Myth Online ฮีลเลอร์สายบู๊ [网游之奶个锤子] - บทที่ 406 อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 2
บทที่ 406 อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 2
บทที่ 406 อีเวนต์เซิร์ฟเวอร์ครั้งที่ 2
“ลิชคิงหนีไปได้ หัวหน้าผู้พิพากษากิโลนำทัพของวิหารแห่งแสงไล่ตามไปพักใหญ่แล้ว แต่ก็ตามตัวกลับมาไม่ได้เลย ท้ายสุดพวกเขาเลยยอมแพ้และเลือกที่จะกลับไปรายงานผลที่นครศักดิ์สิทธิ์แทน แล้วก็เรื่องในครั้งนี้มันยังช่วยทำให้ฉันมั่นใจด้วยว่ามีกิลด์อื่นที่คิดจะเล่นงานเมืองแห่งความโศกเศร้าอยู่ด้วย” หลิวเฉียงเหว่ยพูด
“ผู้เล่นพวกนั้นก่อปัญหาเหรอ?” เซียวเฟิงขมวดคิ้วขึ้นมา
“อืม ไม่ว่าจะเป็นการที่จู่ ๆ ภารกิจหลักถูกกระตุ้นขึ้นมา หรือการที่ทัพของ NPC ถูกพาไปอยู่ที่อื่น ทั้งสองเหตุการณ์นี้มีจุดประสงค์และถูกวางแผนมาอย่างดิบดีแล้ว” หญิงสาวพยักหน้า
“ระหว่างเมืองแห่งความโศกเศร้ากับมิดซัมเมอร์ อะไรเป็นเป้าหมายกัน?” ได้ยินเช่นนั้นเซียวเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะถาม
“บางทีอาจจะทั้งสองเลย เพราะถือเป็นกำลังที่สำคัญของทางฟากใต้ อาณาเขตที่มิดซัมเมอร์ครอบครองอยู่นั้นเกือบจะเทียบเท่าที่ไดนัสตี้ครอบครองได้เลย ทุกคนต่างก็ต้องการผลประโยชน์จากสิ่งนี้เฉกเช่นแอนติควิตี้ ก่อนหน้านี้พวกนั้นต่างก็กลัวในชื่อเสียงของนาย เพราะงั้นเลยไม่ลงมืออะไรกัน พวกเขามีสิ่งที่แอนติควิตี้ต้องเจอเป็นบทเรียน แต่หลังจากที่นายหายไปเป็นเวลานาน ผนวกกับโอกาสที่เหมาะเจาะ คนพวกนี้ก็เลยนั่งไม่ติดเก้าอี้”
ระหว่างที่พูด หลิวเฉียงเหว่ยก็ค่อย ๆ คลานขึ้นไปบนเตียงเซียวเฟิงช้า ๆ เหมือนงูตัวน้อยจนกระทั่งไปอยู่ที่หัวเตียงกับเขา เธอกึ่งนั่งกึ่งนอนและเอนหลังไปกับขอบเตียง หลังจากที่จัดชุดนอนที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อยแล้ว หญิงสาวจึงพูดต่อ
“เมืองแห่งความโศกเศร้าน่ะเติบโตขึ้นทุกวัน และด้วยความเติบโตนี้มันก็ทำให้ผู้คนอีกนับไม่ถ้วนที่อยากจะมาไขว่คว้าผลประโยชน์จากเมืองนี้ เช่นเดียวกับที่มีผู้คนอีกมากมายที่กำลังอิจฉา”
“เพราะงั้นคนเหล่านั้นก็เลยใช้โอกาสนี้เพื่อที่จะทำลายเมืองแห่งความโศกเศร้าไปพร้อม ๆ กันสินะ” เซียวเฟิงเองก็ลุกขึ้นมานั่งเช่นกัน เขาเอนหลังพิงกับหัวเตียงเช่นเดียวกับเธอที่อยู่ข้าง ๆ
“ใช่” หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้าและหันมองใบหน้าด้านข้างของเซียวเฟิง เธอแอบอยากเอนตัวเขยิบเข้าใกล้เขาให้มากกว่านี้อีกนิดหน่อย แต่ทันทีที่ขยับ ช่วงเอวมันก็ปวดจี๊ดขึ้นมาจนเธอได้แต่ขมวดคิ้วและล้มเลิกความคิดนั้นไป
“แล้วเธอรู้หรือยังว่ากิลด์ไหนที่แอบเข้ามาก่อปัญหา?” ชายหนุ่มกล่าวถาม
“ถึงแม้จะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด แต่ฉันคิดว่ากิลด์กางเขนเหล็กน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้นะ”
