Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 390 ฆ่ามันให้หมด
บทที่ 390 ฆ่ามันให้หมด
บทที่ 390 ฆ่ามันให้หมด
เมื่อมองกลุ่มผู้เล่นที่รีบพากันออกไปอย่างรวดเร็ว เซียวเฟิงก็ยิ้มอย่างไม่คาดฝันออกมา เขาคิดอยู่พักหนึ่งแล้วว่าจะช่วยเหลือแม่ชีรูธล่อลวงได้อย่างไร ในเมื่อเรื่องเป็นแบบนี้แล้วก็ช่วยลดเวลาไปได้เยอะเหมือนกัน
“นายท่าน! ฮ่า เจอซักที! มากับฉันเร็ว!”
หลีเซียนหยุนแทรกตัวออกมาจากกลุ่มคนที่วุ่นวายนั้น และพบว่าเซียวเฟิงอยู่ตามที่เขาส่งที่อยู่มาจริง ๆ สีหน้าของเธอดูผ่อนคลายจากนั้นก็เข้ามาดึงเซียวเฟิงฝ่ากลุ่มคนออกไป
มันเป็นเรื่องที่แปลกมาก ๆ ที่กลุ่มคนที่ดูวุ่นวายนั้นค่อย ๆ แหวกทางออกเป็นทางเดินเมื่อหลีเซียนหยุนเข้าไปใกล้พวกเขา ราวกับเธอคือบัตรผ่านทางที่พาเซียวเฟิงไปยังด้านหน้าได้อย่างง่ายดาย
และตลอดทางที่เดินผ่านความวุ่นวายมานั้น ก็มีสายตาของผู้เล่นหลายคนที่เหลือบมามองเซียวเฟิง โดยมีทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
แต่เซียวเฟิงก็ไม่ได้สนใจพวกเขาแต่อย่างใด เขายังคงตามหลีเซียนหยุนฝ่ากลุ่มผู้เล่นมากมายจนกระทั่งไปถึงทางเข้าหุบเขาอาทิตย์ตกที่อยู่ด้านหน้าสุด ที่นั่นมีวงแหวนเวทมนตร์ขนาดใหญ่อยู่จริง ๆ ซึ่งตอนนี้มันกำลังถูกห้อมล้อมไปด้วยผู้เล่นหลายประเภทด้วย และดูเหมือนว่าผู้เล่นเหล่านั้นกำลังพูดคุยอะไรบางอย่างกันอยู่
“นี่เป็นจุดเทเลพอร์ตที่จะพาไปยังวิหารแห่งแสงได้! ไปเร็ว! มีผู้เล่นบางส่วนเริ่มเข้าไปก่อนหน้าแล้ว! ถ้านายท่านชักช้า เดี๋ยวคนอื่นจะสำเร็จภารกิจก่อนเอานะ!”
วงแหวนเทเลพอร์ตนั้นไม่ได้ใหญ่ มันน่าจะรองรับผู้เล่นได้ราว ๆ สิบกว่าคน หลีเซียนหยุนพาเซียวเฟิงมายังด้านหน้าสุดของผู้คนเหล่านั้นและหยุด เธอหันกลับมามองเขาและพูดด้วยน้ำเสียงเร่งเร้า อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอพูดนั้นมันทำให้เซียวเฟิงรู้สึกคุ้นเคย ดูเหมือนว่าก่อนหน้านี้เซียวเฟิงก็เคยใช้คำพูดแนว ๆ นี้ในการล่อลวงคนอื่นเหมือนกัน
ในตอนที่เซียวเฟิงมาถึงหน้าวงแหวนเทเลพอร์ตนั้น เสียงเอะอะโวยวายรอบ ๆ ตัวเขาก็เงียบลงไปแล้ว ผู้เล่นที่ดูจะวุ่นวายเริ่มสงบกันและถอยออกไปห่างราวกับกำลังจัดระเบียบกันใหม่กลายเป็นการล้อมวงแหวนเทเลพอร์ตนี้ไว้แทน และจากความแข็งแกร่งที่แผ่ซ่านออกมาจากคนเหล่านี้ มันยืนยันได้ว่าพวกเขาคือผู้เล่นยอดฝีมือแน่ ๆ!
