสกิลไหนของมันก็รุนแรงพอที่จะทำลายสภาพแวดล้อมบนโลกนี้ได้ไม่ยาก นี่ขนาดเพิ่งจะฟื้นคืนชีพนะ คิดไม่ออกเลยว่าหากเป็นตอนที่ยังมีชีวิตอยู่จะมีพลังขนาดไหน โชคดีของเซียวเฟิงจริง ๆ ที่เขาได้สู้ตอนที่เทวทูตไร้ซึ่งสติปัญญาแล้ว
“ท่านอาร์คบิชอปคะ ท่านได้ติดต่อกับท่านทูตสวรรค์บ้างหรือเปล่า? ข้าไม่ได้ยินข่าวคราวของท่านทูตสวรรค์เลย ตั้งแต่สงครามครั้งสุดท้ายกับทัพแห่งความมืดจบลง” เมื่อเห็นเซียวเฟิงบ่นพึมพำ แม่ชีก็หันกลับมาถามเขาอีกครั้ง
“เขาตายแล้ว” กระนั้นแล้วเซียวเฟิงก็ไม่ได้ปิดบังอะไร เขาตอบกลับไปตามความเป็นจริง
“ว่ายังไงนะ…แม้แต่ท่านทูตสวรรค์ที่แข็งแกร่งเองก็ยัง…” เธอดูจะช็อกไปเลย ใบหน้านั้นแสดงความโศกเศร้าออกมาก่อนที่เธอจะเริ่มรู้สึกวิตกขึ้นมาอีกครั้ง “วิหารแห่งแสงอย่างพวกเราต่างก็ต่อสู้ในฐานะปราการด่านหน้าเพื่อนำพามาซึ่งความสงบสุขบนดินแดนแห่งพระเจ้าผืนนี้แท้ ๆ! แต่มนุษย์ผู้น่ารังเกียจพวกนั้นกลับเมินค่าความพยายามเหล่านี้และกีดกันพวกเราออกมา! ไอ้พวกเวร!”
“เฮ้ ๆ ระวังคำพูดหน่อย ท่านแม่ชี” เซียวเฟิงรีบกล่าวเตือนเธอพร้อมกับสังเกตท่าทีของเธอไปด้วยในขณะเดียวกัน ดูจากการที่แม่ชีผู้นี้สามารถแสดงความรู้สึกได้ชัดเจนถึงเพียงนี้ แสดงว่าค่าความฉลาดของเธอจะต้องสูงมากแน่ ๆ เขามั่นใจเลยว่า NPC ที่ฉลาดขนาดนี้จะต้องแข็งแกร่งไม่น้อยด้วยเช่นกัน
ไม่รอช้า เซียวเฟิงตัดสินใจใช้ทักษะตรวจสอบของเขา ตรวจสอบแม่ชีผู้นี้ และสิ่งที่เขาพบก็ทำเอาเขาต้องเป็นฝ่ายตกตะลึงไปด้วย
เอาจริงดิ! เธอเป็นบอสระดับเทพเจ้าเลเวล 50 เลยงั้นเหรอ!?
แม่ชีรูธ
เลเวล : 50
ระดับ : บอสเทพเจ้า
ธาตุ : แสง
พลังชีวิต : 600,000 / 600,000 หน่วย
พลังโจมตี : 7,888 – 7,999 หน่วย
พลังเวท : 7,999 – 8,111 หน่วย
พลังป้องกันกายภาพ : 5,400 – 6,000 หน่วย
พลังป้องกันเวทมนต์ : 5,800 – 6,400 หน่วย
สกิล : โฮลี่ไลท์, ต้นกำเนิดชีวิต, การลงทัณฑ์แห่งแสง, ภาวนาและสารภาพ, เกราะสวรรค์, ลมหายใจแห่งแสง, กายาศักดิ์สิทธิ์, ทำนาย, การป้องกันแห่งมหาทูตสวรรค์, คำอวยพรจากเทพแห่งแสง, พลังแห่งทวยเทพ
ถึงแม้ว่าเขาจะแอบคาดเดาไว้ว่าเธอจะต้องแข็งแกร่งแน่ ๆ ตั้งแต่ที่เธอผู้นี้สามารถเปิดวงเวทสำหรับเคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย แต่เซียวเฟิงไม่คาดคิดเลยว่าแม่ชีที่เฝ้าภาวนาอยู่ในโบสถ์เล็ก ๆ นั้นจะน่าตกใจขนาดนี้! พลังในการต่อสู้ของเธอเทียบเท่ากัปตันโบลตันผู้เป็นหัวหน้าหน่วยพาลาดินเลย!
“ขอหัวหน้าอภัยด้วยค่ะที่เผลอแสดงกริยาเช่นนั้นออกมา มันเป็นความผิดของข้าเอง ในฐานะผู้ศรัทธาในแสงสว่าง ข้าไม่ควรจะปล่อยใจให้ความมืดกัดกินจริง ๆ”
ไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอรู้ว่าเซียวเฟิงกำลังตรวจสอบเธอ หรือเพราะคำพูดของเซียวเฟิง แม่ชีรูธก็กลับมาอยู่ในท่าทีสงบและโค้งหัวให้เซียวเฟิงช้า ๆ “วิหารที่ประจำอยู่ในจักรวรรดิแห่งนี้อยู่ลึกลงไปในหุบเขา ข้าจะนำท่านอาร์คบิชอปไปยังที่แห่งนั้นเอง และที่นั่นก็ถือเป็นฐานที่ตั้งของพวกเราเพียงหนึ่งเดียวในจักรวรรดินี้ เนื่องจากผู้คนที่นี่ต่างเชื่อในเทพแห่งชีวิตกัน ทำให้เฮียรอนแห่งชีวิตถือกำเนิดขึ้นมากมายในหลายเมืองที่อยู่ในจักรวรรดิ โชคชะตาแห่งแสงไม่สามารถเข้าแทรกแซงพวกเขาได้เลย”
แม่ชีรูธถอนหายใจขณะพาเซียวเฟิงไปยังจุดที่ลึกที่สุดของหุบเขาอาทิตย์ตก
เซียวเฟิงเพียงแค่พยักหน้าแล้วตามเธอต่อไป ถึงแม้ว่าที่นี่จะถูกเรียกว่าหุบเขา แต่ในความเป็นจริง เส้นทางที่ทอดยาวเป็นเส้นตรงนี้ก็กว้างเอาการเลยเหมือนกัน ตั้งแต่ทางเข้าจนมาถึงจุดที่อยู่ ณ ปัจจุบันนี้ หากสังเกตให้ดีก็จะพบด้วยว่ามอนสเตอร์ที่เจอนั้น ก็จะเลเวลสูงขึ้นตามไปด้วย