ใบหน้าสวยขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะส่ายหน้า นั่นเพราะเธอนึกถึงตอนที่ชินห่าวเคยข่มขู่เธอ แต่ท้ายที่สุดเธอก็ไม่เห็นเขาทำอะไรเลยจนกระทั่งจบภารกิจ ก็ไม่มีการรายงานจากสมาชิกของมิดซัมเมอร์ที่ทำหน้าที่คุ้มกันภายในเมืองแห่งความโศกเศร้าด้วยว่ามีผู้เล่นคนไหนก่อความวุ่นวายภายในเมือง
หลิวเฉียงเหว่ยเองก็แอบคิดอยู่ภายเหมือนกันว่าถ้าเกิดเมืองแห่งความโศกเศร้าแสดงศักยภาพระดับนี้ได้บ่อย ๆ มันจะทำให้ผู้ที่คิดก่อความวุ่นวายเกิดอาการกลัวขึ้นมาเองหรือเปล่านะ…
“กิลด์กางเขนเหล็กเหรอ? ที่ว่าเป็นกิลด์ที่ครอบครองฝั่งตะวันตกแล้วเคยพูดว่ามีวิธีที่จะเปลี่ยนคลาสอัศวินน่ะนะ?” เซียวเฟิงคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะถามซ้ำ
“ใช่ ยิ่งไปกว่านั้น หัวหน้ากิดล์ของกางเขนเหล็กน่ะ ยังมาข่มขู่ฉันด้วย” หลิวเฉียงเหว่ยพยักหน้า
“ข่มขู่เธอ?” รู้เช่นนั้น เซียวเฟิงก็เลิกคิ้วขึ้นมาทันที
“อืม ฉันอัดเสียงไว้ด้วย จะฟังก็ได้นะ” ใบหน้าสวยบุ้ยปาก เหมือนกับภรรยาสาวที่เพิ่งแต่งงานใหม่กำลังบ่นเรื่องที่เธอโดนรังแกให้สามีฟัง ซึ่งมันแตกต่างกับเมื่อครั้งที่เธอยังเป็นหลิวเฉียงเหว่ยผู้เย็นชาเอาเสียมาก ๆ ความงดงามและน่าหลงใหลของสาวเจ้าในตอนนี้ เกินกว่าจะหาคำใดมาอธิบายได้จริง ๆ
หลังจากที่พูดไปเช่นนั้นแล้ว หลิวเฉียงเหว่ยก็หยิบเอาโทรศัพท์มือถือของเธอขึ้นมาและกดเล่นไฟล์เสียงดังกล่าวให้ฟังด้วย มันเป็นไฟล์เสียงที่บันทึกเกี่ยวกับสิ่งที่ชินห่าวเคยพูดไว้กับเธอเมื่อครั้งที่อยู่บนป้อมปราการด้วยกัน คำขู่ของเขานั้นเปี่ยมไปด้วยเจตนาที่ไม่ดีอย่างชัดเจน
นี่เป็นไอเดียของซือเยี่ยจิ๋งที่อยากจะให้เซียวเฟิงลุกขึ้นมาปกป้องหลิวเฉียงเหว่ย เธอให้หลิวเฉียงเหว่ยผู้เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอดาวน์โหลดไฟล์เสียงที่บันทึกไว้ และนำมาเปิดให้เซียวเฟิงฟังกลังจากล็อกออฟไปแล้ว
“เข้าใจแล้ว” เซียวเฟิงตอบรับด้วยน้ำเสียงที่สงบ และไม่ได้พูดอะไรมากไปกว่านี้
กระนั้นหลิวเฉียงเหว่ยก็สามารถรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นอยู่ข้างใน เธอพอจะเข้าใจอะไรบางอย่างในตัวเซียวเฟิงขึ้นมาบ้างแล้ว และรู้ดีว่าชายหนุ่มตรงหน้าที่สงบเช่นนี้น่ากลัวที่สุด
“ถ้างั้นเดี๋ยวฉันกลับไปก่อน มันคงจะไม่ดีถ้าเซียวหลิงมาเห็นพวกเราอยู่ด้วยกัน” หลิวเฉียงเหว่ยพูดขณะที่แก้มนวลของเธอกำลังขึ้นสีแดงระเรื่อ จากนั้นร่างที่สั่นเทาก็พยายามแบกสังขารตนเองที่เจ็บไปทั่วทั้งตัวเพื่อลงจากเตียงไป
“เดี๋ยว ดูเหมือนเซียวหลิงจะตื่นแล้ว เธอกำลังเดินมาที่ห้องฉัน”
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่หลิวเฉียงเหว่ยจะได้ออกจากห้อง หูของเซียวเฟิงก็ได้ยินเสียงของการเคลื่อนไหวจากด้านนอก
มันเป็นเสียงของเซียวหลิงที่กำลังจะเปิดประตูเข้ามา!