ถ้าหากเซียวเฟิงไม่รู้สึกถึงความผิดปกติ ณ จุดนี้แล้วล่ะก็ มันคงจะไม่ใช่เขาแล้ว เพราะสายตาที่จ้องมองมาจากคนเหล่านั้น มันไม่ใช่สายตาของคนที่เผลอมองมาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม เซียวเฟิงยังคงไม่รับรู้ถึงสิ่งนี้ อันที่จริงจะเรียกว่า แสร้งทำเป็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวจะตรงกว่า เขาก้าวเท้าเข้าไปภายในวงแหวนเคลื่อนย้ายตรงหน้าอย่างใจเย็นราวกับไม่รู้สึกถึงความผิดปกติรอบ ๆ ตัวเองแต่อย่างใด
[ท่านอยู่ใน ‘ข่ายผนึกมนตรา’ เรียบร้อยแล้ว ด้วยผลของข่ายผนึกมนตรา ท่านจะไม่สามารถกดใช้สกิลได้ชั่วคราว]
ทันทีที่เซียวเฟิงก้าวขาเข้าไปใน ‘วงแหวนเคลื่อนย้ายเก๊’ เสียงแจ้งเตือนจากระบบก็ดังขึ้นมาพร้อม ๆ กับความรู้สึกที่ตนเหมือนโดนหน่วงรั้งไว้ด้วยตรวนสีทอง
“ฮ่า ๆๆ! กลายเป็นว่า ผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียเนี่ย ไม่มีอะไรนอกจากฉายาเลยเหรอ? แหม่ ฉันล่ะก็อุตส่าห์กลัวว่าแกจะรู้ว่านี่เป็นกับดัก แต่ที่ไหนได้ แกดันเดินเข้ามาเหมือนไอ้โง่ที่เพิ่งเริ่มเล่นเกมซะงั้น! ฮ่า ๆๆ!”
ด้านหลังความวุ่นวายที่สงบสุขนี้ เสียงหัวเราะเสียงดังก็ลอยขึ้นมาด้านหน้า ทันใดนั้นเองฝูงชนก็เริ่มแหวกทางออกอีกครั้ง เผยให้เห็นชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่กำลังหัวเราะอยู่เดินแทรกออกมาจากทางเดินที่ถูกแหวกออกนั้น
“นักรบโล่ มาข้างหน้า! ปิดกั้นข่ายผนึกมนตรานี้เอาไว้! อย่าให้มันออกมาได้!” ชื่อบนหัวชายวัยกลางคนผู้นี้คือ ซาตาน และด้วยการออกคำสั่งนั้น ก็ทำให้เหล่านักรบโล่วิ่งขึ้นมาล้อมบริเวณด้านหน้าข่ายผนึกมนตราไว้ถึงสองชั้น เรียกได้ว่าไม่มีผู้เล่นคนไหนสามารถฝ่าแนวขวางกั้นนี้ได้อย่างแน่นอน เซียวเฟิงเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
“ฮ่า ๆๆ! ผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย! ประหลาดใจล่ะซี่? ฉันล่ะกลัวนายมาตลอดเลยตั้งแต่ได้ยินข่าวลือเมื่อครั้งรวมเซิร์ฟเวอร์! ไม่น่าเชื่อเลยนะเนี่ยว่านายจะมาโผล่เขตฮันกึลของพวกเราได้!”