“หา? งั้นฉันต้องหาที่ซ่อนก่อนแล้ว!”
หลิวเฉียงเหว่ยสะดุ้งโหยง ทันทีทันใด เธอก็ลืมความเจ็บปวดบนร่างกายไปในทันที ร่างนั้นรีบวิ่งตรงไปยังห้องอาบน้ำและพลิกตัวหลบเข้าไปด้านในเพียงชั่วพริบตา
“เดี๋ยว!”
เซียวเฟิงอยากจะหยุดเธอไว้ก่อน แต่มันก็ช้าไปเสียแล้ว เพราะทันทีที่หันไป หลิวเฉียงเหว่ยก็ปิดประตูห้องน้ำสนิทพอดี ถ้าหากว่าในห้องน้ำนั้นมีแค่เธอ เขาก็คงจะไม่อะไรหรอก หากแต่ว่ามันยังมีจืออี้อยู่ด้วยเนี่ยสิ!
“หือ? นายตะโกนอะไรน่ะ เจ้าทาสตัวผู้ลามก? ทำไมเช้านี้ล็อกออฟเร็วจัง?”
เซียวหลิงผลักประตูห้องเซียวเฟิงและเดินเข้ามาจริง ๆ เด็กสาวไม่ได้เคาะประตูและเดินตรงมาหาเซียวเฟิงเช่นเดิมแบบที่เคยทำทุกวัน
สภาพของเธอมันชัดเจนเลยว่าเธอเพิ่งจะตื่น ร่างเล็กที่แฝงไปด้วยความงดงามที่ซึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขานั้นถูกปกคลุมไว้ด้วยชุดนอนที่ดูนุ่มฟู มันเป็นชุดแบบชิ้นเดียวเหมือนชุดเจ้าหญิงที่ดูสวยงาม เรือนผมสีทองอร่ามที่ไม่ได้หวีดูยุ่งเหยิง ตัดกับดวงตาสีฟ้าที่เด่นสง่าอยู่บนหน้า
มองรวม ๆ แล้วเซียวหลิงให้ความรู้สึกเหมือนเจ้าหญิงที่สุดแสนจะขี้เกียจ ผิวเนียนลออบนร่างเล็กนั้นดูนุ่มเหมือนทารก ไม่ว่าใครที่ได้เห็นเซียวหลิงต่างก็รู้สึกอยากจะปกป้องเธอกันทั้งนั้น เธอเปรียบเสมือนผลงานชิ้นโบว์แดงที่แสดงให้เห็นว่า ท่ามกลางโลกอันโสมม พระเจ้าก็ยังตั้งใจสร้างเซียวหลิงขึ้นมาเพื่อเยียวยาความไม่อภิรมย์เหล่านี้
“ไม่มีอะไร” เซียวเฟิงส่ายหน้า หลังจากที่สดับฟังเสียงสถานการณ์ภายในห้องน้ำจนแน่ใจแล้วว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นราวกับทั้งหลิวเฉียงเหว่ยและจืออี้หายตัวกันไหมดแล้ว เขาก็ไม่ได้แสดงความกังวลอะไรออกมาอีก
“ถ้างั้นก็รีบลงไปกินข้าวเช้าได้แล้ว! จากนั้นจะได้รีบ ๆ ล็อกอิน! วันนี้องค์หญิงเซียวหลิงมีภารกิจที่จะมอบหมายให้นายเชียวนะ!” เซียวหลิงไม่ได้สงสัยอะไร กลับกันเธอก็เร่งให้เซียวเฟิงรีบ ๆ ลงไปด้วย