ซาตานยังคงหัวเราะเสียงดัง ดูเหมือนเขาจะแทบจะเสียสติกับการที่จับเซียวเฟิงได้ไปแล้ว หลีเซียนหยุนถอยหลบทางให้ซาตานและไปยืนอยู่ด้านหลังแทน กระนั้นแล้วเธอก็ยังคงมองเซียวเฟิงด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรู้สึกมากมายอยู่
“นายเป็นหัวหน้ากิลด์จักรวรรดิกาลาดูเองสินะ? เอาแต่หดหัวอยู่ท่ามกลางลูกน้องของตัวเองแบบนี้แล้วยังวางท่าใหญ่โตแบบนี้ เฉิ่มชะมัด”
เซียวเฟิงหันมองรอบ ๆ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างก่อนจะกลับไปมองซาตานแล้วถอนหายใจ แววตาของเขาไร้ซึ่งความตื่นกลัวและตรึงแน่นไว้ซึ่งความเยือกเย็น
“แก!? ถึงมารู้ตอนนี้ก็สายไปแล้วน่า! เพราะเวลาตายของแกมาถึงแล้ว!”
ความเยือกเย็นของเซียวเฟิงนั้นมันมีมากกว่าที่ซาตานคิดไว้เสียอีก เจ้าตัวแอบประหลาดใจเล็กน้อยขณะที่พูดเพื่อไม่ให้ตนเองเสียหน้า เขาโบกมือและปลดการซ่อนชื่อกิลด์ เผยให้เห็นตัวอักษรที่กล่าวไว้ว่า ‘จักรวรรดิกาลาดู’ เช่นเดียวกับผู้เล่นมากมายที่อยู่ในฝูงชน พลันเมื่อพวกเขาปลดการซ่อนชื่อกิลด์ ก็ปรากฏว่า ทุกคนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้คือคนจากกิลด์จักรวรรดิกาลาดูหมดเลย!
“นี่นายเป็นผู้เล่นของเขตฮัวเซียจริงเหรอ? แถมยังเป็นอันดับ 1 ในเขตฮัวเซียด้วย?” หลีเซียนหยุนอดไม่ได้ที่จะพูดออกมาหลังจากที่เธอเก็บความรู้สึกสับสนไว้ในใจของตนมาเนิ่นนาน
“ตอนนี้ก็รู้แล้วไม่ใช่หรือไง? ยังจะถามอีกเหรอ?”
ใบหน้าของเซียวเฟิงยังคงประดับไว้ซึ่งรอยยิ้ม ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรเลย ข้อมูลของเขาน่าจะหลุดจากหลีเซียนหยุนแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นคลาส หรือชื่อตัวละครที่โดดเด่น สำหรับหลีเซียนหยุนแล้ว เขาคงไม่ใช่ที่น่าสนใจอะไรขนาดนั้น หากแต่เมื่อเป็นซาตาน ที่เป็นถึงหัวหน้ากิลด์อันดับ 1 ในเขตฮันกึล ดังนั้นเขาจะต้องมีข้อมูลของผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดในเขตอื่น ๆ อยู่แล้วแน่ ๆ และเพราะแบบนี้เขาจึงจับตามองเซียวเฟิงเป็นพิเศษด้วยเหตุผลที่กล่าวมา
บางทีอาจจะเป็นตั้งแต่หลีเซียนหยุนบอกเขาว่าซาตานอยากจะพบเขาแล้ว ที่ข้อมูลของเขาถูกเผยแพร่ เพราะตอนนั้นต่อให้ไม่ใช่เพื่อการดักจับ มันก็มั่นใจแล้วว่าตัวตนของเขาไม่เป็นความลับอีกต่อไป
“ละ…แล้วนายมาอยู่ในเขตฮันกึลของพวกเราได้ยังไงน่ะ? ไม่ใช่ว่าเส้นแบ่งเขตแดนยังไม่คลายหรอกเหรอ?” หลีเซียนหยุนกัดริมฝีปากล่างเบา ๆ ก่อนจะถามเซียวเฟิงขณะที่มองเขาอย่างไม่วางสายตา
“ฉันเองก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าทำไม บางทีอาจจะเป็นบัคของเกม” เซียวเฟิงส่ายหน้า เพราะเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกัน
“เฮอะ จะด้วยเหตุผลใดก็ช่าง! ในเมื่อแกไม่ได้อยู่ในเขตฮัวเซียแล้ว! ฉันก็จะถือว่าแกกำลังบุกรุกเขตฮันกึล! แล้วในเมื่อแกไม่ยอมกลับไปตั้งแต่แรก ฉันก็จะเป็นคนจบตำนานของแกไว้ในเขตฮันกึลนี่ก็แล้วกัน!”
ซาตานพ่นลมหายใจแล้วพูด
“ในเมื่อนายรู้แล้วว่าฉันเป็นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซีย นายควรจะเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของฉันไว้ด้วย ฉันสามารถเป็น 1 ในเขตฮัวเซียที่มีผู้เล่นกว่า 1 พันล้านคนได้ นายคิดเหรอว่านายจะเอาชนะฉันได้ในเมื่อนายเองก็เป็นแค่อันดับในเขตฮันกึลที่มีผู้เล่นแค่ส่วนเดียวของเขตฮัวเซียน่ะ?” พอโดนพูดมาเช่นนั้น เซียวเฟิงก็ถามกลับ
“ฉันรู้…ว่าแกน่ะแข็งแกร่งมาก ๆ! ไม่ใช่แค่นายสามารถชนะคนนับหมื่นในเขตฮัวเซียได้ด้วยตัวคนเดียว แต่แกยังเคยปะทะกับเทพเจ้าสายฟ้าในอีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ล่าสมบัติ แต่แล้วมันทำไมล่ะ! นี่มันเขตฮันกึลนะเว้ย! มันไม่ใช่ที่ที่แกจะมาทำกร่างได้!“ ซาตานแสยะยิ้ม เขาดูเป็นชายที่มีเสน่ห์ไม่น้อย หากคนที่เผชิญหน้ากับเขาเป็นเด็กสาววัยขบเผาะ
“จริงเหรอ? นายจะบอกว่าเขตฮันกึลแข็งแกร่งกว่าเขตฮัวเซียงั้นเหรอ?” เซียวเฟิงถามด้วยน้ำเสียงประหลาดใจ
“นอกจากจำนวนผู้เล่นที่เยอะกว่าของเขตฮัวเซียแล้วมีอะไรที่น่าชื่นชมบ้าง? ขนาดอันดับ 1 ของเขตยังมาอยู่ในกับดักนี่ได้ นับประสาอะไรกับเอาความแข็งแกร่งมาเทียบกับเขตฮันกึล?” น้ำเสียงของซาตานนั้นดูหยิ่งผยองสุด ๆ
“ฉันหวังว่านายจะแข็งแกร่งเหมือนที่นายพูดก็แล้วกันนะ อย่าทำให้ฉันต้องผิดหวังซะล่ะ” พูดเช่นนั้นแล้วเซียวเฟิงก็ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เลิกเสแสร้งได้แล้ว! คิดว่าตัวเองยังเป็นอันดับหนึ่งของเขตฮัวเซียอยู่อีกหรือไง? ฉันสืบข้อมูลของแกมาหมดแล้ว! แกไม่ได้ล็อกอินมาเดือนนึงเต็ม ๆ! ไม่เพียงแต่เลเวลจะลดลงมาเหลือ 36 แต่แม้แต่ชุดอาร์ติแฟกต์เองก็ไม่อยู่กับแกด้วย!” ซาตานเหยียดหยาม
“โห แหล่งข้อมูลกว้างเหมือนกันนะเนี่ย” ยิ่งอีกฝ่ายอวดภูมิ เซียวเฟิงก็ยิ่งดูประหลาดใจ
“วันนี้แหละ ฉันจะลบชื่อของแกออกจากโลกแห่งเกมนี้เอง! ถ้ายังไง เดี๋ยวจะเล่ารายละเอียดให้ฟังก่อนจะไม่ได้เจอกันสักหน่อยก็แล้วกันนะ นี่คือผู้เล่นนักบวชระดับสูงของกิลด์จักรวรรดิกาลาดูของพวกเรา! และฉันพาคนกว่าสองพันคนมาก็เพื่อที่จะให้ชุบชีวิตแกขึ้นมาเรื่อย ๆ หลังจากถูกฆ่าไปแล้ว! แกจะหนีออกจากข่ายผนึกมนตรานี้ไม่ได้ จะถูกฆ่าตายแล้วชุบชีวิตวนไปวนมาอยู่แบบนี้จนกว่าแกจะไปเกิดใหม่ที่หมู่บ้านเริ่มต้น! นี่แหละคือสิ่งที่ต้องเจอสำหรับพวกที่มาดูถูกเขตฮันกึลของพวกเรา!”