“ภารกิจอะไร?” เขาสงสัย
“ไปตามเสี่ยวไป๋กลับมา! เสี่ยวไป๋ยังไม่กลับมาเลยหลังจากที่ตามกลุ่ม NPC แก่ ๆ ไปเมื่อคืนนี้! องค์หญิงเซียวหลิงรอเธอมาตั้งนานแล้ว!” เด็กสาวพูดด้วยน้ำเสียงเสียใจ
“อ้อ ถ้าเรื่องนั้น เสี่ยวไป๋กลับไปที่นครศักดิ์สิทธิ์ที่เธอเกิดมาน่ะ ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่จะลองติดต่อเธอให้ก็แล้วกัน แต่ตอนนี้พี่ยังไม่ได้อยู่ในเขตฮัวเซีย คงจะไม่ได้เธอกลับมาเร็ว ๆ นี้หรอกนะ” เซียวเฟิงพยักหน้า
“ถ้างั้นก็รีบ ๆ เข้า! ฉันไม่อยากจะอยู่ห่างจากเสี่ยวไป๋นาน ๆ!” เซียวหลิงยังคงเร่งเขาต่อไป
“โอเค ๆ ถ้างั้นก็ลงไปกินข้าวก่อนเถอะ” เพราะรู้แล้วว่าทำอะไรไม่ได้ เซียวเฟิงจึงส่ายหน้าแล้วลุกออกจากที่นอน
อย่างไรก็ตาม มื้อเช้าที่ตั้งใจเอาไว้ว่าจะพูดแก้ไขเรื่องต่าง ๆ กับคนอื่น พลันต้องมากลายเป็นช่วงเวลาที่น่าอึดอัดจนประหลาดใจไปอย่างไม่คาดคิด
หลิวเฉียงเหว่ยและคนอื่น ๆ ไม่ได้ลงมาประจำที่ ไม่มีใครลงมาเลย ตัวเซียวหลิงนั้นไม่ได้ใส่ใจอะไร เพราะอันที่จริงนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้อยู่แล้ว บ่อยครั้งที่หนิงเคอเค่อต้องนำอาหารไปให้แต่ละคนในห้องในภายหลัง
แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีสาว ๆ ทางฝั่งหลิวเฉียงเหว่ยอยู่ ที่โต๊ะอาหารกลับมาจืออี้มานั่งอยู่ข้าง ๆ เซียวเฟิงเสียอย่างนั้น เธอกำลังแสดงสีหน้ารื่นเริงกับการทานมื้อเช้าอย่างชัดเจน สีหน้าของเซียวหลิงที่เห็นภาพนี้มันดูชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่แววตาสีฟ้าจะแสดงให้เห็นถึงความดุร้าย
เธอกำลังมองจืออี้เป็นศัตรู!
“ฉันจำเธอได้! เธอมันยัยนักบวชโคนมของกิลด์…เออ กิลด์นั่นแหละ! ทำไมเธอถึงมาอยู่ในบ้านฉันได้กันน่ะ หา!”