ไม่พูดเปล่า เขาปรบมือ และทันใดนั้นกลุ่มของผู้เล่นนักบวชก็เดินเข้ามาที่ด้านหน้าข่ายผนึกมนตรา
“นี่คือผู้เล่นระดับสูงทั้งหมดของกิดล์จักรวรรดิกาลาดูแล้วใช่ไหม? หือ?” เซียวเฟิงถามหลังจากมองไปรอบ ๆ แล้ว
“ใช่แล้ว! ฉันนำผู้เล่นระดับสูงของกิลด์ที่ออนไลน์อยู่มาทุกคนแล้ว! นี่ฉันยังให้เกียรตินายที่เป็นผู้เล่นอันดับ 1 ของเขตฮัวเซียนะ! แม้ว่าหลังจากวันนี้อันดับ 1 ของเขตฮัวเซียจะไม่มีอีกแล้วก็ตาม!” ซาตานพูดด้วยความภาคภูมิใจ
“งั้นถ้าสมมุติว่าคนของนายตายกันหมด กิลด์นายจะได้รับผลกระทบหนักเลยหรือเปล่านะ? มันจะกระทบต่อชื่อเสียงของจักรวรรดิกาลาดูที่เป็นอันดับ 1 เขตฮันกึลนี้ไหม?” จู่ ๆ เซียวเฟิงก็ถามขึ้นด้วยความสนใจ
“อย่ามาพูดอวดดีไปหน่อยเลย! ขนาดนี้แล้วแกยังคิดว่าจะสามารถสู้กลับได้อีกงั้นเหรอ! เสียเวลาเปล่าน่า!” คำถามของเซียวเฟิงนั้นทำให้ซาตานไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัดเลย
“เดี๋ยวจะทำให้เห็นเป็นขวัญตาเลย” อันดับ 1 แห่งเขตฮัวเซียส่ายหน้าและพูดออกไปตรง ๆ แสดงให้เห็นถึงปณิธานอันแรงกล้า
“เลิกพูดมากได้แล้ว! ฆ่ามันซะ! น่ารำคาญ!” ซาตานรำคาญในคำพูดของเซียวเฟิงจนเหลืออดแล้ว เขาไม่พูดต่อและหันไปออกคำสั่งกับลูกน้องของตนแทน สิ้นคำสั่งนั้น เป้าหมายของผู้เล่นระยะไกลทุกคนก็เล็งไปที่เซียวเฟิง
ด้วยอุปกรณ์และสถานะของเซียวเฟิงในตอนนี้ บางทีเขาอาจจะสามารถตายได้ง่าย ๆ จากการโจมตีเพียงระลอกเดียว นั่นเพราะถึงแม้เซียวเฟิงจะสวมชุดเกราะระดับเทพเจ้าอย่าง ‘พรแห่งทวยเทพ’ แต่เพราะเงื่อนไขการสวมใส่ของมัน ทำให้ค่าสถานะของเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากก่อนใส่เลย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับชุดแฟชั่นที่พวกมือใหม่ใช้สักนิด
นอกจากนี้ เลเวลของเซียวเฟิงก็ไม่ได้สูงจนโดดเด่นเสียด้วย ผู้เล่นที่เข้าโจมตีเขานั้นมีเลเวลสูงกว่าเขาอยู่มาก เมื่อปราศจากชุดมังกรแล้ว มันเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ ที่จะรอดจากการระดมยิงจากคนจำนวนมากเช่นนี้
ทว่าเซียวเฟิงก็ไม่ได้เปลี่ยนความคิดแต่อย่างใด แววตาของเขามุ่งมั่นขณะที่มองไปยังสกิลและการโจมตีมากมายที่โถมเข้ามาราวกับคลื่นทะเล
“กรรรรร!!”
ทันใดนั้นเอง เสียงของมังกรคำรามสองเสียงก็ดังขึ้นทั่วผืนฟ้า สั่นสะเทือนธารเมฆาและพื้นพิภพจนทุกคนไม่สามารถเมินเฉยได้ ไม่ต้องรอให้กล่าวถาม ร่างของมังกรสีขาวขนาดใหญ่ก็บินดิ่งลงมาจากฟากฟ้า ขนาดของพวกมันนั้นใหญ่พอจะบดบังดวงตะวันที่ลอยขึ้นสูงได้อย่างมิดชิด ตัวหนึ่งเฉี่ยวลงมายืนตระหง่านอยู่ที่ด้านหลังเซียวเฟิงจนเกิดเสียงตึงตังพร้อมกับแผ่นดินที่สั่นสะเทือนเป็นวงกว้าง ปีกคู่เดิมที่มีขนาดใหญ่นั้นยกขึ้นไปด้านหน้าและห่อหุ้มร่างของเซียวเฟิงไว้ มันช่วยป้องกันเขาจากคลื่นสกิลและการโจมตีทั้งหมดได้โดยสมบูรณ์
“พระเจ้า!? นั่นมัน มังกร!!”
“มะ…มังกรสองตัวนี้อยู่ในระดับเทพ! บอสเทพเจ้า มังกรแห่งแสง!”
…
ความวุ่นวายที่แท้จริงบังเกิดขึ้นแก่สมาชิกกิลด์จักรวรรดิกาลาดูแล้ว ความวุ่นวายแบบที่พวกเขาพยายามแสดงให้เหมือนแต่ไม่เหมือนนั้นเทียบไม่ติดเลย
“นี่มันบ้าอะไรกันเนี่ย!? มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง! มังกรสองตัวนี้มาจากไหน!?”
ซาตานแข็งทื่อไปทั้งตัว เขาจ้องมองมังกรแห่งแสงทั้งสองตัวที่เริ่มบินโฉบไปมาบนอากาศ เขาตะลึงจนไม่รู้จะพูดอะไรดี สิ่งที่เกิดขึ้นต่อหน้านี้มันยากที่จะหาคำอธิบายมาสมทบได้
“ท่านหัวหน้าซาตาน นายยังไม่ได้ตอบคำถามฉันเลยนะ” เซียวเฟิงพูดขึ้นอีกครั้ง เพื่อเรียกให้ซาตานหันมามองเขาขณะที่เขาเองก็มองท่าทีที่น่าสมเพชของอีกฝ่ายไปด้วย
“ถ้าคนของนายตายกันหมด กิลด์นายจะได้รับผลกระทบหนักเลยหรือเปล่านะ? มันจะกระทบต่อชื่อเสียงของจักรวรรดิกาลาดูที่เป็นอันดับ 1 เขตฮันกึลนี้ไหม?” น้ำเสียงของเซียวเฟิงจริงจังขึ้นมาขณะถามออกไปอีกครั้ง
“แก! มังกรพวกนี้เป็นของแกงั้นเหรอ!?” ในที่สุด ซาตานก็เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่างแล้ว เขาถามเซียวเฟิงด้วยสีหน้าตกใจ
“ดูเหมือนว่านายจะไม่ตอบคำถามฉันจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย? งั้นเดี๋ยวฉันหาคำตอบเองก็ได้” เมื่อไร้ซึ่งคำตอบ เซียวเฟิงก็ส่ายหัวก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
“ฆ่ามันให้หมด”
“กรร!!”