ขณะที่ถามคำถามนั้น เซียวหลิงเองก็หันไปมองเซียวเฟิงด้วยแววตาเกรี้ยวกราดด้วย
เซียวเฟิงที่แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องได้แต่ก้มหน้าก้มตาทานข้าวต้มของเขาต่อไป ในท้ายที่สุดเขาก็เริ่มรู้แล้วว่ามันไม่ได้ผล เพราะทั้งสองสาวต่างก็หันมามองหน้าเขาพร้อม ๆ กัน ไม่เว้นแม้แต่หนิงเคอเค่อที่นั่งอยู่อีกมุมหนึ่งของโต๊ะเองก็ยังเหลือบมองเขาในตอนนี้ด้วย
สุดท้ายแล้วเซียวเฟิงก็เงยหน้าขึ้นและไอเล็กน้อยก่อนจะเริ่มแนะนำตัวแต่ละฝ่ายให้รู้จักซึ่งกันและกัน “นี่คือ เซียวหลิง น้องสาวของฉัน แล้วก็ยังเป็นองค์หญิงของครอบครัวพวกเราด้วย ส่วนนี้ ผู้บัญชาการกลุ่มนักบวชของวอร์สปิริตฮอลล์ จืออี้ หรือชื่อจริงคือ ซางกวนซีเฟย เธอจะมาอาศัยอยู่กับพวกเราด้วยในอนาคต เพราะงั้น เซียวหลิง เธอจะเรียกจืออี้ว่า พี่จืออี้ หรือ พี่ซีเฟย ก็ได้”
“เจ้าทาสตัวผู้ลามก! แกเป็นปีศาจลามกที่ไม่รู้จักพอหรือไงน่ะ!? ที่นี่ก็มีผู้หญิงตั้งมาตั้งมายอยู่แล้ว! นี่ยังอุตส่าห์ไปแสวงหาเอาหญิงที่ไหนเข้ามาในบ้านอีกงั้นเหรอ! ไอ้เวรเอ้ย! เจ้าทึ่ม! เจ้าพี่โง่! ไปตายซักร้อยรอบเลยไป๊! องค์หญิงเซียวหลิงหงุดหงิดสุด ๆ เลยตอนนี้! แค่นี้ก็ยังไม่รู้อีกหรือไงว่ามีแค่องค์หญิงเซียวหลิงคนเดียวก็พอแล้วน่ะ!”
เซียวหลิงกลายเป็นศัตรูกับทุกคนทันที เธอเคาะช้อนไปกับโต๊ะอาหารก่อนจะลุกแล้วขึ้นชั้นบนไปด้วยความโกรธ
“เดี๋ยวเธอก็ชิน เซียวหลิงน่ะชอบเอาแต่ใจแบบนี้อยู่บ่อย ๆ นั่นแหละ” เซียวเฟิงหันไปพูดกับจืออี้ด้วยความช่วยไม่ได้
“ดูเหมือนท่านเซียวจะเอาใจน้องเซียวหลิงมากเลยใช่หรือเปล่าเนี่ย?” จืออี้ละสายตาจากบันไดแล้วกลับมามองเซียวเฟิงเต็ม ๆ
เธอเคยพบเซียวหลิงมาบ้างแล้ว อย่างเมื่อตอนที่อยู่บนป้อมปราการครั้งที่ทัพแห่งความมืดเข้าโจมตีเมื่อคืนนี้ เธอเห็นเซียวหลิงยืนอยู่ข้าง ๆ หลิวเฉียงเหว่ย เพราะเส้นผมสีทองที่โดดเด่นและเปล่งประกายนั้น มันเลยทำให้จืออี้แอบมองเธอคนนี้อยู่หลายครั้ง ในตอนแรกเธอเข้าใจว่าเซียวหลิงน่าจะเป็นลูกหรือไม่ก็น้องสาวของสักกิลด์หนึ่งบนป้อมปราการนั้นเสียอีก ไม่น่าเชื่อเลยว่าเธอคนนั้นจะเป็นญาติกับเซียวเฟิง
“ก็คงอย่างงั้นแหละ เซียวหลิงน่ะ สำคัญกว่าชีวิตฉันซะอีก” เซียวเฟิงพยักหน้าและพูดออกไปตรง ๆ ในเมื่อจืออี้เลือกที่จะอยู่กับเขา เขาก็จำเป็นที่จะต้องให้เธอรู้และเข้าใจถึงความสัมคัญของเซียวหลิงเสียก่อน
สายตาที่จ้องมองของจืออี้ชะงักไปครู่หนึ่งก่อนที่เธอจะพยักหน้า ดูท่าเธอจะเข้าใจอะไรง่าย ๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรต่อในเรื่องนี้ ไม่แม้แต่จะถามถึงตัวตนของเซียวหลิงด้วย สาวคนนี้เป็นผู้หญิงฉลาด เพียงแค่รู้ว่าเซียวหลิงเป็นสิ่งสำคัญของเซียวเฟิง แค่นี้ก็พอแล้ว
“ดะ…ดะ…เดี๋ยวฉันจะนำอาหารเช้าไปให้ท่านหัวหน้ากับคนอื่น ๆ นะคะ…”
หนิงเคอเค่อรีบลุกขึ้นจากโต๊ะทานข้าวอย่างรวดเร็ว เธอกล่าวด้วยเสียงที่ดูอ่อนแอ แต่ด้วยเพราะการลุกพรวดของเธอเมื่อครู่ มันเลยทำให้เธอเกือบล้มเนื่องจากเก้าอี้ไม่เขยิบตามเสียแล้ว ความหวาดกลัวปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหญิงสาวในทันที และหลังจากที่ประคองตนเองได้แล้ว หนิงเคอเค่อก็ลูบหน้าอกที่ใหญ่จนน่าอิจฉาของตนเพื่อปลอบใจตนเอง
“ใจเย็น เดินระวัง ๆ ด้วยล่ะ” เซียวเฟิงกล่าวเตือน
“ค่ะ…นายท่าน…” เด็กสาวแอบเหลือบมองเซียวเฟิงอีกครั้ง ก่อนจะรีบหันใบหน้าจิ้มลิ้มของตนไปทางอื่นและวิ่งไปยังห้องครัวทันที
“ฉันไม่คาดคิดเลยนะเนี่ยว่าสเปกของท่านเซียวจะเป็นเด็กสาววัยขบเผาะแบบนี้” นักบวชสาวคนงามมองตามหลังหนิงเคอเค่อที่สวมชุดเมดอยู่ และหันกลับมายิ้มให้เซียวเฟิง
“อย่ามาพูดไร้สาระน่า” ชายหนุ่มจ้องมองกลับไป
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนจะเข้าใจความคิดของท่านเซียวขึ้นมาซะแล้วนะ? จะว่าไป สัตว์เลี้ยงของท่านเซียวเองก็เป็นเด็กสาวผมสีเงินด้วยนี่เนอะ?” จืออี้หรี่ตามอง
“ฉันจะไปล็อกอินเกมแล้ว”
เซียวเฟิงเมินท่าทีนั้น เขารีบจัดการอาหารให้เสร็จก่อนจะขึ้นชั้นบนไป
ตอนนี้ตัวละครของเขายังอยู่ในป่ารัตติกาล และถูกล้อมไว้ด้วยผู้เล่นจากเขตฮันกึล ต่อให้จุดที่อยู่นั้นจะปลอดภัย แต่มันก็แค่ชั่วคราว ยังไงเสียให้เขารีบกลับไปออนไลน์แล้วจัดการตัวเองให้เรียบร้อยจะดีเสียกว่า
อย่างไรก็ตาม เมื่อเซียวเฟิงเข้าเกมไป เขาก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากระบบพร้อมข้อความประกาศขึ้นมาบนฟ้าทันที
[ประกาศทั่วเซิร์ฟเวอร์! เนื่องจากจำนวนของผู้เล่นที่เปลี่ยนคลาสครั้งที่ 2 ได้นั้นเพิ่มขึ้นสูงถึง 90% ของผู้เล่นทั้งหมดแล้ว! ดังนั้นตอนนี้จึงขอประกาศถึงอีเวนต์ทั่วเซิร์ฟเวอร์มิธครั้งที่ 2! การต่อสู้ระหว่างเขต มาแล้ว! อีก 3 วันถัดจากวันนี้ แต่ละเขตจะต้องเลือกผู้ที่อยู่ใน 5 อันดับความสามารถและสนามประลอง รวมสิบคนเพื่อเข้าร่วมการประลองกับผู้เล่นเขตอื่น ๆ ! ในท้ายสุด ยึดตามผลอันดับในอีเวนต์ รางวัลใหญ่กำลังรอพวกท่านอยู่!]